กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 984
กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 984
“ฟ่อๆๆ……”
หลังจากเสียงที่ดังขึ้นก็มีงูเล็กตัวหนึ่งเลื้อยคลานมาที่ไหล่ของกู้ชูหน่วนและยิ้มให้กับนาง
งูตัวน้อยเลื้อยไปมาที่คอของนางอย่างออดอ้อน และยังคิดจะแลบลิ้นออกมาเพื่อจะเลียนาง
กู้ชูหน่วนจับมันไว้ในมือและเตือน “เจ้าเป็นตัวผู้ ส่วนข้าเป็นผู้หญิง อย่ามาแต๊ะอั๋งข้าหน่อยเลย”
“ซวบๆ……ก็เสี่ยวจิ๋วเอ๋อร์คิดถึงนายท่าน”
เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ออดอ้อนอยู่ในมือของนางและนอนลงในท่าทางสบาย
“หลายวันมานี้เจ้าไปไหนมา? เหตุใดข้าเรียกเจ้าหลายครั้ง แต่เจ้าก็ไม่ออกมา”
เมื่อได้ยินเข้าเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ก็กล่าวขึ้นมาอย่าลำบากใจ “ผู้หญิงชั่วร้ายคนนั้นเอาแต่ฆ่าฟันเพื่อนๆ ของข้า ข้าจึงไปช่วยพวกเขา”
“ผู้หญิงชั่วร้าย? จักรพรรดินีจอมปลอม?”
“ใช่ ไม่รู้ว่านางเป็นบ้าอะไรที่สั่งคนให้ทำการฆ่าล้างบางบรรดาเพื่อนๆ ของข้าในรัฐทั้งหมด เพื่อนของข้าจำนวนมากต่างถูกนางฆ่าตายลง นายท่าน ท่านต้องช่วยล้างแค้นให้กับพวกเขา”
“นางเป็นถึงผู้นำของรัฐ เหตุใดนางต้องฆ่าล้างบรรดาอสูรร้ายเหล่านี้ด้วย?”
“เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ก็ไม่รู้เหมือนกัน ผู้หญิงชั่วร้ายคนนั้นดูเสียสติ ใครจะไปรู้ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่ นายท่าน ท่านไปแทนที่นางสิ เช่นนั้นเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ก็จะได้มีหมูย่างกินอย่างสมบูรณ์แล้ว”
กู้ชูหน่วนกลอกตาขาวใส่
เจ้างูโลภมากตัวนี้ ในเรื่องการกินนั้น มันไม่เคยทำให้นางต้องผิดหวังเลยสักนิด
“เจ้าเสือน้อยล่ะ”
“ตระกูลไป๋หลี่ได้ถูกทำลายล้างไปแล้ว แต่ทรัพย์สมบัติที่เหลือกลับมีมากมาย และตอนนี้เจ้าเสือน้อยก็กำลังเคลื่อนย้ายสมบัติเหล่านี้อยู่”
กู้ชูหน่วนกลอกตาขาวอีกครั้ง
นางแทบไม่อยากบ่นออกมาด้วยซ้ำ
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าเหวินเส่าอี๋เป็นอย่างไรบ้าง?”
“ว่ากันว่าบาดเจ็บสาหัสมาก และตอนนี้ก็ยังไม่ฟื้นขึ้นมา หากรองหัวหน้าเผ่าไปช่วยไว้ไม่ทันและยังส่งพลังในร่างกายของเขาให้ไปกว่าครึ่ง ไม่เช่นนั้นละก็คงตายไปเจอยมบาลไปเรียบร้อยแล้ว”
“หนักเช่นนั้นเลยหรือ?”
“ก็ใช่น่ะสิ นายท่านก็ทำเกินไปที่หลอกล่อเขาเข้าไปในวัง นี่ไม่ใช่การส่งมอบแกะอันโอชะให้ถึงมือหมาป่าหรอกหรือ?”
กู้ชูหน่วนตบศีรษะของมันและลูบคางตัวเอง
“แม้ว่าวรยุทธ์ของจักรพรรดินีจอมปลอมจะแข็งแกร่ง แต่จากความสามารถของเหวินเส่าอี๋แล้วนั้น ก็ไม่สมควรพ่ายแพ้เช่นนั้น และระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้มีความแค้นอะไรกัน”
“แต่ท่านลืมคิดอะไรไปอย่างหนึ่ง เหวินเส่าอี่ทำเพื่อจะได้ครอบครองดวงวิญญาณ ทำให้แม้แต่ชีวิตของเขาเองก็ไม่เสียดาย”
ใช่จริงๆ ด้วย……
นางลืมไปสนิทเลย
ลืมไปเลยว่าเหวินเส่าอี๋มีความคิดอยากครอบครองดวงวิญญาณ
เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์นำศีรษะเล็กๆ ของมันมาแนบข้างแก้มของกู้ชูหน่วนและกล่าวอย่างมีเลศนัย “นายท่าน ไม่เช่นนั้นท่านก็ทำให้เหวินเส่าอี๋เชื่องและยอมต่อท่านสิ”
“เพื่ออะไร”
“จะเพื่ออะไรได้ ก็แต่งงานกับเขาสิ ชาติที่แล้วจนถึงชาตินี้เขารักท่านมากเช่นนี้ แม้ว่าระหว่างพวกท่านทั้งสองจะมีเรื่องเบาะแว้งต่อกัน แต่ก็สามารถจัดการได้”
“ชาติที่แล้ว……เขารักผู้หญิงที่อยู่ในร่างกายของข้างั้นหรือ?”
“ไม่ได้บอกออกมา แต่ก็น่าจะชอบ หากไม่ชอบเช่นนั้นเหตุใดต้องยอมทรยศต่อเผ่าเพื่อช่วยชีวิตท่านด้วย”
“ช่วยชีวิตนางต่างหาก” กู้ชูหน่วนแก้ไข
ก็แค่มาอยู่ในร่างของนาง ไม่ใช่นางเสียหน่อย
เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์หัวเราะชอบใจ และไม่อธิบายอะไรอีก
“ก็เหมือนกันนั่นแหละ”
“หลังจากนั้นล่ะ ได้ดวงวิญญาณนั้นมาครอบครองหรือไม่?”
“ไม่ ยังคงอยู่ในมือของจักรพรรดินี นายท่าน วันนี้อากาศดี เราไปแย่งชิงดวงวิญญาณกลับมาดีกว่า”
“แค่เจ้าและข้าสองคนเนี่ยนะ?”
“ยังมีเพื่อนของข้าอีกเป็นฝูง”
“นางสั่งให้คนออกไล่ล่าตามฆ่าพี่น้องและเพื่อนๆ ของเจ้า นางจะไม่คุ้มกันอย่างแน่นหนาอย่างนั้นหรือ?”
“ต้องมีสักหนทางสิ”
“เหตุใดข้าถึงรู้สึกว่าเจ้าก็อยากได้ครอบครองดวงวิญญาณนั้นเหมือนกัน”
“จริงหรือ? ก็แค่นายท่านอยากได้มาครอบครอง เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์อยากช่วยท่านก็เท่านั้น”
แค่ต้องการช่วยนาง?
นางเชื่อก็บ้าแล้ว
กู้ชูหน่วนคิดอยากไปพบเหวินเส่าอี๋ แต่เมื่อนึกถึงการบุกรุกเข้าไปในตระกูลเหวินเป็นเรื่องยากลำบากอย่างมาก รวมไปถึงพวกเขาเองคงไม่ต้องการหมอเทวดา กู้ชูหน่วนจึงล้มเลิกความคิดนี้ไป
ตลอดระยะทางที่ผ่านมามีทั้งผู้อพยพลี้ภัยและขอทานเต็มท้องถนนไปหมด รัฐปิงได้เกิดความวุ่นวายภายในและผู้ที่ทำการประท้วงก็มีเป็นจำนวนมาก
นอกจากนี้ยังมีโจรขโมยจำนวนมากที่ใช้ประโยชน์จากสงครามทำการปล้นสะดมอย่างป่าเถื่อน
ทั่วทั้งหมู่บ้านถูกปกคลุมไปด้วยเมฆที่มืดมิด และความอยุติธรรมมีอยู่ทุกหนทุกแห่ง
กู้ชูหน่วนขมวดคิ้ว และคิดว่าตัวเองเข้ามาผิดเมือง
เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์อธิบาย “รัฐปิงเกิดความวุ่นวายภายในมาตั้งนานแล้ว เพียงแต่หมู่บ้านที่นายท่านไปก่อนหน้านั้นค่อนข้างสงบเรียบร้อย นี่ต่างหากที่เป็นสถานการณ์จริงของรัฐปิงที่เกิดขึ้น”
“ได้โปรดล่ะ นี่คือเสบียงชิ้นสุดท้ายที่พวกเรามีอยู่ หากพวกท่านแย่งไป ครอบครัวของเราทั้งหมดก็จะอดตาย ขอร้องล่ะ ได้โปรด”
“ไสหัวไป”
กู้ชูหน่วนมองออกไปและเห็นกลุ่มโจรกำลังปล้นเสบียงอาหารหนึ่งถุง โดยไม่สนใจผู้ที่นั่งวอนขออยู่กับพื้น และสุดท้ายก็ถีบเขาโดยไม่สนใจว่าในบ้านจะมีคนแก่และเด็กที่กำลังร้องไห้อยู่จำนวนมาก
และเมื่อมองไปข้างๆ โจรเหล่านั้นไม่เพียงปล้นสะดมอาหาร แม้แต่ผู้หญิงสาวก็ถูกลากตัวออกไป
ไม่ไกลมากนัก แม่เล้าจำนวนหนึ่งก็จับจ้องสังเกตหญิงสาวเหล่านี้ที่อยู่ในสภาพมอมแมม และทำการต่อรองราคากับพ่อแม่ของเด็กอย่างเย่อหยิ่ง
เมืองที่มีขนาดใหญ่นี้ กลับเต็มไปด้วยขอทาน
ที่นี่มีความโกลาหลวุ่นวายอย่างมาก ทว่ากลับไม่พบทหารเข้ามาควบคุมความสงบเลยแม้แต่คนเดียว
หากไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเอง กู้ชูหน่วนแทบไม่เชื่อเลยด้วยซ้ำว่ามีสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นจริง
“นายท่าน ไม่เช่นนั้นเราเปลี่ยนไปหมู่บ้านอื่นเถอะ คาดว่าหากท่านคิดจะซื้อเสบียงอาหารที่นี่คงเป็นเรื่องยากอย่างมาก”
เมื่อเห็นโจรเหล่านั้นทำการปล้นสะดมเสบียงอาหาร และยังคิดทำร้ายผู้อื่น กู้ชูหน่วนจึงยกฝ่ามือขึ้นมาและตบออกไปจนโจรกระเด็นลอยออกไป
“เจ้าเป็นใครทำไมถึงกล้าทำร้ายคนของข้า มานี่ จัดการกำจัดนางเสีย”
“ควับๆๆ……”
โจรคนอื่นๆ ที่กำลังปล้นสะดมได้ชักดาบออกมาและฟันไปที่กู้ชูหน่วน
ทว่าพวกเขายังไม่ทันเข้าใกล้ก็ต่างพากันล้มลงกับพื้น แต่ละคนล้วนต่างร้องโอดครวญ
ฟ่อ…….
บรรยากาศเป็นไปอย่างเงียบสงบ
ทุกคนต่างจ้องมองสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไม่เชื่อสายตา
หัวหน้าโจรก็ตกตะลึงอย่างมาก
ผู้ที่ออกคำสั่งต้องการให้ตัดศีรษะของนางเพื่อสังเวยให้กับคนของเขาที่ตายลง
แต่ไม่ว่าใครเข้าใกล้ แม้ว่าจะไม่ได้สัมผัสแม้แต่ปลายผมของนางก็ต่างถูกทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัสและล้มลงอย่างลุกไม่ขึ้น
แม้แต่หัวหน้าโจรก็ถูกทำลายวรยุทธ์ และล้มไปกองกับพื้น
เมื่อเห็นว่ากู้ชูหน่วนคิดจะฆ่าเขา หัวหน้าโจรก็รีบขอร้องอ้อนวอน
“ไว้ชีวิตข้าด้วยยอดยุทธ์ ข้าไม่กล้าอีกแล้ว ได้โปรดไว้ชีวิตข้าสักครั้งเถอะ”
“ตอนที่เจ้าทำการปล้นสะดมเหตุใดถึงไม่คิดจะไว้ชีวิตคนอื่นบ้าง”
“เอ่อ……พวกเราก็ได้รับคำสั่งให้ทำเช่นนี้”
“ได้รับคำสั่งอะไร?”
“ก็ฝ่าบาท ฝ่าบาทบอกว่าประชาชนของรัฐปิงยโสโอหังมากเกินไป สมควรต้องให้พวกกองโจรจัดการสั่งสอนเสียบ้าง”
เมื่อเห็นว่ากู้ชูหน่วนไม่เข้าใจ เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ก็รีบอธิบาย “เป็นเพราะจักรพรรดินีชั่วร้ายไร้มนุษยธรรม ประชาชนต่างส่งเรื่องประท้วงไปนับหมื่นนับพันให้กับจักรพรรดินี ทำให้จักรพรรดินีโมโหและได้ตัดศีรษะของประชาชนที่มีส่วนร่วมในการส่งหนังสือประท้วงไปกว่าหมื่นคน และยังสั่งให้บรรดากองโจรเหล่านี้ทำการจัดการสั่งสอนประชาชน”
กู้ชูหน่วนเข้าใจในที่สุด ถึงว่าทำไมที่นี่ถึงมีความวุ่นวายอย่างมาก แถมยังไม่เห็นทหารเข้ามาควบคุมอีกด้วย
ก็เพราะมีจักรพรรดินีชั่วเช่นนี้ จะไม่ให้ประชาชนประท้วงได้อย่างไร
“ไสหัวไปซะ”
กู้ชูหน่วนเตะชายคนนั้นกระเด็นออกไป
แม้ว่ากลุ่มโจรจะออกไปแล้ว แต่บรรยากาศแห่งความทุกข์ยากของที่นี่ยังไม่เลือนราง
เด็กผู้ชายอายุประมาณห้าหกขวบหิวจนเป็นลมหมดสติไป ทำให้แม่ของเขาร้อนรนอย่างมาก
“ลูกชายของข้า เจ้ารีบตื่นขึ้นมาสิ พ่อของเจ้าจากไปเพราะอดอาหาร พี่ชายและพี่สาวของเจ้าก็ล้มตายเพราะอดอาหาร ข้าเพียงตัวคนเดียว ข้าจะทำอย่างไร”
กู้ชูหน่วนอดไม่ได้จึงหยิบขนมเปี๊ยะดอกไม้ออกมาจากวงแหวนอวกาศและยื่นให้หญิงคนนั้นเพื่อให้นางเอาให้ลูกชายกิน