กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 451
กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 451
อีกทั้ง……
“ปีนี้เจ้าอายุเท่าไรหรือ?”
“อินเอ๋อร์อายุสิบสามปีแล้ว อีกไม่นานก็จะโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว”
สิบสามปี……
นั่นก็หมายความว่า ได้แกะสลักกระต่ายตัวนี้ให้นางไปเมื่อสามปีที่แล้ว?
กู้ชูหน่วนสัมผัสจี้กระต่าย จี้อันนี้มีความเรียบทั้งตัว คงเป็นเพราะคนใส่มักสัมผัสอยู่บ่อยๆ จึงทำให้เรียบเช่นนี้
หรือว่า……เจ้าของเดิมก็เป็นคนกลับชาติเดินทางข้ามเวลามา?
หากเจ้าของเดิมก็เป็นคนที่เดินทางข้ามเวลามา เช่นนั้นแล้วเหตุใดลายมือจึงเหมือนกับนางไม่มีผิดเลย?
กู้ชูหน่วนรู้สึกสับสนและไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“ท่านพี่หน่วน ท่านเป็นอะไรไป เหตุใดสีหน้าถึงเป็นเช่นนี้?”
“อี้เฉินเฟยล่ะ”
“ท่านพี่เฉินเฟยได้รับบาดเจ็บสาหัส เหล่าผู้อาวุโสกำลังช่วยชีวิตเขาอยู่” รอยยิ้มของอินเอ๋อร์หายไป ไม่มีแล้วซึ่งความสุขก่อนหน้านี้
“บาดเจ็บสาหัส……พาข้าไปหาเขา”
“ไม่ได้ ท่านก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน อีกอย่างท่านผู้อาวุโสก็ไม่อนุญาตให้ใครเข้าไปยังห้องเย็น แม้แต่ท่านก็ไม่สามารถเข้าไปได้”
“ห้องเย็นคือที่ไหนหรือ?”
“ก็คือที่รักษาอาการบาดเจ็บยังไงล่ะ ท่านพี่หน่วน สมองของท่านได้รับการกระทบกระเทือนหรือไม่ เหตุใดถึงจำอะไรไม่ได้เลย ไม่ได้แล้ว ข้าต้องรีบไปหาท่านผู้อาวุโส”
“เดี๋ยวก่อน เจ้าบอกข้าก่อนว่าเหตุใดเจ้าถึงเรียกข้าว่าท่านพี่หน่วน เราสองคนสนิทกันมากเลยหรือ? เจ้าเป็นคนของจวนอัครเสนาบดีหรือ?”
อินเอ๋อร์มีสีหน้างุนงง “จวนอัครเสนาบดีอะไร อินเอ๋อร์ไม่เข้าใจ เดิมทีท่านก็เป็นท่านพี่ของข้า ท่านไม่เพียงเป็นแค่ท่านพี่หน่วนของข้า ท่านยังเป็นหัวหน้าเผ่าของเผ่าหยกของพวกเราอีกด้วย”
“หัวหน้า……ของเผ่าหยก?”
เผ่าหยกคือกองกำลังในหุบเขาโลหิตหูหลูที่ต่อสู้กับเผ่าเพลิงฟ้านั่นน่ะหรือ?
“ใช่ หลายปีก่อนอดีตหัวหน้าเผ่าได้เกิดอาการโลหิตคำสาปกำเริบและมีอันเป็นไป จากนั้นท่านจึงได้ขึ้นมาแทนที่อดีตหัวหน้าเผ่าและได้กลายเป็นหัวหน้าเผ่าหยกคนใหม่ และได้สืบทอดภารกิจของเผ่าหยกในการตามหาและสืบค้นไข่มุกมังกรสีคราม ท่านพี่หน่วน อินเอ๋อร์ได้ยินมาว่าท่านได้เจอไข่มุกมังกรสีครามแล้วเป็นเรื่องจริงหรือไม่”
“เจ้ารอเดี๋ยว ภารกิจของหัวหน้าเผ่าหยกคือการตามหาไข่มุกมังกรอย่างนั้นหรือ?”
“ใช่”
“เช่นนั้นแล้วเหตุใดต้องตามหาไข่มุกมังกรด้วยหรือ?” เพื่อช่วยชีวิตอี้เฉินเฟยอย่างนั้นหรือ?
เกรงว่าจะไม่ง่ายเช่นนั้น
อินเอ๋อร์มองกู้ชูหน่วนอย่างสับสน
หากไม่ใช่เพราะลมหายใจของกู้ชูหน่วนเหมือนกันกับนาง
และมีหน้าตาที่เหมือนกันไม่ผิด อินเอ๋อร์คงคิดว่านางไม่ใช่ท่านพี่หน่วนของตัวเองแน่นอน
“ท่านพี่หน่วน ครั้งนี้ที่ท่านพี่กลับเผ่ามาข้ารู้สึกท่านดูแปลกไปเหลือเกิน การตามล่าไข่มุกมักรก็เพื่อถอนพิษคำสาปโลหิตไม่ใช่หรือ? เผ่าหยกของเราใช้เวลามาหลายชั่วอายุคนเพื่อที่จะรวบรวมไข่มุกมังกรทั้งเจ็ด”
“รวบรวมไข่มุกมังกรทั้งเจ็ดเพื่ออะไรหรือ”
อินเอ๋อร์กำลังจะพูดขึ้นมา แต่ที่ประตูก็มีเสียงคนเคาะประตูดังขึ้น เสียงที่ดังขึ้นนั้นทำให้อินเอ๋อร์ต้องหยุดชะงัก
“อินเอ๋อร์ ท่านพี่หน่วนของเจ้าเพิ่งจะฟื้นขึ้นมา เจ้าไม่รู้จักกาลเทศะเอาเสียเลยที่มารบกวนเวลาพักผ่อนของนาง”
อินเอ๋อร์ทำหน้าบูดบึ้ง
“ข้าเปล่าเสียหน่อย แต่ท่านพี่หน่วนต่างหากที่เอาแต่ซักถามข้า”
“พอได้แล้ว เจ้าออกไปต้มยาก่อน หยุดรบกวนเวลาพักผ่อนของท่านพี่หน่วนของเจ้าได้แล้ว”
“ก็ได้”
อินเอ๋อร์เดินจากไปอย่างไม่พอใจนัก
กู้ชูหน่วนเอียงศีรษะมองไปยังคนที่อยู่ตรงหน้าของนาง
คนที่อยู่ตรงหน้าเป็นชายชราอายุราวๆ ห้าสิบปี เขายังไม่ถึงหกสิบปี ถึงแม้ว่าเขาจะอารมณ์ดี แต่เขาเต็มไปด้วยผมสีขาว
ชายชรามองนางด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส “อาหน่วน ร่างกายยังรู้สึกเจ็บปวดอีกหรือไม่?”
“ข้าไม่เป็นอะไร ขอบคุณที่พวกท่านช่วยชีวิตของข้าเอาไว้”
“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว อินเอ๋อร์เด็กคนนั้นชอบพูดเรื่อยเปื่อย เจ้าไม่ต้องไปฟังที่นางพูดเหลวไหลหรอกนะ มานี่ กินข้าวเสียหน่อย เจ้าหมดสติไปหลายวันหลายคืนแล้ว”
ชายชราหยิบถ้วยข้าวต้มยาสมุนไพรร้อนๆ ขึ้นมา จากนั้นค่อยๆ เป่าเบาๆ และป้อนให้กู้ชูหน่วนด้วยตัวของเขาเอง
ข้าวต้มยาสมุนไพรมีกลิ่นหอมมาก เพียงแค่ได้ดม กู้ชูหน่วนก็รับรู้ได้ทันทีว่าข้าวต้มยาสมุนไพรนี้ใช้ยาสมุนไพรชั้นดีที่แสนล้ำค่าและใช้เวลาต้มอย่างช้าๆ หลายชั่วยาม รวมไปถึงได้ใส่อาหารบำรุงงกำลังที่หายากเข้าไปด้วย
“ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นกังวลอี้เฉินเฟย ผู้อาวุโสทุกคนต่างได้พยายามอย่างเต็มที่เพื่อช่วยชีวิตของเขาแล้ว จะสามารถฟื้นขึ้นมาได้หรือไม่นั้นต้องรอดูคืนนี้”
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะนึกถึงอาการบาดเจ็บของอี้เฉินเฟยหรือไม่ ดวงตาที่ขุ่นมัวของชายชราเต็มไปด้วยความเจ็บปวดที่ไม่สามารถรักษาให้หายได้
กู้ชูหน่วนไม่ได้กินยามาหลายวันและตอนนี้ท้องของนางก็ร้อง นางกินพลางและถามไปพลาง “พวกท่านจำคนผิดหรือไม่?”
“ถึงแม้ว่าปู่ไป๋เฉ่าจะแก่มากแล้ว แต่ก็ไม่ได้ตาบอด ไม่ต้องสงสัยหรอก เจ้าก็คือหัวหน้าของเผ่าหยกของพวกเรา และก็เป็นอาหน่วนที่พวกเราเห็นกันมาตั้งแต่เด็กจนโต ก่อนหน้านี้เกิดอุบัติเหตุขึ้นกับเจ้า จึงทำให้สมองของเจ้าได้รับบาดเจ็บ ท่านปู่ไป๋เฉ่ารู้ว่ามีหลายเรื่องที่เจ้าไม่สามารถจำได้ ไม่เป็นไร ค่อยๆ คิดก็ได้ แต่หากจำไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ขอเพียงเจ้าใช้ชีวิตอย่างมีความสุขก็พอแล้ว”
กู้ชูหน่วนขมวดคิ้ว “แต่ในความทรงจำทั้งหมดของข้า ข้าเกิดและเติบโตที่จวนอัครเสนาบดีมาโดยตลอด”
“เด็กโง่ จวนอัครเสนาบดีเป็นเพียงสถานที่เล็กๆ แห่งหนึ่งที่เจ้าใช้ชีวิตเพียงชั่วคราวเท่านั้น เจ้าคิดว่าที่นั่นเป็นบ้านของเจ้าจริงๆ อย่างนั้นหรือ”
“ฉะนั้น ตัวตนที่แท้จริงของข้าคือหัวหน้าเผ่าหยก คุณหนูสามที่เป็นที่รังเกียจในจวนอัครเสนาบดีเป็นเพียงเกราะอย่างหนึ่งของข้าเท่านั้น? หากเป็นเช่นนี้ ก่อนหน้านี้ที่ข้าต้องคอยถูกรังแกมากมายที่จวนอัครเสนาบดี เหตุใดพวกเจ้าไม่ไปรับข้ากลับมา แถมยังมองดูพวกเขารังแกข้าแทบตายอยู่เฉยๆ”
ร่างกายของผู้อาวุโสไป๋เฉ่าแข็งทื่อ แววตาของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด ร่างกายของเขาก็ส่งกลิ่นอายของความเศร้าโศกจางๆ
ผ่านไปนาน เขาจึงถอนหายใจขึ้นมา “อาหน่วน มีหลายเรื่องที่ไม่อาจอธิบายเป็นคำพูดได้ รอให้อาการบาดเจ็บของเจ้าหายดีเสียก่อน จากนั้นข้าจะค่อยๆ อธิบายให้เจ้าฟัง”
“หากยากที่จะอธิบายออกมาได้ เช่นนั้นก็พูดออกมาอย่างสรุปและกระชับ หากไม่ต้องการพูด เช่นนั้นก็รีบพาข้าไปพบอี้เฉินเฟย ข้าไม่อาจรอได้อีกต่อไปแล้ว”
“เจ้าเด็กคนนี้ เหตุใดถึงยังมีนิสัยดื้อรั้นเหมือนแต่ก่อนอยู่เลยนะ”
ผู้อาวุโสไป๋เฉ่าเหมือนยังต้องการพูดอะไรอีก แต่ภายนอกจู่ๆ ก็มีเสียงตะโกนดังขึ้นมา “ท่านผู้อาวุโสไป๋เฉ่า ท่านผู้อาวุโสสูงเรียกให้ท่านไปพบ”
“ท่านผู้อาวุโสสูงมีเรื่องอะไรอย่างนั้นหรือ?”
“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ท่านผู้อาวุโสสูงรีบร้อนอย่างมาก และให้ท่านรีบไปโดยด่วน”
ผู้อาวุโสไป๋เฉ่าพูดขึ้นมาด้วยความลำบากใจ “ไม่เช่นนั้น เจ้าก็พักผ่อนเสียก่อน ข้าไปดูว่าท่านผู้อาวุโสสูงเรียกข้าไปพบมีธุระอะไร และข้าจะกลับมาอย่างเร็วที่สุด”
“อืม”
กู้ชูหน่วนตอบรับด้วยเสียงแผ่วเบา และมองดูผู้อาวุโสไป๋เฉ่าเดินออกจากห้องไป
นางลุกขึ้นและเดินออกจากประตูไป นี่คือดินแดนแห่งสรวงสวรรค์ ภูเขาและทุ่งนาเต็มไปด้วยดอกไม้ หญ้าและต้นไม้เขียวขจี บ้านเรือนกระจัดกระจาย ภูเขาเชื่อมถึงกันและสายลมที่พัดมา ไม่เพียงพัดพาลมแห่งฤดูใบไม้ผลิเท่านั้น แต่ยังมีกลิ่นดอกไม้หอมจางๆ
ภายในหมู่บ้านมีเด็กๆ กำลังหยอกล้อเล่นกันอย่างมีความสุข ผู้ชายกำลังทำนาในทุ่ง ผู้หญิงกำลังซักผ้าอยู่ริมลำธาร หรือรวมตัวกันเป็นกลุ่มๆ เพื่อพูดคุยกันและเผยให้เห็นรอยยิ้มอยู่ตลอดเวลา
ภาพที่ปรากฏขึ้นในหุบเขาสวยงามมาก ทุกอย่างดูสงบและอบอุ่น
แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร ผู้คนที่นี่เห็นได้ชัดว่าต่างแก่ชรา และชายหนุ่มและแข็งแรงโดยพื้นฐานแล้วนั้นอายุไม่ถึงสี่สิบปี และพวกเขาทั้งหมดมีผมหงอกและใบหน้าก็เต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่น
ผิวพรรณของผู้หญิงก็ดูขาวซีดและน่าเกลียด ราวกับว่าพวกเขาขาดสารอาหารเป็นเวลานานหรือป่วยด้วยโรคภัยไข้เจ็บ