ขยะแห่งตระกูลเคานต์ Trash of the Count’s Family - ตอนที่ 224.1
บทที่ 224 ไม่ต้องกังวล 5 (1)
เมื่อสังเกตเห็นว่าคาร์ลหยุดเดินและหลับตาลง ฮิลส์แมนที่เดินตามหลังมานั้นก็ขยับตัวไปยืนอยู่ด้านข้างทันที เชวฮันและแมรี่ก็กําลังยืนมองอยู่ข้างๆเช่นกัน ฮิลส์แมนดูตกใจเมื่อเห็นคาร์ลพึมพําบางอย่างที่ไม่สามารถจับใจความได้
“นายน้อย..ท่านเวียนหัวหรือขอรับ?”
“…เปล่า”
คาร์ลลืมตาขึ้นมาช้าๆจากนั้นก็รู้สึกหงุดหงิดกับสายตาที่ฮิลส์แมนใช้มองเขา แม้ว่าสีหน้าของฮิลส์แมนจะแสดงความเป็นห่วงต่อคาร์ลแต่เขาก็ยังรู้สึกไม่ชอบอยู่ดี
คาร์ลพึมพําสิ่งที่อยู่ในใจออกมา
“ทําไมชีวิตมันถึงได้ยากขนาดนี้”
“อย่าว่าแต่ไปเที่ยวเล่นเลยแม้แต่หาเวลาพักผ่อนก็ยังยาก”
เขาไม่รู้มาก่อนว่าการที่จะได้ใช้เวลานอนเล่นอยู่บนเตียงโดยไม่ต้องลงมือทําอะไรมันจะเป็นเรื่องที่ยากขนาดนี้
คาร์ลสันศีรษะเบาๆก่อนจะออกเดินต่อ
ฮิลส์แมนเฝ้าดูสิ่งนี้ด้วยสีหน้าเศร้าๆ
แปะ!แปะ!
มีคนตบไหล่เขาเบาๆในจังหวะนั้น
“ไปกันเถอะ”
เป็นฝีมือของเชวฮันนั่นเอง ฮิลส์แมนสะดุ้งโหยงพร้อมกับเรียกสติของตัวเองกลับคืนมาจากนั้นเขาก็หันไปมองเชวฮัน
“ช..ใช่แล้ว!..ไปกันเถอะ”
“เราต้องเคลื่อนไหวด้วยความรวดเร็ว..เพราะนายน้อยคาร์ลเป็นคนที่ทําอะไร..รวดเร็วเสมอ”
แมรี่เดินผ่านร่างของเชวฮันและฮิลส์แมนไปอย่างรวดเร็ว ชุดคลุมสีดําของเธอลากไปกับพื้นดินแต่เธอก็ไม่คิดที่จะสนใจมัน เธอเดินตามทันคาร์ลในที่สุด ฮิลส์แมนไม่เคยเห็นแมรี่เดินเร็วขนาดนี้มาก่อน
เชวฮันก็เดินตามหลังเธอไปติดๆเช่นกัน เมื่อฮิลส์แมนนึกถึงท่าทางของเชวฮันและมองตามหลังคนทั้งสามไปนั้น ความผ่อนคลายก็กลับเข้ามาหาเขาอีกครั้งจากนั้นก็เริ่มสาวเท้าเดินตามพวกเขาไปติดๆเช่นกัน
– เจ้ามนุษย์อ่อนแอ..ชีวิตมันก็ยากล่าบากแบบนี้ล่ะ! เมื่อตอนสองขวบข้ารู้จักเรื่องนี้เป็นอย่างดี!..แต่พอข้าอายุได้สี่ขวบข้าก็ได้เรียนรู้ว่าวันดีๆย่อมมีมากกว่าวันแย่ๆอยู่แล้ว!..เจ้ามนุษย์! เรามาทานอาหารอร่อยๆกันเถอะ! การได้กินอะไรอร่อยๆมันจะทําให้เรารู้สึกดีขึ้น!-
ในหัวของคาร์ลเต็มไปด้วยเสียงของพลังศิลาและมังกรน้อย
การที่เขาจะกําจัดเสียงที่สะท้อนอยู่ในหัวของเขาได้ก็คือการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ
[“สวัสดีนายน้อยคาร์ล”]
เคจกําลังโบกมือทักทายเขาผ่านทางจอเวทย์
คฤหาสน์ใต้ดินของคาร์ลนั้นมีอุปกรณ์เวทย์สื่อสารที่ราอนทําการติดตั้งเอาไว้ มันสามารถใช้ติดต่อกับคาร์ลได้เท่านั้น
ฝาแฝดผมบลอนด์ก็อยู่ทางด้านหลังของเคจเช่นกัน แฝดน้องคือนักดาบฮันนาห์ที่สามารถรอดชีวิตาจากพลังเวทย์แห่งความตายมาได้ ส่วนแฝดพี่คือนักบวชแจ็คจากวิหารพระเจ้าแสงตะวัน พวกเขากําลังเอ่ยทักทายคาร์ล
[“นายน้อยคาร์ล..ข้าได้ยินมาว่าท่านได้ทําสิ่งที่น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก!..ดูเหมือนท่านจะเป็นตัวแทนแห่งแสงสว่างจริงๆด้วย!”]
ท่าทางใสซื่อของแจ็คทําให้เคจ ฮันนาห์และคาร์ลถึงกับพูดอะไรไม่ออก ก่อนที่ฮันนาห์จะเอ่ยทําลายความอัดอั้นลง
[“ท่านต้องเหลืองานให้ข้าทําบ้างแล้ว..นายน้อยคาร์ล”]
“แน่นอน..ที่จักรวรรดิมีงานรอให้เจ้าทําอีกตั้งมากมาย..เจ้าคงรู้ใช่มั้ย?”
มีรอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าที่เต็มไปด้วยเส้นเลือดสีดําคล้ายกับใยแมงมุม
[“ใช่..ตอนนี้ข้ากําลังฝึกอย่างหนัก..ข้าจะชโลมวังหลวงให้เป็นสีแดงสดด้วยเลือดของพวกเขา”]
คาร์ลหันหน้าหนีด้วยสีหน้าเหยเก เขาไม่มีแผนที่จะเอาตัวเองไปตายในวังหลวงที่ย้อมไปด้วยสีแดงนั่น ฮันนาห์ยังคงพูดต่อโดยไม่รอฟังความเห็นของคาร์ล
[“แมรี่เป็นอย่างไรบ้าง?”]
“นางสบายดีและยังทําหน้าที่ของตนเองได้อย่างยอดเยี่ยม..การได้เจอกับดาร์กเอลฟ์อีกครั้งทําให้นางดูมีความสุขไม่น้อย”
คาร์ลมองเห็นฮันนาห์หยิบดาบของตนขึ้นและหันหลังจากไปทันทีที่คาร์ลพูดจบ ดูเหมือนเธอจะไม่มีอะไรให้พูดต่อก่อนที่เสียงของแจ็คจะดังเข้ามาในหูของเขาอีกครั้ง
[“ฮันนาห์ฝึกฝนอย่างหนัก..นางต้องการที่แข็งแกร่งขึ้นเพื่อเอาชนะปีศาจร้ายเช่นอาร์มและช่วยเหลือจักรวรรดิให้ได้! นายน้อยคาร์ล..นางต้องการที่จะช่วยท่านจริงๆ”]
แจ็คส่งยิ้มไร้เดียงสาให้กับคาร์ลนั่นทําให้เขารู้สึกผิดเล็กน้อย แต่เขาก็รีบปัดมันทิ้งไปอย่างรวดเร็วเพราะมีบางอย่างที่เขาต้องทํา
“ท่านเคจ..เสาหินเป็นอย่างไรบ้าง?”
นักบวชเคจเริ่มขมวดคิ้วมุ่น
[“มันเริ่มต้นขึ้นเมื่อวานนี้”]
เธอจ่าสิ่งที่ตัวเองสังเกตเห็นเมื่อวานนี้ได้เป็นอย่างดี
[“เมื่อวานนี้ข้าตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกแปลกๆ..ดูเหมือนพระเจ้าแห่งความตายจะทําให้ข้ารู้สึกเช่นนั้น..ข้าก็เลยตัดสินใจไปเดินสํารวจรอบๆป่าแห่งความมืดพร้อมกับฮันนาห์เพราะคิดว่าศัตรูอาจบุกมาถึงที่นี่” ]
[“แต่เราก็ไม่พบใคร”]
ไม่ปรากฏร่องรอยของสิ่งมีชีวิตใดให้พวกเธอได้เห็น แม้แต่สัตว์ประหลาดก็ไม่กล้าเข้ามาใกล้เพราะฮันนาห์มีออร่าสีทองและยังมีไอสีดําลอยออกจากร่างกายอีกด้วย นั่นทําให้เคจคิดว่าตัวเองแค่ฝันประหลาดเท่านั้น
[“แต่ทันทีที่เรากลับมาถึงคฤหาสน์ใต้ดินอีกครั้ง…”]
ปิ้ง!
มีเสียงบางอย่างดังขึ้นบริเวณลานน้ําพุด้านหน้าของตัวคฤหาสน์ เคจตกใจกับเสียงที่ได้ยินก่อนจะรีบวิ่งไปยังต้นกําเนิดเสียงทันที
[“จู่ๆโซ่เงินที่รัดรอบเสาหินก็เกิดระเบิดขึ้นมาและเป็นตัวการทําให้เกิดเสียงดังทั่วทั้งคฤหาสน์ใต้ดิน”]
ตอนที่เธอวิ่งไปถึงก็มองเห็นโซ่เงินที่หลุดออกมาจากเสาหิน เธอหยิบมันขึ้นมาดูจึงพบว่าโซ่เงินเกิดการระเบิดออกและชิ้นส่วนของมันก็หล่นมากองทั่วพื้น มันเป็นจํานวนที่มากทีเดียว
[“หลังจากนั้นเสาหินก็เริ่มมีอาการแปลกๆ”]
เคจยังคงอธิบายให้คาร์ลฟังด้วยสีหน้าไม่ค่อยมั่นใจนัก
[“หากจะบอกว่ามันเริ่มสั่นสะเทือนก็ดูจะไม่ใช่ซะทีเดียว..ดูเหมือนมันกําลังถูกกระแทกเข้ามาเสียมากกว่า”]
สีหน้าของคาร์ลในตอนนี้ก็ไม่ต่างจากเคจเลยสักนิด
“แล้วยังมีโซ่เงินรัดมันไว้หรือไม่?”
[ “ยังพอมีอยู่บ้าง..น่าจะเหลือประมาณสัก1ใน5ของโซ่เส้นเก่าที่เคยรัดเอาไว้..ข้าได้ใช้พลังของพระเจ้าแห่งความตายปิดผนึกไว้ชั่วคราวในจุดที่มันระเบิดออก”]
“ดูเหมือนว่าข้าจะต้องรีบกลับแล้วล่ะ”
เคจรีบยกมือห้ามเอาไว้เพราะเห็นว่ามันยังไม่จําเป็น
[“ท่านไม่ต้องรีบหรอกนายน้อยคาร์ล..เสาหินไม่ได้ดูเหมือนจะพังได้ตลอดเวลาขนาดนั้น..แต่ถ้ามันเกิดพังขึ้นมาและมีอะไรโผล่ออกมาจริงๆข้าก็จะใช้พลังของพระเจ้าแห่งความตายหรือไม่ก็ให้ฮันนาห์ใช้ออร่าของนางจัดการฆ.. เอ่อ..ป้องกันเอาไว้..แม้ว่าข้าจะถูกคว่ําบาตรแต่การจะให้ข้าพูดคําว่า”ฆ่า”แบบเต็มปากเต็มคําก็รู้สึกแปลกๆอย่างไรไม่รู้..อย่างน้อยข้าก็เคยเป็นนักบวชมาก่อนล่ะนะ..ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!!!”]
เคจหัวเราะออกมาดังลั่นในขณะที่คาร์ลก็ยกมือขึ้นมาลูบเปลือกตาเบาๆ
“ฉันต้องกลับไปให้เร็วที่สุด”
คาร์ลไม่สามารถสูญเสียสิ่งที่จะทําให้เขาได้ใช้ชีวิตอย่างคนเกียจคร้านในอนาคตไปได้ เขาไม่ยอมปล่อยให้เรื่องนี้เกิดขึ้นอย่างแน่นอน มันคือเหตุผลที่เขาต้องมุ่งหน้าไปยังทวีปตะวันออก
ทวีปตะวันออก
เขาต้องไปที่นั่นเพื่อค้นหาวารีพิพากษา
และหลังจากนั้นฉันจะจัดการกับมงกุฎดื่มเลือดมังกร
เขาวางแผนที่จะควบคุมมงกุฎดื่มเลือดมังกรหลังจากที่ธาตุในร่างกายของเขาครบสมดุลแล้ว
“มนุษย์! เจ้ามนุษย์! เราจะได้กลับบ้านกันแล้วหรือเปล่า?! เราจะได้ไปพบกับทุกคนที่บ้านพักตากอากาศใต้ดินแล้วใช่มั้ย?”
คาร์ลหยุดคิดเรื่องนี้เมื่อได้ยินเสียงตื่นเต้นของราอน
“ใช่แล้ว..พวกเราทุกคนจะได้กลับไปพบกันที่นั่น”
[“อ้อ!นายน้อยคาร์ล..ข้าหมักแอลกอฮอล์ใส่ผลไม้ที่หาได้จากป่าแห่งความมืดเอาไว้ด้วย..เอาไว้ท่านเดินทางมาถึงที่นี่เมื่อไรเรามาดื่มมันด้วยกันเถอะ!”]
“ได้สิ ฟังดูเข้าท่าที่เดียวท่านเคจ”
[“ข้าอยู่ที่นี่ก็ไม่ได้ทําอะไรมากนักพอรู้สึกเบื่อๆก็เลยลองทําแก้วน้ําจากไม้ขึ้นมา..ของท่านจะพิเศษกว่าคนอื่นเพราะมันถูกตกแต่งเป็นลายโล่เงิน ข้าหวังว่าท่านจะชอบและใช้แก้วใบนี้ดื่มแอลกอฮอล์ด้วยกัน อ่า..มันต้องดีมากแน่ๆ!”]
“..แล้วข้าจะรีบติดต่อกลับไปในเร็วๆนี้”
คาร์ลเอ่ยตัดบทและส่งยิ้มน้อยๆไปให้เคจที่กําลังหัวเราะร่วนร่วมทั้งแจ็คที่พยายามเรียกร้องให้เขากลับไปดื่มแอลกอฮอล์โดยใช้แก้วที่เขาเป็นคนทํามันขึ้นมา จากนั้นสายก็ถูกวางไป
“…ไออิกู”
คาร์ลยกมือทั้งสองไปกดที่ขมับเบาๆ
“…ฉันต้องรีบติดต่อไปหาท่านฮฮาเป็นและเจ้าบ้าโคลเปย์โดยเร็วที่สุด”
ในขณะนั้นประตูห้องพักของคาร์ลก็ถูกเปิดออก ราอนไม่ได้อยู่สภาพล่องหนเพราะถึงอย่างไรคนที่เข้ามาก็น่าจะเป็นเชวฮัน แมรี่หรือฮิลส์แมน ใครสักคนในสามคนนี้ คาร์ลเริ่มพูด
“มีอะไรหรือ–”
คาร์ลหยุดพูดและกวาดสายตาไปมองผู้มาใหม่ เป็นเชวฮันที่มีผ้าพันแผลพันส่วนที่ได้รับบาดเจ็บเอาไว้ รวมถึงแมรี่ที่ยังคงสวมชุดคลุมสีดําประจําตัวของเธอ
ครืดดด!
เสียงล้อหมุนดังขึ้นเมื่อรถเข็นอาหารถูกเข็นเข้ามาในห้องพักของเขา บนรถเข็นอาหารนั้นเต็มไปด้วยขวดไวน์และอาหารเป็นจํานวนมาก
ราอนที่นั่งอยู่ข้างๆ คาร์ลกลืนน้ําลายดังเอื้อก
เชวฮันสังเกตเห็นสายตาของราอนที่จ้องมาทางอาหารก่อนจะพูดขึ้น
“ข้าคิดว่าพวกท่านอาจกําลังหิว”
“เชวฮันเจ้าเยี่ยมมาก! เจ้าฉลาดมากเชวฮัน!”
ร่างของคาร์ลผุดขึ้นจากเก้าอี้และรีบย้ายจานอาหารมาไว้ที่โต๊ะทันที ด้วยความร่วมมือของเชวฮัน แมรี่และพลังเวทย์ของราอนทําให้ในไม่ช้าจานอาหารก็ถูกวางอยู่เต็มโต๊ะ
คาร์ลทรุดตัวลงนั่นอีกครั้งพลางเอ่ยถาม
“แล้วฮิลส์แมนล่ะ?”
“…เขาอยู่กับพวกทหารเพื่อเล่าเรื่องการใช้โล่ป้องกันทําศึกกับศัตรูขอรับและดูเหมือนจะเข้าไปพูดคุยกับอัศวินของอาณาจักรคาโรอีกด้วย”
“การใช้โล่ทําศึกกับศัตรู? ไปพูดคุยกับเหล่าอัศวิน?”
สีหน้าของคาร์ลดูแปลกๆแต่ก็คิดว่าเป็นเรื่องปกติสําหรับฮิลส์แมนเพราะเขาก็ทําตัวใกล้ชิดกับทหารของอาณาจักรวิปเปอร์แบบนี้เช่นกัน
อีกอย่างตอนนี้คาร์ลหิวเกินกว่าจะมัวเสียเวลาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาเริ่มลงมือทานอาหารทันที คนอื่นๆก็ทยอยทานอาหารเช่นกัน ในไม่ใช่เสียงที่ดังก้องไปทั่วห้องก็มีเพียงเสียงที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นของราอน
“มนุษย์นี่มันอร่อยมากเลย! เจ้าลองทานดูสิ! แมรี่..เจ้าต้องทานอันนี้ด้วย! เชวฮัน..เจ้าต้องทานเยอะๆนะจะได้หายเร็วๆ!”
คาร์ลถอนหายใจขณะที่มองราอนหยิบสเด็กขึ้นมากัดเมื่อเห็นว่าอร่อยก็ส่งต่อไปให้คนอื่นทาน ส่วนเขาก็ทําหน้าที่หยิบสเต็กชิ้นใหม่ไปวางบนจานของราอนเป็นระยะๆ
มันเป็นจังหวะที่ราอนกําลังส่งสเต็กของตนเองไปวางบนจานของคนอื่นและคาร์ลกําลังวางสเต็กชิ้นใหม่ไปไว้ตรงหน้าของราอน
ปั้บ! ปั้บ ปั้บ ปั๊บ!
อุปกรณ์เวทย์สื่อสารที่ตั้งอยู่กลางโต๊ะส่องแสงสีแดงขึ้นมา มันเป็นการแจ้งให้รู้ว่านี่คือสายด่วนที่ติดต่อมาหาเขา
คาร์ลอยากจะโยนสเต็กที่อยู่ในมือทิ้งเมื่อได้ยินเสียงเตือนดังกล่าว อย่างไรก็ตามเขาแค่วางมันลงบนจานอย่างเบามือเพราะถึงอย่างไรมันก็เป็นเนื้อที่อร่อยมาก เขาเริ่มคิดบางอย่างในใจ
“เป็นสายจากอาณาจักรเบร็คหรือเปล่า? อาจจะเป็นล็อก? หรือจะเป็นสายจากอาณาจักรโรมัน?”
คาร์ลถอนหายใจยาวและหันไปมองอุปกรณ์เวทย์สื่อสารซึ่งราอนก็ได้แจ้งให้เขาทราบว่าปลายสายเป็นใคร
“เป็นสายจากท่านปู่อูฮาเบ็น!”
“อูฮาเบ็น?
มังกรทองเป็นคนติดต่อมาหาคาร์ลด้วยตัวเอง เท่าที่คาร์ลจําได้ครั้งล่าสุดที่เขาทิ้งข้อความให้กับอฮาเป็นนั้น อูฮาเบ็นก็ไม่ได้ติดต่อกลับมาแต่อย่างใด
คาร์ลเช็ดซอสออกจากมุมปากและออกคําสั่งแก่ราอน
“เชื่อมต่อสัญญาณได้เลย”
สีหน้าของคาร์ลปรากฏรอยเครียดขึ้นเมื่อคิดว่าอูฮาเบ็นติดต่อมาหาเขาทําไม แถมยังเป็นสายด่วนอีกต่างหาก
ราอนเชื่อมต่อสัญญาณทันทีก่อนที่ร่างของชายผู้หนึ่งที่มีเส้นผมสีทองเจือขาวจะปรากฏผ่านหน้าจอเวทย์
“สวัสดี..ไม่ได้เจอกันนายเลยนะ”
อูฮาเบ็นยังคงมีกลิ่นอายหน้าเกรงขามสมกับที่เป็นมังกร อูฮาเบ็นกวดสายตามองคาร์ล ราอน แมรี่และเชวฮันที่อยู่อีกฝั่งของหน้าจอเวทย์
จากนั้นเขาก็สังเกตเห็นดวงตาของคาร์ล
[…ทําไมเจ้าถึงมองข้าแบบนั้น?]
คาร์ลจึงถามออกไปตรงๆตามที่ใจของเขาคิดไว้
“ท่านมีลูกชายหรือเปล่า?”
แค่ก!
เชวฮันถึงกับสําลักน้ําที่กําลังยกขึ้นจิบ ในขณะที่แมรี่ก็ค่อยวางช้อนในมือลง ส่วนดวงตากลมโตของราอนนั้นก็หันขวับมามองคาร์ลทันที
อย่างไรก็ตามคาร์ลกําลังคิดถึงคนผู้หนึ่ง
ลูกครึ่งมังกรผู้มีเส้นผมสีทองเจือขาว
มังกรแต่ละตัวถูกกล่าวไว้ว่าจะมีสีประจํากายเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง
คาร์ลไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับมนุษย์ลูกครึ่งมังกร แต่ถ้าพวกเขามีเลือดครึ่งหนึ่งเป็นมังกรก็อาจมีลักษณะที่เด่นๆ ตามมังกรผู้เป็นบิดาหรือมารดาของตนด้วยหรือเปล่า? อย่างสีผมหรือสีผิวก็ถือเป็นลักษณะเด่นเช่นกัน
มังกรที่มีสีประจํากายเป็นสีทองเจือขาวก็มีแต่อฮาเป็นเท่านั้นที่คาร์ลรู้จัก สายตาเรียบๆของคาร์ลยังคงต้องไปที่อูฮาเบ็นซึ่งเขาเองก็กําลังมองตอบคาร์ลอยู่เหมือนกัน
[“อืม..ข้าคิดว่าสงครามอาจทําให้มนุษย์สติเลอะเลือนได้..ข้าเข้าใจดี..มันคงเป็นเรื่องยากจริงๆนั่นล่ะ”]