ขยะแห่งตระกูลเคานต์ Trash of the Count’s Family - ตอนที่ 233.1
บทที่ 233 บางอย่างที่เห็นได้ชัด 2 (1)
ศึกในหุบเขาแห่งความตายกําลังจะเกิดขึ้นในอีกสองวันข้างหน้า ช่วงเวลาที่เหลือคาร์ลก็ควรได้ยุ่งกับธุระส่วนตัวของตนเองบ้าง
“…เฮ้อ”
อย่างน้อยเขาก็ควรจะได้ทําแบบนั้น
คาร์ลยกมือขึ้นมาลูบหน้าของตัวเองเบาๆ
“…เชวฮัน แบบประเมินราคาแผ่นนี้หมายความว่าอย่างไร?”
คาร์ลโบกกระดาษที่อยู่ในมือของตน
พรึ่บ!พรึ่บ!พรึ่บ!
กระดาษที่สั่นไหวอยู่ในมือคาร์ลนั้นอัดแน่นไปด้วยตัวเลขจํานวนหลายรายการ บางส่วนของพระราชวังถูกทําลายและนี่คือรายละเอียดของค่าใช้จ่ายที่จะถูกใช้ซ่อมแซมในส่วนที่เสียหาย
“………”
เชวฮันก้มหน้าลงและไม่ยอมพูดอะไรออกมา
คาร์ลถอนหายใจและหยิบกระดาษอีกแผ่นขึ้นมา กระดาษแผ่นนี้ถูกคาร์ลโบกไปมาเช่นกันซึ่งในครั้งนี้เขาหันไปมองแมรี่
“ทําไมจู่ๆขุนนางสามคนนี้ถึงล้มป่วยลงได้?”
เสียงใสซื่อและยืดยานแบบหุ่นยนต์ตอบกลับทันที
“ข้าน้อย..ก็ไม่แน่ใจนัก พวกเขา..อยากรู้เกี่ยวกับพลังของข้าน้อย..ข้าน้อยก็เลยแสดงให้พวกเขาดูแต่มันก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น”
แมรี่ยังจํางานเลี้ยงฉลองที่เกิดขึ้นหลังจากขบวนพาเหรดเสร็จสิ้นได้ดี เพราะสงครามยังไม่จบมันจึงเป็นเพียงแค่งานเลี้ยงเล็กๆเท่านั้น อย่างไรก็ตามบรรยากาศโดยรอบดูจะสดใสเกินไปจนทําให้แมรื่อดจะตาพร่าไม่ได้ มันเป็นประสบการณ์ที่น่าตกใจสําหรับแมรี่ ทาช่าจึงแนะนําให้แมรี่ไปพักผ่อนที่ริมระเบียงแทน
หลังจากที่แมรี่ไปพักผ่อนที่ริมระเบียงก็มีขุนนางสามคนเข้ามาพูดคุยกับแมรี่ด้วยท่าที่เป็นมิตร พวกเขาเอ่ยถามถึงพลังของเธอ ตอนนั้นเธอคิดว่าพวกเขาคงอยากรู้จักเธอจริงๆก็เลยยินดีที่จะแสดงพลังบางส่วนให้พวกเขาประจักษ์แก่สายตา
“แต่จู่ๆพวกเขา…ก็บอกให้ข้าน้อยหักหลังท่าน..แล้วไปเข้าร่วมกับพวกเขาแทน..พวกเขาบอกว่าสามารถดึง..นายน้อยคาร์ลลงจากตําแหน่งได้..และอํานาจทั้งหมดจะตกอยู่ในกํามือ..ของพวกเขา”
“ฮิฮิฮิ!!”
คาร์ลหันกลับไปมองหลังจากได้ยินเสียงกลั้นหัวเราะดังมากจากด้านหลัง
องค์ชายรัชทายาทอัลเบิร์กกวางศีรษะของตนลงบนโต๊ะในขณะที่ไหล่ก็ขยับขึ้นลง ไม่ต้องเดาให้ยากก็รู้ว่าเขาพยายามกลั้นหัวเราะอยู่
ปากของคาร์ลคว่ําลงอย่างไม่สบอารมณ์นัก
“แล้วยังไงต่อ?”
น้ําเสียงของแม่ที่ดูจริงจังกว่าที่เคย เธอจําได้ว่าตอนนั้นเธอมองขุนนางทั้งสามด้วยความระมัดระวังเพียงใด
“ข้าน้อย…ถามคืนไปว่า “หาก..ข้าไม่ตกลง..แสดงว่าข้าเป็นศัตรู..กับพวกท่านหรือ?” และพวกเขาก็ตอบกลับมาว่า “แน่นอนว่าเจ้าก็คงเป็นศัตรูกับพวกเรา..แต่มันจะไม่ดีกว่าหรือหากเรา..มาทํางานร่วมกันแทน”..”
ขุนนางทั้งสามเป็นขุนนางจากภาคกลาง
พวกเขาพยายามดึงตัวแมรี่ให้ไปรวมกลุ่มกับพวกเขา อย่างไรก็ตามแมรี่กลับเข้าใจเจตนาของขุนนางที่ต้องการขยายฐานอํานาจของตัวเองต่างออกไป
“ข้าน้อย..สงสัยว่าพวกเขา..เป็นสมาชิกของอาร์มหรือไม่? พวกเขาพูดอยู่บ่อยครั้งว่าจะดึงท่านลงจากตําแหน่งให้ได้..ข้าเดาว่าพวกเขาคงเป็นคน.ของอาร์มหรือไม่ก็เป็นคนของพันธมิตรไร้พ่าย..ตอนนั้นข้าน้อยยังคงเงียบตามที่ท่านเคยกําชับเอาไว้ว่าไม่ให้มีเรื่อง..แต่จู่ๆ พวกเขาก็พากันหมดสติไป”
แมรี่ยังจําใบหน้าซีดเซียวของขุนนางทั้งสามได้ดี
“พวกเขาดูแปลกๆ”
แมรี่ไม่สามารถเข้าใจได้ว่าคนอ่อนแอพวกนั้นเอาความกล้าหาญจากที่ใดมาบอกว่าเธอคือศัตรูของพวกเขา
“เฮ้อ…”
คาร์ลถอนหายใจยาว เสียงกลั้นหัวเราะของอัลเบิร์กยังคงลอยเข้ามาให้ได้ยินแต่เขาก็ไม่สนใจเพราะสายตากําลังจับจ้องอยู่ที่เชวฮัน
สถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับเชวฮันดูเหมือนจะเป็นลูกไม้เดิมๆที่เห็นอยู่ทั่วไปในนิยายหลายๆเรื่อง
“มีบุตรชายของขุนนางท่านหนึ่งโยนถุงมือใส่เจ้างั้นหรือ?”
เชวฮันยังคงก้มหน้านิ่งโดยมีคนอื่นตอบแทน
“ใช่แล้วขอรับนายน้อย!”
เป็นฮิลส์แมนที่ออกตัวแทนเชวฮัน
“ตอนที่พวกเราอยู่ในงานเลี้ยง จู่ๆบุตรชายของมาร์ควิสไอลันก็เข้ามาถามว่าเชวฮันคือปรมาจารย์ดาบจริงหรือเปล่าก่อนจะโยนถุงมือใส่เชวฮันขอรับ! การที่เขาทําแบบนี้ไม่ใช่เป็นการท้าทายหรือขอรับ?!”
สีหน้าของคาร์ลเต็มไปด้วยความว่างเปล่า
โลกนิยายแฟนตาซีมักจะมีนายน้อยนิสัยเสียที่ชอบเข้าไปหาเรื่องต่อยตีกับตัวละครหลักหรือตัวละครที่แข็งแกร่งกว่าตนอยู่เสมอ
มาร์ควิสไอลัน
ตระกูลไอลันเป็นที่รู้จักกันทั่วไปว่าเป็นตระกูลที่เชี่ยวชาญด้านการต่อสู้และศิลปะป้องกันตัวทุกแขนง ฝีมือของพวกเขาเก่งกาจที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงใต้และเหนือกว่าใครในอาณาจักรโรมัน
“แล้วยังไง? ข้ามั่นใจว่าเชวฮันไม่ใช่คนที่จะไปสนใจเรื่องพวกนี้”
“ใช่ขอรับ! เราจําคําสั่งของนายน้อยได้ขึ้นใจและไม่คิดที่จะสนใจเขา แต่บุตรชายของมาร์ควิสไอลันไม่ยอมหยุด เขาเริ่มพูดจาไร้สาระเกี่ยวกับตระกูลเฮนิตส”
“…เขาพูดว่าอะไร?”
“เขาพูดว่า..ศิลปะการต่อสู้ของตระกูลเฮนิตัสอ่อนแอยิ่งนัก สิ่งที่ตระกูลเฮนิตัสทําได้มีเพียงแค่การใช้เงินแพงๆจ้างลูกน้องเก่งๆมาปกป้องตัวเองเท่านั้น!”
“มันก็ถูกไม่ใช่หรือ?”
คาร์ลคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องไร้สาระอะไร แม้ว่าตระกูลเฮนิตัสจะถนัดเรื่องการใช้ดาบแต่ก็ไม่ได้มีคนที่แข็งแกร่งมากพอจะสร้างชื่อเสียงให้กับตระกูลได้ ลิลลี่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของเธอแต่มันก็ยังไม่แข็งแกร่งมากพอให้คนอื่นๆเกรงขามได้
ยิ่งไปกว่านั้นการที่บุตรชายของมาร์ควิสไอลันกล่าวว่าตระกูลเฮนิตัสร่ํารวยและล้อมรอบไปด้วยลูกน้องที่แข็งแกร่ง มันก็ฟังดูดีไม่ใช่หรือ? มันไม่ได้แทงใจดําเขาแม้แต่น้อย อย่างไรก็ตามตรงข้ามกับสิ่งที่คาร์ลิคิดเอาไว้ ฮิลส์แมนยังคงรู้สึกโกรธเมื่อนึกถึงสิ่งที่บุตรชายของมาร์ควิสไอลันพูดไว้ เขาพองหน้าอกขึ้นด้วยท่าทางขุ่นเคือง
“ด้วยสาเหตุนี้เชวฮันก็เลยรับคําท้านั่น! การประลองจบลงด้วยการที่สนามฝึกถูกทําลายไปส่วนหนึ่งแต่มันก็ไม่ใช่ความผิดของเชวฮันนะขอรับ! นายน้อยผู้นั้นอ่อนแอเอง!”
ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!!!
เสียงหัวเราะลั่นของอัลเบิร์กแว่วเข้ามาราวกับเสียงดนตรีประกอบฉาก ในขณะที่ฮิลส์แมนก็ยังคงพูดต่อไป
“หลังจากนั้นมาร์ควิสไอลันก็พาตัวนายน้อยผู้นั้นกลับไป เขากล่าวคําขอโทษต่อเชวฮันและกล่าวว่าจะขอโทษต่อตระกูลเฮนิตัสอีกด้วย คําขอโทษจะถูกส่งไปยังท่านเคานต์เฮนิตัสในเร็วๆนี้”
“ ชีวิตที่น่าสงสารของข้า”
เสียงหัวเราะของอัลเบิร์กยิ่งดังขึ้นอีก
– มนุษย์! ข้าคิดว่าตัวข้าดีที่สุดแล้วล่ะ!
เสียงของราอนดังก้องอยู่ในหัวของเขาราวกับเสียงสะท้อน จากนั้นคาร์ลก็ลุกขึ้นจากที่นั่งของตน เชวฮันและแมรี่เงยหน้าขึ้นด้วยความสับสนและพากันหันขวับไปมองคาร์ลทันที
แม้แต่อัลเบิร์กก็หยุดหัวเราะและหันไปมองคาร์ลอย่างรวดเร็ว
“เจ้ากําลังจะไปไหน?”
อัลเบิร์กเอ่ยถามด้วยสีหน้าจริงจัง
“กระหม่อมจะไปสูดอากาศพะยะค่ะ”
“อ้อ!..ถ้าอย่างนั้นข้าออกไปสูดอากาศกับเจ้าด้วยดีกว่า”
อัลเบิร์กมองเห็นสีหน้าแปลกๆของคาร์ล
“…แต่กระหม่อมจะขึ้นไปทางเหนือพะยะค่ะ”
“อะไรนะ?”
การไปสูดอากาศของคาร์ลดูเหมือนจะเดินทางค่อนข้างไกล
“กระหม่อมจะกลับมาภายในครึ่งวัน”
เป็นเพราะคําขอร้องของอฮาเป็นทําให้คาร์ลต้องขึ้นไปทางเหนือก่อนจะเดินทางต่อไปยังอาณาจักรเบร็ค
อูฮาเบ็นยังคงอยู่ที่ทวีปตะวันออก เขาต้องสํารวจเสาหินและสืบหาประวัติเก่าแก่ของเมืองลีบอันต่อ อูฮาเบ็นจึงวานให้คาร์ลทําบางอย่างแทนเขา คาร์ลต้องกลับมาทําภารกิจในทวีปตะวันตกอยู่แล้วจึงไม่มีปัญหาที่จะไปทําหน้าที่นั้นแทนอูฮาเบ็น
“กระหม่อมต้องไปหาพวกเอลฟ์พะยะค่ะ”
ทางเหนือ
ทะเลสาบนั่นอาจจะยังปกคลุมไปด้วยหิมะ เขาต้องไปหาพวกเอลฟ์และต้นไม่โลก
“เจ้าจะกลับมาภายในครึ่งวันอย่างนั้นรึ?”
“พะยะค่ะ”
มันจะไม่เป็นไรตราบใดที่ราอนอยู่กับเขา
“ถ้าอย่างนั้นตอนที่เจ้าไม่อยู่ พวกเราที่เหลือจะไปเตรียมการทุกอย่างให้พร้อมแล้วกัน”
การแสดงออกของเชวฮัน ฮิลส์แมนและแมรี่เปลี่ยนไปทันทีเมื่อได้ยินสิ่งที่อัลเบิร์กพูด คาร์ลหันไปมองพวกเขาทั้งสามก่อนจะพยักหน้ารับ
“เป็นรับสิ่งที่ดีพะยะค่ะ”
คาร์ลออกไปเดินเล่นด้วยใจที่ผ่อนคลายลง
ณ หมู่บ้านเอลฟ์ใต้ทะเลสาบและเป็นที่ตั้งของต้นไม่โลก
“…นี่เจ้าคะ! นี่คือสิ่งที่เรารวบรวมมาได้!”
นักบวชหญิงรุ่นเยาว์หยิบบางอย่างออกมาจากแขนเสื้อหลวมๆของเธอและส่งมันให้กับคาร์ล
เกร๊ง!เกร๊ง!เกร๊ง!
เสียงเหรียญวิ่งกระทบกันลอดเข้ามาในหูของคาร์ล
“ต้นไม่โลกไม่ได้พูดอะไรเลย แต่ข้าน้อยคิดว่าเราจําเป็นจะต้องใช้เงินอีกสักก้อน! ข้าน้อยตัดสินใจรวบรวมมันด้วยตัวเอง หมู่บ้านของเราจะเกิดทะเลเพลิงไม่ได้!”
นักบวชหญิงต้อนรับคาร์ลด้วยรอยยิ้มสดใส ในขณะเดียวกันก็แสดงท่าที่ราวกับสนิทสนมกับคาร์ลมาเป็นเวลานาน
“อ่า ขอบคุณมาก”
คาร์ลลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะยื่นมือไปหยิบถุงเงิน
“คงไม่เป็นไรหรอกกระมังเพราะพวกเอลฟ์ไม่ได้สนใจสิ่งของมีคำนอกกาย”
คาร์ลไม่ใช่คนประเภทที่จะปฏิเสธเมื่อมีคนมาให้เงินเขาฟรีๆ
เขาหยิบอัญมณีชิ้นเล็กๆชิ้นหนึ่งออกจากกระเป๋าของตนพลางเอ่ยขึ้น
“นําทางข้าไปที”
“เจ้าค่ะ! ต้นไม่โลกกําลังรอท่านอยู่!”
นักบวชหญิงตอบรับอย่างแข็งขันก่อนจะนําทางคาร์ลไปทันที คาร์ลสาวเท้าเดินตามหลังนักบวชหญิงรุ่นเยาว์ไปติดๆ
“โอ้! ความน่ารักของท่านราอนยังคงเจิดจรัสอยู่เช่นเดิม!”
“ข้าได้พบกับท่านราอนอีกครั้ง! อ่า..มีความสุขจริงๆข้านอนตายตาหลับแล้ว!”
“ท่านราอนช่างยอดเยี่ยมและยิ่งใหญ่ยิ่งนัก!”
คาร์ลได้ยินเสียงเอลฟ์ตนอื่นๆดังมาจากด้านหลังของตน ราอนกําลังเชิดหน้าอกและกระพือปีกของตนเบาๆ มันชี้อุ้งมือไปข้างหน้าและเอ่ยขึ้น
“ตอนนี้ข้ากําลังยุ่งอยู่! เดี๋ยวพวกเจ้าค่อยมาชื่นชมข้าทีหลังแล้วกัน!”
จากนั้นราอนก็รีบตามหลังคาร์ลไปทันที คาร์ลกัมมองราอนแล้วลูบหัวกลมๆของมันทันทีที่มันมาถึงจุดที่เขาอยู่ จากนั้นก็สาวเท้าเพื่อเดินไปหาต้นไม่โลกต่อ
นอกจากคําขอของอูฮาเป็นแล้วเขายังมีบางอย่างที่อยากจะถามต้นไม่โลกเช่นกัน