ขอรัองล่ะครับ…คิดจะจีบผมทั้งทีอย่าใช้กำลังกันเลยนะมันเจ็บ!!! - ตอนที่ 2 ส้อมเปื้อนน้ำลาย
- Home
- ขอรัองล่ะครับ…คิดจะจีบผมทั้งทีอย่าใช้กำลังกันเลยนะมันเจ็บ!!!
- ตอนที่ 2 ส้อมเปื้อนน้ำลาย
ตอนที่ 2 ส้อมเปื้อนน้ำลาย
บรรยากาศเข้าขั้นมืดมนเต็มเปี่ยมไปด้วยจิตสังหารทำเอาผู้คนพบเห็นอึดอัดจนหายใจแทบไม่ออก
ซึ่งต้นสายปลายกำเนิดก็ไม่ใช่ใครที่ไหน
เป็นทราเวียร์พ่อหนุ่มสวมแว่นนั่นเอง
…‘ให้ตายสิ’
“…”
“ถามหน่อยได้ไหม?”
“ค่ะ เชิญถามมาได้เลย”
“เธอกำลังทำอะไรอยู่?” ทราเวียร์กวาดสายตามองจานอาหารร่วมสิบจานวางเรียงรายบนโต๊ะอาหาร
เอริขมวดคิ้วคล้ายเห็นคนโง่เขลาไม่เข้าใจภาษาคน
“…” ก่อนหล่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงเปี่ยมไปด้วยความสุขยินดีกับสถานการณ์เบื้องหน้า
รอยยิ้มหวานคลี่ออก
“มื้อเช้าค่ะ”
“มื้อเช้าสำหรับเราสองคน”
กึก!
“…” จานสุดท้ายวางบนโต๊ะเสร็จสับเรียบร้อยพร้อมสำหรับรับประทานหลงเหลือเพียงแค่ลงมือเท่านั้น
เอริพยักหน้ามองจานอาหารฝีมือตนเอง
“เรียบร้อยค่ะ”
“เธออยากให้ฉันกินข้าวด้วย?”
“ค่ะ”
“…ไม่เข้าเรื่อง” เขายังไม่ทันเปิดปากบอกจะร่วมโต๊ะกับหล่อนด้วยซ้ำนี่มันออกจะรวบรัดตัดตอนเกินไปรึเปล่า
ทราเวียร์จ้องมองจานข้าวของตน
…‘ปฏิเสธยังไงดี?’
“…”
“รุ่นพี่?”
“…” ไม่มีเสียงตอบรับกลับมาแถมสีหน้าชายหนุ่มสวมแว่นยังเคร่งเครียดขั้นสุดคล้ายคนกำลังมีปัญหาในชีวิต
เอริเอียงคอเล็กน้อยก่อนแววตาจะเปล่งประกาย
“อะ หนูรู้แล้ว?!”
“รู้อะไรอีก?”
“…” แทนที่คำตอบด้วยการกระทำ
หมูชิ้นหนึ่งถูกส้อมจิ้มทะลุ
“อ้าม~” หล่อนยื่นส้อมมาหาเขา
แววตาเปล่งประกายแสดงความต้องการของตนออกมาชัดเจน เรียกได้ว่าไม่มีเจตนาปกปิดหรือต้องการบ่ายเบี่ยง
กลับกันเลย
หล่อนเลือกเปิดเผยแสดงออกมาให้เห็นเต็มสองตาว่าต้องการอะไรแบบไหนกันแน่
…‘ยัยเด็กนี่’
“…”
“อย่าทำหน้าเคร่งเครียดแบบนั้นสิค่ะ”
“ถ้าไม่อร่อยหนูเปลี่ยนให้ได้นะ”
ทราเวียร์ยังคงนิ่งเงียบตามเดิมจนกระทั่ง
“…” ส้อมยื่นเข้ามาใกล้จมูก
ใกล้มากจนได้กลิ่นหอมอร่อยยากเกินต้านทานสายตาเขาจดจ้องมองชิ้นหมูบนส้อม
แม้จะเกิดขึ้นเพียงเสี้ยววินาทีเดียว
แต่เอริเห็น
เธอเห็นเขาลอบกลืนน้ำลายตัวเอง
…‘หิวใช่ไหมละ?’
“…” เอริยิ้มหัวเราะ
เหมือนเขาจะรู้สึกตัวหลังจากได้ยินเสียงหัวเราะของหล่อน
“ไม่ต้องฉันกินเองได้” สีหน้าราบเรียบอาบย้อมไปด้วยริ้วแดงบ่งบอกอาการเขินอายเต็มที่
เพื่อไม่ให้สถานการณ์มันยืดเยื้อเกินจำเป็นเจ้าตัวรีบยื่นมือเข้าไปคว้าส้อมจากมือหญิงสาว
แต่หล่อนชักหลบไม่ปล่อยให้เขาทำสำเร็จ สายตาทั้งสองคู่แลกเปลี่ยนจดจ้องมองไม่มีใครยอมใคร
เอริยังคงยิ้มแย้มเต็มใบหน้าเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยนผิดกับทราเวียร์ที่หน้าดำมืดเดือดดาลขั้นสุดจนเห็นเส้นเลือดผุดตามหน้าผาก
ดูท่าจะโกรธเคืองไม่น้อยเลย
…‘แกล้งปั้นหัวเหรอ?!’
“…”
“อยากกินรึเปล่าคะ?”
“…ชิ”
“ไม่กินก็ไม่กิน” ทราเวียร์กัดปากตัวเองแน่น
หลังจากเจ้าตัวสูดลมหายใจเข้าลึกพยายามอดกลั้นอารมณ์เดือดดาลที่ต้องการปะทุตลอดเวลา
หลายสิ่งอย่างที่หลงลืมก็หวนคืนกลับมาปรากฎเด่นชัดอีกครั้ง ทั้งยังปรากฎเข้ามาไม่ขาดสาย
จนหัวคิ้วเริ่มขมวดเข้าหากัน
…‘กินเมื่อไหร่ก็ได้แต่เรื่องเมื่อวานนี่มัน—’
“…” เขาตัดใจเรื่องอาหารได้ทันทีเนื่องจากความอยากรู้อยากเห็นอีกเรื่องหนึ่งมันแรงกล้าเหลือเกิน
แรงกล้าจนไม่อาจหยุดยั้งเอาไว้ได้
“พักเรื่องกินไปก่อนตอนนี้ฉันอยากรู้เรื่องอื่นมากกว่า”
“รุ่นพี่อยากรู้อะไรคะ?”
“เรื่องเมื่อวาน”
“เรื่องเมื่อวานสินะ” เอริหรี่ตามองลงหลายระดับคล้ายกำลังครุ่นคิดบางสิ่งอย่างที่เขาไม่อาจรับรู้ได้เลย
ทราเวียร์ยังไล่บี้ถามต่อ
“เมื่อวานมันเกิดบ้าอะไรขึ้นกันแน่?”
“…”
“หนูก็อยากจะตอบอยู่เหมือนกัน”
“เพียงแต่ว่ารุ่นพี่มีอะไรมาให้หนูละ?”
“เธอต้องการอะไร?”
“…” ส้อมเดิมกลับมาอีกครั้งความต้องการของหล่อนเรียบง่ายไม่มีอะไรซับซ้อนต่อให้เป็นคนโง่เขลาเบาปัญญา
ย่อมต้องรับรู้ความต้องการของหล่อนเป็นแน่
“…แค่กินใช่ไหม?”
“ค่ะ” เอริยิ้มพยักหน้า
“…”
“ขอแค่รุ่นพี่ลองชิม”
“หนูก็พร้อมตอบคำถาม”
…‘ก็ได้วะ’
“…” หลังจากลังเลอยู่นานในที่สุดเจ้าตัวก็ยินยอมกระโดดลงหลุมพรางที่อีกฝ่ายขุดเอาไว้
ทราเวียร์กัดปากตัวเองแน่น
“…คำเดียวนะ”
“เชิญค่ะ”
“ฉันกินเอง—”
“…”
“คิดให้ดีค่ะก่อนตอบ”
“…”
“อ้าม~~~”
ร่างกายชายหนุ่มสั่นสะท้านพยายามควบคุมอารมณ์เต็มที่กันไม่ให้มันระเบิดออกมา
สุดท้ายปลายทางเขาจำต้องทำตาม
“…” ชายหนุ่มสวมแว่นหลับตาลงแน่นพร้อมอ้าปากกว้าง อ้ามากพอให้หญิงสาวยื่นส้อมเข้าไปในปากอีกฝ่าย
เอริกำหมัดตัวเอง
“…” มือที่ประคองส้อมสั่นสะท้าน สายตาไม่ได้มองหน้าทราเวียร์เลยแม้แต่น้อยหล่อนจดจ้องมองไปที่ส้อม
ส้อมที่เปื้อนน้ำลายสีใส
…‘มาแล้ว~’
“…”
“อร่อยไหมคะ?”
“…อร่อย”
“ฝีมือหนูซะอย่าง” หล่อนรีบชักส้อมกลับมาไม่ปล่อยให้ชายหนุ่มมีปากเสียงหรือร้องเรียกอะไรให้มากความ
ส่วนเอาไปไหนเอาไว้ที่ใดไม่จำเป็นต้องรู้หรอก
…‘หึหึหึ’
“…”
“เอริ?”
“คะ ค่ะ”
“รีบทานเถอะค่ะเดี๋ยวข้าวเช้าจะเย็นหมด” เอริยิ้มหัวเราะชอบใจใบหน้าเต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มกลบเกลื่อนหมดทุกสิ่งอย่างไม่เปิดเผยร่องรอยให้เห็น
ฝ่ามือขาวเนียนพยายามยื่นจานมากมายหวังให้ทราเวียร์ลองรับประทานอาหารฝีมือของเธอ
วันเวลาผ่านไปรอยยิ้มยิ่งทวีความหวานโดยไม่ทราบสาเหตุ
“…”
“มองอะไรคะ?”
“ฉันทำตามที่เธอบอกแล้วนะ”
“ตอบคำถามของฉันมา” ทราเวียร์เค้นถามต่อ
เขายินยอมโอนอ่อนทำตามที่หล่อนต้องการนั่นก็เพราะต้องการคำตอบแต่สิ่งที่ได้รับกลับมา
คือใบหน้าแข็งค้างตื่นตระหนกตกใจเป็นที่สุด
“อะ!” มันเหมือนใบหน้าคนหลงลืมสิ่งที่เคยรับปากคนอื่น ใบหน้าคนหลอกลวงช่วงชิงผลประโยชน์ฝ่ายเดียว
ทราเวียร์ทุบโต๊ะทันที
ปึง!
“เธอลืม?!”
“ปะ เปล่านะ” เอริรีบส่ายหน้าปฏิเสธ
“ถ้าไม่ลืมก็เล่ามา”
“…เมื่อวานมันเกิดอะไรขึ้น?”
“…” หลังผ่านพ้นช่วงเวลาตื่นเต้นชวนให้หัวใจเป็นสุขหล่อนรีบตั้งสติก่อนหวนคืนสู่ภาพลักษณ์สาวงามทันตาเห็น
พร้อมเริ่มกล่าวเปิดประเด็น
“รุ่นพี่อยากฟัง?”
เขาพยักหน้าตอบแทนคำพูด
“…” เห็นสีหน้าเคร่งเครียดของชายหนุ่มสวมแว่นต่อมอยากกลั้นแกล้งผู้คนยิ่งกระตุ้นให้หล่อนลงมือตามอารมณ์
เอริยิ้มยื่นหน้าเข้าไปใกล้จนเกือบจะแนบชิดติดกัน
“…เห้ย!!!” ร้อนจนทราเวียร์ต้องรีบดึงหน้าออก
และด้วยการรีบดึงใบหน้าออกโดยไม่ปล่อยให้เตรียมตัว มันก็เกือบทำเขาตกเก้าอี้กลายเป็นตัวตลก
ดีที่ทรงตัวเอาไว้ได้ทัน
…‘ใจหายใจคว่ำหมด’
“…” ทราเวียร์ลอบถอนหายใจโล่งอก
โดยลืมไปเลยว่ายังมีอีกสิ่งหนึ่งที่เขาต้องเผชิญหน้ายิ่งกว่าอาการตื่นตระหนกตกใจในตอนแรก
เสียงกระซิบหวานชื่นดังขึ้นข้างหู
“ตกใจรึเปล่าคะ?”
…‘เชี่ย?!’
“!!!” กว่าจะรู้สึกตัวใบหน้าทั้งสองก็เกือบจะจูบกันแล้วขอเพียงหล่อนมีใจขยับยื่นเข้าไปอีกหน่อยเท่านั้น
ดวงตาทราเวียร์เบิกกว้าง
“…เธอ—”
“เงียบค่ะ” นิ้วเรียววางทาบริมฝีปากกันไม่ให้อีกฝ่ายพูด
“เงียบไปทั้งนั้นแบบนั้นแหละ”
“…” แววตาชายหนุ่มเริ่มหวั่นไหว
จนแทบประคองสติตัวเองเอาไว้ต่อไปไม่ได้