กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ - บทที่ 985
กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 985
นางไม่ได้อยากจะมอบขนมเปี๊ยะดอกไม้ไป แต่หากนางไม่ให้ เด็กน้อยคนนั้นต้องอดตายอย่างแน่นอน กู้ชูหน่วนจึงต้องฝืนมอบให้ไป
ผู้อพยพลี้ภัยที่เห็นเข้าก็ต่างพากันกรูเข้ามาและคุกเข่าขอร้องอ้อนวอนให้กู้ชูหน่วนมอบอาหารให้พวกเขา
นางไม่ได้มีขนมเปี๊ยะดอกไม้มากมายที่พอจะแบ่งปันได้ และหากแบ่งไปก็ต้องมีผู้อพยพอีกจำนวนมากเข้ามาหานาง และถึงตอนนั้นคงต้องลำบากแน่
กู้ชูหน่วนทำได้เพียงวิ่งหนีไป
โชคดีที่นางตาไว ไม่เช่นนั้นคงถูกคนเหล่านั้นล้อมไว้จนไปไหนไม่ได้แน่
นางเดินต่อไปหลายหมู่บ้านและสถานการณ์ก็ไม่ต่างกัน แม้ว่ากู้ชูหน่วนจะใจแข็งแต่ก็ทนดูไม่ได้อีกต่อไป
“เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ คิดหาวิธีนำอาหารมาให้พวกเขาได้หรือไม่”
เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์กล่าวเสียงแผ่วเบา “ท่านเองยังทำไม่ได้ เช่นนั้นข้าจะทำได้เช่นไร”
“เจ้าเป็นอสูรร้ายของข้า หากข้าทำได้ทุกอย่าง เช่นนั้นข้าจะมีเจ้าไว้เพื่ออะไร”
“นายท่าน ต่อให้ข้าออกไปล่าหมูป่าทั้งวันทั้งคืนก็ไม่เพียงพอนำมาแบ่งให้พวกเขาได้”
เมื่อเห็นว่ากู้ชูหน่วนใช้สายตาเจ้าเล่ห์มองมัน เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ก็ตกใจอย่างมาก
“นายท่าน ความสามารถของเพื่อนๆ ของข้ามีจำกัด และพวกเขาก็ไม่มีปัญญาหาอาหารจำนวนมากเช่นนั้นได้”
“กลัวอะไร ข้าไม่ได้คิดจะทำอะไรพวกมันเสียหน่อย”
“เช่นนั้นเหตุใดท่านถึงใช้สายตาเช่นนั้นจ้องมองข้า”
“ไปตามเจ้าเสือน้อยมา”
“แม้แต่ข้ายังทำไม่ได้ เจ้าเสือละโมบโลภมากนั่นจะทำได้หรือ?”
เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ยิ้มอย่างมีเลศนัยและจ้องมองกู้ชูหน่วน
“นายท่าน ท่านกำลังคิดจะ……”
“รู้ก็ดี ยังไม่รีบไปอีกหรือ”
“เจ้าเสือน้อยไม่มีทางยอมแน่นอน มันเสียแรงเสียเวลาอยู่นานกว่าจะได้สมบัติเหล่านั้นมา มีหรือว่ามันจะให้มาง่ายๆ อีกอย่างใครๆ ก็รู้ว่าเจ้าเสือน้อยตระหนี่มากแค่ไหน”
“เจ้าเพียงแค่พามันกลับมาก็พอ เรื่องนี้ข้าจะเป็นคนจัดการเอง”
“เอ่อ……”
แม้ว่าเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์จะไม่ยอม แต่ก็เลื้อยออกไปทำตามคำสั่ง
เมื่อได้สัมผัสและใช้เวลาร่วมกันกับเจ้าเสือน้อยอยู่ระยะหนึ่ง ทำให้มันรู้จักนิสัยของเจ้าเสือน้อยเป็นอย่างดี
มันไม่เคยเจอใครที่โลภเหมือนอย่างเจ้าเสือน้อยมาก่อน
ตอนที่เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์หาเจ้าเสือน้อยเจอ เจ้าเสือน้อยยังคงพยายามเคลื่อนย้ายสมบัติของตระกูลไป๋หลี่
มันโลภถึงขั้นแม้แต่ถ้วยชามและตะเกียบก็ไม่เว้น และต่างหอบกลับไปด้วยทั้งหมด
ในที่สุดเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ก็พาเจ้าเสือน้อยกลับมาหากู้ชูหน่วนได้อย่างยากลำบาก
เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์คิดว่าต่อให้กู้ชูหน่วนใช้ความพยายามมากแค่ไหนก็ไม่สามารถได้เงินไปจากเจ้าเสือน้อยได้แม้แต่สลึงเดียว
ทว่ากลับคิดไม่ถึงว่าพวกเขาพูดคุยกันเพียงแป๊บเดียว เจ้าเสือน้อยก็มอบทรัพย์สมบัติทั้งหมดที่มีให้กู้ชูหน่วนอย่างเต็มใจ และจากนั้นก็กลับออกไปเอาสมบัติจากตระกูลไป๋หลี่อีกครั้ง
เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ส่ายหน้าและจ้องมองกู้ชูหน่วนอย่างไม่เชื่อสายตาและจากนั้นก็อ้อนวอน “นายท่าน ท่านทำได้อย่างไร”
กู้ชูหน่วนดีดศีรษะของมันและยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ จากนั้นก็หันหลังพาเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ไปขนสมบัติ “ข้ามีแผนของข้า”
เจ้าเสือน้อยหลงใหลในสมบัติ ทว่ามันเชื่อนาง
เพียงแค่พูดกับมันคำเดียวว่าสมบัติมากมายเช่นนั้นหากถูกคนอื่นเห็นเข้าแล้วถูกคนอื่นขโมยไปคงแย่แน่
นางมีวงแหวนอวกาศที่สามารถช่วยมันเก็บรักษาได้อย่างดีและปลอดภัย ทำให้เจ้าเสือน้อยยอมบอกสถานที่เก็บทรัพย์สมบัติทั้งหมดกับนาง
เมื่อเดินทางไปถึงถ้ำที่เก็บสมบัติของเจ้าเสือน้อย กู้ชูหน่วนก็พูดไม่ออก
เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ก็ยิ่งพูดไม่ออกเช่นกัน
มันขโมยทรัพย์สมบัติที่เป็นเงินทอง หยกอาเกต ภาพวาดและตัวอักษรเขียนต่างๆ และของมีค่าอื่นๆ
และแม้กระทั่งอิฐก็ขโมย?
ยังมีถุงเท้าเน่าๆ นี่คืออะไร?
เมื่อกวาดสายตามองออกไป ทั้งคนและงูก็ต่างมองเห็นกองเสื้อผ้าขนาดใหญ่
แถมยังมีกลิ่นตุอีกด้วย……
ปัดโธ่……
เจ้าเสือตัวนี้ ขโมยมันแทบทุกอย่างไม่มีปฏิเสธ
แต่สิ่งหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้เลยก็คือ ภายในถ้ำเต็มไปด้วยแสงทองที่เปล่งประกายระยิบระยับเต็มไปหมด
นี่คือถ้ำเก็บสมบัติขนาดใหญ่ถ้ำหนึ่ง
“ข้าเป็นถึงราชางูเหลือมหยกเก้าเศียร ให้ข้าเป็นกรรมกรจะดีหรือ?”
“ใครบอกให้เจ้าเป็นกรรมกร เจ้ารู้เบาะแสของท่านอ๋องเสวี่ยไม่ใช่หรือ? ไปหาเขา แล้วเขาจะส่งคนมาที่นี่เอง”
เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ลูบท้องกลมๆ ของตัวเองและแสดงสีหน้าเพื่อแอบบอก “นายท่าน ไกลมากเลย เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ต้องใช้แรงกายอย่างมาก”
“หมูย่างสองตัว”
“ยี่สิบตัว”
“แค่สองตัว ไม่ต้องต่อรอง หากเจ้าไม่ไป ข้าจะหาคนอื่นไปแทน”
เมื่อเห็นว่าไม่สามารถต่อรองได้ เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ทำได้เพียงตอบตกลงอย่างไม่เต็มใจ “นายท่าน ข้าเอาหมูที่อ้วนที่สุดสองตัวแล้วกัน”
“วางใจได้ จะทำให้เจ้าอิ่มแปล้ ไม่มีทางให้เจ้าอดตายหรอก”
“เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ไม่มีทางกินอิ่มหรอก นายท่านจะให้อีกหลายๆ ตัวก็ได้”
ให้อะไรอีก
นางมีเวลาจำกัดเช่นนั้น มีหรือจะมีเวลาว่างไปย่างหมูให้มัน สามารถย่างให้ได้สองตัวก็ถือว่าดีมากแล้ว
กู้ชูหน่วนโยนผ้าเช็ดหน้าออกมาหนึ่งผืนและขณะกำลังเดินออกจากถ้ำก็กล่าวว่า “ข้าจำเป็นต้องบำเพ็ญเพียร ข้าอยากจะทำให้วรยุทธ์เพิ่มไปถึงระดับหกในระยะเวลาอันสั้นที่สุด เจ้าไปดำเนินการตามคำสั่งในผ้าเช็ดหน้านี้”
เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์มองดูเนื้อหาในหน้าเช็ดผ้าและยิ้มอย่างมีความสุข “นายท่าน ท่านควรจะจัดการจักรพรรดินีชั่วร้ายคนนั้นตั้งนานแล้ว แต่……ท่านไม่คิดอยากเป็นจักรพรรดินีหรือ? เหตุใดถึงปล่อยให้ท่านอ๋องเสวี่ยขึ้นครองบัลลังก์ หากได้เป็นจักรพรรดินีก็จะทำให้ท่านมีวังหลังด้วยนะ”
“บอกให้เจ้าไปจัดการก็ไปจัดการ มัวพูดมากอะไรเช่นนี้ หากยังพูดไม่หยุดข้าจะย่างเจ้าไปด้วยอีกตัว”
“ก็ได้ๆ นายท่านวางใจได้ เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ไม่มีทางทำให้ท่านผิดหวังอย่างแน่นอน แต่เรื่องการขึ้นครองราชย์ นายท่านลองไตร่ตรองดูอีกครั้ง การได้เป็นจักรพรรดินีไม่เพียงสามารถครอบครองผืนแผ่นดินทั้งหมด แต่ยังได้เป็นเจ้าของชายหนุ่มรูปงามจำนวนนับไม่ถ้วน อาหารการกินและเหล้าชั้นดี ลองคิดภาพหากท่านและเยี่ยจิ่งหาน เซี่ยวอวี่เซวียน และยังมีเหวินเส่าอี๋นั่งดื่มเหล้าท่ามกลางแสงจันทร์ เช่นนั้นจะมีความสุขมากเพียงใด”
กู้ชูหน่วนดีดกะโหลกของมันอย่างไม่เกรงใจ
“เก็บความคิดของเจ้ากลับไป ใครๆ ก็รู้ว่าที่เจ้าอยากให้ข้าเป็นจักรพรรดินีก็เพียงเพราะอยากกินอาหารอร่อยอย่างไม่อั้น”
เยี่ยจิ่งหานและเซี่ยวอวี่เซวียนอาจจะพอเข้ากันได้
แต่กับเหวินเส่าอี๋จะเข้ากันได้หรือ?
แถมยังดื่มเหล้าใต้แสงจันทร์ ฝันไปเถอะ
“เราก็จะได้เพลิดเพลินไปด้วยกันไง”
“หากจัดการเรื่องที่ให้ไปไม่ดี ข้าจะเพลิดเพลินกับเจ้าก่อน”
“นายท่าน ตอนที่ท่านข่มขู่ข้า ท่านไม่มีความงามเลยสักนิด”
กู้ชูหน่วนดีดกะโหลกของมันอีกครั้ง ทำให้เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ตกใจจนกระโดดออกไปและกล่าวเพียง “หมูย่างสองตัว เอาที่อ้วนที่สุด นายท่านอย่าผิดคำพูดล่ะ”
กู้ชูหน่วนตะโกนให้มันไสหัวออกไป และจากนั้นก็หาสถานที่แอบซ่อนอยู่ในถ้ำและเตรียมทำการบำเพ็ญเพียร
หวังพึ่งพาคนอื่นไม่เท่าพึ่งพาตัวเอง แม้จะมีเหวินเส่าอี๋และเยี่ยจิ่งหานคอยช่วย แต่ก็ไม่สามารถบอกได้ว่าจะไม่เกิดปัญหา
ความสามารถของจักรพรรดินีจอมปลอมแข็งแกร่งอย่างมาก ทำให้นางจำเป็นต้องเพิ่มพลังกำลังและวรยุทธ์ของนางให้เร็วที่สุด
เมื่อนึกถึงเซี่ยวอวี่เซวียน ก็ทำให้กู้ชูหน่วนอดไม่ได้และบุกเข้าไปที่วังหลวงอีกครั้ง
แต่นางรู้ดีว่าต่อให้บุกเข้าไปก็ช่วยเซี่ยวอวี่เซวียนไม่ได้
เมื่อเวลาผ่านไป ในที่สุดวรยุทธ์ของกู้ชูหน่วนก็เพิ่มไปถึงระดับห้าขั้นสูงสุด นางรู้สึกแข็งแกร่งและมีเรี่ยวแรงอย่างมาก
ในระยะเวลาอันรวดเร็วก็สามารถเพิ่มระดับวรยุทธ์ไปถึงระดับห้าขั้นสูงสุด และในดินแดนแห่งนี้ก็อดไม่มีใครสามารถบำเพ็ญเพียรได้อย่างรวดเร็วเช่นนางแล้ว ทว่ากู้ชูหน่วนยังคงไม่พอใจ
“อีกเพียงนิดเดียว อีกนิดเดียวข้าก็สามารถทะลุไปถึงระดับหกได้ เหตุใดระดับหกถึงยากเย็นแสนเข็ญเช่นนี้”
“ยินดีด้วยนายท่าน วรยุทธ์ของนายท่านเพิ่มขึ้นไปอีกขั้นแล้ว”
“เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ เหตุใดเจ้าถึงอยู่ที่นี่”
“ข้ารอหมู……รอนายท่านยังไงล่ะ นายท่าน เรื่องที่ท่านสั่งให้ข้าไปจัดการข้าได้จัดการเสร็จเรียบร้อยแล้ว เมื่อไรท่านจะย่างหมูให้ข้ากินหรือ”
เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์เลื้อยมายังไหล่ของนางเพื่อออดอ้อนและจ้องมองนาง