กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 713
กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 713
“ได้ ข้าจะรีบกลับไปปลูกดอกพุดซ้อน ท่านพี่หญิงรอข้านะ”
“ได้”
จอมมารสีหน้าระรื่น วิ่งออกไปทางด้านนอก วิ่งไปครึ่งหนึ่งก็กลับมาอีก
“ท่านไม่ได้หลอกข้าใช่หรือไม่”
“อาม่อดีกับข้าอย่างนี้ ข้าจะหลอกเจ้าได้อย่างไรล่ะ”
“เช่นนั้นพวกเราเกี่ยวก้อยกัน”
“ได้”
กู้ชูหน่วนไม่เพียงยื่นมือไปเกี่ยวก้อยกับเขา นางยังประทับนิ้วกันอีกด้วย
จอมมารพึงพอใจอย่างมาก แม้แต่ลมหายใจอย่างเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วด้วย
“ท่านพี่หญิงรอข้านะ มากสุดหนึ่งเดือน หลังจากหนึ่งเดือนข้าจะมาขอรับท่านเข้าเรือนอย่างสง่าผ่าเผย”
“ได้”
“ฟิ้ว….”
เงาสีแดงหายวับไป กู้ชูหน่วนนึกว่าเขาจะไม่กลับมาอีกแล้ว จึงลุกขึ้นจัดการกับชุดตนเอง กำลังจะไป คิดไม่ถึงว่าจอมมารจะกลับมาอีก
“ท่านพี่หญิง ข้าจะออกไปจากเผ่าหยกอย่างไร?”
“เจ้าไปหาท่านผู้อาวุโสสูงสุด ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเขาจะไม่มีวิธีการเพื่อออกจากเผ่าหยก”
”ได้”
“ท่านพี่หญิง ผู้อาวุโสสูงสุดอยู่ที่ไหนหรือ?”
กู้ชูหน่วนตกใจเขาแทบแย่
ชายผู้นี้นึกจะปรากตัวก็ปรากฎตัวเลย อยากจะหายก็หาย ทำตัวลึกลับเสียจริง
“น่าจะอยู่ที่ห้องโถงปรึกษากิจ”
“ได้”
เงาสีแดงหายไปอีกครั้ง กู้ชูหน่วนรออยู่สักพักหนึ่ง ก็ไม่รอรอจนจอมมารกลับมาอีกครั้ง นางนึกว่าเขาคงไม่กลับมาแล้ว
คิดไม่ถึงคือเขากลับมาอีกรอบ
และยังถามคำถามที่โง่งมมาก
“ห้องโถงปรึกษากิจไปทางไหนหรือ?”
“เดินตรงไปตามถนนเส้นนี้ พอเห็นต้นดอกหอมหมื่นลี้แล้วให้เลี้ยวขวา จากนั้นก็จะเจอ”
“ได้เลย”
รออีกสักพักหนึ่ง จอมมารไม่ปรากฎตัวแล้ว กู้ชูหน่วนจึงออกไป
สำหรับจอมมาร นางรู้สึกเป็นทุกข์ละอายใจมาก
หากไม่ใช้วิธีนี้หนีแยกจากเขา เขาก็ไม่มีทางห่างกายนาง
คนที่อยู่ใกล้ชิดนาง ล้วนไม่มีจุดจบที่ดี
นางไม่อยากพัวพันกับจอมมาร ไม่อยากเห็นเขาทุกข์ใจผมหงอกไว วรยุทธ์สูญสิ้น จึงทำได้เพียงหลอกลวงเช่นนี้
ลังเลใจอยู่นาน กู้ชูหน่วนถึงได้ตัดสินใจไปที่ห้องคุมขังเยี่ยจิ่งหานกับเหวินเส่าอี๋
หน้าประตูห้องหิน
พอนางปรากฎตัว ทุกคนล้วนคุกเข่าทำความเคารพ
ฮวาฉี่หลัวไม่รู้ว่าวิ่งมาดึงชุดของนางตั้งแต่เมื่อไหร่ และดวงตาของนางแดงก่ำด้วย
“ท่านพี่หน่วน ในที่สุดท่านก็มาแล้ว ข้ารอท่านนานเหลือเกิน”
“น้องฉี่หลัว”
“ฮือๆ….”
ฮวาฉี่หลัวโผเข้าสู่อ้อมกอดของกู้ชูหน่วน กล่าวทั้งน้ำตาว่า“ท่านพี่หน่วน พวกท่านพี่ไป๋จิ่นกลับมาไม่ได้แล้วใช่หรือไม่?”
กู้ชูหน่วนตบลูบที่แผ่นหลังนางปลอบนางอย่างแผ่วเบา
“พวกไป๋จิ่นไม่ได้ไปจากพวกเรา พวกนางแค่ไปปกป้องพวกเราอย่างเงียบๆอยู่สถานที่อื่นเท่านั้นเอง”
คนเผ่าน้ำแข็งมาร้อยกว่าคน
วันนี้นอกจากฮวาฉี่หลัว ทุกคนล้วนพลีชีพหมด
กู้ชูหน่วนเข้าใจความรู้สึกของนาง อย่างไรฮวาฉี่หลัวก็เหมือนเป็นคนที่โตมากับไป๋จิ่น
บอกว่าเป็นพี่น้อง ความจริงแล้วคล้ายกับเป็นแม่ลูกกันมากกว่า
“พวกเขาบอกว่า เหล่าท่านพี่เสียสละชีพเพื่อความชอบธรรม และเสียสละตัวเองเพื่อปลดคลายคำสาปไสยศาสตร์ความชั่วร้าย เช่นนั้นตอนนี้ไข่มุกมังกร….หลอมรวมเข้าด้วยกันแล้วหรือยัง…”
ฮวาฉี่หลัวกล่าวถามอย่างระมัดระวัง และยังสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดของกู้ชูหน่วนแฉลบผ่าน
นางเลยรีบเปลี่ยนคำพูดทันทีว่า“เพียงแค่ท่านพี่หน่วนไม่เป็นไรก็พอแล้ว”
“เจ้าเด็กโง่ เป็นพี่หน่วนที่ไร้ความสามารถ ไม่สามารถปกป้องเจ้าและเหล่าพี่น้องเผ่าน้ำแข็งให้ดีได้ “
กาลครั้งหนึ่ง ฮวาฉี่หลัวเป็นคนอ่อนโยนไร้เดียงสาก็ได้เปลี่ยนมีปฏิกิริยาตอบสนองเป็นไวต่อความรู้สึกเช่นนี้แล้ว
“ในใจของข้าท่านพี่หน่วนเป็นคนที่ดีที่สุดตลอดไป”
กู้ชูหน่วนเอาตราคำสั่งออกมาจากอ้อมแขน และนำวางบนมือของฮวาฉี่หลัว
“นี่เป็นตราคำสั่งของหัวหน้าเผ่าน้ำแข็ง จากนี้ไปเจ้าก็คือหัวหน้าของเผ่าน้ำแข็งแล้ว”
ฮวาฉี่หลัวตกใจจนต้องรีบนำตราคำสั่งคืนแก่กู้ชูหน่วน เหมือนกับนางได้เอาของร้อนออกจากมือ
“ท่านเอาตราป้ายคำสั่งให้ข้าทำไม ข้ายังเด็ก ไม่รู้สิ่งใดเลย จะควบคุมดูแลเผ่าน้ำแข็งได้ที่ไหนกัน”
“พี่หน่วนอยู่ที่เผ่าหยกยังมีเรื่องราวมากมายที่ต้องทำ ดูแลเผ่าน้ำแข็งยังไม่ได้ อีกอย่างเผ่าน้ำแข็งมีพี่น้องสหายตายตั้งมากมาย แม้แต่สี่ผู้ส่งสารศักดิ์สิทธิ์ยังตายแล้วสามคน เหลือเพียงเจ้าคนเดียว หากเจ้าไม่ดูแล ยังจะมีผู้ใดดูแลได้ คนเผ่าน้ำแข็งที่พี่หน่วนเชื่อใจวางใจมีเพียงเจ้าผู้เดียวนะ”
“แต่ว่า….แต่ว่าข้าไม่รู้สิ่งใดเลย เมื่อก่อนตอนอยู่เผ่าน้ำแข็ง ข้าเพียงแค่กินเที่ยวเล่นสนุกสนาน….”
“ค่อยๆช้าๆก็จะรู้เรื่องและเข้าใจแล้ว เจ้าคิดเสียว่าช่วยเหลือพี่หน่วนเถิด “กู้ชูหน่วนกล่าวพร้อมนำตราคำสั่งมอบวางใส่มือนางอีกครั้ง
“เอ่อ….เช่นนั้นก็ได้ ข้าจะช่วยท่านดูแลเผ่าน้ำแข็งชั่วคราว รอตอนที่ท่านกลับมา แล้วค่อยเป็นหัวหน้าเผ่าต่อไป ถึงว่านั้นข้าค่อยนำตราคำสั่งให้ท่านนะ”
“ได้”
กู้ชูหน่วนยิ้มอย่างฝืนใจ
นางก็อยากจะไปดูเผ่าน้ำแข็ง
แต่น่าเสียดาย…..
นางเกรงว่าไม่มีโอกาสนั้นแล้ว
“จอมมารไปหาผู้อาวุโสสูงสุดแล้ว เจ้าก็ไปหาเขาเถิด ผู้อาวุโสสูงสุดก็สามารถพาเจ้าออกไปจากเผ่าหยกได้อย่างปลอดภัยเช่นกัน”
“ท่านจะไปตอนนี้เลยหรือ?”
“อืม จะไปตอนนี้เลย”
“แต่ข้าตัดใจจากท่านไม่ได้ และก็เป็นห่วง ไม่วางใจเลย ท่านพี่หน่วน รอท่านจัดการเรื่องราวเสร็จ รีบมาหาข้าได้ไหม?”
“ได้”
“เช่นนั้นข้ากลับเผ่าน้ำแข็งก่อนนะ”
“ไปเถิด จำไว้นะ ดูแลตนเองดีๆ ความปลอดภัยของตนเองหลัก”
ฮวาฉี่หลัวเดินแล้วหันกลับมามอง ปากเล็กๆเบ้ขึ้นรอกู้ชูหน่วนตอบกลับนาง
แต่พอมองแล้วเห็นเพียงกู้ชูหน่วนส่งสายตาส่งนางกลับไป
ฮวาฉี่หลัวกัดฟันกรอด จากนั้นจึงตัดสินใจแน่วแน่ดูแลเผ่าน้ำแข็งแทนกู้ชูหน่วนก่อน
หลังจากส่งฮวาฉี่หลัวแล้ว กู้ชูหน่วนจึงเข้าไปในห้องหิน
ภายในที่คุมขังห้องหิน ขาขวาของเหวินเส่าอี๋และเยี่ยจิ่งหานต่างก็ถูกล่ามโซ่ไว้ด้วยเหล็กชั้นดีหมื่นปี และมีสิงโตตัวใหญ่ในห้องหินที่เชื่อมติดกัน
และเจี้ยงเสวี่ยถูกขังไว้ห้องหินที่อยู่อีกห้องข้างๆ
บนขาของเขาไม่ได้ถูกกักขระไว้ แต่ประตูใหญ่ของห้องหินทำให้เขาไร้หนทางที่จะหนีจากที่นี่แม้แต่ครึ่งก้าว
ชุดสีขาวของเหวินเส่าอี๋เต็มไปด้วยสีแดง บนร่างกายล้วนเป็นบาดแผล มือข้างขวาของเขาตก คิดว่าคงตัดโดนกระดูกจนไม่สามารถสมานกัน
เขาสวมหน้ากากผีเสื้อ มองไม่เห็นใบหน้าที่แท้จริงของเขา แต่ผิวที่เปลือยเปล่าบนใบหน้าของเขาซีดจนไม่มีร่องรอยของเลือดแล้ว และร่างกายของเขาพิงกำแพงอย่างไร้เรี่ยวแรง
พอเห็นนางปรากฎตัว ถึงได้มีสตินั่งตัวตรง
มองไปที่เยี่ยจิ่งหาน แม้เขาจะมีบาดแผลมากมาย แต่การบาดเจ็บภายในน้อยกว่าเหวินเส่าอี๋
หน้าซีดเผือด ไร้เรี่ยวแรงเหมือนกัน อิงแอบพิงกำแพงเหมือนกัน มองนางเหมือนกัน ยืดตัวตรงด้วย
เพียงช่วงระยะเวลาสั้นๆที่ไม่ได้พบเจอ กู้ชูหน่วนกับเยี่ยจิ่งหานต่างสบตากัน คล้ายกับว่าห่างเหินกันมาก ไม่หมือนความรู้สึกเมื่อก่อนที่มองเห็นฝ่ายตรงข้ามแล้ว หากไม่วุ่นวายทะเลาะจนไก่หมาเตลิดเปิดเปิง ไม่พวกเขาก็รักจนร้อนรุ่มดั่งไฟแล้ว
เยี่ยจิ่งหานไร้เรี่ยวแรง
กู้ชูหน่วนยิ่งไร้เรี่ยวแรง
บนแขน บนขา จนกระทั่งบนร่างกายนางล้วนรัดพันด้วยผ้าพันแผลหนา ไม่รู้ว่าเขาถูกฟาดฟันมากแค่ไหน มีเลือดไหลอาบแค่ไหน
ผู้ชายสองคนผู้หญิงหนึ่งคนยืนอยู่ด้วยกัน คนที่ไม่รู้จะต้องนึกว่าพวกเขาบาดเจ็บหนักอย่างแน่นอน
“เจ้า….เจ้าสบายดีหรือไม่?“
ริมฝีปากของเยี่ยจิ่งหานแห้งเผือด ถามอย่างตื่นเต้นควบคุมตนเองไม่อยู่
สวรรค์รู้ตอนที่เขามองเห็นบาดแผลเหล่านั้นที่อยู่บนตัวของนาง เขาเจ็บปวดใจแค่ไหน
กู้ชูหน่วนกล่าวตอบอย่างราบเรียบว่า“สบายดี”
นี่คือน้ำเสียงที่ตอบกลับอย่างเรียบเฉย ทำให้เยี่ยจิ่งหานตะลึงงันทันที
กู้ชูหน่วนไม่สนใจว่าพวกเขานั้นกำลังคิดอะไรกัน นางสั่งคนย้ายเก้าอี้มาแล้วนั่งลงตรงหน้าพวกเขา
“บัญชีความแค้นของพวกเราสามคนควรจะคิดชำระแล้วหรือไม่”
“คิดบัญชี?คิดบัญชีชำระความแค้นอะไรกัน?”