ขอให้จักรวาลนี้ ยังคงมีแต่ความสงบสุขต่อไปด้วยเถิด - ตอนที่ 7
“ดูนี้นะ”
อิโซลาร์พูดขึ้นพร้อมกับยืนแขนเล็กๆ ออกมาข้างหน้า จากนั้นจู่ๆ แขนของเธอก็เริ่มออร่าสีขาวปรากฏขึ้นก่อนที่มันจะค่อยๆ กระจายตัวจนปกคลุมไปทั่วทั้งร่างกายของเธอ
“อาร์คก็คือพลังงานที่เหล่าผู้ใช้อาร์คขอหยิบยืมมาจาก [ดิ อาร์ค] ส่วนมันทำอะไรได้บ้าง ตัวเจ้าเองที่เคยเจอมากับตัวน่าจะเข้าใจดีอยู่แล้ว โดยปกติอาร์ค—”
“คงจะใช้เพื่อเสริมความแข็งแกร่งทางกายภาพหรือไม่ก็อาจจะทำอย่างอื่นได้มากกว่านั้นสินะ อันนั้นก็พอจะเข้าใจอยู่ แต่ว่านะ… ที่ฉันถามไปน่ะ มันคือเรื่องของไอ้สิ่งที่กำลังลอยอยู่บนข้อมือฉันไม่ใช่เหรอ?”
ชายหนุ่มที่กำลังนั่งฟังอยู่กับพื้นพูดขัดจังหวะออกมาพร้อมกับยกมือข้างซ้ายที่มีก้อนอัญมณี 9 เม็ด ที่กำลังลอยวนอยู่รอบข้อมือของเขาขึ้นมาแสดงให้เห็น
“หัดฟังที่คนเขาพูดให้จบซะก่อนสิ เฮ้อ… เอาเถอะ ถ้างั้นจะอธิบายสิ่งที่อยู่บนมือเจ้าให้ฟังก่อนแล้วกัน”
เด็กสาวถอนหายใจออกมาเล็กน้อย ก่อนที่จะชี้นิ้วของเธอมาที่ข้อมือของชายหนุ่มตรงหน้าเธอ
“สิ่งที่อยู่บนมือของเจ้านั้นก็คือ ยูนีค มันคือสิ่งที่เป็นรูปธรรมของความเป็นไปได้ในอุดมคติของตัวเจ้ายังไงละ หรือถ้าให้พูดให้เข้าใจง่ายๆ มันก็คืออาร์คพิเศษเฉพาะบุคคลที่น้อยคนนักจะสามารถก้าวข้ามอาร์คขึ้นสูงและกลายเป็นยูนีคขึ้นมาได้ยังไงละ ส่วน—”
“ถ้างั้นก็แสดงว่าพลังแปลกๆ ที่เธอใช้อัดฉันไปเมื่อตะกี้ มันก็คือไอ้ยูนีคที่ว่านั้นสินะ!!”
ชายหนุ่มพูดขัดขึ้นมาอีกครั้งด้วยสีหน้าที่ตื่นเต้น แต่ทันใดนั้นเองตัวเขาก็ถึงกับต้องรีบโยกตัวหลบในทันที เพราะจู่ๆ ก็มีหมัดเล็กๆ จะพุ่งมาต่อยหน้าเขา
“ให้ตาย… ช่วยอยู่เงียบๆ และฟังที่คนอื่นอธิบายให้เสร็จก่อนได้ไหม!”
“ขะ…ครับ!!”
“เฮ้อ… เอาเถอะ แล้วก็เรื่องที่พูดออกมาเมื่อกี้น่ะ นั้นเป็นแค่อาร์คระดับกลางเท่านั้นล่ะ”
เด็กสาวทำหน้าครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะนึกเรื่องที่ลืมไปออก
“จริงสิ… ก่อนอื่นข้าคงต้องอธิบายเรื่องระดับของอาร์คก่อนสินะ”
“อ๊ะ! อันนั้น ฉันพอจะเดาได้อยู่ คงจะเป็น ต้น กลาง สูง แล้วก็ ยูนีค ใช่ไหม!”
“อืม… ก็ถูกอย่างที่เจ้าว่า แต่ถ้าให้พูดโดยเอาตามจริง โดยทั่วไปมันก็มีแค่ ต้น กลาง สูง เท่านั้นละ ส่วนระดับ ยูนีค นั้นเป็นของที่หายากระดับที่ว่า ต่อให้คนผู้นั้นจะเป็นคนที่เก่งกาจหรือมีความสามารถสูงแค่ไหนก็ตาม แต่การที่จะก้าวข้ามไปสู่ยูนีคได้นั้น เป็นสิ่งที่อยู่ในระดับที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยละ”
“เดี๋ยวนะ? ถ้ามันเป็นสิ่งที่อยู่ในระดับที่แทบจะเป็นไปไม่ได้จริงๆ แล้วอย่างงั้น ตัวฉันที่นั่งหัวโด่อยู่ตรงนี่นี้มันหมายความว่ายังไง?”
ชายหนุ่มพูดถามออกมาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัย
“เพราะว่าเจ้าเป็นถึงผู้กล้ายังไงละ จักรวาลถึงได้มอบพลังที่ยิ่งใหญ่ให้แก่เจ้า ทั้งหมดก็เพื่อให้ตัวเจ้าสามารถต่อกรกับจอมมารได้ไงละ”
“เดี๋ยวนะ… ไม่ใช่ว่าไอ้จอมมารที่ว่านั้น มันม่องเท่งไปนานแล้วไม่ใช่เหรอ แล้วไอ้การทำอะไรแบบนี้เนี่ย… มันมีความหมายอะไรด้วยเหรอ?”
“อ๊ะ…”
ทันใดนั้นเองบรรยากาศโดยรอบก็ตกอยู่ในความเงียบงัน พวกเขาทั้งสองคนมองหน้ากันไปมา
“นั้นสินะ… เพราะอะไรกันน้า~”
ตัวอิโซลาร์ที่ได้ยินสิ่งที่เขาพึ่งพูดออกไปก็ได้ยิ้มออกมาแห้งๆ ก่อนที่จะหันหน้าไปมองทางอื่น
“โฮ้ย!”
“อะ… เอาเป็นว่าชั่งเรื่องหยุมหยิมพวกนั้นไว้ก่อนเถอะ! อันดับแรกข้าว่าพวกเรามาดูกันดีกว่าว่า ยูนีค ของเจ้านั้นมีพลังแบบไหนกันดีไหม?”
“ยัยนี้เปลี่ยนเรื่องเร็วชะมัด เฮ้อ… ชั่งเถอะ แล้วสรุปไอ้ ยูนีค ที่อยู่ตรงข้อมือฉันเนี่ยมันทำอะไรได้บ้างละ?”
ชายหนุ่มพูดออกมาด้วยสีหน้าเซ็งๆ พร้อมกับยกมือขึ้นมาแกว่งไปมา
“อันนี้ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน! แล้วเจ้าละศิวะ… พอจะนึกอะไรเกี่ยวกันมันออกบ้างไหม?”
“โฮ้ยๆ อย่ามาตอบคำถามด้วยคำถามสิฟะ ถึงจะถามมาอย่างงั้น ฉันก็ไม่… รู้… เอ๊ะ?”
ตัวเขาพูดตอบออกไปด้วยใบหน้าที่ดูเซ็งๆ พร้อมกับก้มลงไปมองสิ่งที่อยู่รอบข้อมือของตัวเองก่อนที่จะทำหน้าเหมือนกับจะรู้อะไรบางอย่าง
“โอ๊ะ? ท่าทีแบบนั้น ดูเหมือนว่าเจ้าคงพอจะนึกอะไรออกแล้วสินะ!”
“อ่า… ถ้ามันเป็นแบบที่ฉันคิดไว้ละก็ อัญมณีพวกนี้จะต้องเป็นอาวุธสำหรับใช้ในการโจมตีระยะไกลประเภทบีมอย่างแน่นอน”
“อืมๆ วิเคราะห์ได้ดีนิศิวะ ถึงจะฟังดูเป็นพลังที่เรียบง่ายไปหน่อยก็เถอะ แต่การที่มันดูเรียบง่ายแบบนี้ก็แสดงว่าพลังทำลายของมันคงจะต้องมีมากมายมหาศาลอย่างแน่นอน ถ้างั้นก็ต้อง…”
เด็กสาวทำการยืมมือไปทางด้านหน้าของชายหนุ่ม ก่อนที่จู่ๆ จะมีหุ่นสีขาวที่รูปร่างคล้ายมนุษย์ตัวหนึ่ง ผุดขึ้นมาจากพื้นของสนาม
“เอาละ… ทีนี้เจ้าลองเล็งยิงก้อนอัญมณีสักก้อนไปที่หุ่นฝึกตรงนั้นให้ดูหน่อยสิ เดี๋ยวข้าจะคอยตรวจสอบพลังทำลายให้”
อิโซลาร์พูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจังพร้อมกับมีจอโฮโลแกรมปรากฏขึ้นมาตรงหน้าเธอ
“เข้าใจแล้ว!! อุว้า~”
ชายหนุ่มรีบลุกขึ้นและเริ่มตั้งท่าแปลกๆ เหมือนกับกำลังชาร์ตพลัง พร้อมยืนมือซ้ายของเขาออกมาข้างหน้าแล้วเล็งเป้าไปที่หุ่นฝึกซ้อม
“จงรับไปซะ! ท่าไม้ตาย อัลติเมท ชูตติ้งสตาร์!!”
ชายหนุ่มพูดตะโกนชื่อท่าไม้ตายออกมาเสียงดังสนั่นไปทั่วทั้งห้อง ทั้งที่เป็นแบบนั้นแต่กลับไม่มีอะไรปรากฏออกมาเลย
“ดูเหมือนจะยังใส่พลังเข้าไปไม่พอสินะ ย้ากกก!! ท่าไม้ตาย อัลติเมท ชูตติ้งสตาร์!! อัลติเมท ชูตติ้งสตาร์!! ชูตติ้งสตาร์!! ชูตติ้งสตาร์!! ชูต~ สา~ ตาร์! แค่กๆ!?”
ชายหนุ่มพูดตะโกนออกมาอย่างต่อเนื่องจนเสียงเริ่มแหบแห้ง
“แฮ่กๆ ทำไมเห็นจะมีอะไรออกมาเลย!? เสียหรือเปล่าเนี่ย…”
ชายหนุ่มมองไปที่ข้อมือของตัวเองพร้อมกับทำการเขย่าเล่นไปมา
“อืม… ดูเหมือนว่านั้นจะไม่ใช่วิธีใช้งานที่ถูกต้องสินะ… ถ้างั้นเจ้าลองหาวิธีอื่นดูดีไหม?”
“อืม… ลองแกะออกมาขว้างเล่นสักเม็ดสองเม็ดดูดีไหม?”
“บ้าหรือเปล่าน่ะเจ้า คิดหรือว่าวิธีมักง่ายแบบนั้นจะทำให้มันแสดงพลังที่แท้จริงออกมาได้นะ”
อิโซลาร์พูดสวนกลับออกมาอย่างทันควันพร้อมกับมองไปที่ชายหนุ่มตรงหน้าดาวสายตาที่เอือมระอา
“ก็คนมันไม่คิดไม่ออกนี่หว่า… ปกติถ้าอ้างอิงเอาตามการ์ตูนแล้วละก็ ไอ้พวกพลังแนวอัญมณีแบบนี้เนี่ย นอกจากเอามายิงบีมใส่กันแล้วก็เห็นแต่เอามาขว้างใส่หัวกันแค่นั้นเอง หรือว่าเธอจะมีความคิดที่มันดูเข้าท่ากว่านี้หรือไง?”
“อึก…! ถึงจะมาถามข้าแบบนั้นก็เถอะ อืม… อะ… เอาเป็นว่าลองแงะออกมาขว้างใส่เป้าซ้อมดูสักอันคงไม่เสียหายอะไรมาก… หรอกมั้ง?”
อิโซลาร์ที่เถียงไม่ออกจึงพูดเออออตามน้ำไปพร้อมกับชี้มือไปที่เป้าซ้อมที่อยู่ตรงหน้า
เมื่อได้ยินแบบนั้นตัวเขาจึงพยายามยืนมือของเขาไปดึงอัญมณีออกมาด้วยท่าทีที่กำลังลังเลเล็กน้อยว่าจะเอาเม็ดไหนดี
“อืม… เลือกยากแฮะ จะว่าไปอัญมณีพวกนี้พอลองสังเกตดูดีๆ แล้ว ทั้งที่ยังไม่ผ่านการเจียระไนแท้ๆ แต่น้ำงามสุดๆ ไปเลยแฮะ โดยเฉพาะไอ้เพชรเม็ดนี้เนี่ย ถ้าเราเอาไปขายละก็คงจะได้เงินมากพอจะส่งเราเรียนจบเอกได้สบายๆ แน่นอน โอเค!! เอาเม็ดนี้ละ!”
เมื่อคิดไปแบบนั้นตัวเขาจึงรีบใช้มือของเขาคว้ามันมากำไว้อย่างรวดเร็วพร้อมกับตั้งท่าเตรียมที่จะขว้างมันออกไป
“โอ้วววว!! ท่าไม้ตาย อัลตร้า ไซนิ่ง ได— เอ๊ะ!?”
ในขณะที่เขากำลังเตรียมจะขว้างมันออกไปนั่นเอง ตัวเขาก็เริ่มรู้สึกแปลกๆ บริเวณมือที่กำลังกำเพชรเม็ดนั้นเอาไว้ ตัวเขาที่รู้แบบนั้นจึงรีบแบมือเพื่อทิ้งสิ่งที่อยู่ในมือออกอย่างรวดเร็ว พร้อมกับชักมือตัวเองกลับมาเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้นกับมือของเขา
“มะ…มันเกิดบ้าอะไรขึ้นกับมือของฉันเนี่ย!?”
เมื่อชายหนุ่มมองไปยังมือที่เคยถือเพชรเม็ดนั้นไว้ตัวเขาก็ต้องตกใจเป็นอย่างมาก เพราะตอนนี้จู่ๆ มือของเขาก็เริ่มมีก้อนผลึกเพชรสีขาวก่อตัวขึ้นและมันกำลังลุกลามไปตามร่างกายของเขาอย่างรวดเร็วจนมันปกคลุมไปทั่วทั้งร่างของเขาภายในชั่วอึดใจ
ร่างกายที่ถูกปกคลุมไปด้วยผลึกเพชรของชายหนุ่มเริ่มส่องแสงออกมาก่อนที่จะเริ่มปริแตกและหลังจากนั้นไม่นานผลึกเพชรที่เกาะอยู่ทั่วร่างกายกายของชายหนุ่มก็ค่อยๆ สลายหายไป จนเริ่มเผยให้เห็นคนที่อยู่ภายใน
“แฮ่กๆ เมื่อกี้มันเกิดอะไรขึ้นฟะ…”
ในทันทีที่ตัวเขาหลุดออกมาจากผลึกเพชรได้ตัวเขาก็ถึงกับเข่าทรุดลงไปข้างหนึ่งพร้อมกับมีอาการเหนื่อยหอบเล็กน้อย
“อืมๆ ดูเหมือนว่าจะเป็นยูนีคประเภทผสานร่างสินะ”
อิโซลาร์เดินเข้ามาตรวจสอบร่างกายของชายหนุ่มอย่างใกล้ชิด
“ยูนีคผสานร่าง… งั้นเหรอ?”
ชายหนุ่มมองมาที่อิโซลาร์ด้วยสีหน้าที่มึนงง
“เอาเป็นว่าถ้าเจ้าลองมองดูตัวเองในกระจกดูก่อนดีกว่านะ…”
เด็กสาวพูดออกมาด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มพร้อมกับเอากระจกบานใหญ่ที่ไม่รู้ไปเอามาตอนไหนมาวางไว้ข้างหน้าเขา
ทันทีที่ชายหนุ่มได้เห็นร่างกายของตัวเอง เขาก็ถึงกับอ้าปากค้างด้วยความตกใจถึงขีดสุดกับร่างกายตัวเองที่เปลี่ยนแปลงไป
ข้อมือและข้อเท้าทั้งรวมถึงดวงตาสองข้างกลายเป็นผลึกเพชรสีขาวแวววาว เส้นผมที่เคยเป็นสีดำถูกย้อมเป็นสีด้วยกับเพชรเม็ดนั้น แถมเมื่อได้มองลงไปเขาก็พบว่าตามร่างกายของเขาตั้งแต่ใบหน้าไปถึงกลางลำตัวถูกผลึกเพชรฝังอยู่เป็นแนวยาวจนดูเหมือนกับรอยสักของพวกชนเผ่าอะไรสักอย่างที่เคยเห็นในสารคดี
“ระ…รอยสักพวกนี้มันอะไรกันเนี่ย!!? แถมลูกตากับทรงผมยังกลายเป็นแบบนี้อีก… โคตรเห่ย!! นี่มันหมายความว่ายังไงกันเนี่ยอิโซ… ลาร์?”
ในขณะที่ชายหนุ่มพยายามจะหันหลังกลับไปถามหาคำอธิบายจากอิโซลาร์ ตัวเด็กสาวก็ได้เอามือข้างหนึ่งมาจับล็อกแขนข้างซ้ายของเขาเอาไว้โดยไม่พูดอะไร พร้อมกับง้างหมัดที่มีคลื่นออร่าจำนวนมหาศาลพวยพุ่งออกมา ชนิดที่หมัดของเธอก่อนหน้านี้เทียบไม่ติด
ตัวเขาที่เห็นแบบนั้นจึงพยายามจะถีบไปที่พื้นเพื่อดีดตัวหลบ แต่มันกับไม่เป็นไปตามที่เขาตั้งใจไว้เพราะอีกฝ่ายกำลังล็อกแขนเขาไว้อยู่ ทำให้เขาไม่สามารถขยับไปไหนได้
หมัดที่เด็กสาวง้างค้างเอาไว้เริ่มพุ่งเข้ามาหาเขาอย่างรวดเร็ว เมื่อไม่มีทางเลือกมากนัก ตัวเขาจึงต้องจำเป็นต้องใช้แขนอีกข้างที่เหลืออยู่ซัดหมัดออกไปเพื่อรับการโจมตีไว้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
หมัดของทั้งสองไปเข้าปะทะกันจนเกิดเป็นคลื่นกระแทกไปรอบๆ ตัวของทั้งคู่ จนพื้นสนามโดยรอบเริ่มแตกออกเป็นเสี่ยงๆ โดยมีเพียงแค่พื้นที่พวกเขายืนอยู่เท่านั้นที่ยังคงเป็นปกติอยู่
“เธอทำบ้าอะไรของเธอเนี่ยอิโซลาร์!!?”
ชายหนุ่มพูดตะโกนออกมาพร้อมกับออกแรงมากขึ้น จนสามารถปัดป้องการโจมตีจากหมัดของอิโซลาร์ออกไปได้ ส่วนตัวเขาอิโซลาร์ที่เห็นแบบนั้นจึงปล่อยมือที่ล็อกแขนของชายหนุ่มออกพร้อมกับยิ้มออกมา
“ไม่เลวๆ ข้าว่าข้าเริ่มจะเข้าใจยูนีคของเจ้าขึ้นมาแล้วล่ะ เป็นพลังที่ใช้ได้เลยนิศิวะ…”
“โอ๊ย!! นี่มันหมายความว่ายังไง อยู่ดีๆ ไหงโจมตีแบบไม่บอกไม่กล่าวกันแบบนี้ฟะ หรือคิดจะต่อรอบสองหลังฉันปลุกพลังแล้วหรือไง!!?”
“ฮ่าๆ อย่าหัวเสียไปเลยน่าศิวะ! ข้าแค่อยากทดสอบอะไรนิดหน่อยเอง”
“ถ้าจะทดสอบก็หัดบอกกันก่อนสิฟะ!! ถ้าเกิดเมื่อกี้ไอ้พลังที่ฉันใช้มันรับไม่ไหวขึ้นมาละก็มีหวังฉันได้เละคาหมัดเมื่อกี้ไปแล้วนะเฟ้ย!!”
ชายหนุ่มพูดออกมาอย่างหัวเสียพร้อมกับค่อยๆ เดินถอยไปข้างหลังและตั้งท่าเตรียมไว้เพื่อว่าเด็กสาวตรงหน้าจะทำอะไรแปลกๆ อีก
“ถ้างั้นเรามาเริ่มบดทดสอบของจริงกันเลยดีกว่านะศิวะ เอาละ ‘โซล เทลุม [Sol Telum (ศาสตราแห่งสุริยัน) ] ’ ”
อิโซลาร์ที่ยืนอยู่ข้างหน้าเขาพูดตะโกนออกมาพร้อมกับร่างกายของเธอที่แตกกระจายออกไปอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นละอองแสงเล็กๆ ไม่นานพวกละอองแสงเหล่านั้นก็ลอยตรงมารวมตัวกันอยู่บริเวณมือกับขาของเขาจนกลายเป็นเกราะแขนกับเกราะขาสีขาวที่มีลวดลายอันงดงามแต่ก็แฝงไปด้วยความน่าเกรงขามพร้อมกับค่อยๆ มีเพชรเม็ดเดียวกับที่เขาหยิบขึ้นมาในตอนนั้นโผล่ออกมาบริเวณหลังมือของเกราะแขนทั้งสองข้าง
“นะ…นี่มันบ้าอะไรอีกฟะเนี่ย!!?”
(อืม… รอบนี้เป็นพวกสายหมัดงั้นเหรอเนี่ย… เอาเถอะ พอได้ดูจากสไตล์การต่อสู้แล้วก็ไม่ค่อยแปลกใจเท่าไร… แล้วรู้สึกเป็นยังไงบ้างศิวะ?)
อัญมณีที่อยู่บริเวณเกราะแขนเริ่มกะพริบไปมาเป็นจังหวะพร้อมกับมีเสียงของอิโซลาร์ดังอยู่ในหัวของเขา
“ไม่รู้เฟ้ย!!? แล้วไอ้เกราะแขนกับเกราะขานี้มันอะไรฟะ!?”
ชายหนุ่มพูดตะโกนใส่เกราะแขนที่เขาสวมอยู่ด้วยความสงสัย
(ไม่ต้องตะโกนขนาดนั้นก็ได้ศิวะ แล้วอีกอย่างเจ้าจะตกใจไปทำไม? หรือเจ้าลืมไปแล้วเหรอ ตัวข้าน่ะเป็นถึงศาสตราวุธประจำตัวของผู้กล้าเลยนะ)
“ต่อให้จำได้ แต่ถ้าเล่นมาปุบปับแบบนี้เป็นใครมันก็ตกใจทั้งนั้นละเฟ้ย!! แค่กๆ”
(ฮ่าๆ มันก็จริงของเจ้านะศิวะ แต่ข้าว่าตอนนี้เจ้าควรจะรีบเตรียมตัวให้พร้อมดีกว่านะ)
“ห่ะ… เตรียมพร้อม?”
ตัวเขาที่ได้ยินแบบนั้นก็เกิดอาการงงเล็กน้อย แต่เมื่อเขามองไปข้างหน้า เขาก็พบว่ามันเริ่มมีหุ่นฝึกซ้อมติดอาวุธจำนวนมากค่อยๆ โผล่ขึ้นมาจากพื้นสนาม
“โฮ้ยๆ เล่นโผล่หัวออกมากันขนาดนี้ อย่าบอกนะว่า…”
(อาจจะมีการเจ็บตัวกันบ้างก็จริง แต่ไม่ต้องห่วงไม่ถึงตายแน่นอน)
“อย่ามาล้อเล่นกันนะโว้ย!!?”
(พยายามเข้านะศิวะหลานข้า! ทั้งหมดก็เพื่อทำให้เจ้ากลายเป็นผู้กล้าที่แข็งแกร่ง…)
“เพื่ออะไรฟะ!!? จอมมารมันตายห่าไปแล้วไม่ใช่เหรอ? แล้วจะแข็งแกร่งไปเพื่อ!!?”
(เอาละลุยเลยศิวะ! แสดงพลังของพวกเราให้ไอ้หุ่นซ้อมพวกนี้มันเห็นซะ!!)
“หัดฟังที่คนอื่นพูดบ้างสิฟะยัยแก่โลลิ!!”
ชายหนุ่มพูดตะโกนออกมาอย่างอารมณ์เสียพร้อมกับเคลื่อนตัวหลบการโจมตีของพวกหุ่นฝึกซ้อมที่กำลังดาหน้ากันเข้ามาหาเขาอย่างต่อเนื่อง ตัวเขาที่เห็นว่าถ้ายังสู้อยู่กลางวงแบบนี้ต่อไปคงไม่ดีแน่จึงพยายามมองหาช่องว่างเพื่อจะได้หนีออกไปจากวงล้อมของหุ่นพวกนี้
“ชิ!! โผล่มากันไม่จบไม่สิ้นเลยโว้ย!! ถ้าแบบนี้ก็ต้อง…”
ชายหนุ่มที่เห็นว่าไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็ไม่เห็นช่องทางที่จะหนีออกไปได้ ตัวเขาจึงลองทำสิ่งที่ปกติมันเป็นไปไม่ได้อย่างการกระโดดขึ้นไปกลางอากาศพร้อมกับใช้เท้าเหยียบไปที่หัวของหุ่นฝึกซ้อมจนพังก่อนจะกระโดดสลับย้ายหัวไปเรื่อยๆ อยู่อย่างงั้น
“สุดยอดไปเลยแฮะ… นี่มันร่างกายของฉันจริงๆ เหรอเนี่ย?”
(ยูนีคผสานร่างก็จะประมาณนี้ละ แต่มันยังเร็วไปที่จะตกใจนะ เอาจริงๆ สิ่งที่เจ้ากำลังทำอยู่ตอนนี้ มันยังเรียกว่าพื้นฐานไม่ได้เลยด้วยซ้ำ)
“หืม~ พื้นฐานเหรอ… โอ๊ะ? จริงสิ!! ถ้างั้นลองทำอะไรแบบนี้ดูดีกว่า…”
เมื่อพูดจบชายหนุ่มก็กระโดดขึ้นไปลอยค้างอยู่กลางอากาศอยู่ชั่วขณะหนึ่ง ก่อนที่จะกำหมัดแน่นๆ จนเริ่มมีออร่าสีขาวเป็นประกายพวยพุ่งออกมา
เมื่อรู้สึกว่าน่าจะได้ที่แล้ว ชายหนุ่มจึงม้วนตัวกลางอากาศหนึ่งรอบ ก่อนที่จะต่อยลงมาที่พื้นอย่างรวดเร็วจนเกิดเป็นคลื่นแท่งผลึกเพชรพุ่งขึ้นมาจากพื้นและเข้าบดขยี้หุ่นฝึกซ้อมที่อยู่รอบตัวเขาจนแหลกละเอียด
(ทั้งที่ยังไม่ได้บอกวิธีดึงพลังออกมาใช้แท้ๆ สัญชาตญาณดีใช้ได้เลยนิศิวะ!! เอาละยกที่สองจะมาแล้วเตรียมตัวให้— หืม? ได้ยินที่ข้าพูดไหมศิวะ? รอบสองจะเริ่มแล้ว—)
จ๊อก~
(เอ๊ะ?)
ชายหนุ่มเริ่มล้มลงไปกองกับพื้นในสภาพเหมือนคนหมดแรงพร้อมกับมีเสียงท้องร้องโครกครากดังขึ้นมาจากร่างกายของเขา
“มะ…ไม่ไหว… ขยับตัวไม่ออกเลย… จะว่าไป… ลืมไปซะสนิทเลย… ฉันไม่ได้กินอะไรมาหลายวันแล้วนี่หว่า… ดันไปเผลอรับคำท้าตามความเคยชินซะได้…”
ในขนาดที่ชายหนุ่มกำลังนอนกองอยู่กับพื้นพร้อมกับร้องครวญครางอยู่นั้นเอง พวกหุ่นฝึกซ้อมหลาย 10 ตัวได้เดินมาล้อมตัวเขาไว้ ก่อนที่พวกมันจะเริ่มลงมือรุมกระทืบชายหนุ่มที่นอนหิวอยู่อย่างไร้ความปรานี
(ศิวะ—!!?)
*****
อันนี้เป็นตอนสุดท้ายที่เขียนเตรียมไว้ ต่อจากนี้จะลงแค่สัปดาห์ละตอน แต่ถ้าช่วงไหนมีเวลาเขียนได้เยอะๆ จะลงแถมให้ ตอนต่อไปเจอกันอีกทีวันอาทิตย์ครับ