กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 919
กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 919
เหวินเส่าอี๋นั่งอยู่บนแท่น สำหรับการกระทำของกู้ชูหน่วนและซือม่อเฟยทั้งหมดนั้น เขาไม่ปล่อยให้ละสายตาไปเลยแม้แต่นิดเดียว
เขาแปลกใจอย่างมาก
เท่าที่เขารู้ ตอนนั้นหลังจากที่ผู้หญิงคนนั้นสังเวยชีวิตไปแล้ว จอมมารได้พยายามอย่างสุดความสามารถ โดยพยายามฝืนใช้วิชาเพื่อจะเก็บดวงวิญญาณของนางเอาไว้ สุดท้ายเขาก็เปลี่ยนไป กลายเป็นคนที่มีผมหงอกสีขาวราวกับหิมะเต็มหัว วรยุทธ์ก็แทบไม่เหลือ แม้แต่ชีวิตของเขาก็เกือบเอาไม่รอด
แต่ตอนนี้……
จอมมารกลับปรากฏตัวอยู่ที่รัฐปิงแห่งนี้
เส้นผมของเขายังคงเป็นสีขาว วรยุทธ์ของเขาก็ยังคงไม่ฟื้นกลับคืนมา แต่เขากลับยังมีชีวิตรอด แม้แต่ใบหน้าของเขาก็ฟื้นกลับคืนสู่สภาพเดิม
นี่……
เกิดอะไรขึ้นกันแน่?
ใครเป็นคนช่วยชีวิตจอมมาร?
หรือใครเป็นคนทำให้จอมมารปรากฏตัวขึ้นที่นี่?
คำว่าพี่หญิงของจอมมาร ทำให้เหวินเส่าอี๋อดไม่ได้ที่จะตั้งใจหันไปมองผู้หญิงแปลกหน้าคนนั้น
แม้ว่าจอมมารจะสูญเสียความทรงจำ บนโลกนี้คนที่สามารถทำให้จอมมารเรียกพี่หญิงได้ เกรงว่าจะมีเพียงคนนั้นคนเดียวเท่านั้น
ผู้หญิงคนนี้แต่งกายในชุดของหมอ รูปลักษณ์ที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน
แต่แววตาดูถูกและความเย่อหยิ่งผยองของนาง ช่างเหมือนกันกับผู้หญิงคนนั้นมากเหลือเกิน
นาง……ก็คือมู่หน่วน……
หรืออาจจะบอกว่าเป็นกู้ชูหน่วนก็ได้
วิชาเวทมนตร์ของเผ่าเพลิงฟ้าได้คาดการเอาไว้ว่าดวงวิญญาณของกู้ชูหน่วนอยู่ในร่างกายของมู่หน่วน
ฉะนั้น……
จอมมารจึงเรียกนางว่าพี่หญิง……
ดังนั้น……
นางจึงมีเรื่องคล้ายคลึงกันกับกู้ชูหน่วนอย่างมาก
คล้ายกันราวกับคนทั้งสองคนเป็นคนคนเดียวกัน
เมื่อนึกถึงกู้ชูหน่วน ความโกรธของเหวินเส่าอี๋ก็พุ่งขึ้นมา สายตาที่มองมู่หน่วนก็เต็มไปด้วยความโกรธแค้น
เพียงแต่แววตาแห่งความโกรธแค้นนั้น หายวับไปอย่างรวดเร็ว
ในกลุ่มคนมีคนตะโกนออกมา “ที่แท้เจ้าก็เป็นพวกเดียวกับเขา ในเมื่อเจ้าและปีศาจร้ายเป็นพวกเดียวกัน เช่นนั้นเจ้าก็ตายไปพร้อมกันเลยเถอะ วันนี้ข้าจะทำให้กระดูกของเจ้ามอดไหม้กลายเป็นเถ้าถ่าน เพื่อเจ้าจะได้ไม่ต้องไปทำร้ายใครได้อีก”
“ตึ่ง……”
กู้ชูหน่วนยกแขนเสื้อขึ้น จากนั้นคนที่พูดก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสและกระอักเลือดออกมา จากนั้นก็ได้ล้มลงกับพื้น และไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย
ซู่……
ทุกคนต่างพากันตกตะลึง
“วรยุทธ์ระดับสี่……ในเมื่อเป็นถึงระดับสี่……เจ้าเป็นใครกันแน่?”
วรยุทธ์ระดับสี่เป็นยอดฝีมือที่มีวรยุทธ์ที่เก่งกาจอย่างมาก
ต่อให้เป็นคนในตระกูลใหญ่ทั้งสี่ เช่นนั้นก็ถือเป็นคนที่มีความสำคัญอย่างมาก เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีชื่อเสียงเช่นนี้
แต่พวกเขา……กลับไม่เคยเห็นผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าคนนี้เลย
เหวินเส่าอี๋ยิ่งแปลกใจ
ผู้หญิงคนนี้ตอนที่เขาเพิ่งจะรู้จักนาง วรยุทธ์ของนางไม่มีเลยแม้แต่ระดับเดียว
เพียงแค่ระยะเวลาสั้นๆ ไม่กี่วัน วรยุทธ์ของนางกลับพุ่งขึ้นไปถึงระดับสี่
ต่อให้เป็นกู้ชูหน่วน เช่นนั้นก็ไม่เก่งกาจเช่นนี้หรอก
หากปล่อยให้นางเติบโตไปเช่นนี้ อนาคตคงต้องเป็นเช่นเดียวกับนางที่เพิ่มระดับวรยุทธ์ไปถึงระดับเจ็ด?
กู้ชูหน่วนหัวเราะเยาะ แม้แต่ตอบนางก็เกียจคร้านที่จะพูดออกมาและพูดเพียงแค่
“วันนี้ข้าจำเป็นต้องพาเขาไป ใครขัดขวางก็จะฆ่าผู้นั้นทันที”
“ช่างกล้านัก ต่อให้วรยุทธ์ของเจ้าจะเป็นระดับสี่จะมีประโยชน์อะไร เจ้าคิดว่ารัฐปิงไม่มีใครแล้วหรือ?” คนของตระกูลไป๋หลี่ตะโกนออกมาด้วยความโกรธ
ท่านผู้เฒ่าหนิงหนึ่งในตระกูลใหญ่ทั้งสี่เห็นว่าสถานการณ์ไม่ดีนัก จึงอดไม่ได้ที่จะพูดเกลี้ยเกล่อม
“แม่นาง เจ้าอายุยังน้อยแต่กลับบำเพ็ญเพียรไปถึงผู้มีวรยุทธ์ระดับสี่เป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเลย เชื่อข้าเถอะ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเจ้า เจ้าถอยไปก่อนเถอะ อย่าเข้ามาเกี่ยวข้องเลย”
กู้ชูหน่วนมองไปยังท่านผู้เฒ่าหนิง ความโกรธในตัวก็ลดลงเล็กน้อย ท่าทางของนางก็ไม่ผยองจองหองต่อคนอื่นเช่นนั้นแล้ว
นางถามว่า “ท่านก็คิดว่าเขาสมควรตายอย่างนั้นหรือ? เขาทำเรื่องผิดอย่างยิ่งใหญ่อะไรหรือ?”
“เขาไม่ได้ทำผิดอะไรใหญ่โต เขาก็เป็นเด็กที่ดีคนหนึ่ง แต่น่าเสียดาย บรรพบุรุษของในบรรดาหลายสำนักตระกูลใหญ่ต่างๆ รวมไปถึงราชวงศ์จักรพรรดิต่างก็ได้หลงเหลือมรดกเอาได้ นั่นก็คือ เพียงแค่หากมีใครที่มีตาคนละสี ไม่ว่าเขาจะเป็นคนดีหรือคนไม่ดี จำเป็นต้องจำกัดทิ้ง เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับความเป็นความตายของทุกคนในรัฐปิง”
“มรดกตกทอดของบรรพบุรุษ? บรรพบุรุษก็ต่างตายไปแล้วกว่าร้อยกว่าพันปี หรือว่าเขาสามารถออกมาจากในโลงศพได้เพื่อจัดการกับอาม่อ ที่เขาสามารถทำลายรัฐปิงนี้ได้?”
“กฏเกณฑ์ของบรรพบุรุษไม่สามารถปฏิเสธได้”
“ท่านผู้เฒ่าหนิง ท่านเป็นคนมีเหตุผล เพียงแค่คำพูดของบรรพบุรุษแค่คำเดียว ท่านก็สามารถตัดสินชีวิตความเป็นความตายของคนอื่นได้อย่างนั้นหรือ? นั่นถือเป็นชีวิตของคนๆ หนึ่งเชียวนะ”
ท่านผู้เฒ่าได้ยินเช่นนั้นก็พูดอะไรไม่ออก
เขาก็ไม่ต้องการให้เขาตาย แต่น่าเสียดายที่บรรพบุรุษของตระกูลหนิงได้ย้ำเอาไว้ เพียงแค่ได้พบเจอคนที่มีดวงตาคนละสี จำเป็นต้องจำกัดทิ้ง
ในเมื่อบรรพบุรุษเคยพูดไว้เช่นนี้ จะต้องมีเหตุผลของเขาอย่างแน่นอน
ไป๋หลี่หลิงโผล่ออกมาและกล่าวด้วยความโกรธ “ปีศาจร้ายก็คือปีศาจร้าย ทุกคนต่างมีส่วนต้องรับผิดชอบ เจ้าเป็นเพียงเด็กผู้หญิงคนหนึ่งกล้าที่จะสงสัยในบรรพบุรุษอย่างนั้นหรือ วันนี้ข้าจะสั่งสอนเจ้าแทนพ่อแม่ของเจ้าที่เจ้าช่างไม่รู้ที่ต่ำที่สูงอะไรเลย”
นางไม่พูดถึงพ่อแม่ก็ดี แต่เมื่อพูดถึงพ่อแม่ ความโกรธของกู้ชูหน่วนก็พุ่งขึ้นมาอีก
นางหัวเราะเยาะ “คิดว่าเจ้าเหมาะสมอย่างนั้นหรือ?”
“ฉือ……”
ไม่รู้ว่าใครเป็นคนลงมือก่อน ได้ยินเพียงเสียงกำลังฝ่ามือปะทะเข้าหากัน ทำให้พิธีสังเวยที่ยิ่งใหญ่นี้สั่นไหว คนจำนวนมากแทบยืนไม่มั่นคง
จากนั้นก็ได้ยินเพียงเสียงที่ดังกึกก้อง ทำให้พื้นดินสั่นไหวอย่างรุนแรงอีกครั้งหนึ่ง
“ตุ่บ……”
ไป๋หลี่หลิงกระอักเลือดออกมา และถูกกู้ชูหน่วนเหยียบเอาไว้ที่พื้น
ทุกคนต่างงงงวย
ไป๋หลี่หลิงเป็นผู้อาวุโสหญิงของตระกูลไป๋หลี่ วรยุทธ์ของนางไปถึงระดับสี่ขั้นกลางนานมาแล้ว
หมอหญิงคนนี้มีวรยุทธ์เพียงแค่ระดับสี่เท่านั้น
แต่กลับสามารถทำให้ไป๋หลี่หลิงต้องล้มลงและอยู่ภายใต้ฝ่าเท้าของนาง เพียงแค่ในระยะเวลาสั้นๆ สองกระบวนท่าเท่านั้น แถมยังเป็นวิธีการที่ดูถูกเหยียดหยามผู้อื่นเช่นนี้?
สีหน้าของคนในตระกูลไป๋หลี่ต่างแย่ไปตามๆ กัน
เป็นถึงผู้อาวุโสของตระกูลไป๋หลี่ แต่กลับถูกเหยียบย่ำอยู่ภายใต้ฝ่าเท้าของคนอื่นเช่นนี้ ลมหายใจของนางอ่อนแรง กระดูกในร่างกายก็เกิดเสียงดังหักลง ไม่รู้ว่าหักไปแล้วเท่าไร
และคนที่เหยียบนางไว้กลับมีพละกำลังที่แข็งแกร่งอย่างมาก
แววตานั้นช่างเฉียบแหลมน่ากลัวอย่างมาก
หากไม่ได้เห็นได้ด้วยตาตัวเอง พวกเขาไม่มีทางเชื่ออย่างแน่นอนว่าเป็นเพียงเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง แต่กลับยิ่งใหญ่และสำคัญ แถมยังหยิ่งผยองมีอำนาจเช่นนี้
จากนั้นกลุ่มคนเหล่านั้นก็เงียบสงบลงอีกครั้ง
จนถึงตอนที่จอมมารปรบมือด้วยความภาคภูมิใจ “พี่หญิงช่างเก่งกาจเหลือเกิน พี่หญิงช่างยอดเยี่ยมอย่างมาก อาม่อชอบพี่หญิง”
เมื่อเห็นรอยยิ้มอันจริงใจและบริสุทธ์ของจอมมาร ความโกรธของกู้ชูหน่วนก็ลดลงเล็กน้อย จากนั้นเตะไป๋หลี่หลิงออกไปอย่างแรงโดยไม่เกรงใจ แรงราวกับเตะขยะชิ้นหนึ่งออกไปยังไงยังงั้น
ไป๋หลี่หลิงแทบอยากจะตาย
นางรู้สึกเสียหน้าอย่างมาก
หากไม่ฆ่าผู้หญิงคนนี้ นางไม่มีวันยอมเด็ดขาด
ไป๋หลี่หลิงพูดออกมาด้วยเสียงที่ออกจากร่องฟัน “ฆ่า ฆ่าพวกนางให้ข้า อย่าให้เหลือไว้แม้แต่คนเดียว ข้าจะดึงผิวหนังของพวกเขาออกมา”
ท่ามกลางผู้คน มีเงาคนเดินออกมานับสิบ แต่ละคนล้วนหันอาวุธไปทางกู้ชูหน่วน และลงมือโดยไม่ยำเกรง
มุมปากของกู้ชูหน่วนขยับและปล่อยพลังฝ่ามือออกไปโดยไม่คิดถอย แต่กลับเผชิญหน้าออกไป โดยไม่สนใจว่าใครจะมุ่งหน้าเข้าหา
นางสามารถต่อต้านจนทำให้ล้มลงได้ก็ว่าไป แต่ดาบของนางกลับหลีกเลี่ยงเงาคนนับสิบเหล่านั้น จากนั้นหายวับไปอยู่ตรงหน้าของไป๋หลี่หลิงด้วยความเร็ว จากนั้นฝ่าไปยังกลางศีรษะของนาง
“ตุ่บ……”
ไป๋หลี่หลิงตายลงอย่างน่าอนาถทันที ดวงตาของนางเบิกกว้าง และยังคงเต็มไปด้วยสายตาที่ตื่นตระหนกตกตะลึง
ซู่ว……
ทุกคนต่างพากันถอนหายใจ
ผู้หญิงคนนี้ตัดสินใจว่าจะเป็นศัตรูกับตระกูลไป๋หลี่แล้วอย่างนั้นหรือ?
ฆ่าผู้อาวุโสของตระกูลไป๋หลี่ เช่นนั้นแล้วคนของตระกูลไป๋หลี่จะปล่อยนางไปง่ายๆ อย่างนั้นหรือ?
คนของตระกูลไป๋หลี่ต้องการจะยื่นมือเข้าไปช่วย แต่ความเร็วของกู้ชูหน่วนช่างไวเหลือเกิน แถมยังไม่ลงมือในท่าทางที่ปกติ ทำให้พวกเขาลงมือได้ไม่ทันท่วงที