ขอให้จักรวาลนี้ ยังคงมีแต่ความสงบสุขต่อไปด้วยเถิด - ตอนที่ 9
ภายในตรอกแคบแห่งหนึ่งที่อยู่ในโซนที่อยู่อาศัยของโคโลนี่ ได้มีเด็กสาวผมสีขาวสองคนกำลังบินหนีกลุ่มชายฉกรรจ์หลายสิบคนที่ไล่ตามพวกเธอทั้งคู่มาอย่างไม่ลดละ พวกเธอทั้งคู่ที่เห็นแบบนั้นจึงพยายามใช้พลังของพวกเธอควบคุมสิ่งของต่างๆ ที่อยู่บริเวณนั้นมาปาให้คนเหล่านั้น จนอีกอีกฝ่ายต้องหารีบที่กำบัง
“หนีกันเก่งจริงนะ ยัยเด็กหัวขโมยพวกนั้น โอ้ยพวกแก!! รีบปลดลิมิตเตอร์ ‘อาร์ไคฟ์’ แล้วแยกกันไปล่าไอ้เด็กเวรสองตัวนั้นเร็วเข้า!!”
ชายวัยกลางคนที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าพูดตะโกนสั่งการออกมาเสียงดังลั่น เมื่อเหล่าลูกน้องที่วิ่งตามกันมาได้ยินแบบนั้น พวกมันก็หยิบก้อนผลึกสีฟ้าขนาดเล็กขึ้นมาใส่ลงไปในชุดเกราะไฮเทคที่พวกมันกำลังสวมอยู่
เมื่อชุดเกราะเริ่มทำงานชายวัยกลางคนก็พร้อมกับลูกน้องหลายๆ คนก็ได้ออกมาจากที่กำบังแล้วใช้มือเปล่าทำลายสิ่งของที่ถูกปามาได้อย่างสบายๆ พร้อมกับเริ่มวิ่งบุกทะลวงเข้าไปเพื่อจับเด็กสองคนนั้นด้วยความเร็วที่เพิ่มมากกว่าเดิมหลายเท่า ในขณะที่พวกลูกน้องบางส่วนเองก็เริ่มแยกตัวไปทางอื่นเพื่อทำตามแผนการที่วางไว้
“ชิ! ว่าแล้ว… พลังแค่นี้เอาพวกมันไม่อยู่จริงด้วย เปลี่ยนแผนนะ เนียร์!”
“ขะ…เข้าใจแล้วค่ะ พี่เมียร์…”
ทางด้านของเด็กทั้งสองคนที่กำลังพยายามใช้พลังของพวกเธอขว้างปาสิ่งของอยู่นั้น เมื่อได้เห็นว่าคนพวกคนที่ไล่ตามเธอมากำลังวิ่งเข้าใกล้พวกเธอขึ้นเรื่อยๆ พวกเธอทั้งคู่จึงเลิกขว้างปาสิ่งของและเอาพลังที่เหลืออยู่มาใช้เพื่อเร่งของเร็วในการบินแทน
แต่ในจังหวะที่พวกเธอทั้งคู่กำลังรวบรวมพลังของนั้นเอง พวกลูกสมุนของอีกฝ่ายที่แยกตัวออกไปก่อนหน้านี้ ก็ได้ปรากฏตัวออกมาจากชองแคบที่ทางด้านหน้าของพวกเธอ ทำให้พวกเธอเกิดอาการชะงัดไปชั่วครู่ ก่อนที่ไม่นานคนพี่จะเริ่มตั้งสติได้แล้วดึงตัวคนน้องที่ยังสับสนอยู่มาไว้ในอ้อมกอดของเธอพร้อมกับดีดตัวบินตรงขึ้นไปกลางอากาศ
เหล่าพวกลูกสมุนที่มาดักหน้าพวกพวกเธอก่อนหน้านี่เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังจะบินหนีไป หนึ่งในพวกมันก็ได้ทำการหยืดหนวดออกไปอย่างรวดเร็วจนสามารถไปเกาะกับขาของอีกฝ่ายได้สำเร็จ จนทำให้เด็กสาวไม่สามารถบินขึ้นไปสูงกว่านั้นได้
“เสร็จกัน!? ปะ…ปล่อยนะ!!”
ตัวของเด็กสาวคนพี่เมื่อเห็นว่าตัวเองโดนหนวดมาพันของอยู่ที่ขา ตัวเธอจึงพยายามใช้เท้าข้างที่เหลืออยู่กระทืบไปที่หนวดนั้น แต่ในขณะที่เธอกำลังใช้เท้ากระทืบอยู่นั้นเองตัวหนวดก็เริ่มมีการเคลื่อนไหวเกิดขึ้น ร่างของเธอที่กำลังลอยอยู่ค่อยๆ ลดระดับอย่างรวดเร็ว
“เอ๊ะ? วะ…เว้อ!?”
“พี่ค่ะ!! อึบ!!”
ตัวน้องสาวที่เริ่มได้สติกลับมาเมื่อเธอเห็นว่าพี่ของเธอกำลังจะร่วงลงไป ตัวเธอจึงพยายามใช้พลังของเธอยื้อเอาไว้ แต่จู่ๆ ก็มีหนวดอีกสองเส้นพุ่งเข้ามารัดตัวพวกเธอทั้งคู่ไว้พร้อมกับดึงทั้งคู่ลงมากระแทกลงพื้นอย่างรุนแรงจนเกิดฝุ่นควันตลบอบอวลไปทั่วบริเวณ
“แค่กๆ เนียร์!! อยู่ที่ไหนเนียร์!?”
“พะ…พี่ค่ะ… รีบหนีไปเร็วเข้า…”
“ให้ตายสิ… พวกผู้ใช้อาร์คนี้มันน่ารำคาญชะมัด”
ชายวัยกลางคนที่เป็นหัวหน้าโผล่ออกมาจากลุ่มควันพร้อมกับน้องสาวของเธอที่กำลังโดนจับตัวไว้เป็นตัวประกัน
“เนียร์!!? แก!! ปล่อยน้องสาวฉัน—อึก!!”
เมื่อตัวเธอเห็นว่าน้องของเธอกำลังโดนจับเป็นตัวประกันอยู่ ตัวเธอก็โกรธเป็นอย่างมากพร้อมกับพยายามจะลุกขึ้นและใช้พลังของเธอจัดการอีกฝ่าย แต่ว่ามันก็ไม่สำเร็จเพราะลูกน้องของมันเอาหนวดมารัดคอเธอไว้จนเธอเริ่มหายใจไม่ออก
“เอายังไงกับยัยหนูสกปรกพวกนี้ดีครับหัวหน้า? ฆ่าทิ้งเลยดีไหมครับ?”
ลูกน้องที่มีร่างกายคล้ายครึ่งคนครึ่งหมึกพูดถามชายวัยกลางคนที่เป็นวัยหน้าพร้อมกับยกตัวเด็กสาวคนพี่ขึ้นมาจ้องมองใกล้ๆ
“ไม่จำเป็น! สำหรับพวกหัวขโมยแบบนี้โทษตายมันสบายเกินไป แต่ว่า… นั้นสินะ”
ชายวัยกลางคนมองพิจารณาไปยังเด็กสาวทั้งคู่พร้อมกับแสยะยิ้มออกมา
“ถึงพวกแกจะยังเด็ก แต่ถ้าเอาไปขายเป็นทาสให้พวกไอ้โรคจิตจากสหพันธ์ลามิน่าได้ละก็ คงจะได้ราคาดีพอสมควรเลยล่ะ คิดงั้นไหม?”
“รับทราบ…”
เมื่อตัวหัวหน้าพูดจบเจ้าครึ่งคนครึ่งหมึกก็หยิบปลอกคอสีขาวขึ้นมาปรับขนาดเล็กน้อย ก่อนที่จะค่อยๆ นำมันไปใส่ให้คนน้องที่อยู่ด้านหน้าเธออย่างช้าๆ ดังแมวที่กำลังเล่นสนุกกับเหยื่อ
“พะ…พี่ค่ะ… อึก!”
“อย่านะ!! ขะ…ขอร้องละ ถ้าจะลงโทษก็มาลงที่ฉันเถอะ! ได้โปรดอย่าทำอะไรเด็กคนนั้นเลย!”
เด็กสาวคนพี่ที่เห็นน้องสาวของตัวกำลังจะโดนใส่ปลอกคอ ก็พูดตะโกนขอร้องออกมาทั้งน้ำตากับชายวัยกลางคนที่อยู่ตรง แต่อีกฝ่ายกลับได้แต่หัวเราะออกมาอย่างตลกขบขัน
“นี่แกโง่หรือเปล่ายัยหนู? จนป่านนี้แล้วยังคิดจะมาร้องขอความเมตตาอีกงั้นเหรอ? เหอะ! เอาเถอะ… ข้าจะขายพวกแกแบบเป็นแพ็คคู่ให้เอง ทีนี้แกก็จะได้ไม่ต้องแยกจากกันแล้วไง ถือซะว่าเห็นแก่ที่แกอุตส่าห์ใจกล้าบุกมาจะขโมยของก่อนงานประมูลละกัน ฮะฮ่าฮ่า!!”
เมื่อตัวเธอได้ยินแบบนั้นตัวเธอก็ได้แต่กัดฟันทั้งน้ำตาพร้อมกับมองไปยังคนที่อยู่ตรงหน้าด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยแรงอาฆาต แต่เธอก็ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากต้องทนมองดูน้องของเธอกำลังจะกลายเป็นทาสเข้าไปทุกที
แต่ทว่าในท่ามกลางความสิ้นหวังนั้นเอง จู่ๆ ชายหนุ่มในชุดคลุมสีขาวปรากฏตัวขึ้นมาจากบริเวณทางเข้าตรอกพร้อมกับเสียงถอนหายใจที่ดังขึ้น จนทุกคนที่อยู่ในบริเวณนั้นต้องหยุดสุดที่ตัวเองทำอยู่และหันมาจ้องมองไปที่ผู้มาใหม่ด้วยความสงสัย
“เฮ้อ~ ตอนแรกแค่จะมาแก้แค้นเรื่องข้าวกล่องสักหน่อย… แต่พอได้ฟังที่ลุงแม่งพล่ามออกมาแล้ว บอกตามตรงว่าขยะแขยงจนกินข้าวไม่ลงแล้ววะ”
ชายหนุ่มพูดออกมาเสียงดังเพื่อให้อีกฝ่ายได้ยินพร้อมกับค่อยเดินเข้าไปหาอีกฝ่ายอย่างช้าๆ
“เฮ้อ… คิดจะมาเล่นบทฮีโร่งั้นเหรอ? หึหึหึ!! แกนี่มันโง่— อึก!!?”
ในจังหวะที่ชายวัยกลางคนกำลังพูดอยู่นั้นเอง จู่ๆ ตัวเขาก็โดนชายหนุ่มที่ยังไม่ทันได้แม้แต่เห็นหน้า พุ่งเข้ามาต่อยเข้าที่ใบหน้าของตัวเองจนตัวเขากระเด็นไปติดในกำแพงที่อยู่ใกล้ๆ ทำให้เด็กสาวคนน้องที่โดนจับอยู่เป็นอิสระและได้หล่นลงมาอยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่ม ท่ามกลางสายตามากมายหลายสิบคู่ที่กำลังจับจ้องมองมาที่เขาอย่างไม่วางตา
“ฉิบหายละ… เผลอใส่แรงมากเกินไป ลุงแกตายไหมวะนั่น?
ชายหนุ่มที่เห็นแบบนั้นจึงได้วางเด็กสาวไว้ข้างๆ ก่อนจะรีบเดินเข้าไปดูอาการของอีกฝ่ายในทันทีเพื่อความสบายใจ
“อืมๆ ดูเหมือนจะยังหายใจอยู่สินะ เฮ้อ~ เกือบได้กลายเป็นฆาตกรฆ่าคนแล้วไหมล่ะเรา… ฟู้~ เอาละ! ทีนี้มาต่อกันเลยดีไหมพวก?”
เข้าพูดออกมาด้วยรอยยิ้มพร้อมกับกำหมัดไว้แน่นๆ จนมันเริ่มส่องประการออกมา ก่อนที่เขาจะเริ่มพุ่งตัวเข้าไป แล้วเริ่มลงมือซัดหน้าคนที่เหลืออยู่ในทันที
***
เอาจริงๆ เขาไม่คิดด้วยซ้ำว่าตัวเองจะต้องมาสู้แบบจริงจังกับคนพวกนี้เลยสักนิด ก็นะตอนแรกแค่กะจะมาระบายเรื่องที่มาบังอาจมาทำให้ข้าวกล่องแสนสำคัญที่อุตส่าห์โชคดีได้มาให้กลายเป็นขยะกินไม่ได้แบบนั้น เลยคิดว่าจะมาสั่งสอนสักคนละหมัดสองหมัดพร้อมกับตบทรัพย์พอเป็นพิธีเฉยๆ
แต่พอตามมาถึงก็ดันไปเห็นกลุ่มมนุษย์ต่างดาวที่ใส่ชุดสุดไอเทคกำลังจับตัวเด็กน้อยสองคนไว้อยู่ แถมชุดที่พวกมันใส่อยู่ก็ดูคุ้นตาโคตรๆ ใช่แล้วมันคือชุดแบบเดียวกับที่ไอ้จิ้งเหลนสารเลวที่จับเขามาขายชัดๆ
ก็นะถึงจะบอกว่าเหมือนก็เถอะ แต่พอลองสังเกตดูดีๆ แล้ว อืม… ว่าไงดีละ มันดูกากกว่าที่ไอ้หมอนั้นใส่แบบสุดๆ ถ้าให้พูดสรุปแบบง่ายๆ ก็คงคล้ายกับชุดของพวกลูกกระจ๊อกละมั้ง? แต่ว่าไหงพวกมันมาถึงเที่ยวลักพาตัวเด็กกลางโคโลนี่กลางวันแสกๆ แบบนี้ละเนี่ย? พวกตำรงตำรวจหรือระบบรักษาความปลอดภัยที่ปกติมันควรจะมีในโคลี่แม่งหายหัวไปไหนกันหมดฟะ!?
แน่นอนว่าเขาที่เห็นแบบนั้นก็คิดจะเขาไปช่วยเด็กพวกนั้นเหมือนกัน แต่ว่าอีกฝ่ายมีมากเกินไป ถึงเขาจะมั่นใจก็เถอะว่าตัวเองเอาอยู่แน่ๆ ก็เถอะ แต่ทางที่ดีควรจะลองดูลาดเลาพวกมันก่อนจะดีกว่า
แต่ในจังหวะที่เขาเห็นไอ้ครึ่งหมึกครึ่งคนที่อยู่ใกล้กับคนที่เหมือนจะเป็นหัวหน้ากำลังหยิบไอ้ปลอกคอเวรนั้นออกมาและกำลังจะเอาไปใส่ให้เด็กสองคนนั้น ตัวเขาก็เกิดทนมองต่อไปไม่ไหวขึ้นมา แล้วรีบพุ่งเขาไปซัดหน้าหัวหน้าพวกมันในทันที
แต่การที่เขาทำแบบนั้นมันกลับกลายเป็นว่าเขาดันเอาตัวเองมาอยู่กลางวงล้อมพวกมันซะได้ แต่เอาเถอะ… กะอีแค่จัดการพวกนักเลงระดับลูกกระจ๊อกแค่นี้ ถ้าทำไม่ได้ก็เสียชื่อลูกเจ้าของค่ายมวยนวรัตน์กันพอดี
“ชิ~! ทั้งที่อุตส่าห์คาดหวังฝีมือไว้นิดๆ เพราะเห็นว่าใส่ชุดคล้ายกับไอ้จิ้งเหลนนั้นแท้ๆ อะไรวะ? จบง่ายฉิบหาย! เฮ้อ… หืม?”
“เอ่อคือว่า…”
เด็กสาวคนพี่เดินเข้ามาหายชายหนุ่มพร้อมกับพยุงคนน้องที่กำลังร้องไห้อยู่ข้างๆ เธอมาด้วย
“ขะ… ขอบคุณมากเลยนะคะ ที่ช่วยพวก— อ๊าก!?”
“เอ๊ะ!? พะ…พี่ค่ะ!! อึก!! อึ…อือ… แง้~!”
แต่ในจังหวะที่ทั้งคู่กำลังเดินเข้าไปเพื่อขอบคุณคนที่มาช่วยพวกเธอ ตัวชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าก็ได้ยื่นมือออกมาข้างหน้าพร้อมกับดีดมะเหงกคนพี่จนหงอนบนหัวโบกสะบัดไปมา ก่อนที่เธอจะล้มลงไปนั่งกุมหน้าผากอยู่กับพื้น จากนั้นจึงค่อยดีดใส่คนน้องจนแว่นตาหลุดและทำให้เด็กสาวคนน้องเริ่มร้องไห้ออกมา
“ทะ… ทำบ้าอะไรของนายเนี่ย!!?”
เด็กสาวคนพี่เงยหน้าขึ้นมามองเขาพร้อมกับกับร้องถามออกมาโดยที่น้ำตายังคาเบ้าอยู่
“ลงโทษพวกเธอ โทษฐานทำไส้กรอกฉันเสียไปอันหนึ่งยังไงละ”
เขาพูดตอบเธอด้วยสีหน้านิ่งเฉยพร้อมกับเดินไปหยิบแว่นตาของเด็กสาวคนน้องขึ้นมาปัดฝุ่นเล็กน้อยพร้อมกับใช้เสื้อของเขาเช็ดน้ำตาให้เธอก่อนที่จะเอาแว่นสวมกลับไปที่เดิม
“อึกๆ นะ…หนูขอโทษนะคะ ละ…แล้วก็ขอบคุณนะคะ ที่ช่วยพวกเราไว้…”
เด็กสาวคนน้องพูดขอโทษพร้อมกับขอบคุณเขาออกมาด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น ตัวเขาที่เห็นแบบนั้นจึงเอามือไปลูบหัวอีกฝ่ายช้าๆ พร้อมกับยิ้มออกมาด้วยสายตาที่รู้สึกเอ็นดูอีกฝ่าย
“โอ้ๆ ไม่ร้องนะเด็กดี เรื่องแค่นั้นเอง… ไม่ต้องคิดมากหรอกน่า”
“แล้วไอ้ที่ดีดหน้าผากพวกฉันทั้งคู่มาเต็มแรงเมื่อกี้มันหมายความว่ายังไงกันย่ะ!!? เอาตัวเนียร์คืนมาเลยนะ! โอ้ๆ ไม่เจ็บนะเนียร์”
เด็กสาวคนพี่เดินเข้าอยู่ตรงหน้าเขา ก่อนที่จะคว้าตัวคนน้องออกจากตัวเขาพร้อมกับเริ่มปลอบน้องสาวด้วยตัวเธอเอง
“หืม? อะไรกันพวกหวงน้องงั้นเหรอ… อ่า…ประเภทเดียวกับเจ้คานาเลียสินะ เฮ้อ… เอาเถอะ ว่าแต่ทำไมพวกเธอถึงโดนไอ้พวกนั้นมาไล่ลักพาตัวแบบนี้ได้ละ? หรือว่าเรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นแถวนี้บ่อยเหรอ?”
“ระ…เรื่องนั้น เอ่อ… คือ… มะ…มันไม่เกี่ยวกับนายสัก—”
จ้อก~
ในจังหวะที่เด็กสาวคนพี่กำลังพูดอยู่นั้นเอง จู่ๆ เสียงท้องร้องดังขึ้นมาจากทางชายหนุ่ม ตัวเขาที่ได้ยินแบบนั้นก็ได้แต่กุมหน้าท้องตัวเองเอาไว้พร้อมกับมองไปรอบๆ จนไปพบกับหนวดหมึกขาดๆ ชิ้นใหญ่ชิ้นหนึ่งกองอยู่กับพื้นและจ้องมองมันด้วยความลังเลเล็กน้อย
“เอาไงดีวะ…”
ถึงเขาจะหิวจนอยากจะหยิบสิ่งที่อยู่ตรงหน้าขึ้นมากินมากแค่ไหนก็ตาม แต่เขารู้ตัวดีว่าหนวดหมึกที่อยู่ข้างหน้าเขานั้น มันเป็นของหนึ่งในคน? ที่เขาพึ่งซัดหน้าไปเมื่อกี้แน่ๆ เพราะเขาเป็นคนเด็ดหนวดนั้นเองกับมือ
ไม่สิ… หากลองคิดดูดีๆ ถึงคนที่เขาพึ่งซัดไปจะเป็นครึ่งคนครึ่งหมึกก็ตาม แต่พอลองคิดดูดีๆ อีกทีก็จะพบว่าร่างกายของอีกฝ่ายนั้นมีการแยกส่วนที่เป็นคนละหมึกออกจากกันอย่างชัดเจน
ซึ่งถ้าลองพิจารณาจากจุดนั้นก็สามารถสรุปได้ว่า หนวดเส้นนั้นมันไม่ใช่เนื้อคนแต่เป็นหมึก! เพราะฉะนั้นหากเรานำมันไปปรุงอย่างถูกต้องแล้วละก็ มัน! ก็! กิน! ได้!
เมื่อตัวเขาคิดได้แบบนั้น ตัวเขาจึงก้มตัวลงไปหยิบหนวดหมึกขาดๆ เส้นนั้นขึ้นมาปัดฝุ่นเล็กน้อย
แต่ในขณะที่เขากำลังจะเก็บมันเข้ากระเป๋าเสื้อนั้นเองจู่ๆ เด็กสาวคนพี่ก็เดินมาจับแขนที่ถือหนวดนั้นไว้อย่างรวดเร็ว
“นั้นนายคิดจะทำอะไรน่ะ…”
เด็กสาวพูดถามออกมาพร้อมกับจ้องมองเขาตาเป็นมัน
“คะ…แค่คิดว่ามันน่ารักดีน่ะ เลยว่าจะเอาไปทิ้งสักหน่อย… อ๊ะ?”
เด็กสาวแย่งมันออกมาจากมือของชายหนุ่มอย่างรวดเร็วพร้อมกับปามันลงไปที่พื้นพร้อมกับใช้เท้าเหยียบมันจนเละไปด้วยฝุ่นควัน
“อ้าก—!! นี้เธอทำบ้าอะไรกับข้าวเย็นฉันเนี่ย!!? ถ้าไม่มีมันละก็มีหวังคืนนี้ฉันได้ไปคุ้ยขยะกินกันพอดีสิฟะ!!”
“แล้วจะไปคุ้ยขยะกินเพื่ออะไรยะ!!?”
“เอ่อพี่ค่ะ… คะ…คนพวกนั้นมัน…”
ในขณะที่เด็กสาวคนพี่กำลังพูดต่อปากต่อคำกับชายหนุ่มอยู่นั้นเอง เด็กสาวคนน้องเหมือนว่าจะหยุดร้องไห้แล้วก็ได้เดินเข้ามาหาพวกเขาทั้งคู่พร้อมกับชี้นิ้วไปที่ทางเข้าตรอก
เมื่อพวกทั้งสองลองหันไปมองทางทิศที่เด็กคนน้องชี้ไป พวกเขาก็พบกับกลุ่มคนในชุดเครื่องแบบสีดำทมิฬที่มีตราสัญลักษณ์รูปคันชั่งหลายสิบคนกำลังเดินมาทางพวกเขา
“ทางเราได้รับแจ้งมาว่ามีเหตุก่อความวุ่นวายเกิดขึ้นในพื้นที่แห่งนี้ เนื่องจากพวกคุณเป็นผู้ที่อยู่ในบริเวณที่เกิดเหตุ ทางเราจึงต้องขอเข้าควบคุมตัวพวกคุณไว้ก่อนเพื่อตรวจสอบอะไรสักเล็กน้อย โปรดให้ความร่วมมือ—”
“เนียร์!!”
“ขะ…เข้าใจแล้วค่ะพี่”
“เอ๊ะ? เว้อ—!!?”
เมื่อพูดเสร็จพวกเธอทั้งคู่ก็ยื่นมือไปคว้าตัวชายหนุ่มไว้ก่อนที่จะใช้พลังของพวกเธอทำให้ตัวของชายหนุ่มเบาขึ้นพร้อมกับรีบบินหนีไปทางตรงกันข้ามกับที่ที่คนพวกนั้นยืนอยู่อย่างรวดเร็ว
“ตามจับคนพวกนั้นมาสอบปากคำให้ได้”
เมื่อคนที่อยู่หน้าสุดพูดจบพวกกลุ่มคนที่อยู่ข้างๆ ก็เริ่มออกตัววิ่งไล่ล่าผู้หลบหนีตรงหน้าตามคำสั่งในทันที
***
“นี่พวกเธอทำบ้าอะไรกันฟะ!? ตั้งแต่ตอนที่เอามื้อเย็นฉันไปเหยียบเล่นเมื่อกี้แล้วนะโว้ย!! แล้วตอนนี้ยังมาจับฉันลากไปกลางอากาศแบบนี้อีก!! นี้เหรอท่าที่ที่สมควรจะทำกับผู้มีพระคุณน่ะ!!?”
“หนวกหูจริง!! ก็เพราะเป็นผู้มีพระคุณยังไงล่ะ ฉันถึงได้ช่วยพาหนีจากไอ้พวกนั้นน่ะ ขืนยอมให้มันเอาตัวนายไปสอบปากคำได้ละก็ มีหวังนายได้ถูกใส่ความให้กลายเป็นคนร้ายกันพอดีนะสิ”
เด็กสาวคนพี่หันหน้ามาตะโกนใส่เขาเล็กน้อยก่อนที่จะกลับไปมองทางข้างหน้าต่อดังเดิม
“อะ…ไอ้ที่ว่ากลายเป็นคนร้ายนี่หมายความว่ายังไงฟะ!?”
“คะ…คือว่า คนพวกนั้นน่ะ ถะ…ถึงพวกเขาจะเป็นคนจากหน่วยงานรักษาความสงบก็จริง ตะ…แต่ว่า พวกเขาเป็นพวกคนไม่ดีนะคะ…”
เด็กคนน้องหันหน้ามามองเขาเล็กน้อยพร้อมกับตอบคำถามของเขาด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก
“ห๊ะ!? เอาจริงดิ!!?”
เขาพูดตะโกนออกมาด้วยความตกใจ พร้อมกับมองไปยังกลุ่มคนที่กำลังพยายามวิ่งไต่กำแพงไล่ตามพวกเขามาอย่างไม่ลดละ ด้วยความรู้สึกตกตะลึงเล็กน้อย
“ทั้งที่ดูเป็นเมืองที่เจริญขนาดนี้แท้ๆ ไอ้พวกเลวระยำแบบนี้เนี่ย มันมีอยู่ทุกที่จริงๆ สินะ”
ชายหนุ่มบ่นออกมาเล็กน้อยพร้อมกับจ้องมองไปยังคนชุดดำคนหนึ่งที่ไล่ตามพวกเขามาทันและกำลังยื่นมือจะมาจับขาของเขาไว้ แน่นอนว่าตัวเขาที่เห็นแบบนั้นจึงใช้เท้าของเขาถีบยอดหน้าของอีกฝ่ายด้วยความแรงประมาณหนึ่ง จนทำให้อีกฝ่ายหล่นลงไปกองกับพื้น
“ให้ตายสิ… แล้วพวกเธอสักคนมีใครมีแผนอะไรดีๆ ไหม?”
“ไม่มีหรอกย่ะ ไอ้ของแบบนั้นนะ! ตอนนี้แค่พยายามไม่ให้โดนพวกนั้นเข้าใกล้ก็เต็มกลืนแล้ว!”
“พะ…พี่ค่ะ! ทางข้างหน้าที่จะถึงมีตรอกขนาดเล็กอยู่ ถ้าเราหนีเข้าไปในตรอกละก็อาจจะสลัดคนพวกนั้นพ้นก็ได้นะคะ…”
“ทำได้ดีมากเนียร์! ถ้างั้นเร่งความเร็วกันเลยเถอะ จับไว้ให้แน่นๆ ละ!”
“ดะ…เดี๋ยว!? อ้าก—!!”
เมื่อพูดจบเด็กทั้งสองคนก็เริ่มใช้พลังที่เหลืออยู่เพื่อเร่งความเร็วในการบินให้สูงขึ้นจนสามารถทิ้งห่างจากกลุ่มคนชุดดำได้ไกลพอสมควร
ทางด้านของทางฝ่ายกลุ่มคนชุดดำเอง เมื่อพวกเขาได้เห็นว่าเป้าหมายของพวกเขาได้พยายามหลบหนีไปด้วยความเร็วที่มากขึ้นกว่าที่พวกเขาได้คาดการไว้ ทำให้พวกเขาทั้งหมดเริ่มทำอะไรบางอย่างกับชุดสีดำที่พวกเขากำลังใส่อยู่ จนมันเริ่มส่องแสงสีแดงออกมาพร้อมกับความเร็วในการเลื่อนที่ที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลจนสามารถไล่ตามหลังพวกเขาสามคนได้ทัน
“ชิ!! อะไรของไอ้พวกนี้ฟะ ตามตื๊อกันอยู่ได้… นี่ยัยเด็กหงอน! เร่งความให้มากกว่านี้ได้ไหม!?”
“นี่ก็เร่งความเร็วเต็มที่แล้วนะ… แล้วก็! อย่ามาเรียกฉันว่ายัยเด็กหงอนนะ!! ฉันเองก็มีชื่อน่ารักๆ ว่า เมียร์ ที่คุณแม่ตั้งให้เหมือนกัน เพราะงั้นอย่ามาเรียกกันพล่อยๆ แบบนั้นนะ!!”
“พะ…พี่ค่ะ!! ข้างหน้านั้นมัน!?”
คนขณะที่ชายหนุ่มกับคนพี่กำลังจะพูดต่อร้องต่อเถียงกันอยู่นั้นเอง เด็กสาวคนน้องที่มองเห็นอะไรบางอย่างก็ได้พูดแจ้งเตือนพวกเขาทั้งคู่
เมื่อพวกเขาสองคนมองไปยังจุดที่คนน้องบอก พวกเขาก็พบกับกลุ่มคนชุดดำประมาณ 5 คน วิ่งอ้อมมาดักพวกเขาไว้อยู่ตรงบริเวณทางเข้าตรอกเล็กๆ ตรอกหนึ่ง
“ชิ… นี่พวกเรามากันได้แค่นี้งั้นเหรอเนี่ย… พี่ขอโทษจริงๆ นะ เนียร์ ที่มักพาเธอมาเจอเรื่องแย่ๆ แบบนี้อยู่เรื่อยเลย”
“ไม่เป็นหรอกค่ะพี่เมียร์… ถ้าพวกเราใช้พลังทีคุณแม่มอบให้ไว้ละก็ ไม่ว่าเรื่องอะไรพวกเราก็สามารถผ่านมันไปได้แน่ค่ะพี่…”
“นั้นสินะ… ถึงคุณแม่จะย้ำอยู่เสมอๆ ก็เถอะว่าห้ามใช้มันก็เถอะ แต่จังหวะนี้คงไม่ใช้ไม่ได้แล้วละนะ”
ทั้งสองพี่น้องจ้องมองกันและกันเล็กน้อย ก่อนที่พวกเธอทั้งคู่จะลดความเร็วลงและลงไปยืนอยู่กับพื้น พร้อมกับวางตัวชายหนุ่มไว้ข้างๆ พวกเธอ
สองพี่น้องก็ได้ก้าวเดินออกมาข้างหน้าเล็กน้อย พร้อมกับเริ่มประสานมือเข้าด้วยกันจนเริ่มเกิดออร่าสีม่วงแกมน้ำเงินแพร่กระจายไปรอบๆ ตัวพวกเธอทั้งคู่ จนเกิดแรงกดดันแปลกๆ ขึ้นภายในบริเวณนั้น
“พร้อมนะเนียร์?”
“อืม!”
““อบิสซัล เมตามอร์—” ”
“อย่าเที่ยวมายืนขว้างทางชาวบ้านสิฟะ! ไอ้พวกขยะสังคม!!”
ในขณะที่สองพอน้องกำลังพูดประสานเสียงกันอยู่นั้นเอง จู่ๆ ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างๆ พวกเธอก็ลุกขึ้นและตะโกนออกมาเสียงดัง ก่อนที่จะตัวเขาจะรีบวิ่งตรงไปยังบริเวณหน้าทางเข้าตรอกพร้อมกับกำหมัดรวบรวมพลังไว้ ก่อนที่จะชกไปยังพื้นใกล้กับบริเวณที่พวกคนชุดดำยืนอยู่จนเกิดเป็นคลื่นผลึกเพชรพุ่งเข้าใส่พวกคนชุดดำ จนคนเหล่านั้นลอยขึ้นไปกลางอากาศก่อนที่จะตกลงมานอนกองอยู่กับพื้นในสภาพร่อแร่
“ชิ! ถึกกันจริงนะไอ้สารเลวพวกนี้… โฮ้ย! สองคนนั้นน่ะรีบวิ่งเข้าไปในตรอกเร็วเข้า!!”
ชายหนุ่มพูดสบกออกมาเล็กน้อยก่อนที่จะใช้เท้าของเขาเตะไปยังปลายคางของคนที่ยังพอจะมีสติอยู่จนอีกฝ่ายหมดสภาพไปในที่สุด พร้อมกับตะโกนเรียกเด็กสาวทั้งสองคนที่กำลังยืนงงเป็นไก่ตาแตก
“จะ…จัดการกับพวกนั้นได้ในพริบตา แถมยังมีพลังระดับนั้นอีก… นี่นายไปเป็นใครกัน—”
“มันใช้เวลามาถามไหมฟะ!? แล้วจะมัวยืนนั่งๆ รอให้พวกมันมาจับหรือไง? รีบวิ่งมาทางนี้ได้แล้วโว้ย!!
เมื่อทั้งคู่ได้ยินชายหนุ่มพูดแบบนั้นพวกเธอก็หันหลังกลับไปมองทางด้านหลัง แล้วจากนั้นพวกเธอก็ได้พวกว่ามันมีกลุ่มคนชุดดำกำลังยกโขยงกันมาทางที่พวกเธออยู่
เมื่อได้เห็นดังนั้นพวกเธอจึงรีบใช้พลังบินไปทางชายหนุ่มก่อนที่จะค่อยๆ แทรกตัวเขาไปในตรอกอย่างรวดเร็วโดยมีเขาคอยดูต้นทางให้
“เข้ามากันครบแล้วสินะ…”
เมื่อพูดจบชายหนุ่มเริ่มกำหมัดขึ้นมาแน่นๆ จนเริ่มมีออร่าสีขาวเป็นประกายจำนวนมหาศาลพวยพุ่งออกมา ตัวเขาที่เห็นแบบนั้นจึงพยายามรวบรวมออร่าทั้งหมดให้มีรวมกันที่กำปั้น จนหมัดของเขามันเริ่มส่องแสงเป็นประกายออกมา
“เยี่ยม!! เป็นอย่างที่เดาไว้จริงด้วย ถ้างั้นก็!!”
เขาพูดออกมาด้วยรอยยิ้มเล็กๆ ก่อนที่จะใช้หมัดที่ส่องประกายนั้นต่อยลงไปที่พื้นจนเกิดเป็นเสาเพชรขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านกลายเป็นกำแพงปิดเส้นทางเขาตรอกไว้อย่างมิดชิด
“แบบนี้น่าจะถ่วงเวลาไว้ได้สักพัก… เอาละพวกเรารีบหนีกัน— เอ๊ะ? จะว่าไป… พวกเราจะหนีไปที่ไหนได้ฟะเนี่ย…”
“ถ้างั้นไปที่ซ่อนตัวที่บ้านของพวกฉันก่อนไหมล่ะ?”
“ถะ…ถ้าเป็นที่นั่นละก็ อย่างน้อยๆ คนพวกนั้นก็ไม่มีทางหาพวกเราเจอได้ง่ายๆ แน่นอนค่ะ”
“ถ้าพวกเธอบอกว่ามันปลอดภัยละก็ งั้นก็เอาตามนั้นละกัน… อีกอย่างถ้าไปถึงที่ซ่อนแล้ว ก็ช่วยหาอะไรให้กินหน่อยได้ไหม?”
“เยี่ยม! ถ้างั้นก็…”
“พะ…พี่ค่ะ ถ้าเราทำแบบนั้นมันจะไม่เป็น—”
ในขณะที่เด็กสาวคนน้องกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง เด็กสาวคนพี่ก็ได้เอามือของตัวเธอมาปิดปากคนน้องไว้พร้อมกับเข้าไปกระซิบบางอย่าง
“เข้าใจนะเนียร์…”
“ค่ะ… พี่…”
เด็กสาวคนน้องตอบออกมาสั้นๆ ด้วยทาทีเศร้าๆ พร้อมกับแสดงสีหน้ารู้สึกผิดออกมาเล็กน้อย ก่อนที่ทั้งคู่จะค่อยๆ จับมือกันและเริ่มเคลื่อนตัวไปตามตรอกแคบอย่างช้าๆ โดยมีชายหนุ่มคอยเดินตามอยู่ข้างหลัง
***
ในอีกด้านหนึ่ง บริเวณหน้าทางเข้าตรอกที่โดนกำแพงผลึกเพชรขนาดใหญ่ปิดทางไว้ ได้มีกลุ่มคนชุดดำจำนวนหนึ่งกำลังใช้พลังของพวกเขาเพื่อทำลายผลึกเพชรก้อนนั้น แต่ไม่ว่าพวกเขาจะใส่พลังกันไปสักกี่คนก็ไม่สามารถสร้างแม้แต่รอยขีดข่วนให้กับมันได้เลย
“ช่วยรายงานสถานการณ์ด้วย”
คนชุดดำที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าได้เดินเข้ามาในที่เกิดเหตุพร้อมกับพูดถามเหล่าคนชุดดำที่กำลังหาทางทำลายกำแพงผลึกเพชรกันอยู่
“ผู้ต้องหาได้หลบหนีเข้าไปในตรอกที่เป็นเส้นทางผิดกฎหมายครับ แต่ว่าในขณะที่พวกเรากำลังตามมาสมทบกับกลุ่มที่นำหน้ามาก่อน พวกเราก็พบว่าทางเขาตรอกถูกก้อนผลึกขนาดใหญ่ชิ้นนี้ปิดทางไว้อยู่ครับ”
หนึ่งในคนชุดดำที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาทำลายกำแพงได้หยุดสิ่งที่ตัวเองกำลังทำอยู่ พร้อมกับเดินเข้ามารายงานคนชุดที่เป็นหัวหน้าอย่างรวดเร็ว
“แล้วเส้นทางอื่นที่สามารถใช้ไล่ตามพวกนั้นได้ละ?”
“ส่งเรื่องถามข้อมูลไปยังส่วนกลางเรียบร้อยแล้วครับ แต่ว่าด้วยความซับซ้อนของพื้นที่ที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ทำให้ยังไม่สามารถระบุเส้นทางที่สามารถใช้ไล่ตามเป้าหมายได้ครับ!”
“รับทราบรายงานแล้ว เดี๋ยวทางนี้จะ—”
ในขณะที่คนชุดดำที่เป็นหัวหน้ากำลังพูดอยู่นั้นเอง จู่ๆ เขาก็หยุดนิ่งไปสักพักพร้อมกับพูดพึมพำอะไรบางอย่างก่อนที่จะเริ่มพูดตะโกนออกมา
“ยืนยันการสิ้นสุดของปฏิบัติการ [เซคคั่นเฟส] ของสั่งให้ทุกหน่วยยกเลิกคำสั่งในทุกภารกิจของ [เซคคั่นเฟส] และจากนี้ไปจะเริ่มดำเนินการ [ไฟนอลเฟส] ในทันที”
“รับทราบคำสั่ง!!”
เมื่อคนชุดดำที่เป็นหัวหน้าพูดประกาศออกมาแบบนั้น เหล่าคนชุดดำที่อยู่รอบๆ ก็หยุดการกระทำทุกอย่างในทันทีพร้อมกับเดินมารวมแถวอย่างพร้อมเพรียงกันภายในชั่วอึดใจ ก่อนที่ไม่นานหลังจากนั้นพวกเขาทั้งหมดค่อยๆ จะหายวับไปทีละคนจนไม่เหลือผู้ใดอยู่ในบริเวณนั้นเลย
*****