ขยะแห่งตระกูลเคานต์ Trash of the Count’s Family - ตอนที่ 232.1
บทที่ 232 บางอย่างที่เห็นได้ชัด 1 (1)
คาร์ลกลับเข้าไปยังห้องมุมสุดซึ่งตั้งยู่บนชั้นสามของโรมแรมเก่าที่ตนซื้อมา เขาสั่งให้รอนเฝ้าอยู่นอกประตู และให้ราอนเชื่อมต่อสัญญาณทันที
“มนุษย์! วันนี้เราต้องสู้กับเจ้าบ้านี่มั้ย?”
“ไม่หรอก”
อย่างไรก็ตามท่าทางของคาร์ลกลับตรงข้ามกับสิ่งที่เขาพูดออกไปท่าทางของเขาดูไม่ค่อยดีนัก
เขานึกถึงการต่อสู้ในอาณาจักรคาโร เขาต้องทํางานอย่างหนักเพราะเชื่อในสิ่งที่โคลเปย์รายงานแก่ตน ลูกครึ่งมังกรจะไปอ่อนแอได้อย่างไร? แค่คิดถึงเรื่องนี้ก็ทําให้เขาอยากจะลืมว่าครั้งหนึ่งตนเคยต้องการทํางานร่วมกับอาณาจักรพารันและอยากจะไล่พวกเขาให้ออกจากแผนการนี้ยิ่งนัก
ครืด!ครืด!ครืด!
ขณะที่รอให้ใบหน้าของโคลเปย์โผล่ขึ้นบนจอเวทย์ คาร์ลก็ตัดสินใจว่าจะทําอะไรกับโคลเปย์ต่อไปดี
[“ท่านคาร์ล”]
แต่ทันทีที่การเชื่อมต่อสัญญาณสิ้นสุดลงคาร์ลก็เริ่มเป็นกังวล
“…ก่อนอื่นเลยเจ้าไม่ต้องทํามือเช่นนั้น”
โคลเปย์ที่ปรากฏตัวผ่านหน้าจอเวทย์นั้นกําลังประสานมือทั้งสองข้างเข้าด้วยกันราวกับกําลังอธิษฐานบางอย่างต่อหน้าคาร์ลอยู่
โคลเปย์ เซคก้าค่อยๆลดมือลงเมื่อได้ยินสิ่งที่คาร์ลสั่ง เขายังคงนั่งนิ่งด้วยท่าทางสงบ ในขณะปฏิกิริยาของคาร์ลกลับตรงข้ามกับโคลเปย์อย่างเห็นได้ชัด สีหน้าของคาร์ลเริ่มแปลกขึ้นเรื่อยๆ
ภายนอกของเขาดูเป็นปกติดี..แต่สติของเขาดูท่าจะกู่ไม่กลับเสียแล้ว
[“ท่านคาร์ล เหตุผลที่ข้าติดต่อท่านมาในวัน—“]
“เดี๋ยวก่อน”
คาร์ลเอ่ยตัดบทโคลเปย์และถามต่ออย่างรวดเร็ว
“ข้าอยากรู้เรื่องนี้มาสักพักแล้ว ทําไมท่านต้องเรียกข้าว่าท่านคาร์ลด้วยล่ะ? ตําแหน่งของท่านสูงกว่าข้า แค่เรียกข้าว่านายน้อยคาร์ลเหมือนกับคนอื่นๆก็พอแล้วกระมัง หากใครมาได้ยินเข้ามันจะไม่ดูแปลกไปหน่อยหรือ”
ไม่แปลกที่เชวฮันจะเรียกเขาว่าท่านคาร์ลเพราะมันคือสิ่งที่เชวฮันทํามาตั้งแต่ที่พวกเขารู้จักกันใหม่ๆแต่มันไม่ใช่สําหรับโคลเปย์ เขาไม่สามารถเรียกคาร์ลว่าท่านได้ มันทําให้เขารู้สึกไม่สะดวกใจเท่าไหร่หากพวกเขายังต้องทํางานร่วมกันในอนาคต คาร์ลคิดว่าโคลเปย์จะเข้าใจในสิ่งที่เขาต้องการจะสื่อ
[“ข้าทําเช่นนั้นไม่ได้ ท่านคาร์ล..ท่านไม่ได้เป็นเพียงแค่นายน้อยหรือผู้บัญชาการทหารเท่านั้นแต่ท่านคือพระเจ้า “]
“พอ”
คาร์ลรู้สึกว่าตัวเองต้องหยุดโคลเปย์ไว้ก่อนที่จะปล่อยให้เขาพูดจนจบ คาร์ลไม่ต้องการได้ยินคํานั้น คําที่เริ่มต้นด้วยคําว่าพระ…” คาร์ลถอนหายใจยาวก่อนจะพูดต่อ
“ทําไมท่านถึงเงียบหายไปจนกระทั่งติดต่อข้ามาในตอนนี้ล่ะ?”
โคลเปย์เห็นว่าคาร์ลจ้องมาที่ตนด้วยสายตาเย็นชาแม้ว่าน้ําเสียงของเขาจะดูสงบก็ตาม
มันผ่านมานานเกินกว่าหนึ่งสัปดาห์ นับตั้งแต่เผ่าวาฬบุกโจมตีป้อมตรวจการประจําชายฝั่งทางตอนเหนือของอาณาจักรพารัน คาร์ลให้เวลาพวกเขาหนึ่งสัปดาห์แต่อาณาจักรพารันก็ไม่ได้ติดต่อเขากลับมาจนกระทั่งในวันนี้ ทําไมถึงใช้เวลานานขนาดนั้นกว่าที่พวกเขาจะติดต่อกลับมา?
โคลเปย์เริ่มยิ้มหลังจากเห็นว่าคาร์ลยังคงมีท่าทางสงบโดยไม่แสดงความโกรธหรือโมโหออกมา
[“ข้าไม่สามารถมามือเปล่าได้”]
คาร์ลยิ้ม
“ฉันรู้ว่าเขาเป็นคนหนึ่งที่ทํางานได้ดี”
“ใช่แล้ว ท่านไม่สามารถมามือเปล่าเพื่อทําข้อตกลงได้”
ศึกที่เกิดขึ้นในอาณาจักรคาโร
หลังจากที่อาณาจักรพารันทราบผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นแล้ว พวกเขาก็ตระหนักได้ว่าหากต้องการอยู่รอดพวกเขาจําเป็นต้องหาที่พึ่งใหม่แทนที่กลุ่มพันธมิตรไร้พ่าย พวกเขารู้ว่าอาณาจักรโรมันเป็นหนึ่งตัวเลือกที่จะให้ทางรอดแก่พวกเขา
ครืน!
คาร์ลเอนหลังพิงเก้าอี้ไม้เก่าๆก่อนจะเชิดคางให้กับโคลเปย์ เขากําลังบอกให้โคลเปย์แสดงให้เขาเห็นว่าอาณาจักรพารันมีข้อเสนออะไรมาให้พวกเขาหลังจากเงียบหายไปนาน
“ข้าจะตัดสินใจอีกทีหลังจากฟังสิ่งที่ท่านพูดแล้ว”
คาร์ลและอาณาจักรโรมันมีอํานาจที่เหนือกว่า เขาสามารถตัดสินใจว่าจะยอมรับหรือไม่ยอมรับในภายหลังได้ โคลเปย์พยายามฝืนไม่ให้มุมปากของตนยกสูงขึ้น
“ข้าคิดว่าตัวเองเลือกถูกแล้ว
เส้นทางสู่ตํานาน
โคลเปย์รู้สึกขนลุกไปทั่วร่างหลังจากได้ฟังเรื่องราวการต่อสู้ในอาณาจักรคาโร ทั้งเรื่องที่ดาร์กเอลฟ์ปรากฏตัวขึ้นมากลางสนามรบ ไหนจะวิธีที่คาร์ลใช้ป้องกันลูกธนูแสงนั่นจนทําให้เกิดการระเบิดครั้งใหญ่
เขารู้ว่าคาร์ลประเมินความสามารถของนักเวทย์จากอาร์มต่ําไปจากข้อมูลผิดๆที่เขาแจ้งให้คาร์ลทราบโดยไม่ตั้งใจ ถึงจะเป็นเช่นนั้นคาร์ลก็สามารถเอาชนะศัตรูที่น่าเกรงขามเช่นนั้นได้ นั่นไม่ใช่สิ่งที่วีรบุรุษในตํานานพึงมีหรอกหรือ?
งูขาวเช่นเขาสามารถมองเห็นทางรอดของชีวิตผ่านตัวของคาร์ลได้ นั่นคือเหตุผลที่เขายินดีทําทุกอย่างเท่าที่จะทําได้เพื่อเตรียมสิ่งนี้มาให้คาร์ล
[“พันธมิตรไร้พ่ายในตอนนี้แทบจะไม่สามารถทําอะไรได้แล้ว”]
แน่นอนว่ามันสามารถเห็นได้อย่างชัดเจน
[“พวกเขาถูกทําลายอย่างราบคาบจากศึกครั้งใหญ่ที่ผ่านๆมา แต่พวกเขาก็ไม่สามารถที่จะล่าถอยไปได้ ง่ายๆเช่นกัน อาร์มได้กลายมาเป็นศูนย์กลางของพันธมิตรไร้พ่ายในที่สุด พวกเขาจะขึ้นมาเป็นตัวหลักในการทําศึกครั้งสุดท้าย”]
อาร์มคือตัวหลักในการทําศึกครั้งสุดท้าย
คาร์ลนึกภาพออกได้อย่างง่ายดายว่าที่ตั้งในการทําศึกครั้งสุดท้ายจะอยู่ที่ใด
เขากําลังนึกถึงคนสองคนที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
โรสลินผู้ที่ละทิ้งตําแหน่งองค์หญิงเพื่อเดินตามความฝันในการเป็นนักเวทย์ระดับสูงและล็อกผู้ที่จะกลายเป็นราชาหมาป่าในอนาคต
เขากําลังคิดถึงอาณาจักรเบร็คที่คนทั้งสองปักหลักอยู่ในขณะนี้ รวมไปถึงหุบเขาแห่งความตายที่ตั้งอยู่ในอาณาจักรเบร็คนั่นด้วย
“ศึกครั้งสุดท้ายจะเกิดขึ้นในหุบเขาแห่งความตาย”
โคลเปย์ไม่สามารถฝืนรอยยิ้มของตัวเองได้อีกต่อไป เพราะสีหน้าของคาร์ลบอกให้รู้ว่าเขารู้เรื่องนี้มานานมากแล้ว
[“การคาดการณ์ล่วงหน้าของท่านคาร์ลช่างน่าทึ่งยิ่งนัก..มันเป็นคุณสมบัติของคนที่จะกลายเป็นตํานาน-“]
“โคลเปย์”
คาร์ลรีบตัดเรื่องไร้สาระของคนเสียสติไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาก็จ้องไปยังอัศวินผู้พิทักษ์โคลเปย์ที่กําลังมองมาที่เขาอยู่
ปัจจุบันมีเพียงอาณาจักรโรมันและคนจากอาณาจักรพารันไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ว่าโคลเปย์พักอยู่ที่ใด คนอื่นๆ อาจคิดว่าโคลเปย์หายสาบสูญหรือไม่ก็ถูกฆ่าตายในอาณาเขตเฮนิตสไปแล้ว
ด้วยเหตุผลนี้คาร์ลจึงสามารถใช้ประโยชน์จากโคลเปย์ได้หลายอย่าง
คาร์ลเริ่มพูดช้าๆ
“ถ้าศึกนั่นทําให้เจ้ากับกลุ่มพันธมิตรทางตอนเหนือหมดอํานาจลง ไม่สิ? ข้าจะพูดสิ่งที่มันต่างออกไปหน่อยแล้วกัน”
แน่นอนว่าฝั่งของคาร์ลจะต้องเอาชนะศึกที่จะเกิดขึ้นในหุบเขาแห่งความตายได้ ฝ่ายชนะจะสามารถเพลิดเพลินไปกับชัยชนะของตัวเอง แต่ผู้แพ้ล่ะ?
“อํานาจของกลุ่มพันธมิตรทางตอนเหนือทั้งสามอาณาจักรจะลดลงทันทีเมื่อแพ้ศึกที่จะเกิดขึ้นในหุบเขาแห่งความตาย”
อาณาจักรพารัน อาณาจักรอัสโคซานและอาณาจักรนอร์แลนด์จะหมดอํานาจลงทันทีเมื่อสงครามเสร็จสิ้น
“คนที่อ่อนแอที่สุดอย่างกลุ่มพันธมิตรทางตอนเหนือจะไม่ตกเป็นเหยื่อของผู้อื่นโดยง่ายหรอกหรือ?”
มีอะไรที่ง่ายไปกว่าการกลืนกินศัตรูที่อ่อนแอกว่าด้วยหรือ?
คาร์ลอาจจะพูดไม่ถูกทั้งหมด แต่ทําไมอาร์มจะต้องใช้ทรัพยากรจํานวนมากเพื่อช่วยเหลือพันธมิตรไร้พ่าย ในการเตรียมทําศึกครั้งสุดท้ายด้วยล่ะ?
บางทีอาร์มอาจรู้ว่าพวกเขาไม่สามารถยึดดินแดนทางตอนใต้ผ่านทางพันธมิตรไร้พ่ายได้อีกต่อไปพวกเขาจึงคิดที่จะยึดครองดินแดนทางตอนเหนือแทน ทั้งเผ่าสิงโต เผ่าหมีและเผ่าคนแคระไฟต่างก็ต้องการมีดินแดนเป็นของตนเองทั้งนั้น
หากเป็นเราจะเลือกอะไรดี ระหว่างดินแดนทางตอนใต้ที่ใช่ว่าจะยึดมาครองได้ง่ายๆกับดินแดนทางตอนเหมือนที่ทําได้ง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปาก?
คําตอบนี้ช่างตอบได้ง่ายยิ่งนัก
“โคลเปย์ เซคก้า อย่าลืมว่าศัตรูอยู่เหนือกว่าท่าน”
คาร์ลให้คําเตือนแก่โคลเปย์และอาณาจักรพารัน
มันเป็นช่วงเวลานั้นเอง
[“ฮิฮิฮิฮิฮิ!!!”]
จู่ๆโคลเปย์ก็เริ่มหัวเราะราวกับคนบ้า
[“ฮิฮิฮิ!! ท่านคาร์ล..ท่านนี่มัน ฮ่าฮ่าฮ่า…!!!”]
เกิดอะไรขึ้นกับเขา?”
แววตาของคาร์ลเริ่มสั่นไหว
ดูเหมือนว่าโคลเปย์จะยิ่งบ้ามากกว่าเดิมทั้งๆที่คาร์ลเอ่ยเดือนให้เขาระวังพวกอาร์มเท่านั้น คาร์ลค่อยๆขยับห่างจากหน้าจอเวทย์
– มนุษย์ใหมอนี่เสียสติไปแล้วจริงๆ
คาร์ลและมังกรน้อยวัยหกขวบมีความคิดแบบเดียวกัน
โคลเปย์เริ่มเอ่ยขึ้นในจังหวะนั้น
[“ท่านคาร์ล..เราพร้อมแล้ว”]
“พร้อมแล้ว?
คนที่หัวเราะราวกับคนบ้าเมื่อครู่นี้กลับเข้าสู่ภาวะปกติ คาร์ลยังไม่ค่อยไว้ใจอาการผีเข้าผีออกของโคลเปย์นัก แต่ท่าทางของคาร์ลก็เปลี่ยนไปทันทีหลังจากได้ยินสิ่งโคลเปย์พูดถัดมา
[“เราได้เตรียมเส้นทางเพื่อบุกเข้าพระราชวังของอาณาจักรอัสโคซานและอาณาจักรนอร์แลนด์เรียบร้อยแล้ว”]
“อะไรนะ?”
คาร์ลชะงักเล็กน้อยจากนั้นก็เริ่มพิจารณาท่าทางของโคลเปย์โดยละเอียด สีหน้าของโคลเปย์ยังคงดูสงบแต่ดวงตาของเขากําลังเป็นประกายวาววับ
[“เราได้เตรียมเส้นทางที่สั้นที่สุดจากอาณาจักรพารันเพื่อที่จะบุกเข้าไปยังอาณาจักรอัสโคซานและอาณาจักรนอร์แลนด์ เราได้ทําการติดตั้งอุปกรณ์เวทย์เคลื่อนย้ายมวลสารขนาดใหญ่บนลานฝึกอัศวินของเรา นั่นเป็นสาเหตุที่ทําให้เราติดต่อกลับมาหาท่านชําไปเล็กน้อย”]
มีบางอย่างที่คาร์ลพลาดไปจนถึงตอนนี้
โคลเปย์ เซคก้าเป็นคนบ้าที่คิดทําสงครามในทวีปเพื่อให้ตัวเองได้กลายเป็นตํานาน เขาเป็นบ้าโดยสมบูรณ์ เขาเป็นคนที่คิดทําทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองได้บรรลุเป้าหมายตามที่ตัวเองตั้งใจเอาไว้
[“ข้ามีแผนที่จะเสนอเส้นทางนี้ให้กับอาณาจักรโรมัน ไม่สิ? ข้าต้องการเสนอมันให้กับท่าน! ท่านคาร์ล”]
โคลเปย์เริ่มยิ้มอีกครั้ง
[“ท่านบอกว่าพวกอาร์มกําลังเปลี่ยนเป้าหมายมายังอาณาจักรทางตอนเหนือใช่หรือไม่?”]
โคลเปย์รู้ดีว่าตัวตนที่แท้จริงของตระกูลเซคก้าคืองูขาว ซึ่งมันก็เหมาะกับบุคลิกของเขาเช่นกัน อย่างไรก็ตามน้ําหนักของการเป็นชาวอาณาจักรพารันก็ยังอัดแน่นอยู่ในความรู้สึกของเขา
ทําไมนะเหรอ?
ราชวงศ์และขุนนางชั้นสูงของอาณาจักรพารันเป็นคนเปลี่ยนตระกูลงูขาวให้กลายเป็นตระกูลอัศวินผู้พิทักษ์ด้วยเหตุผลที่คล้ายๆกันนี้ทําให้พวกเขาต่างรู้สึกถึงน้ําหนักของการเป็นชาวอาณาจักรพารัน
รอยยิ้มสดใสปรากฎเต็มใบหน้าของโคลเปย์
[“ท่านคาร์ล..ด้วยความสามารถพิเศษของอาณาจักรพารัน..พวกอาร์มอาจจะได้ทําหรือไม่ได้ทําแบบที่ท่านว่าก็ได้”]
โคลเปย์กําลังพูดถึงการเป็นไส้ศึกที่แฝงตัวอยู่ในกลุ่มที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพันธมิตร อาณาจักรพารันมั่นใจว่าพวกเขาสามารถทําเช่นนั้นได้
[“เราต้องลงมือก่อนที่อาร์มจะเริ่มเคลื่อนไหว ไม่สิ?..ท่านคาร์ลและอาณาจักรโรมันสามารถลงมือก่อนได้ด้วยซ้ํา”]
อาณาจักรพารันพบเส้นทางที่จะให้ตัวเองอยู่รอดและนําเสนอสิ่งนี้เข้าไปเป็นหนึ่งในข้อตกลง
คาร์ลตอบกลับอย่างจริงใจต่อโคลเปย์ผู้ที่อยู่อีกฝั่งของจอเวทย์
“…ท่านนี่มันบ้าจริงๆ”
[“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!!ไม่ใช่ว่าข้าต้องเคลื่อนไหวให้เร็วที่สุดเพื่อให้ทันกับการเป็นตํานานหรอกหรือ?”]
คาร์ลเอ่ยเสียงเครียดกับโคลเปย์ที่หัวเราะลั่นราวกับคนบ้า
“ไปตามพ่อของท่านให้มาคุยกับข้าที”
คาร์ลต้องการคุยกับคนที่มีสติมากกว่านี้ แน่นอนว่าคาร์ลเลือกที่จะคุยกับดยุคร็อก เซคก้าแทนที่จะเป็นโคลเปย์