กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 472
กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 472
ภายในห้องตำรา
หลีลั่ว เฉินชิง ชิงเฟิงและเจี้ยงเสวี่ยต่างยืนคอยปรนนิบัติและฟังคำสั่งอย่างนอบน้อมอยู่อีกฝั่ง
เยี่ยจิ่งหานยืนเอามือไพล่หลังและมีสีหน้าเคร่งขรึม จากนั้นเขาออกคำสั่ง
“เฉินชิง หยุดงานในมือของเจ้าทั้งหมด และเริ่มเคลื่อนย้ายกองกำลังของหอเทียนหวั่งทั้งหมด เพื่อไปตามตรวจสอบเบาะแสของไข่มุกมังกร และพยายามหาเบาะแสของไข่มุกมังกรสองเม็ดสุดท้ายให้เจอภายในระยะเวลาที่สั้นที่สุด”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“หลีลั่ว เตรียมม้าเร็วและแส้ คัดเลือกทหารองครักษ์ที่ดีที่สุดยี่สิบคน ข้าจะออกเดินทางไปที่เผ่าหยกด้วยตัวข้าเอง”
ชิงเฟิงรีบพูดแทรกขึ้นมา “นายท่าน ถึงแม้ว่าเราจะพอรู้เบาะแสตำแหน่งที่ซ่อนของเผ่าหยก แต่ครั้งที่แล้วเราก็ใช้เวลาอยู่นาน แต่ก็ไม่สามารถเข้าไปยังเผ่าหยกได้ ตำแหน่งที่ตั้งของเผ่าหยกถูกซ่อนไว้ เกรงว่าจะเข้าไปได้ยาก”
“คนโง่ จนถึงตอนนี้แล้วเจ้ายังไม่รู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอีกหรือ? นิกายเทพอสูรถือเป็นกองกำลังหนึ่งของเผ่าหยกที่อยู่ภายนอก หากไม่สามารถเข้าไปยังเผ่าหยกได้ เช่นนั้นก็ไปที่นิกายเทพอสูร”
“พ่ะย่ะค่ะ” ชิงเฟิงก้มหน้าด้วยความรู้สึกผิด หากรู้เช่นนี้เขาไม่ควรพูดออกไปตั้งแต่แรก
“ชิงเฟิง เจี้ยงเสวี่ย ข้ามีงานอีกอย่างหนึ่งให้พวกเจ้า”
……
ม้วนตำราม้วนหนึ่งถูกโยนลงบนมือของเจี้ยงเสวี่ย
เจี้ยงเสวี่ยเปิดดูและอดไม่ได้ที่จะทำท่าทางตื่นตระหนก
ชิงเฟิงเกิดความสงสัยกับการเปลี่ยนแปลงสีหน้าของเจี้ยงเสวี่ย เขาชะโงกหน้าไปดู เมื่อเห็นเข้า ชิงเฟิงก็แทบยืนไม่ติด
“นายท่าน เรากำลังจะเปิดศึกกับเผ่าเพลิงฟ้าอย่างเป็นทางการอย่างนั้นหรือ?”
เยี่ยจิ่งหานหัวเราะด้วยความเยือกเย็น แววตาของเขาเปล่งประกายความโหดเหี้ยมอำมหิต
“เผ่าเพลิงฟ้าฆ่าเสด็จแม่ของข้า และทำร้ายภรรยาและลูกชายของข้า แค้นใหม่กับความเกลียดชังเดิม ถึงเวลาที่ต้องสะสางให้จบสิ้นแล้ว”
“พ่ะย่ะค่ะ……”
ชิงเฟิงและเจี้ยงเสวี่ยรับคำสั่งไปด้วยความหวาดกลัว
เมื่อนายท่านโกรธโมโหขึ้นมา เกรงว่าทุกพื้นที่จะนองไปด้วยเลือดเสียแล้ว
แต่เผ่าเพลิงฟ้าทำเรื่องชั่วร้ายมากมายเช่นนี้ ก็ควรจะถูกสั่งสอนให้เข็ดเสียบ้าง
เมื่อก่อนตอนที่ขาทั้งสองข้างของนายท่านยังพิการ และร่างกายก็ยังถูกพิษแปลกประหลาดเข้า เขาจึงไม่สามารถลงมือจัดการพวกเขาได้ด้วยตัวเอง
แต่ตอนนี้ขาทั้งสองข้างของนายท่านหายดีแล้วและพิษในร่างกายก็ถือว่าควบคุมได้ชั่วคราว เช่นนั้นแล้วพวกเขามีหรือจะอยู่เฉยโดยไม่จู่โจมกลับ
ท้องฟ้าในรัฐเยี่ยเต็มไปด้วยหมอกควัน และทุกคนในห้องก็รู้ว่าสงครามกำลังจะเกิดขึ้น
ทุกคนถอยออกไป ภายในห้องมีเพียงเยี่ยจิ่งหานและซูมู่ที่แวบผ่านไปที่นอกหน้าต่าง
ซูมู่สวมชุดสีเขียวคราม รูปร่างที่เพรียวบางและใบหน้าที่หล่อเหลาของเขามีความนุ่มนวลซึ่งสังเกตได้ยาก
หลังจากที่เขาเข้ามา จากนั้นเขาก็รินน้ำชาให้ตัวเองและจิบชาอย่างสง่าผ่าเผย เขาเอามือรองที่ใต้คางและหันไปมองเยี่ยจิ่งหานอย่างเชื่องช้า
“ท่านแน่ใจหรือว่านางถูกคำสาปโลหิตเข้า?”
“ไม่ผิดอย่างแน่นอน หลังหูของนางมีแสงเลือดสีแดงเพลิง แสงเลือดนั้นเหมือนเปลวเพลิง มันเปลี่ยนจากสีสดเป็นสีเขียวแล้วก็เป็นสีส้ม และสุดท้ายก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย มีเพียงผู้ที่ถูกคำสาปโลหิตเท่านั้นที่มีอาการเช่นนี้”
ซูมู่หักข้อนิ้วของเขาด้วยท่าทางเบื่อหน่ายและมีเสียงหักกระดูกดังออกมา
เสียงที่นุ่มนวลและมีเสน่ห์ของเขาดังขึ้นช้าๆ “มันเปลี่ยนจากสีสดเป็นสีเขียวแล้วก็เป็นสีส้ม คนที่มีอาการเช่นนี้ เช่นนั้นก็บอกได้ว่าคำสาปโลหิตของนางสำแดงฤทธิ์มาแล้วหลายครั้ง อย่างน้อยก็หนึ่งครั้ง แต่ก่อนหน้านี้เพิ่งจะผ่านวันที่สิบห้าไป หากนางถูกคำสาปโลหิตจริง เช่นนั้นแล้วกระดูกทุกส่วนในร่างกายของนางจะหักและแตกสลายไม่ใช่หรือ แต่นางกลับไม่มีอาการอะไรเลย รวมไปถึงหลายเดือนก่อนหน้านี้ นางก็ไม่ได้มีอาการผิดปกติอะไรเลย”
“นี่ก็เป็นเรื่องที่ข้ายังสงสัย แต่นางถูกคำสาปโลหิตจริง ข้าคาดเดาว่า หรือเป็นเพราะเผ่าหยกมีสิ่งที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น หรือว่าคนของเผ่าหยกอาจใช้วิธีการอะไรเพื่อจัดการความเจ็บปวดตอนที่คำสาปโลหิตของนางสำแดงฤทธิ์”
“ท่านคิดว่าเป็นไปได้หรือ หากเป็นเช่นนั้นจริง เหตุใดประชาชนในเผ่านับพันนับหมื่นคนต้องทนทุกข์ทรมานจากความเจ็บปวดเช่นนั้นทุกเดือนด้วยล่ะ”
คำพูดเพียงคำเดียว ทำให้บรรยากาศในห้องตึงเครียดอีกครั้ง
เยี่ยจิ่งหานกำหมัดแน่นและขมวดคิ้ว “ไม่ว่าจะเป็นเช่นไร ข้าจะต้องหาไข่มุกมังกรสองเม็ดสุดท้ายให้ได้ภายในระยะเวลาอันสั้นที่สุด และยืมไข่มุกมังกรที่เหลือของเผ่าหยก”
“หากท่านสามารถหาไข่มุกมังกรสองเม็ดสุดท้ายเจอและเผ่าหยกจะเห็นแก่ไข่มุกมังกร พวกเขาอาจจะให้ท่านยืมไข่มุกมังกรห้าเม็ด หรืออาจจะจำกัดคำสาปโลหิตของกู้ชูหน่วนไปด้วยเลย ไม่เช่นนั้น……ฮึฮึฮึ……”
เยี่ยจิ่งหานรู้
เสด็จแม่ของเขาทรยศหักหลังเผ่าหยก จึงตกเป็นที่รังเกียจดูถูกของเผ่าหยก
คนของเผ่าหยกไม่มีทางให้เกียรติหรือเห็นแก่หน้าของเขา และยิ่งไม่ยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือเขาอย่างไร้เหตุผลอย่างแน่นอน
ก่อนที่เสด็จแม่ของเขาจะสิ้นพระชนม์ พระองค์ยังคงพึมพำถึงเรื่องการตามหาไข่มุกมังกรทั้งเจ็ดเม็ดอยู่เลย
ตลอดหลายปีมานี้ เขาพยายามทุกวิถีทางเพื่อค้นหาเบาะแสของไข่มุกมังกรทั้งอย่างลับๆ และแอบส่งเบาะแสของไข่มุกมังกรให้กับเผ่าหยกอยู่เสมออย่างไร้ร่องรอย เพื่อสานต่อความปรารถนาของเสด็จแม่ของเขา
“ตอนนี้นอกจากท่านจะเป็นกังวลเรื่องไข่มุกมังกรแล้ว ท่านควรจะเป็นกังวลเรื่องเด็กในท้องของนางด้วย ท่านอย่าลืมไปเสียว่า คำสาปโลหิตจะถูกส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น ไม่ว่าจะให้กำเนิดเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายต่างก็ต้องเจ็บปวดยิ่งกว่าตายทั้งเป็น”
“จะต้องเก็บเด็กเอาไว้”
เยี่ยจิ่งหานทิ้งคำพูดนี้เอาไว้ และเดินออกไปด้วยความโมโหและแผ่นหลังแห่งความมุ่งมั่น
ซูมู่ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ เขาขมวดคิ้วสีดำดกและอดไม่ได้ที่จะเป็นกังวลแทนเยี่ยจิ่งหาน
ไข่มุกมังกรจะตามหาได้ง่ายดายเช่นนั้นได้อย่างไร
หากหาได้ง่ายดายเช่นนั้น เผ่าหยกก็คงไม่ตามหามานานกว่าพันปีและคงรวบรวมไม่ได้ถึงเจ็ดเม็ด
ชะตากรรมของลูกของเยี่ยจิ่งหานก็คงจะไม่ดีเท่าเขาหรอก
เหตุผลที่เขาไม่มีคำสาปโลหิตอยู่บนร่างกายก็เพราะว่าบรรพบุรุษของเขาจ่ายด้วยราคามากมายมหาศาลเพื่อแลกกับมัน
และราคาที่จ่ายไปนั้น ต่อให้ตอนนี้เขาต้องการแลกด้วยชีวิตก็ไม่มีเงื่อนไขนั้นแล้ว
เวลาอาหารเที่ยง
กู้ชูหน่วนได้สั่งให้คนทำอาหารเที่ยงที่แสนอร่อยโดยที่ไม่รอให้เยี่ยจิ่งหานออกคำสั่ง
เยี่ยจิ่งหานถูกเชิญออกไป กู้ชูหน่วนยิ้มและลงมือตักข้าวหนึ่งถ้วยให้เขาด้วยตัวเอง แถมยังตักอาหารให้เขาอีกมากมาย ทำให้อารมณ์ที่ไม่ค่อยดีของเยี่ยจิ่งหานค่อยๆ ดีขึ้น
“ท่านอ๋อง วันปกติท่านก็ทำงานราชการมากมาย ทำให้การกินการนอนไม่เป็นปกติ จึงทำให้พิษในร่างกยาของท่านไม่หมดไปเสียที ท่านควรจะบำรุงมากๆ น้ำแกงรากบัวถ้วยนี้ สามารถดับร้อนและบำรุงร่างกายได้ดี มานี่ ท่านลองชิมสิ”
เยี่ยจิ่งหานลองชิมหนึ่งคำ และมุมปากของเขาก็เผยรอยยิ้มอันพึงพอใจขึ้น “อืม อร่อยมาก”
“ยังมีอันนี้อีก นี่เป็นปลาที่เพิ่งจับมาได้ ท่านลองชิมดูสิ ข้าได้สั่งให้คนเอาก้างปลาออกแล้ว ไม่ต้องกลัวว่าจะกินไปโดนก้างเลย”
“อร่อยมาก อร่อยกว่าปลาที่เคยกินไปก่อนหน้านี้อีก”
“ยังมีอันนี้อีก ท่านลองชิมดูสิ ขาหมู กินแล้วจะได้บำรุงขา ของทั้งสองข้างของท่านก็เพิ่งจะหายเป็นปกติ จำเป็นต้องบำรุงมากๆ”
หากคนอื่นพูดเช่นนี้ เยี่ยจิ่งหานจะต้องรู้สึกโกรธอย่างแน่นอน
แต่คำนี้กู้ชูหน่วนเป็นคนพูดออกมา ทำให้เขารู้สึกอบอุ่นใจอย่างมาก
“อาหารเหล่านี้เจ้าเป็นคนสั่งให้ทางห้องครัวจัดทำขึ้นหรือ?”
“ไม่เพียงเท่านี้ ข้ายังเป็นผู้ควบคุมด้วยตัวเอง หากไม่ใช่เป็นเพราะเมื่อวานข้าพักผ่อนไม่ดี ข้าก็คงอดไม่ได้ที่จะลงมือทำด้วยตัวเอง”
“เจ้ากำลังตั้งครรภ์ งานหนักเช่นนี้ ให้คนใช้ทำก็พอแล้ว ข้ารับรู้ถึงความตั้งใจของเจ้าก็พอแล้ว”
เยี่ยจิ่งหานพูดและคีบเนื้อชิ้นหนึ่งให้กับกู้ชูหน่วน
กู้ชูหน่วนกะพริบตาเจ้าเล่ห์ขณะรับประทานอาหาร และดวงตาสีดำสนิทของนางก็กลอกกลิ้งไปมา
“ท่านอ๋อง ข้ามีของขวัญชิ้นหนึ่งจะมอบให้กับท่าน แต่ท่านสัญญากับข้าได้หรือไม่ หากข้ามอบของขวัญให้ท่านแล้ว ท่านก็จะมอบของขวัญให้ข้าหนึ่งชิ้นเช่นกัน”
เยี่ยจิ่งหานหยุดชะงัก
“เจ้าทำขึ้นมามากมายเช่นนี้ เพียงเพราะต้องการของขวัญจากข้าอย่างนั้นหรือ เมื่อวานเจ้าบอกว่า เผ่าเพลิงฟ้าต้องการให้เจ้ามาเอาของสิ่งหนึ่งจากข้า เอาอะไรหรือ?”
“ม้วนตำราหนังแกะโบราณ ท่านคิดดูสิม้วนตำราหนังแกะโบราณที่สำคัญมากเช่นนั้น ข้าจะช่วยเผ่าเพลิงฟ้าเอาไปจากท่านได้อย่างไร”
ม้วนตำราหนังแกะโบราณ?
เยี่ยจิ่งหานนึกได้แล้ว
เป็นตำราโบราณที่ได้มาจากการประมูลด้วยเงินมหาศาลจากหอประมูลเฟิงเซียงในวันนั้น