ขอให้จักรวาลนี้ ยังคงมีแต่ความสงบสุขต่อไปด้วยเถิด - ตอนที่ 2
[กลับมาที่ปัจจุบัน]
< เอาล่ะ~ ถึงเวลาของหวานที่รอคอยแล้วค่า~! >
“ถึงจะฟังไม่ออกก็เถอะว่าพูดว่าอะไร… แต่ดูจากท่าทีแล้ว นี่คงถึงเวลาตายของฉันแล้วสินะ…”
หลังจากนอนรอความตายอย่างสิ้นหวังอยู่ไม่รู้กี่ชั่วโมงในที่สุดช่วงเวลานี้ก็มาถึงจนได้ ส่วนที่ว่าทำไมเขาถึงได้ดูสบายๆ แบบนี้นะเหรอ เอาจริงๆ เขาปลงกับมันแล้วละ ก็แน่ละนะเพราะต้องนอนทนดูยัยโรคจิตนี้ฆ่าคนอยู่หลายชั่วโมง แถมยังรู้สึกสิ้นหวังจนถึงขีดสุดทุกครั้งที่ยัยนี้ขยับใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
ในช่วงแรกเนี่ยเรียกว่านรกเลยละทั้งเสียงกรีดร้องและกลิ่นคาวเลือด ในตอนนั้นนะตัวเขาได้แต่นอนร้องไห้ด้วยความสิ้นหวังจนเกือบจะกลายเป็นบ้าเลยละ แต่พอผ่านจุดนั้นมาได้ก็เริ่มรู้สึกปลงๆ จนแทบไม่รู้สึกอะไรอีกเลย ก็นะยังไงก็ไม่มีทางรอดอยู่แล้วก็เลยเริ่มเตรียมตัวเตรียมใจพร้อมที่จะตายไว้แล้วละ
“แต่ก็เอาเถอะอย่างน้อยความฝันบ้าๆ ในวัยเด็กก็เป็นจริงแล้ว ถึงจะเสียดายที่ยังไม่ได้ออกไปสำรวจอะไรเลยแล้วต้องมาตายก่อนแบบนี้ก็เถอะ” เขาพูดพึมพำออกมาเล็กน้อยก่อนที่ตัวเขาค่อยๆ หลับตาลงแล้วทำใจยอมรับชะตากรรมของตัวเอง
อ่า~ ถึงมันจะเป็นไปไม่ได้ก็เถอะ แต่ถ้าจังหวะนี้มีใครสักคนเข้ามาช่วยก็คงดีนะ…
วู้ม….!!
ในจังหวะนั้นเองก็ได้มีเสียงแปลกๆ ดังขึ้นมาบริเวณด้านหน้าของเขา ตัวหญิงสาวเองที่ได้ยินเสียงแบบนั้นก็เริ่มมีท่าทีที่แปลกไป
< [วอยด์เกท (Void Gate) ] อีกแล้วงั้นเหรอ? > หญิงสาวพูดออกมาด้วยท่าทีที่เบื่อหน่ายพร้อมกับลุกออกไปจากตัวของเขา
“มะ… มีคนมาช่วยเราแล้วงั้นเหรอ!? ถึงจะไม่รู้ว่าคุณเป็นใครแต่ขอบคุณมาก…”
เมื่อมองไปยังคนที่มาช่วยเขา ตัวชายหนุ่มก็เริ่มหน้าซีดขึ้นมาในทันที เพราะไอ้สิ่งที่อยู่ตรงหน้าเขานั้นมันไม่ใช่คน มันก็ต้องแน่อยู่แล้วละนี่มันอวกาศนะการที่อยู่ๆ จะมีเอเลี่ยนมาเข้ามาช่วยเหลือก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกสักเท่าไร ถึงเขาจะสามารถเรียกมันได้อย่างเต็มปากว่าเอเลี่ยนก็ตาม แต่ด้วยรูปร่างที่เหมือนกับมนุษย์ที่ตัวผอมแห้งและทั่วทั้งร่างถูกย้อมไปด้วยออร่าสีดำสนิท จนดูเหมือนผีร้ายที่หลุดมาจากหนังสยองขวัญ ที่เพียงแค่ได้มองก็ทำให้รู้สึกเหมือนกับถูกความหวาดกลัวเข้าครอบงำจนเกือบจะคุมสติตัวเองไม่อยู่
แต่ถึงเขาจะรู้สึกหวาดกลัวสิ่งที่อยู่ตรงหน้ามากแค่ไหน แต่ตัวเขาในตอนนี้ก็เป็นเพียงแค่หมาจนตรอก หากจะมีอะไรสักอย่างที่พอจะช่วยให้เขาเอาตัวรอดจากสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในตอนนี้ได้ละก็ ต่อให้ต้องทิ้งศักดิ์ศรีแล้วไปหวังพึ่งไอ้สิ่งน่ากลัวที่ตรงหน้าเพื่อเอาตัวรอดได้เขาก็จะทำ
“จัดการมันเลยครับคุณตัวอะไรสักอย่าง!?”
< มีโผล่มาแค่ [วอยด์เทอเลอร์ (Void Terror) ] ตัวเดียวเองงั้นเหรอ อ่า~ น่าเบื่อจริง…>
เมื่อหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าพูดจบ เธอก็เหวี่ยงเกราะแขนที่ลอยอยู่รอบตัวเธอไปตบหน้าคุณตัวอะไรสักอย่างในทันที ร่างของคุณตัวอะไรสักอย่างได้แหลกสลายหายไปกลางอากาศโดยหลงเหลือเพียงแค่ก้อนผลึกสีน้ำเงินไว้เป็นของดูต่างหน้า
“คุณตัวอะไรสักอย่าง~!!”
ล้อเล่นกันหรือเปล่าเนี่ย!? เล่นซัดไอ้ตัวสุดสยองนั่นแตกในหมัดเดียว สรุปแล้วยัยนี้เป็นตัวอะไรกันแน่เนี่ย!? ใช่คนแน่เหรอ?
< เอาล่ะ~ ทีนี้ก็ไม่มีคนมาเกะกะแล้ว… มาต่อกันเลยดีไหมคะคุณของหวาน? > เธอหันมายิ้มให้เขาพร้อมกับค่อยๆ ขึ้นมานั่งบนตัวเขาอย่างช้าๆ
“ยะ…อย่าเข้ามานะโว้ย!! ค…ใครก็ได้ ใครก็ได้ช่วยด้วย!! กูยังไม่อยากตาย!!” เขาร้องโวยวายออกมาพร้อมกับออกแรงดิ้นอย่างสุดกำลัง
เป็นเพราะไอ้ตัวสยองเมื่อกี้โผล่มาแท้ๆ เลยทำเอาเราเริ่มกลับมากลัวอีกครั้งจนได้ ทั้งที่อุตส่าห์เตรียมตัวเตรียมใจยอมรับความตายได้แล้วแท้ๆ โธ่เว้ย!!
ในขนาดที่หญิงสาวกำลังจะลงมือปลิดชีพเขานั้นเอง จู่ๆ ร่างของเธอก็ลอยขึ้นสูงอยู่เหนือตัวเขาพร้อมกันนั้นเองก็มีไอ้พวกตัวสยองจำนวนมากพุ่งเข้าโจมตีเธอที่ลอยค้างอยู่กลางอากาศ
< ถึงจะส่งพวกขยะแบบนี้มาอีกสักกี่ร้อยกี่พันตัวมันก็ไม่ประโยชน์แท้ๆ ไอ้โจรสวะพวกนั้นเนี่ยมันไม่เคยคิดจะเรียนรู้กันเลยหรือไงนะ… >
แม้ว…!!
ทันใดนั้นเองก็มีลำแสงสีรุ้งพุ่งมาที่ร่างของเธออย่างรวดเร็วจนเธอไม่ได้ตั้งตัว ส่งเธอกระเด็นไปกระแทกกับผนังห้องจนเกิดรอยร้าวขนาดใหญ่
“มะ…เมื่อกี้มันเกิดอะไรขึ้นกัน? นี่ฉันรอดแล้วงั้นเหรอ… หืม? ไอ้สิ่งที่ลอยอยู่กลางอากาศนั้นมัน… แมวเหรอ?”
เมื่อเขามองไปยังจุดที่ลำแสงสีรุ้งพุ่งมาเขาก็พบเข้ากับแมวอ้วนสีดำลายสีแดงตัวหนึ่งกำลังลอยตุ๊บป่องอยู่กลางอากาศ
ในตอนที่เขาเผลอไปสบตากับมันเข้าตัวเขาก็รับรู้ได้ถึงความอันตรายจากแมวตัวนั้นในทันที หากไอ้ตัวสุดสยองเมื่อกี้มันให้ความรู้สึกน่าหวาดกลัวจนต้องรีบหนีเอาชีวิตรอดละก็ ไอ้แมวนี้มันก็ให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเขานั้นกำลังได้พบกับยมทูตแห่งความตายที่กำลังจะมาเอาชีวิตของเขาไป โดยที่ตัวเขาทำได้เพียงแค่นอนรอโดนมันมาเอาชีวิตไปเท่านั้น
เจ้าแมวที่เห็นยังมีคนเหลืออยู่มันก็หันมาที่เขาพร้อมกับอ้าปากขึ้น จากนั้นก็มีก้อนพลังงานสีรุ้งก่อตัวใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
“ถ้าเจอบีมแบบนี้เข้าไปตรงๆ ยังไงคงไม่มีทางรอดแล้วสินะ ให้ตายสิ…” เขาพูดพึมพำออกมาอย่างสิ้นหวังให้กับความตายที่อยู่ตรงหน้าพร้อมกับค่อยๆ หลับตาลงเพื่อยอมรับชะตากรรมของตัวเอง
< [วอยด์ดิสาซเตอร์ (Void Disaster) ] งั้นเหรอ… ดูเหมือนว่ารอบนี้เจ้าโจรพวกนั้นจะมีของที่พอใช้ได้อยู่เหมือนกันนี่น่า >
จู่ๆ หญิงสาวผมทองก็พุ่งเข้ามาใช้หมัดเหล็กใหญ่ต่อยไปที่สีข้างของเจ้าแมวอ้วนอย่างรุนแรงจนลำแสงที่มันเตรียมจะยิงมาที่เขาเกิดพลาดเป้ามาลงบริเวณที่ว่างใต้หว่างขาเขาพอดี
แม้ว…!!
ลำแสงสีรุ้งได้ถูกยิงออกมาอีกครั้งแต่รอบนี้หญิงสาวกลับสามารถใช้หมัดเหล็กนั่นรับไว้ได้อย่างสบายๆ พร้อมกับหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง
< มันต้องแบบนี้สิถึงจะค่อยมีค่าให้จัดการหน่อย > พูดจบเธอก็พุ่งตัวเข้าไปหาเจ้าแมวอ้วนในทันที
แง้ว…!!
เจ้าแมวอ้วนเองเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังจะเขามาโจมตีตัวเองมันเริ่มก็ส่งเสียงร้องขึ้นมา โดยหลังจากนั้นไม่นานก็มีพวกตัวสยองปรากฏขึ้นรอบๆ ตัวของหญิงสาว ทำให้เธอไม่สามารถเข้าไปถึงตัวของมันได้ในทันที
ภายในห้องที่จากเคยสวยงามในตอนนี้กับกลายเป็นเหมือนกับซากปรักหักพัง การต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไปอย่างดุเดือดแบบไม่มีใครยอมใคร และทั้งคู่เองก็ไม่ได้เอะใจเลยว่าในตอนนี้ภายในห้องนั้นเหลือแค่เธอกับเจ้าแมวอ้วนเพียงเท่านั้น
***
“โอ๊ย… เจ็บชะมัด”
หลังจากที่เขาโดนแมวอวกาศยิงบีมพลาด จนเขาสามารถหลุดออกมาจากแผ่นกระดานบ้าๆ นั้นได้สักที แต่ว่าในขณะที่กำลังพยายามคลานอ้อมๆ หลบสายตาเพื่อหนีไปที่ทางออกนั้นเอง จู่ๆ พื้นห้องก็ดันแตกออกจนทำให้เขาพลัดตกลงไป
แต่ว่าทั้งที่ตัวเขาตกลงมาจากความสูงขนาดนั้นแท้ๆ แต่กลับไม่ค่อยเจ็บเท่าไรเลยแฮะ… ไม่สิ!ตามปกติสูงขนาดนั้นควรจะตายไปแล้วหรือเปล่า!? หรือว่านี้เป็นผลจากแรงโน้มถ่วงกันนะ?
“แต่ก่อนอื่นเลย… ที่นี่มันที่ไหนกันเนี่ย?”
เขาค่อยๆ ลุกขึ้นพร้อมกับมองสำรวจรอบๆ ตัว ด้วยความที่ว่าพื้นที่รอบๆ มันมืดมากจนมองอะไรไม่ค่อยเห็น เขาจึงรีบตั้งท่าเผื่อไว้เพราะถ้าหากเกิดมีตัวอะไรแปลกๆ โผล่ออกมาเขาจะได้รีบวิ่งหนีได้ทัน
เมื่อตั้งท่าอยู่สักพักจนเริ่มแน่ใจว่ารอบๆ น่าจะปลอดภัยบวกกับเริ่มคิดได้แล้วว่า ต่อให้ยืนอยู่เฉยๆ แบบนี้ต่อไปก็คงไม่ได้คำตอบอะไรกลับมา เขาจึงพยายามเดินตามทางไปเรื่อยๆ ในความมืด
หลังจากเดินหลงทางในความมืดอยู่สักพัก ในที่สุดเขาก็มองเห็นแสงสว่างที่เหมือนจะเป็นทางออกจากเขาวงกตนี้สักที ตัวเขาที่เห็นแบบนั้นจึงรีบวิ่งไปที่ทางออกอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อวิ่งมาถึงตัวเขาก็ต้องตกตะลึงกับหลายๆ สิ่งที่ที่อยู่ตรงหน้า
เบื้องหน้าของเขาคือห้องโถงที่รูปร่างเป็นแอ่งกระทะขนาดใหญ่ ที่ภายในเต็มไปด้วยทองคำกองภูเขาอัญมณีที่และทรัพย์สมบัติที่นอนเรียงรายและพร้อมใจกันส่องประกายระยิบระยับจนแสบตา แน่นอนว่าไม่ว่าจะมองยังไงนี้มันก็ต้องเป็นคลังเก็บสมบัติของยัยหัวทองโรคจิตนั้นแน่ๆ
“ไอ้เราก็นึกว่าจะได้เจอทางออกไปยังที่จอดยานหรืออะไรที่พอจะพาตัวเราหนีออกไปจากที่เส็งเคร็งแบบได้ แต่ว่าดันมาเจอห้องสมบัติแบบนี้เนี่ยนะ นี่มันไร้ประโยชน์ชะมัด…”
เขาสบกออกมาพร้อมกับมองไปรอบๆ ห้องเพื่อหาทางไปต่อ แต่ไม่ว่าจะมองหายังไงเขาก็มองไม่เห็นอย่างอื่นนอกจากกองภูเขาสมบัติจำนวนมหาศาล
“ชิ!! ไม่มีทางไปต่องั้นเหรอเสียเวลาชะมัด เฮ้อ~!! สงสัยคงต้องย้อนกลับไปทางเดิมแล้วละมั้ง”
ตู้ม…!!
ในขณะที่เขากำลังจะเดินออกจากห้องจู่ๆ พื้นที่โดยรอบก็เกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงและเริ่มมีเศษซากปรักหักพังร่วงลงมาเต็มไปหมด พร้อมกับปรากฏหญิงสาวผมทองในชุดเกราะสีทองกำลังใช้เกราะแขนสีทองขนาดใหญ่ที่ดูคุ้นตา ระดมต่อยไปที่เจ้าแมวอ้วนอย่างรวดเร็วจนมองแทบไม่ทัน
เจ้าแมวเองก็พยายามปล่อยลำแสงสีรุ้งสวนกลับการโจมตีของหญิงสาวแต่ตัวเธอก็ใช้หมัดของเธอปัดป้องมันอย่างง่ายดาย
เมี้ยว…!!
ตัวเจ้าแมวที่เริ่มรู้แล้วว่าการโจมตีของมันเริ่มไม่ได้ผลอีกต่อไป มันส่งเสียงกู่ร้องออกมาเสียงดังสนั่นพร้อมกับร่างกายของมันที่ค่อยๆ เริ่มเปลี่ยนแปลงไปพร้อมกับขนาดของมันที่ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ แต่มีหรือที่ตัวหญิงสาวจะปล่อยให้อีกฝ่ายทำแบบนั้น
ตัวเธอรีบพุ่งเข้าไปใช้หมัดสีทองขนาดใหญ่ต่อยอีกฝ่ายจนกระเด็นไปติดกับกำแพงในทันที ตัวของมันเริ่มแตกออกเป็นชิ้นๆ กลายเป็นเจ้าแมวอ้วนตัวเล็กๆ หลายร้อยตัว พวกมันเริ่มกระจายไปลอยอยู่รอบๆ ตัวของเธอพร้อมกับปล่อยลำแสงสีรุ้งจำนวนหลายร้อยเส้นโดยพุ่งเป้าไปที่หญิงสาวผมทอง
ตัวเธอที่เห็นแบบนั้นก็ฉีกยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดี เธอกางมือออกพร้อมให้ใช้เกราะแขนสีทองขนาดใหญ่ของเธอหมุนวนรอบตัวอย่างรวดเร็ว ลำแสงสีรุ้งเริ่มมาหมุนวนรอบๆ ตัวเธอจนกลายเป็นก้อนวงกลมขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
หลังจากมันเริ่มสะสมพลังงานได้ระดับหนึ่งมันก็ได้ระเบิดคลื่นพลังสีทองออกมาเป็นวงกว้าง พวกเจ้าแมวอ้วนหลายร้อยตัวค่อยๆ ถูกคลื่นพลังสีทองทำลายจนกลายเป็นผุยผง แต่ภายในไม่กี่วินาทีต่อมันก็ได้เริ่มกลับมารวมตัวกันใหม่อีกครั้งจนกลับมาเป็นเจ้าแมวอ้วนตามเดิมที่เพิ่มเติมมาด้วยขนาดตัวที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิมถึง 10 เท่า พร้อมกับรูปลักษณ์ภายนอกที่เปลี่ยนไปดูน่ากลัวขึ้นจนแทบจะเหมือนกับปีศาจร้ายจากขุมนรกและจากนั้นทั้งสองที่เริ่มพุ่งเข้าสู้กันอย่างดุเดือดอีกครั้ง
“ที่ให้สู้กันมีตั้งเยอะแยะ ทำไมมันถึงมาหวยลงที่ห้องนี่ได้ฟะ!!”
ตัวเขาที่เห็นแบบนั้นก็พยายามจะรีบวิ่งกลับไปยังทางที่เข้ามาแต่ก็ไม่ทันเวลา เพราะจากแรงระเบิดเมื่อกี้ทำให้ซากผนังห้องร่วงลงมาปิดทางเข้าเอาไว้จนเขาไม่สามารถออกไปได้ แถมแรงสั่นสะเทือนจากที่ทั้งสองได้สู้กันก็เริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนเขาเริ่มทรงตัวไม่อยู่ละได้พลัดตกลงไปในกองสมบัติที่กำลังไหลวนเหมือนกับกระแสน้ำที่เต็มไปด้วยทองคำ
***
“แฮ่กๆ เกือบได้จมกองเงินกองทองตายแล้วไหมล่ะเรา…”
เมื่อเขาตะเกียกตะกายออกมาจากกองทองได้สำเร็จ เขาค่อยๆ เงยหน้ามองดูการต่อสู้สุดอลังการทั้งสองพร้อมกับถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจ
“หึ! ทั้งที่นึกว่าจะหนีได้แล้วแท้ๆ แต่สุดท้ายก็กลับมาเจอพวกมันอีกจนได้ ทางออกก็ถูกปิด… แถมยังมีสัตว์ประหลาดสองตัวกำลังปล่อยพลังตูมตามใส่กันอยู่บนหัวแบบนี้อีก… ให้ตายสิไอ้ศึกบ้านี้นะ!! ไม่ว่ายัยหัวทองจะชนะ หรือไอ้แมวนรกนั้นจะชนะ สุดท้ายแล้วฉันก็ต้องโดนใครสักคนมาฆ่าอยู่ดีไม่ใช่หรือไง โธ่เว้ย…” เขากล่าวออกมาอย่างเหนื่อยๆ พร้อมกับนอนหงายตัวลงและปล่อยให้ร่างของตัวเองค่อยๆ ไหลไปกับกระแสน้ำทองคำที่ตัวเขาตกลงมา
(ทางนี้…)
“หืม? เสียงเมื่อกี้มัน!?”
(ตัวข้าอยู่ทางนี้ท่านผู้กล้า…)
“ผู้กล้างั้นเหรอ…” เขาเริ่มยิ้มแห้งๆ พร้อมกับถอนหายใจออกมาเล็กๆ “อ่า… ดูเหมือนว่ามันจะหายไปหมดแล้วสินะ… สมงสมองของฉัน~”
(เร็วเข้าสิท่านผู้กล้า!! รีบหยิบข้าขึ้นมาเร็วเข้า!!)
“หนวกหูเฟ้ย!! เป็นแค่อาการหลอนประสาทแท้ๆ อยู่เงียบๆ ไม่เป็นรึไงวะ!?”
ทันใดนั้นเองตัวเขาก็รู้สึกเหมือนกับมีอะไรสักอย่างลอยมาอยู่ข้างๆ หูของเขา เมื่อเขามองไปที่มัน เขาก็พบว่ามันเป็นลูกแก้วสีขาวใสขนาดเท่ากำปั้น
(ตอนนี้ละหยิบข้าขึ้นมาเลยท่านผู้กล้า!!)
“ที่มาของเสียงประสาทหลอนนี่เป็นฝีมือแกเองเหรอฟะ!?”
เขาตะโกนออกมาเสียงดังลั่นพร้อมกับหยิบลูกแก้วขึ้นมาและเตรียมจะปามันทิ้ง แต่ในขนาดที่เขากำลังตั้งท่าเตรียมจะโยนมันอยู่นั้นเอง ลูกแก้วก็ได้ส่องแสงออกมาจนทำให้เขารู้สึกแสบตาแบบสุดๆ จนเขาต้องหลับตา
เมื่อเขาลืมตาขึ้นมาลูกแก้วที่เคยอยู่ในมือของในตอนนี้ได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย พร้อมกับการปรากฏตัวเด็กสาวผมยาวสีชมพูในชุดคลุมสีขาวยืนกางแขนอยู่เบื้องหน้าของเขา
“แม้จะเป็นช่วงเวลาแห่งการหลับใหลที่ยาวนานแต่การที่ข้าตื่นขึ้นมาในช่วงเวลานี้ ซึ่งนั้นก็หมายความว่าแห่งยุคสมัยที่ความโกลาหลได้กลับมาอีกครั้ง เอาละท่านผู้กล้า ณ บัดนี้ตัวข้านั้นของถามท่าน!!”
แสงสว่างสีขาวที่ส่องประกายอย่างอ่อนโยนดังตะวันยามเช้า อีกทั้งน้ำเสียงที่ดังกึกก้องที่เมื่อได้รับฟังก็ทำให้รู้สึกสั่นสะท้านไปทั่วทั้งร่างกาย
“ตัวท่านนั้นพร้อมจะละทิ้งบ้านเกิดเมืองนอนและร่วมเดินทางสู่หวงอวกาศอันไกลโพ้น โดยการไปปราบจอมมารเพื่อกอบกู้ให้ความสงบสุขกลับมาสู่จักรวาลอีกครั้งหรือไม่?”เด็กสาวเอ่ยคำพูดออกมาด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มและเต็มไปด้วยความมั่นใจพร้อมกับยื่นมือมาที่เขา
ตัวเขาที่ได้ยินสิ่งที่เธอพูดออกมาก็รู้สึกตกตะลึงจนพูดไม่ออกตัวเขาที่นอนล้มอยู่กับพื้นค่อยๆ ยืนมือไปจับมือของอีกฝ่ายพร้อมกับพูดขึ้น
“ของแบบนั้นนะไม่เอาด้วยหรอกเฟ้ย!!”
“อืมๆ ต้องอย่างงี้สิ!! ถ้าเช่นนั้นพวกเราก็…. เดี๋ยวนะ? เมื่อกี้ท่านพูดว่ายังไงนะ…!?”
“ก็บอกว่าไม่เอาด้วยหรอกโว้ย!! ให้ไปเป็นผู้กล้าเนี่ยนะ!! นี่เธอเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า? ไม่ว่าจะดูยังนี่มันโลกไซไฟอวกาศนะโว้ยไม่ใช่ต่างโลกแฟนตาชีนะโว้ย!!”
“ไซไฟ? แฟนตาซี? พูดอะไรของเจ้านะ… แล้วไอ้ที่พูดว่าไม่เอาด้วยนั้นนะมันคืออะไรกัน!! เจ้านะถูกจักรวาลลิขิตให้เป็นถึงผู้กล้าและยังได้รับหน้าที่อันยิ่งใหญ่อย่างการช่วยจักรวาลเลยนะ!? อะไรกันที่ทำให้เจ้าไม่พอใจกับหน้าที่อันยิ่งใหญ่เช่นนี้?”
“ก็แล้วมันยังไงฟ่ะ ผู้กล้า? จอมมาร? อยู่ดีๆ ก็มียัยเปี๊ยกที่ไหนไม่รู้โผล่มาบอกว่าเจ้าคือผู้กล้าแล้วมีหน้าที่ต้องไปปราบจอมมารเนี่ยนะ? เธอคิดว่าฉันจะตอบเธอว่า ‘เข้าใจแล้วครับ’ แล้วก็ไปทำตามที่เธอบอกมางั้นเหรอ! เธอจะบ้าหรือเปล่า!! จู่ๆ ก็ให้ฉันไปปราบไอ้ตัวที่แค่ฟังชื่อก็ดูอันตรายแบบนั้นเนี่ยนะ!? มันจะมีคนสติดีที่ไหนยอมรับเรื่องแบบนี้แล้วเอาตัวเองไปรนหาที่ตายแบบนั้นฟะ!? นี่สมองเธอมีปัญหาหรือเปล่าเนี่ย?”
“ยะ…หยาบคาย!! ไร้มารยาท!! ตัวข้าเป็นถึงศาสตราวุธในตำนานที่ค่อยช่วยเหลือและชี้นำเหล่าผู้กล้ามากหน้าหลายตามาตลอดหลายยุคหลายสมัย แต่ข้าไม่เคยเจอผู้กล้าที่มีวาจาหยาบกระด้างและบ้าเถื่อนเช่นเจ้ามาก่อนเลย!!”
“อะไรละนั่นไอ้บทพูดที่อย่างกับหลุดมาจากหนังแนวย้อนยุคนั้นนะ แล้วนี่คิดว่าตัวเองใหญ่มาจากไหนฟ่ะถึงคิดว่าฉันจะต้องรู้สึกยินดีกับหน้าที่โง่ๆ แบบนั้นนะ โทษทีนะแต่ไม่เอาด้วยหรอกโว้ย ถ้าอยากจะช่วยจักรวาลขนาดนั้นก็ไปเชิญไปคนเดียวตามสบายเลยยัยหนูน้อย!!”
“ยัยหนูงั้นเหรอ!? ตัวข้านะอายุมากกว่าเจ้าเป็นล้านๆ เท่าเลยนะ อย่างน้อยก็หัดมีความเคารพกันสักหน่อยสิเจ้าเด็กเมื่อวานซืน!!”
“อ้าวนี้สรุปแล้วไม่ใช่เด็กโลลิธรรมดา แต่เป็นยัยแก่โลลิอายุล้านปีงั้นเหรอเนี่ย?”
“อ่า~!! เจ้านี่มันเป็นผู้กล้าที่ระยำที่สุดเท่าที่ข้าเคยเจอมาทั้งชีวิตเลย!! นี่ถ้าไม่ติดที่ว่าเจ้าเป็นผู้กล้าข้าคงใช้พลังที่มีอยู่อันน้อยนิดของข้าเผาปากเน่าๆ ของเจ้าไปนานแล้ว ให้ตายสิทำไมจักรวาลถึงได้เลือกคนเถื่อนไร้อารยธรรมที่แม้แต่เสื้อผ้าก็ไม่รู้จักใส่เช่นนี้มาเป็นผู้กล้ากันนะ!?”
“ว่าใครเป็นคนเถื่อนไร้อารยธรรมฟ่ะยัยแก่โลลิ!!”
“นอกจากเจ้าแล้วจะมีใครอีก ดูสิเสื้อผ้าก็ไม่รู้จักใส่แถมยังหยาบคายและไร้มารยาทอีก หากไม่เรียกว่าคนเถื่อนไร้อารยธรรมแล้วจะให้ข้าเรียกเจ้าว่าเช่นไร เจ้าผู้กล้าโรคจิตชอบโชว์ของลับ!!”
“ถ้าจะมาด่ากันแบบนี้ มาต่อยกันให้มันรู้ดำรู้แดงเลยดีกว่าเลยไหมล่ะ!!”
“ก็เอาสิ!! ถึงข้าจะทำร้ายผู้กล้าโดยตรงไม่ได้ แต่ถ้าการฝึกซ้อมต่อสู้ละก็ไม่มีปัญหา!! เตรียมตัวเตรียมใจไว้เถอะไอ้หนู เดี๋ยวข้าจะแก้ไขไอ้สันดานเสียๆ นั้นทิ้งและสั่งสอนให้เจ้าเป็นผู้กล้าที่ยอดเยี่ยมเอง!!”
“ถ้าคิดว่าทำได้ก็ลองดูสิยัยแก่โลลิไร้สมอง!!”
“อย่าบังอาจมาเรียกข้าว่ายัยแก่โลลินะไอ้เจ้าเด็กโรคจิตเมื่อวานซืน!!”
แม้ว…!! ตู้ม…!!
ลำแสงสีรุ้งขนาดเล็กได้พุ่งเฉี่ยวหน้าของพวกเขาทั้งสองพร้อมกับระเบิดพื้นบริเวณที่อยู่ใกล้ๆ กับพวกเขาทั้งคู่เป็นหลุมขนาดใหญ่
พวกเขาทั้งสองที่เห็นพื้นเป็นแบบนั้นก็ค่อยๆ หันหน้าไปกลับไปมองจุดที่ลำแสงสีรุ้งได้ถูกยิงออกมาและก็พบกับกลุ่มแมวอ้วนตัวเล็กประมาณ 10 ตัวกำลังชาร์จก้อนพลังงานสีรุ้งไว้ที่ปากและเล็งมาที่พวกเขาทั้งคู่
“ “ เอ๊ะ? ” ”
*****
ศาสตราวุธในตำนาน : อิโซลาร์