กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 655 882-883
กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 655 882-883
“ผู้ที่ข้าต้องต่อกรด้วยคือรองหัวหน้าเผ่าซือคง คืนนี้ยามจื่อเขาจะปรากฏตัวที่เมืองฉางซิ่ง ข้าได้ส่งกองกำลังจำนวนมากไปซุ่มโจมตีเขาแต่เขามีเล่ห์เหลี่ยมและเวทมนตร์คาถามากมาย ข้าต้องการให้เจ้ายับยั้งเขาและจับเขาเป็นๆ”
“สังหารเขาโดยตรงเลยหรือ?”
“จับตัวเป็นๆก่อน ข้ายังต้องถามเรื่องไข่มุกมังกรกับเขา”
รอยยิ้มบนใบหน้าของจอมมารชะงักเล็กน้อย ราวกับว่านึกถึงเรื่องราวที่ไม่น่ายินดีที่ผ่านมา
อาจเพราะบรรยากาศผิดปกติกู้ชูหน่วนรู้สึกได้ในทันที
นางไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี “อาม่อ ข้าเป็นพี่หญิงของเจ้าใช่ไหม?”
“อืม”
“ในเมื่อข้าเป็นพี่หญิงของเจ้าพวกเราก็เป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว ยังจะต้องถือสาว่าวรยุทธ์ของใครสูงกว่ากันวรยุทธ์ของใครแย่กว่ากันไหม? ที่ผ่านมาไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นระหว่างเราก็ได้ผ่านไปแล้ว ต่อไปพวกเราอยู่ร่วมกันให้ดีก็พอแล้ว หรือว่า……เจ้าอยากให้วรยุทธ์ของข้าย่ำแย่กว่าเจ้าอยู่ตลอดให้คนอื่นสามารถรังแกข้าได้ตามใจชอบหรือ?
จอมมารกุมมือนางเอาไว้แน่นและมองดูภูเขาอันไกลโพ้น ใบหน้าอันสวยงามไร้ที่ติคู่หนึ่งก็บังเกิดยิ้มออกมา
“พี่หญิง อาม่อมีความสุขยิ่งนัก ผู้ที่ท่านนึกถึงเมื่อเจอปัญหาไม่ใช่เยี่ยจิ่งหานแต่เป็นข้า”
รอยยิ้มของกู้ชูหน่วนชะงักและดึงมือตนเองกลับอย่างเบามือ
นึกไม่ถึงว่าจอมมารยิ่งกุมก็ยิ่งแน่นขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่านางจะออกแรงมากเพียงใดก็ดึงกลับไปไม่ได้
ไหล่ถูกซือม่อเฟยบีบเข้าให้กู้ชูหน่วนไม่สามารถไม่มองหน้าเขาตรงๆได้
กลับเห็นว่าเป็นเรื่องยากที่จะได้เห็นใบหน้าที่ไม่ได้ตลกขบขันของจอมมารแต่กล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “พี่หญิงในเมื่อเยี่ยจิ่งหานไม่สามารถให้ความสุขแก่ท่านได้เช่นนั้นภายหน้าก็ให้อาม่อปกป้องคุ้มครองท่านดีหรือไม่?”
บนยอดเขามีชายหนึ่งหญิงหนึ่งยืนอยู่บนยอดเขา สายลมบางเบาพัดผ่านพัดเสื้อผ้าบนร่างของจอมมารเสียงดังขึ้นและยังพัดผมเส้นบางๆบนหน้าผากของเขาซึ่งงดงามราวกับคนจากนอกโลก
ใบหน้าคมสันชัดเจน คิ้วของเขาดังหุขฃบเขาอันไกลโพ้น สีหน้าราวดวงจันทร์ในเทศกาลไหว้พระจันทร์และดวงตาคู่ที่มีสีสองสี
เช่นไรสีสองสีนี้ไม่ได้ทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดกลัว แต่กลับทำให้คนอดไม่ได้ที่จะจมดิ่งลงไป
สายตาของเขาร้อนแรงเกินไปจนกู้ชูหน่วนมองดูจนตาลายเล็กน้อย
“เรื่องนี้ภายหน้าค่อยว่ากันเถอะ ตอนนี้ข้าเพียงแค่ต้องการตามหาไข่มุกมังกรลูกที่เจ็ดให้พบ แล้วตามหาฆาตกรที่สังหารแม่ทัพใหญ่”
กู้ชูหน่วนเบือนหน้าออก
เมื่อดูจากการกระทำของซือม่อเฟยเมื่อครู่นี้เขาต้องรู้ถึงความสัมพันธ์ของนางกับเยี่ยจิ่งหานแล้วสินะ
ก็ใช่ เขาเป็นจอมมารเผ่าปีศาจจะไม่รู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างนางกับเยี่ยจิ่งหานได้อย่างไร
ปกติซือม่อเฟยจะสับสนราวกับเด็กน้อยไม่สิ้นกฃิ่นน้ำนม แท้จริงแล้วในใจของเขาเกรงว่าจะเป็นดังกระจกที่ประจักษ์ชัดซึ่งรู้แจ้งทุกสิ่งอย่าง เพียงแค่แกล้งทำเป็นไม่เป็นไรสินะ……
“ได้ เพียงแค่พี่หญิงต้องการอาม่อก็จะช่วยพี่หญิงให้บรรลุความปรารถนาโดยเร็ว”
กู้ชูหน่วนรู้สึกว่าร่างกายของจอมมารมีความรู้สึกผิดหวังแว๊บผ่านไป และในไม่ช้าก็ยิ้มอย่างสดใสขึ้นมาพร้อมกับจูงนางกระโดดโลดเต้นลงจากภูเขาไปตลอดทาง
นางไม่รู้ด้วยซ้ำว่าความผิดหวังที่แว๊บผ่านไปของจอมมารเมื่อครู่นี้เป็นภาพลวงตาของนางหรือไม่
เมืองฉางซิ่งอยู่ใกล้กับสำนักใหญ่ของหอวิญญาณทมิฬ
เนื่องจากกู้ชูหน่วนออกคำสั่งให้ต่อกรกับหอวิญญาณทมิฬ บรรยากาศในเมืองฉางซิ่งที่โอ่อ่าผิดปกติแม้แต่สายลมก็ยังรู้สึกถึงกลิ่นไอสังหารแบบหนึ่งได้
กู้ชูหน่วนและจอมมารรออรองหัวหน้าเผ่าซือคงก้าวเท้าหลบหนีความตายมาอยู่ในป่ามืดสนิทอย่างเงียบๆ
รอเป็นเวลานานก็ไม่เห็นคนเลยแต่กลับรอจนเสี่ยวลู่มารายงาน
“นายท่าน รองหัวหน้าเผ่าซือคงได้หายตัวไปหลังจากเข้าไปดื่มชาถ้วยหนึ่งในป่าซึ่งคนของเรายังไม่ทันได้ลงมือเลย”
“หายไปแล้ว? เปิดเผยตัวตนแล้วหรือ?”
ที่นี่มีแต่คนของนาง จู่ๆรองหัวหน้าเผ่าซือคงจะหายตัวไปได้อย่างไร?
“เป็นไปไม่ได้ รองหัวหน้าเผ่าซือคงสรยุทธ์สูงส่ง คนของเรากลัวว่าจะถูกสังเกตเห็นจึงไม่ได้สะกดรอยตามเลยสักคน เพียงแค่ส่งนกตามกลิ่นติดตามระยะไกล” เสี่ยวลู่ปฏิเสธโดยไม่ต้องคิด
หากว่าหออันดับในหนึ่งใต้หล้าของพวกเขาไม่มีแม้แต่ความสามารถในการสะกดรอยตามคนก็ไม่สมควรที่จะถูกเรียกว่าหออันดับหนึ่งในใต้หล้าแล้ว
“งั้นก็แสดงว่าป่าแห่งนี้มีเส้นทางลับ”
เสี่ยวลู่เงยหน้าขึ้นทันที “จ้าน้อยไปค้นหาเดี๋ยวนี้ขอรับ”
“ไม่จำเป็น”
กู้ชูหน่วนลูบผมที่ห้อยอยู่ด้านหลังหูโดยไม่ได้ตั้งใจจากนั้นมองดูประกายไฟในป่าระยะไกล อย่างครุ่นคิด หลังจากนั้นครู่ใหญ่จึงกล่าวเบาๆว่า “การกวาดล้างได้เริ่มต้นขึ้นแล้วหรือ?”
“เรียนนายท่านได้เริ่มขึ้นแล้ว พวกเขาอพยพผู้คนบางส่วนแต่ว่าคนส่วนใหญ่ในสำนักใหญ่ไม่ทันได้อพยพ คืนนี้คนของเราไม่เพียงแต่ต้องต่อกรกับสำนักใหญ่เท่านั้น แต่ทุกสาขาของหอวิญญาณทมิฬพวกเราก็ได้กวาดล้างพร้อมๆกันแล้ว ”
นี่เป็นคำสั่งกวาดล้างครั้งแรกที่ได้รับหลังจากที่นายท่านกลับมา
และยังเป็นคำสั่งใหญ่อีกด้วย
กู้ชูหน่วนพยักหน้า
นางอยากจะเห็นว่ากองกำลังที่เจ้าของเดิมฝึกฝนไว้นั้นจะทรงพลังเพียงใด
“อาม่อเจ้าว่ารองหัวหน้าเผ่าซือคงมีส่วนเกี่ยวข้องกับหอวิญญาณทมิฬหรือเปล่านะ?”
หากว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกัน ดึกดื่นค่ำคืนเขามาทำสิ่งใดลับๆล่อๆที่นี่?
เป็นไปได้หรือไม่ว่าจะได้รับข่าวล่วงหน้าจึงให้การสนับสนุนหอวิญญาณทมิฬ?
หากว่าหอวิญญาณทมิฬสามารถได้รับข่าวล่วงรู่ล่วงหน้าได้ ประกายไฟตรงหน้าก็ไม่น่าจะโหมกระหน่ำแรงเช่นนั้นแล้ว
อยู่ห่างไกลนักนางยังสามารถได้กลิ่นเลือดอันเข้มข้น ไม่รู้ว่ามีคนตายด้านหน้ามากมายเพียงใด
ใบหน้าไม่แยแสของจอมมารกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเฉยเมยว่า “ช่างเขาว่าจะเกี่ยวข้องกันหรือไม่จัดการพร้อมกันเลยก็พอแล้ว”
กู้ชูหน่วนขดปากด้วยรอยยิ้มอันเย้ายวน “ได้ยินแล้วหรือไม่? เฝ้าทางแยกทั้งหมดยกเว้นลั่วอิ่งคนอื่นๆสังหารให้สิ้นซาก หากรองหัวหน้าเผ่าซือคงออกมาก็เริ่มการซุ่มโจมตีได้ทันที”
“ขอรับ”
เสี่ยวลู่สั่งให้คนนำเก้าอี้สองตัวและโต๊ะหนึ่งตัวมา และเตรียมอาหารและสุรารสเลิศมาปรนนิบัติกู้ชูหน่วนและจอมมาร
ในป่าอันมืดสนิท ด้านหน้าประกายเลือดลุกโชนขึ้นสู่ท้องฟ้าพร้อมกับเสียงสังหารดังสนั่นราวกับนิกายขุมนรกที่ส่องสว่างไปทั่วผืนป่า
และในมุมหนึ่งของป่ากู้ชูหน่วนกับจอมมารยกจอกดื่มสุราด้วยกัน ชมแสงประกายเลือดในระยะไกล รู้สึกพึงพอใจและไม่ได้รับผลกระทบเลยแม้แต่น้อย
“พี่หญิง ภายหน้ามีการแสดงอันดีเช่นนี้อย่าลืมเรียกอาม่อนะ อาม่อชอบแบบนี้……อืม……มื้อค่ำใต้แสงเทียน……”
“มื้อค่ำใต้แสงเทียน? หึ เจ้าช่างเรียนรู้ได้รวดเร็วนัก”
“เพียงแต่น่าเสียดายที่ฟ้าใกล้จะสว่างแล้ว ไม่เช่นนั้นยังสามารถหวานซึ้งหยดย้อยกับพี่หญิงนานอีกหน่อย”