ขยะแห่งตระกูลเคานต์ Trash of the Count’s Family - ตอนที่ 225.2
บทที่ 225 ไม่ต้องกังวล 6 (2)
ทหารมองกลับไปที่เพื่อนของตนด้วยความงุนงง เพื่อนของเขาก็รีบแบ่งปันข้อมูลที่รู้มาอย่างรวดเร็วเช่นกัน
“มีทหารจํานวนมากที่เอ่ยถามเขาว่า..เขาเป็นนักบวชของคริสตจักรใด? ซึ่งเขาก็ค่อยๆยกมือขึ้นมาและ..!”
“และอะไร?”
เพื่อนของเขาชี้ไปที่ท้องฟ้า
“เขาชี้ไปที่ท้องฟ้าและยิ้มน้อยๆโดยไม่เอ่ยสิ่งใดออกมา”
“ท้องฟ้า?”
เขาเงยหน้ามองท้องฟ้าทันที เขามองเห็นท้องฟ้ากว้างและพระอาทิตย์ ใช่แล้วพระอาทิตย์พระอาทิตย์กําลังสว่างไสวไปทั่วท้องฟ้าจนยากที่จะมองขึ้นไปได้ถนัด
“…หรือว่า?”
ทหารนายนี้ส่ายศีรษะน้อยๆ ด้วยความไม่อยากเชื่อแต่ตาของเขาก็ยังจ้องไปยังนักบวชที่กําลังใช้แสงสีขาวราวกับแสงสว่างจากพระอาทิตย์รักษาผู้บาดเจ็บอยู่
“อ๊ะ! ดูเหมือนเขาจะพูดบางอย่างเช่นกัน”
“เขาพูดว่าอะไร?”
เขาข่มใจที่เต้นรัวเอาไว้ขณะที่รอฟังคําตอบจากเพื่อนทหารของตน
“เขาพูดว่า สิ่งที่ถูกกล่าวไว้ว่าเป็นแสงสว่างในความมืดและไม่มีวันมอดดับลงแม้แสงสว่างนั้นจะถูกแบ่งปันออกไปก็ตาม..สิ่งนั้นจะส่องสว่างยิ่งกว่าครั้งไหนๆและจะมาเยือนพื้นโลกในไม่ช้านี้.ข้าแค่แบ่งปันแสงสว่างเห ล่านี้ให้กับผู้อื่นในขณะที่รอการมาถึงของช่วงเวลาดังกล่าว”..”
ทหารที่ศรัทธาในตัวพระเจ้าแห่งแสงตะวันมีท่าทางแปลกไปทันทีที่เพื่อนพูดจบ เขากําลังนึกถึงคําสอนของพระเจ้าแห่งแสงตะวัน
<พระอาทิตย์ค้นพบความมืดและส่องสว่างเพื่อกลบความมืดมิดนั้น..พระอาทิตย์ยินดีที่จะส่องสว่างไปให้สิ่งมีชีวิตทุกชนิด>
หัวใจของเขาเต้นรัวเร็วขึ้น ในขณะที่เพื่อนของเขาก็ตบไปที่ไหล่ของเขาเบาๆ
“นั่นล่ะคือสิ่งที่นักบวชผู้นั้นพูดเอาล่ะ! เราไปทํางานต่อกันเถอะ”
5.อื้ม”
เพื่อนของเขากลับไปทํางานต่อแล้ว ในขณะที่เขากระชับจอบในมือของตนแน่นและเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าเขามองเห็นยอดหอคอยกลางที่อยู่เหนือกําแพงปราสาท และเหนือยอดหอคอยกลางนั้นก็มีพระอาทิตย์ดวงโดลอยเด่นอยู่เช่นกัน
“…พระอาทิตย์”
เขาเริ่มคิดเกี่ยวกับพระเจ้าแห่งแสงตะวันในขณะที่เริ่มลงมือขุดดินอีกครั้ง เขารู้สึกถึงแสงแดดที่ส่องกระทบลงบนร่างของเขา
ในขณะที่อีกฝั่งหนึ่งยังคงปกคลุมไปด้วยความเย็นเยือกแม้จะมีแสงแดดส่องลงมาแล้วก็ตาม
บริเวณโต๊ะด้านในเต็มไปด้วยอาหารเลิศรส งานเลี้ยงฉลองสามารถจัดขึ้นมาได้เพราะการต่อสู้ได้สิ้นสุดลงแล้วอย่างไรก็ตามมันก็ถือเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงให้เห็นว่าการพูดคุยกันในครั้งนี้มีความสําคัญเป็นอย่างยิ่ง
แต่มีบางอย่างที่ทําให้วาเลนติโน่เงียบจนผิดปกติ เขาไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้แม้ว่างานเลี้ยงจะปรากฏอยู่ตรงหน้าเขาแล้วก็ตาม
ซุปที่วางอยู่ตรงหน้าก็เย็นชืดเช่นกัน
วาเลนติโน่ไม่แม้แต่จะมองถ้วยซุปที่อยู่ตรงหน้าเพราะเขากําลังมองไปยังคนผู้หนึ่งอยู่ เขากําลังมองไปที่คาร์ลเฮนิตัสที่นั่งอยู่ตรงข้าม
คาร์ลดูเหมือนจะไม่มีปัญหาอะไรเพราะเขาสามารถทานอาหารได้อย่างต่อเนื่อง
แม้แต่อัศวินทั้งหมดก็ประจําการอยู่นอกห้อง มีเพียงพวกเขาสองคนเท่านั้นที่รับประทานอาหารร่วมกันอยู่บนโต๊ะแห่งนี้
คาร์ลยังคงวางตัวได้เหมาะสมกับการเป็นขุนนางที่ดีในขณะที่ลงมือทานอาหารไปเรื่อยๆ
อย่างไรก็ตามมือของวาเลนติโน่กลับสันเทาจนเขาไม่สามารถถือช้อนหรือส้อมได้ สิ่งเดียวที่เขาสามารถจับไว้ได้ก็คือมีดเล็กๆที่วางคู่กับส้อมนั้นเอง มีด! นั้นคือจุดที่สายตาของวาเลนติโน่กําลังจ้องอยู่
“ถ้าเช่นนั้น..สิ่งที่เจ้ากําลังจะบอกข้า”
เสียงของวาเลนติโน่ฟังดูขาดๆหายๆ เขาก้มดูเอกสารที่อยู่ข้างๆถ้วยซุปอีกครั้ง
“ระเบิดพลังเวทย์ที่ทํามาจากเวทย์ความตายเป็นสิ่งที่จักรวรรดิสร้างขึ้นมาอย่างนั้นหรือ?”
คาร์ลไม่ได้ตอบกลับ เขาเพียงแต่ทานอาหารต่อไปเงียบๆเท่านั้น วาเลนติโน่ไม่ได้ต้องการคําตอบจากคาร์ลจริงๆเขาเพียงแต่พูดขึ้นมาเพื่อยกับตัวเองเท่านั้น วาเลนติโน่เริ่มพูดต่อ
“จักรวรรดิและพันธมิตรไร้พ่ายอยู่ฝ่ายเดียวกันงั้นรึ?”
วาเลนติโน่เริ่มขมวดคิ้วมุ่น
“แต่จักรวรรดิก็ยังส่งทหารมาช่วยเรา? และเอดิน..เจ้าบ้านั่นก็มาให้กําลังใจข้าถึงที่นี่!”
“องค์ชายเอดินผู้เป็นองค์ชายรัชทายาทแห่งอาณาจักรโมโครหรือจักรวรรดิ
คาร์ลเงยหน้าขึ้นทันทีที่เอดินถูกพูดถึง เขาสบตาเข้ากับวาเลนติโน่และเริ่มตอบกลับช้าๆ
“เสวยพระกระยาหารเถิดพะยะค่ะ..พระองค์ต้องอิ่มท้องเพื่อจะได้มีแรงสู้ต่อ”
จากนั้นเขาก็ก้มศีรษะลงและทานอาหารต่อไป
วาเลนติโน่ถึงกับพูดอะไรไม่ออกเมื่อมองไปที่คาร์ล
ในตอนแรกวาเลนติโน่ต้องการที่จะตะโกนใส่หน้าคาร์ลว่าสิ่งที่เขาและอาณาจักรโรมันกําลังบอกนั้นเป็นเรื่องโกหกเอกสารที่พวกเขามอบให้เป็นสิ่งที่ยากจะเชื่อได้โดยง่ายและวาเลนติโน่ต้องการจะบอกพวกเขาว่าตนไม่คิดที่จะทําลายความสัมพันธ์อันดีที่จักรวรรดิมีร่วมกับอาณาจักรคาโรโดยเด็ดขาด
อาณาจักรโรมันไม่ได้อยู่ในจุดที่ใกล้เคียงกับอาณาจักรคาโรแม้แต่น้อย เขาไม่สามารถไว้วางใจในคําพูดของอาณาจักรเล็กๆเช่นอาณาจักรโรมันได้ อย่างไรก็ตามวาเลนติโน่ไม่สามารถพูดอะไรโดยไม่คิดถึงผลที่จะตามมาได้เขาต้องพิจารณาทุกอย่างให้รอบคอบ
จากนั้นเขาก็เริ่มคล้อยตามอย่างช้าๆ
อาณาจักรโรมันในตอนนี้ถือเป็นอาณาจักรที่ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ใกล้เคียงกับอาณาจักรคาโรนอกจากนี้เขายังมองเห็นใบหน้าซีดๆของคาร์ลได้อย่างชัดเจน
วาเลนติโน่หันศีรษะของตนไปมองด้านนอก
เขามองเห็นดาร์กเอลฟ์และคนของอาณาจักรโรมันที่ปักหลักอยู่บนชายฝั่ง พวกเขาช่วยกันทําความสะอาดและเร่งฟื้นฟูพื้นที่ที่เสียหาย นอกจากนี้เขายังได้ยินมาว่านักบวชจากอาณาจักรโรมันและหมอผีกําลังช่วยกันรัก ษาทหารชั้นผู้น้อยที่ได้รับบาดเจ็บ
ที่สําคัญคาร์ลและปรมาจารย์ดาบเชวฉันได้ทําการต่อสู้อย่างดุเดือดจนพวกเขาแทบจะเอาชีวิตตัวเองไม่รอด
แม้ว่าวาเลนติโน่จะไม่ได้เอ่ยถามถึงสายฟ้ารุนแรงนั่นแต่เขาก็รู้ดีว่าโล่ป้องกันนั้นเป็นพลังของคาร์ลบุคคลที่แข็งแกร่งผู้นี้ได้ทําการปกป้องปราสาทลีโอน่าเอาไว้โดยไม่กังวลแม้แต่น้อยว่าตนจะได้รับบาดเจ็บ
วาเลนติโน่ค่อยๆหยิบช้อนขึ้นมา
จากนั้นก็เริ่มเอ่ยปาก
“ใช่แล้ว เราจะต้องอิ่มท้องเพื่อจะได้มีแรงสู้ต่อ”
คาร์ลเงยหน้าขึ้นและมองไปยังมีดที่วาเลนติโน่ชขึ้นมา
“เราต้องมีแรงเพื่อที่จะยกมีดขึ้นมาได้”
อีก!
ทันใดนั้นวาเลนติโน่ก็วางช้อนและมีดลง จากนั้นก็ยกถ้วยซุปขึ้นมาและยกดื่มทันที
มันเป็นการกระทําที่ไร้มารยาทบนโต๊ะอาหารโดยสมบูรณ์
แกรีก!
ถ้วยเปล่าถูกกระแทกกลับไปบนโต๊ะในขณะที่วาเลนติโน่ก็หันมาพูดกับคาร์ลต่อ
“เมื่อใดที่เจ้าหิวเจ้าก็ควรทานทุกอย่างที่ขวางหน้าและตอนที่เจ้าคับแค้นใจเจ้าก็ต้องทานเช่นกัน”
วาเลนติโน่กําลังหิว
ทั้งข้อมูลที่เขาได้รู้ กลุ่มอานาจต่างๆ ความรู้สึกที่ไม่ยุติธรรม ความโกรธและการทรยศ สิ่งเหล่านี้ทําให้เขารู้สึกหิวเขาต้องการที่จะเติมเต็มท้องว่างๆของเขา
“ผบ.คาร์ล..ข้าต้องการพูดคุยกับองค์ชายอัลเบิร์กเป็นการส่วนตัว”
“พะยะค่ะ”
คาร์ลหยิบมีดของตนขึ้นมาและเริ่มนั่นสเด็กในจานของตนช้าๆ เขาหันไปเอ่ยกับวาเลนติโน่
“สิ่งนี้จะช่วยเติมเต็มท้องที่ว่างของพระองค์พะยะค่ะ”
วาเลนติโน่มองไปที่สเด็กบนจานของคาร์ลที่เริ่มถูกนั่นออกเป็นชิ้นๆพร้อมทั้งกลืนน้ําลายเข้าไปอีกใหญ่เขาสบตาเข้ากับคาร์ลอีกครั้ง
ทั้งคู่เริ่มยิ้มให้กัน
คนหนึ่งกําลังคิดที่จะแก้แค้นในขณะที่อีกคนกําลังคิดที่จะทําลายจักรวรรดิและวิหารพระเจ้าแห่งแสงตะวัน
คนสองคนที่มีความคิดต่างกันกําลังส่งยิ้มให้กันอย่างสดใส