กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 561
กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 561
เยี่ยจิ่งหานกุมตำแหน่งปอดของตนเอง
หญิงผู้นี้เป็นผู้ที่สวรรค์ส่งลงมาลงโทษเขา ถือสาเอาความกับนางเขาเกรงว่าจะโมโหจนตาย
“ท่านยังทนไหวอยู่นะ”
กู้ชูหน่วนพาไปพร้อมมองย้อนกลับไปยังเยี่ยจิ่งหานที่ขมวดคิ้วอย่างหนักและทนอาการที่ไม่สบายเป็นครั้งคราว
“วางใจเถอะ ข้าจะตายหลังเจ้าเพียงเท่านั้น”
กู้ชูหน่วนเบะปากและเดินหน้าต่อไป
ไม่รู้ว่าเป็นเนื่องจากสถานที่แห่งนี้อยู่ห่างไกลเกินไปหรือว่าทหารยามถูกย้ายออกไป ว่างเปล่าเสียจนมองไม่เห็นผู้ใดเลยแม้แต่คนเดียว
ยิ่งเป็นเช่นนี้พวกเขาก็ยิ่งระมัดระวังกันมากขึ้น
เผ่าเพลิงฟ้าตกทอดมานับพันปีและเป็นที่รู้จักในฐานะเผ่าที่ใหญ่ที่สุดในใต้หล้า เป็นไปไม่ได้เลยที่ทหารยามจะหละหลวมเช่นนี้
“หรือว่าสังเกตเห็นพวกเราเข้าแล้วเลยคิดจับเต่าในไหอย่างมั่นใจเต็มเปี่ยม?” กู้ชูหน่วนกล่าว
เยี่ยจิ่งหานส่ายศีรษะ
เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส
วรยุทธ์ของกู้ชูหน่วนนั้นธรรมดา หากว่าเผ่าเพลิงฟ้าต้องการจับตัวพวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องทำเรื่องให้ยุ่งยากมากเช่นนี้
หลังจากเดินกลับไปกลับมากู้ชูหน่วนก็มาถึงสถานที่เงียบสงัดที่หนึ่งแล้ว
ที่นี่มีภูเขาจำลองป่าไม้มากมาย ดอกไม้หลายร้อยดอกบานสะพรั่ง ตำหนักหลากหลายและก็ยังคงไม่มีทหารยามอยู่เช่นนั้น
ระหว่างการลับๆล่อๆกู้ชูหน่วนและคนอื่นๆได้ยินเสียงข้อพิพาทได้อย่างชัดเจน
“เพื่อเจ้าแล้วไม่ลังเลที่จะสังหารภรรยาเอกของข้า เพื่อเจ้าแล้วไม่ลังเลที่จะสละชีวิตของตนเอง เพื่อเจ้าแล้วไม่ลังเลที่จะสังหารลูกสาวของตนเอง แต่เจ้ายังคงเลือกเขาเพียงเพราะว่าเขาเป็นจักรพรรดิผู้สูงส่งหรือ?”
“เจ้าปล่อยข้านะ เจ้ากล้าแม้กระทั่งสังหารภรรยาและลูกของตนเอง เจ้ามีสิทธิ์อะไรที่จะมาบอกว่ารักข้า เจ้าไม่ได้ทำเพื่อข้าเจ้าทำเพื่อความพอใจของตนเอง”
กู้ชูหน่วนชะงักเท้า
เสียงนี้เหตุใดถึงได้เหมือนรองหัวหน้าเผ่าซือคงและจักรพรรดินีแห่งรัฐฉู่?
“ไปกันเถอะ ไม่ต้องยุ่งเรื่องผู้อื่น” เยี่ยจิ่งหานกล่าวเตือน
กู้ชูหน่วนส่ายศีรษะพร้อมกับเดินเบาๆไปตามสถานที่ของเสียงนั้น
หากว่าเป็นผู้อื่นนางไม่อยากสนใจ แต่หากว่าเป็นจักรพรรดินีแห่งรัฐฉู่นางจำเป็นต้องสนใจ พระองค์เป็นมารดาผู้ให้กำเนิดของเยี่ยเฟิงและนางเป็นหนี้บุญคุณเยี่ยเฟิง
เสียงฝีเท้าใกล้เข้ามาเรื่อยๆและเสียงข้อพิพาทก็ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
ผ่านช่องว่างของหน้าต่าง
ในที่สุดกู้ชูหน่วนก็เห็นทั้งสองคนในห้อง
คนหนึ่งคือรองหัวหน้าเผ่าซือคงที่ได้รับบาดเจ็บซึ่งในเวลานี้อารมณ์เดือดพล่านพร้อมสีหน้าที่ดุร้าย
ผู้หนึ่งคือจักรพรรดินีแห่งรัฐฉู่ จักรพรรดินีแห่งรัฐฉู่ยังคงดูสูงสง่าเพียงแต่ว่าพระพักตร์มีความวิตกกังวลและดูไม่ได้เลยซึ่งปกปิดเอาไว้ไม่อยู่
“จักรพรรดิแห่งรัฐฉู่มีดีอะไรนักหนา? เหตุใดเจ้าถึงได้เลือกเขาไม่เลือกข้า?”
“ข้าชอบเขา ในใจของข้าเขาดีทั้งสิ้น เจ้ารีบปล่อยข้าซะหากว่าไม่ปล่อยข้าฝ่าบาทจะส่งทหารไปโจมตีเผ่าเพลิงฟ้าได้”
“ส่งทหารไปโจมตีเผ่าเพลิงฟ้า? ฮ่าๆๆๆ…….ด้วยตัวเขาจะสามารถหาทางเข้าเผ่าเพลิงฟ้าได้หรือ?”
“เจ้าต้องการสิ่งใดกันแน่? นี่สิบกว่าปีแล้วเจ้ายังปล่อยวางไม่ได้อีกหรือ?”
“แน่นอนว่าเจ้ายังไม่ตาย ข้าก็ปล่อยวางไม่ได้”
แววตาของกู้ชูหน่วนหมองลงเล็กน้อย
ดูเหมือนว่าพระมเหสีฉู่กับรองหัวหน้าเผ่าซือคงจะมีเรื่องราวต่อกัน
“ข้าเป็นภรรยาของเขาแล้วและข้าก็ได้ให้กำเนิดลูกคนหนึ่งกับเขา” จักรพรรดินีแห่งรัฐฉู่ได้ย้ำอีกว่าพระองค์ได้อภิเษกเป็นภรรยาไปแล้ว และพยายามอยู่ให้ห่างจากรองหัวหน้าเผ่าซือคง
ในพระทัยของพระองค์ชายผู้นี้ไม่เพียงแต่วรยุทธ์สูงเท่านั้นและยังโหดเหี้ยมอำมหิตด้วย เรื่องใดๆก็สามารถทำได้ทุกอย่าง
“ในตอนนั้นขณะที่เจ้ายังเป็นเด็กสาวในหมู่บ้านเสี่ยวซีอันยากจน เจ้าเคยบอกข้าว่าเจ้าชอบข้านักและเจ้ายังใช้เงินทั้งหมดของครอบครัวเพื่อเชิญหมอมารักษาข้า เป็นไปได้หรือว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องเท็จ?”
“ในตอนนั้นเจ้าบาดเจ็บสาหัสเช่นนั้น หากว่าไม่ได้รับการรักษาชีวิตนี้ก็คงจะสูญสิ้นไปแล้ว หากว่าเปลี่ยนเป็นผู้อื่นเพียงแค่สามารถทำได้ก็ต้องช่วยเหลือเจ้า ส่วนที่ข้าบอกว่าชอบเจ้านั่นก็เพียงแค่คิดว่าเจ้าเป็นพี่ชายคนหนึ่งอย่างบริสุทธิ์ใจก็เท่านั้น”
พระองค์ก็ไม่ได้ทรงคิดว่าด้วยคำกล่าวประโยคหนึ่งของพระองค์ในขณะนั้น รองหัวหน้าเผ่าซือคงได้สังหารภรรยาและลูกสาวของตนเองจริงๆเพียงเพื่อจะได้อยู่กับพระองค์
หากว่าตอนนั้นพระองค์รู้ว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น ไม่ว่าเช่นไรพระองค์ก็คงจะไม่ทรงตรัสประโยคนั้นออกไป
นี่ก็เป็นรอยแผลเป็นไม่อาจลบออกไปจากพระทัยของพระองค์ได้
รองหัวหน้าเผ่าซือคงไม่รู้ว่านึกถึงอดีตต่างๆนาๆที่ผ่านไปหรือเพราะคำพูดของพระองค์อารมณ์ถึงได้ยิ่งอยู่ยิ่งพุ่งขึ้นเรื่อยๆ
เขาคำรามว่า “ไม่ใช่ ชาวโลกไร้น้ำใจต่อกัน ผู้คนทั้งใต้หล้านี้ถือคติว่าใต้หล้าไม่เกี่ยวกับตนก็แขวนไว้ให้สูง ไม่มีผู้ใดเอื้อมมือไปช่วยคนแปลกหน้าผู้หนึ่ง ยิ่งไม่มีทางให้ทุกอย่างกระทั่งไม่ลังเลที่จะทำร้ายตนเองอย่างสาหัสเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น พวกเราผ่านวันเวลาที่มีความสุขเช่นนั้นในหมู่บ้านเสี่ยวซีหรือว่าเจ้าลืมไปหมดแล้วหรือ?”
รองหัวหน้าเผ่าซือคงกอดไหล่ทั้งสองข้างของพระมเหสีฉู่เอาไว้แน่นด้วยใบหน้าอันโหดเหี้ยมน่าหวาดกลัว
พระมเหสีฉู่ผลักเขาออกไปอย่างรุนแรงพร้อมระงับความสงบนิ่งไว้
“เจ้าต้องการสิ่งใดกันแน่?”
“ข้าต้องการให้เจ้ากลับมาอยู่ข้างกายของข้า เพียงแค่เจ้ายอมกลับมาอยู่ข้างกายข้า ข้าสามารถเอามาไว้เบื้องหน้าของเจ้า แม้ว่าเจ้าจะต้องการเป็นจักรพรรดินีแห่งรัฐฉู่ต่อข้าก็จะสังหารจักรพรรดิฉู่และแทนที่ด้วยตนเอง”
“คนบ้า เจ้ามันคนบ้า”
พระมเหสีฉู่ต้องการจะวิ่งออกจากประตูไปแต่รองหัวหน้าเผ่าซือคงก็ดันขวางพระองค์เอาไว้ ด้านในก็เกิดการทะเลาะวิวาทกันอย่างดุเดือดขึ้นอีก
และเนื้อหาของการทะเลาะวิวาทก็ยังคงเป็นเรื่องรักๆใคร่ๆเหล่านั้น
กู้ชูหน่วนและเยี่ยจิ่งหานพอรู้เรื่องราวความเป็นไปทั้งหมดแล้ว
รองหัวหน้าเผ่าซือคงหลงรักพระมเหสีฉู่เมื่อหลายปีก่อนและไม่ลังเลที่จะสังหารภรรยาและลูกสาวแท้ๆของตนเองเพื่อพระองค์
การลงมือนี้ก็ช่างโหดร้ายมากเสียจริงๆ
พวกเขาไม่รู้ว่ารองหัวหน้าเผ่าซือคงใช้วิธีการใดในการลักพาตัวพระมเหสีฉู่มา แต่คิดว่ารัฐฉู่ในเวลานี้คงตระหนกกันทั่วแล้ว
พระมเหสีฉู่ทรงต้องการออกจากเผ่าเพลิงฟ้าก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
แววตาของกู้ชูหน่วนเคลื่อนไหวแล้วก้าวเดินจากไป
เยี่ยจิ่งหานรีบก้าวตามไป “เจ้าต้องการทำสิ่งใด?”
“รองหัวหน้าเผ่าซือคงไม่ได้ต้องการพระมเหสีฉู่หรอกหรือ งั้นข้าก็จะส่งเสริมเขาแล้วกัน”
ไม่รอให้เยี่ยจิ่งหานตอบสนอง กู้ชูหน่วนเห็นผู้อาวุโสหลายคนของเผ่าเพลิงฟ้าอยู่ไม่ไกลที่ด้านหน้าจึงจงใจเปิดเผยร่องรอยและล่อพวกเขาไปยังในห้องของรองหัวหน้าเผ่าซือคง
“ผู้ใดกัน หยุดนะ”
ผู้อาวุโสสองสามคนของเผ่าเพลิงฟ้าตะโกนเรียกพร้อมกับจุดพลุแจ้งให้เผ่าเพลิงฟ้ารู้ว่ามีคนนอกบุกเข้ามา
กู้ชูหน่วนใช้อาวุธลับพุ่งเสียงชู่ว์เสียงหนึ่งทำให้ประตูห้องของรองหัวหน้าเผ่าซือคงเปิดออกเสียงดังปัง
หากว่าเป็นเวลาปกติรองหัวหน้าเผ่าซือคงก็คงจะต้องระมัดระวังตัวเป็นแน่
แต่ว่าเมื่อเจอเรื่องของพระมเหสีฉู่ ความสนใจทั้งหมดของเขาได้อยู่ที่พระวรกายของพระมเหสีฉู่ เมื่อเขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติประตูก็ได้ถูกเปิดออกเสียแล้ว
เมื่อเงยหน้าขึ้นมองไป ด้านนอกมีผู้อาวุโสที่มีคุณธรรมน่านับหน้าถือตาของเผ่าเพลิงฟ้าสองสามคนอยู่