ขยะแห่งตระกูลเคานต์ Trash of the Count’s Family - ตอนที่ 230.1
บทที่ 230 แต่ที่นี่จะสบายกว่ามั้ย? 4 (1)
รอนพุ่งสายตาเย็นชามาที่คาร์ลทําให้เขาหันหน้าหนีอย่างรวดเร็ว เขาพยายามเก็บอาการของตนให้ดูปกติมากที่สุด
-มนุษย์! ท่านปูรอนจ้องเจ้าตาไม่กระพริบเลย!
ไหล่ของคาร์ลสะท้านขึ้นเมื่อได้ยินสิ่งราอนบอก มันไม่ช่วยไม่ได้ที่เขาจะรู้สึกเช่นนี้ คาร์ลไม่ได้บอกรอนล่วงหน้า ว่าจะให้เขาเข้ามาเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้มีอิทธิพลในตลาดมืด ทั้งหมดที่เขาบอกแก่รอนมีเพียงแค่รอนรู้จักทวีปตะวันออกมากที่สุดในกลุ่มจึงให้เขาตามมาด้วยเท่านั้น
“ นายน้อยขอรับ”
เสียงของรอนไม่ได้ฟังอ่อนโยนเหมือนที่เคยเป็น เสียงแข็งๆของชายชราทําให้คาร์ลตอบสนองช้าเล็กน้อย
“เจ้าเป็นคนเดียวที่ข้าไว้ใจให้จัดการเรื่องนี้”
มันเป็นความจริง
เมื่อเทียบกับนักแสดงยอดแย่เช่นเชวฮัน คนใสซื่อเช่นแมรี่หรือแม้แต่คนที่ชอบพูดไปเรื่อยเช่นฮิลส์แมน คาร์ลคิดว่ารอนคือคนที่เหมาะสมที่สุดที่จะเป็นผู้นําในตลาดมืดนี้ได้
อย่างไรก็ตามคาร์ลยังไม่กล้าหันไปสบตากับรอนตรงๆ
เขากลัว
ไม่ว่าเขาจะมีจิตใจที่แข็งแกร่งเพียงใดแต่ชายชราคนนี้น่ากลัวกว่าเชวฮันมากนัก คนหนึ่งเป็นคนที่ซื่อตรงต่อหน้าที่จนดูเถรตรงเกินไป กับอีกคนอาศัยจังหวะที่เผลอเพื่อหวังเชือดคอเรา คนสองประเภทประเภทนี้แบบไหนน่ากลัวกว่ากัน? แน่นอนว่าเป็นประเภทหลัง
รอน โมแลน ถนัดในการพรากชีวิตของผู้อื่นโดยที่คนผู้นั้นไม่ทันได้รู้ตัวด้วยซ้ํา
คาร์ลยังคงเม้มปากแน่นและพยายามเลี่ยงสายตาของรอนให้ได้มากที่สุด
แน่นอนว่าสายตาของรอนยังคงจ้องเขม็งไปที่แผ่นหลังของคาร์ล เขาแผ่ความน่ากลัวออกมาจนทําให้อดีต หัวหน้าโจรปิดปากแน่นด้วยความหวาดกลัว อดีตหัวหน้าโจรมองสลับไปมาระหว่างคาร์ลและรอน
บารอคยืนอยู่มุมห้องเพื่อปัดฝุ่นที่เกาะอยู่บนดาบของตนออก เขาแกล้งทําเป็นไม่สนใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นแต่สายตาของเขาก็มองไปที่พ่อของตนเป็นระยะๆ
ความเงียบถูกทําลายลงเมื่อรอนพูดขึ้น
“คนที่สูญเสียทุกอย่างภายในวันเดียวและต้องหนีไปซ่อนตัวยังอีกทวีปหนึ่ง ไม่เพียงแต่สัญชาตญาณความโหดร้ายที่หายไป ตอนนี้เขายังแก่มากอีกด้วย”
รอนกําลังพูดถึงตัวเอง
เขาต้องพาบารอคหนีตายไปยังทวีปตะวันตกเมื่อตระกูลโมแลนถูกโค่นลง เขาสูญเสียสมาชิกในครอบครัว ไปทั้งหมดและยังสูญเสียสัญชาตญาณความโหดร้ายที่ตนมีไปอีกด้วย ตอนนี้เขาเป็นเพียงชายชราธรรม ดาๆคนหนึ่งเท่านั้น
เขาแก่เกินกว่าที่ตัวเองจะสามารถพัฒนาอะไรได้ต่อ ต้องแบบเชีวฮันหรือแมรี่ถึงจะเหมาะสมมากกว่า
รอนพยายามบอกคาร์ลคนที่กําลังสั่งให้เขาเข้าไปควบคุมตลาดมืดในทวีปตะวันออกว่ามันไม่สามารถเป็นไปได้ ช่วงเวลานั้นเองที่เขาได้ยินเสียงของคาร์ลดังขึ้น มันเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ
“ไม่มีข้ออ้างอย่างอื่นแล้วเหรอ?”
รอนชะงัก
ในที่สุดคาร์ลก็หันไปมองรอน
“อ่อนแอ? ไม่โหดพอ? แก่?”
ถ้าความสามารถระดับรอนเรียกว่าอ่อนแอแล้วนักฆ่าคนอื่นๆล่ะ? พวกเขาไม่ต้องลาออกจากอาชีพนี้ไปเลยเหรอ? หากเขาคิดที่จะวางมือจริงทําไมเขาต้องแสดงท่าที่สุภาพ ดูถ่อมตนกว่าคนธรรมดาทั่วๆไปนัก?
คาร์ลไม่คิดปิดบังความรู้สึกของตน ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อในสิ่งที่รอนพูด
รอนพูดอะไรไม่ออกเมื่อเห็นคาร์ลแสดงความรู้สึกของตัวเองมาแบบนั้น
“ไม่มีข้ออ้างอย่างอื่นแล้วเหรอ?”
รอนมองไปที่นายน้อยของตนที่ดูเก่งกาจจนไม่สามารถเรียกว่าลูกสุนัขได้อีกต่อไป เขายังได้ยินเสียงบ่นของ คาร์ลดังขึ้นอีกครั้ง
“สิ่งที่เจ้าชอบทําในเวลาว่างก็คือลับมีดสั้นให้คมวับอยู่เสมอ อ่อนแอ? เจ้าไม่รู้ตัวว่าเจ้าน่ากลัวขนาดไหน เวลาที่ลับมีดพวกนั้น? เฮ้อ..ให้ตายเถอะ”
รอนเม้มปากแน่นก่อนจะมองไปที่มือของตน สิ่งที่คาร์ลพูดเป็นความจริง เขาลับมีดสั้นของเป็นประจําทุกวัน มีเหตุผลง่ายๆที่ทําให้เขาทําเช่นนี้ เป็นเพราะพวกเขาอยู่ท่ามกลางสงครามและไม่รู้ว่าศัตรูจะปรากฏตัวขึ้นเมื่อไร ไม่มีทางที่เขาจะเก็บอาวุธไว้ไกลตัวในสถานการณ์เช่นนี้ได้ แต่ทันใดนั้นเขาก็เริ่มคิดบางอย่างขึ้นมา
“มันเป็นเพราะเหตุผลนี้เพียงอย่างเดียวจริงๆเหรอ?
เขาหันหน้าไปยังมุมห้อง เขามองเห็นบุตรชายกําลังเช็ดดาบของตนอยู่ บารอคไม่ได้หลบสายตาของเขา และยังสบตาเข้ากับเขาตรงๆ
รอยยิ้มแปลกๆปรากฏขึ้นบนใบหน้าไร้อารมณ์ของบารอค
“ท่านพ่อ..ท่านถูกจับได้แล้ว”
นั่นคือสิ่งที่บารอคสื่อมาให้รอนผ่านรอยยิ้มของเขา
ใช่แล้ว เขาถูกจับได้
รอนเองก็เริ่มยิ้มเช่นกัน มันเป็นรอยยิ้มเย็นซึ่งห่างไกลจากรอยยิ้มอ่อนโยนที่เขามักทําเป็นประจํา
มือและเท้าของเขาเคลื่อนไหวอยู่เสมอเมื่อดูเชวฮัน แมรี่และฮิลส์แมนต่อสู้กับศัตรู อาการคันไม้คันมือที่เขารู้สึกต่างไปจากฮันนาห์เพราะร่างทั้งร่างของเขากําลังเต้นเร่าอย่างดุเดือด
เขารู้ว่าโอกาสที่ตาแก่เช่นเขาจะพัฒนาขึ้นไปได้อีกมีน้อยกว่าเด็กๆพวกนี้แต่เขาก็ไม่สามารถวางมีดสั้นของตัวเองลงได้ เขาฝึกฝนแขนปลอมที่แมรี่ทําให้เป็นประจําทุกเช้าก่อนจะเข้าไปปลุกคาร์ล
อะไรคือเหตุผลที่ทําให้เขาต้องทําเช่นนั้น
“แก่บ้านเจ้านะสิ? เจ้ายังมีชีวิตได้อีกหลายสิบปี”
รอนหันกลับไปมองนายน้อยที่ครั้งหนึ่งเขาเคยปรามาสว่าเป็นลูกสุนัข คาร์ลยังบ่นให้เขาไม่หยุด นั่นทําให้เขาแต้มรอยยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้าอีกครั้ง
“นายน้อย สิ่งท่านพูดมานั้นเป็นความจริงขอรับ”
คาร์ลค่อยๆหันหน้าไปมองรอน ทันทีที่สบตาเข้ากับรอน คาร์ลก็รู้สึกว่าหัวใจของเขาตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม
“กระผมมีความโลภเกินกว่าจะมาใช้ชีวิตเป็นตาแก่น่าเบื่อเช่นนี้”
“ทําไมตาแก่นี้ถึงได้น่ากลัวขนาดนี้นะ?
คาร์ลยกมือกุมหน้าอกเหนือหัวใจและกลืนน้ําลายเข้าไปอีกใหญ่ รอนไม่สนใจท่าทางของคาร์ลเมื่อหันไปพู ดกับอดีตหัวหน้าโจร
“สําหรับผู้มีพระคุณ..เราจะตอบแทนบุญคุณคืนเป็นร้อยเท่า แต่ถ้าเป็นศัตรูเราจะแก้แค้นพวกเขาด้วยความตาย”
รอนเชื่อว่าทุกคนล้วนมีเทียนอยู่ในใจ แสงบนปลายเทียนค่อยๆมอดลงเมื่อเราเริ่มแก่ตัวขึ้นจนกระทั่งดับลงในที่สุด และทําให้โลกของเราเต็มไปด้วยความมืดมิด
อย่างไรก็ตามเขาคิดผิด
สิ่งที่ทําให้แสงเทียนในใจของเขาค่อยๆดับลงไม่ใช่เทียนที่ค่อยๆหดสั้นลงแต่เป็นลมที่เขาอนุญาตให้มันพัด เข้าไปในใจของเขา อีกทั้งเขายังหันหน้าหนีจากเปลวไฟเล็กๆ ที่ยังคงลุกไหม้อยู่ ในที่สุดเขาก็ตระหนักได้
รอนหันกลับมาใส่ใจเปลวไฟเล็กๆของเขาที่เริ่มจะมอดดับลง การทําแบบนี้ทําให้เขารู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เขารู้สึกถึงความตั้งใจแน่วแน่ของตนและบอกได้อย่างเต็มปากว่าชีวิตของเขายังเดินหน้าต่อไปได้อีกนาน
“นายน้อย ขอบคุณท่านมาก”
รอนหันกลับไปขอบคุณคนที่ทําให้เขารู้ว่ายังมีแสงไฟเล็กๆลุกโชนอยู่ในใจของเขา ในทางกลับกันคาร์ลกําลังรู้สึกสับสน
เกิดอะไรขึ้น? เมื่อกี้เขายังบอกว่าแก้แค้นศัตรูด้วยความตายจากนั้นก็หันกลับมาขอบคุณฉัน?
คาร์ลกําลังกังวลเพราะไม่สามารถเข้าใจได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่เมื่อเห็นสายตาที่รอนจองมากลับไป เป็นปกติพร้อมทั้งแต้มรอยยิ้มอ่อนโยนอันเป็นเอกลักษณ์ก็ทําให้คาร์ลเริ่มผ่อนคลายขึ้น หัวใจที่กระหน่ําเต้นด้วยความหวาดกลัวเมื่อครู่นี้ก็เริ่มกลับมาเป็นปกติ เขาได้ยินเสียงของคนผู้หนึ่งดังขึ้นเมื่อเขาสงบลง
“แต่ว่า..ท่านหัวหน้าใหญ่ขอรับ?”
อดีตหัวหน้าโจรหันไปมองคาร์ลพลางเอ่ยขึ้นอย่างระมัดระวัง คาร์ลหันไปมองเขาด้วยสายตาที่จะถามว่าเจ้าต้องการอะไร?”ก่อนที่อดีตหัวหน้าโจรจะพูดต่ออย่างรวดเร็ว
“หากจะเป็นกลุ่มผู้มีอิทธิพลไม่ใช่ว่าเราจําเป็นต้องมีเงินเยอะๆหรือขอรับ? ถ้าเป็นเรื่องความแข็งแกร่งเพื่อให้ คนเกรงขามล่ะก็อาศัยแค่ยอดฝีมือที่อยู่รอบๆตัวท่านก็น่าจะพอแล้ว”
สีหน้าของคาร์ลดูแปลกๆ
“อืม..เขาดูไม่เหมือนทูนกําจริงๆ”
ทูนกําจะไม่สนใจเรื่องเงินทอง เขาสนใจเพียงแค่ว่าจะได้ทําลายทุกๆอย่างตามที่ตั้งใจเอาไว้หรือไม่ ส่วนอดีตหัวหน้าโจรผู้นี้ถือเป็นคนฉลาดแกมโกงอาจเป็นเพราะความฉลาดนี้จึงทําให้เขารอดพ้นจากการเป็นทาส และกลายมาเป็นหัวหน้าโจรอย่างเช่นทุกวันนี้ คาร์ลตอบอย่างใจเย็นเมื่อรู้สึกพอใจกับคนที่รู้จักใช้สมองมากกว่า กําลัง
หากเป็นเราอาจต้องการทั้งเงินและความแข็งแกร่งเพื่อที่จะขึ้นไปยังจุดที่สกปรกที่สุดเช่นตลาดมืด ในขณะที่อดีตหัวหน้าโจรกล่าวว่าในช่วงเริ่มต้นที่จะเข้าไปควบคุมตลาดมีดปัจจัยเรื่องเงินถือเป็นสิ่งสําคัญมากกว่าความแข็งแกร่งในด้านกําลัง
“ทําได้ด้วยเงินของเจ้าไงล่ะ”
“ เงินของข้าน้อย?”
“ใช่..เงินของเจ้า ไม่ใช่ว่าพวกเจ้าหาเงินได้เยอะจากการทําเรื่องๆชั่วพวกนั้นหรอกหรือ?”
คาร์ลวางแผนที่จะขูดรีดเอาทุกอย่างจากกลุ่มโจร
“ ไม่มีขอรับ”
“เจ้าว่าอะไรนะ?”
หน้าบวมช้ําของอดีตหัวหน้าโจรดูกระอักกระอ่วนขึ้นเมื่อส่ายน้อยๆตามคําถามของคาร์ล
“เราใช้ชีวิตราวกับว่าวันนี้คือวันสุดท้ายของเรา เงินที่เรามีพอแค่จัดงานเลี้ยงฉลองได้หนึ่งอาทิตย์เท่านั้นขอรับ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!!!”
ยิ่งอดีตหัวหน้าโจรหัวเราะดังมากขึ้นเท่าไหร่เขาก็ยิ่งสัมผัสได้ถึงบรรยากาศรอบตัวที่เย็นขึ้นเรื่อยๆ อย่างไรก็ตาม แผ่นหลังของเขากลับขึ้นไปด้วยเหงื่อ เขาสะดุ้งโหยงเมื่อเห็นคาร์ลถอนหายใจยาวและยกมือลูบหน้าของตัวเองเบาๆ อดีตหัวหน้าโจรรู้สึกว่าตัวเองกําลังตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย
เขาได้ยินเสียงเรียบเย็นดังขึ้นในจังหวะนั้น
“ถ้าเช่นนั้น ข้าจะมอบมันให้กับเจ้า”
“ ขอรับ?”
อดีตหัวหน้าโจรมองตามมือคาร์ลที่หยิบเอากระเป๋าใบหนึ่งออกมาและโยนไปที่โต๊ะ เมื่อกระเป๋าหล่นไปที่โต๊ะก็เปิดออกกว้างทันที
เครั้ง!!เครั้ง!!เครั้ง!!
อัญมณีเกือบทุกประเภทกระเด็นออกจากกระเป๋า
“ว้าว..น..นี่มัน!–
อดีตหัวหน้าโจรถึงกับพูดอะไรไม่ถูก เขาอาจปล้นเหล่าพ่อค้ามาเป็นจํานวนมากแต่ก็ไม่เคยได้เห็นอัญมณีจำนวนมากขนาดนี้มาก่อน และก็ไม่เคยเห็นใครที่โยนอัญมณีราคาแพงลงบนโต๊ะด้วยท่าทางสงบราวกับมันไม่ใช่ของราคาแพงอะไร
อดีตหัวหน้าโจรมองกลับไปที่คาร์ลผู้เป็นเจ้าของกระเป๋าอัญมณีเหล่านี้
คาร์ลเปลี่ยนเงินส่วนหนึ่งที่ได้มาจากบ้านประมูลในอาณาจักรคาโรมาเป็นอัญมณีเหล่านี้ก่อนจะเดินทางมายังทวีปตะวันออก เขาหันไปพูดกับหัวหน้าโจรที่จ้องเขม็งมาที่ตน
“เอาล่ะ..ข้าสามารถหากระเป๋าแบบนี้มาให้เจ้าได้เป็นร้อยๆใบเพราะฉะนั้นก็ไม่ต้องกังวลกับเรื่องเงิน”
อดีตหัวหน้าโจรรู้สึกว่าร่างของคาร์ลมีแสงเปล่งประกายออกมาในเวลาเดียวกันเขาก็รู้สึกกลัว ตัวตนที่แท้จริงของชายผู้นี้เป็นใครกันแน่? คนผู้นี้มีพลังที่แข็งแกร่ง ลูกน้องของเขาแต่ละคนก็นับเป็นยอดฝีมือและยังมีเงินเป็นจํานวนมากอีกด้วย