ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี - บทที่ 103 เงียบเหงา!
พวกเขานั่งรออย่างนั้นไปอีกหนึ่งชั่วโมงจนเกือบเที่ยง
ชายหนุ่มคนหนึ่งยืนอยู่หน้าร้าน เขามองเข้ามาในร้านอยู่พักใหญ่ก่อนจะเปิดประตูเดินเข้ามา
พนักงานที่รออยู่นานเข้าไปต้อนรับทันที
“ยินดีต้อนรับครับ! จะเล่นอินเทอร์เน็ตหรือดื่มกาแฟดีครับ”
เป็นคำถามที่แปลกประหลาด แต่ร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูก็เป็นร้านที่รวมร้านอาหารและร้านอินเทอร์เน็ตไว้ด้วยกัน จะให้ถามว่าอย่างไรได้อีก
ชัดเจนว่าชายหนุ่มเห็นคอมพิวเตอร์สเป็กสูงผ่านกระจกเลยเดาว่าร้านนี้น่าจะเป็นร้านอินเทอร์เน็ต เขาจึงเลือกเดินเข้ามา
“เอ่อ…ชั่วโมงละเท่าไหร่เหรอครับ”
พนักงานตอบอย่างตรงไปตรงมา “สิบหยวนครับ”
ชายหนุ่มตกใจเล็กน้อย คิดว่าตนเองได้ยินผิดไป “เอ๊ะ หมายถึงโซนรวมนะครับ ไม่ใช่ห้องส่วนตัว”
“ใช่ครับ โซนรวมชั่วโมงละสิบหยวน ร้านเราไม่มีบริการห้องส่วนตัว”
ชายหนุ่มดูจะอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก “มีโปรโมชันสมาชิกมั้ยครับ”
“มีครับ พอสมัครสมาชิกกับทางร้านจะได้ลดราคาเครื่องดื่มสิบเปอร์เซ็นต์” พนักงานยื่นเมนูให้อย่างกระตือรือร้น
ชายหนุ่มดูแล้วถึงกับตัวสั่น
อะไรวะเนี่ย!
เมนูด้านหน้าเป็นค็อกเทลและเครื่องดื่มต่างๆ ค็อกเทลและเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์ทุกอย่างราคาอยู่ที่แก้วละสี่สิบถึงห้าสิบหยวน
เปิดไปหน้าหลังเป็นอาหารสามัญประจำบ้านทั่วไปอย่างมะเขือเทศผัดไข่ หมูเส้นผัดเปรี้ยวหวาน และอื่นๆ ซึ่งราคาไม่ได้ถูกเลย!
ถึงจะได้ลดราคาสิบเปอร์เซ็นต์ก็จ่ายไม่ไหวเหมือนเดิม!
อีกอย่างสมัครเป็นสมาชิกร้านอินเทอร์เน็ตแต่ไม่ได้ส่วนลดค่าชั่วโมงอินเตอร์เน็ต แต่ได้ลดค่าเครื่องดื่มแทนอ นี่มันร้านบ้าอะไรกัน
ชายหนุ่มกระแอมกระไอสองครั้ง “ขอโทษทีครับ บ้านผมไม่ได้รวย ผมไปดีกว่า”
เขาหันหลังเดินออกจากร้านไป
พนักงานเหลือบมองกัน ไม่รู้จะต้องทำอย่างไร
นี่มัน…
พวกเขาอยากจะรั้งชายหนุ่มเอาไว้
แต่บอสเผยสั่งให้บริการสบายๆ เหมือนสายลมฤดูใบไม้ผลิ!
ต้องทำตัวเหมือนสายลมฤดูใบไม้ผลิที่พัดผ่านแก้มไปเบาๆ ให้ลูกค้ารับรู้ถึงการมีอยู่ แต่ก็ไม่ได้รบเร้ามากจนเกินไป
ดังนั้นเหล่าพนักงานจึงได้แต่อดทนไม่ทำอะไร
ไม่นานก็เที่ยง คนเริ่มพลุกพล่านมากขึ้น
มีบางคนเข้ามาถามราคา
แต่สุดท้ายลูกค้าสามสี่คนนั้นก็เป็นเหมือนชายหนุ่มคนก่อนหน้า พอได้ยินราคาก็รีบหนีไปทันที
ลูกค้าคนหนึ่งถึงกับพึมพำกับตัวเองเบาๆ “นี่มันปล้นกันกลางวันแสกๆ ชัดๆ!”
จางหยวนอยู่ตรงบาร์ เตรียมตัวโชว์ทักษะการชงเหล้า
แต่กลับไม่มีใครเข้ามาสั่งเครื่องดื่มเลยสักคน เอาจริงๆ เข้ามาเล่นอินเทอร์เน็ตยังไม่มีเลย!
“พี่เชียน ปล่อยให้เป็นแบบนี้ไม่ได้แล้วนะ!”
หม่าหยางเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นก็เริ่มเป็นกังวล
แค่วันเปิดก็ดูไม่จืดแล้ว แบบนี้แย่แน่!
ยิ่งร้านเงียบเหงามากเท่าไหร่ ลูกค้าก็ยิ่งไม่อยากเข้า กลายเป็นวงจรสุดโหดร้าย
เผยเชียนพยักหน้าอย่างจริงจัง
“อืม ปล่อยไปแบบนี้ไม่ได้จริงๆ
“ใครก็ได้เขียนราคาไปแปะไว้ตรงประตูให้หน่อย!
“ทุกคนมีแต่เข้ามาถามราคา ให้เป็นแบบนี้ไม่ได้
“แปะราคาให้รู้ตรงประตูไปเลยจะได้ไม่ต้องเข้ามาถามแล้วชิ่ง เสียอารมณ์!
“ถ้าคิดว่าแพงก็ไม่ต้องเข้ามา จะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปต้อนรับ แบบนี้ดีกว่า”
หม่าหยางและคนอื่นๆ อึ้งไป
ที่บอสเผยบอกว่า ‘ปล่อยไปแบบนี้ไม่ได้’ หมายความว่าอย่างนี้หรอกเหรอ
ถ้าไม่ได้แปะป้ายไว้หน้าร้าน อย่างน้อยก็อาจมีคนเดินเข้ามาถามราคา เสร็จแล้วก็รู้สึกเกรงใจที่พนักงานจ้องเลยได้แต่จำใจอยู่ต่อ แบบนี้พวกเขาก็จะได้พวกลูกค้าหน้าบางบ้าง
แต่ถ้าแปะป้ายไว้ตรงหน้าประตูก็คงไม่มีใครเข้าร้านเลย!
ทำแบบนี้ก็เป็นการไล่ลูกค้าหน้าบางไปด้วยน่ะสิ
หม่าหยางลังเลเล็กน้อย
เผยเชียนเห็นหม่าหยางลังเลจึงรีบบอกหม่าหยางอีกครั้ง “รีบไปจัดการสิ อะไรที่มันเป็นประโยชน์กับร้านทำไมต้องลังเลด้วย”
หม่าหยางลุกขึ้นอย่างไม่ค่อยเต็มใจนักก่อนจะจัดแจงให้คนไปติดป้าย
เผยเชียนจิบกาแฟต่อ
ดูเหมือนว่ากาแฟธรรมดานี่จะหอมหวานกว่าปกตินะ!
…
ตอนบ่าย ในที่สุดลูกค้าก็เข้าร้าน
วัยรุ่นสองคนที่เหมือนจะเป็นทายาทตระกูลร่ำรวยเข้ามาเล่นอินเทอร์เน็ตด้วยกัน พวกเขาลังเลอยู่พักหนึ่งตอนที่เห็นราคา แต่หลังจากเถียงกันเสร็จ ทั้งสองก็เดินเข้ามานั่งในโซนสำหรับเล่นอินเทอร์เน็ต
มีพนักงานบริษัทจำนวนหนึ่งเข้ามาสั่งกาแฟที่โซนคาเฟ่
เผยเชียนกะเอาไว้แล้วว่าน่าจะเป็นแบบนี้
ถึงร้านจะไม่ได้ตั้งอยู่ในย่านการค้า แต่ก็ไม่ได้ห่างจากย่านที่ว่ามากนัก อยู่ถัดมาแค่ถนนเดียว
ในเมื่อมีคนเดินผ่านไปมาก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะมีคนแวะเข้ามาสั่งกาแฟหรือหาอะไรกิน
เพราะอย่างไรร้านของเขาก็เป็นร้านอินเทอร์เน็ตที่ตกแต่งมาอย่างดี ถึงจะตั้งราคาไว้สูง แต่ก็ไม่ได้สูงขนาดที่จะไม่มีลูกค้าแม้แต่คนเดียว สถานการณ์ในฝันแบบนั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
แค่ลูกค้าไม่กี่คนคงยังรับได้อยู่
ขอแค่คุมจำนวนให้รายได้ไม่พอกับรายจ่ายก็พอแล้ว!
เผยเชียนดูร้านต่อจนดึก
มีคนเข้ามาสั่งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บ้าง ส่วนจางหยวนก็ได้ขึ้นเวทีไปร้องเพลงสองสามเพลง บรรยากาศร้านไม่ได้แย่เลย
ไม่ได้เงียบเหงาเหมือนช่วงเช้า แต่ก็มีน้อยมากที่เข้ามาเล่นอินเทอร์เน็ต
เผยเชียนคำนวณดูคร่าวๆ รายรับเท่านี้ไม่พอจ่ายรายจ่ายสักอย่าง
เยี่ยมมาก!
ทุกอย่างเป็นไปตามที่วางแผนไว้!
เผยเชียนลุกยืน เตรียมตัวจะกลับ
หม่าหยางดูจะช็อกและหมดกำลังใจไปเล็กน้อย
ที่ร้านมีคอมพิวเตอร์สุดเทพ บรรยากาศร้านก็ดี แต่วันเปิดร้านกลับเป็นไปอย่างเงียบเหงา!
หม่าหยางรู้สึกรับไม่ค่อยได้
เผยเชียนพยายามอย่างหนักไม่ให้หลุดยิ้มขณะปลอบอีกฝ่าย “เอาน่า นี่แค่วันแรก ไอ้หม่า แค่ต้องจำไว้ว่านี่เป็นธุรกิจระยะยาวของบริษัทเถิงต๋า!
“วันเดียวนี่ไม่ต้องพูดถึง จะขาดทุนไปสามเดือนหรือครึ่งปีก็ไม่เป็นไร! ทุกอย่างจะดีขึ้น เข้าใจไหม”
หม่าหยางพยักหน้า แต่ก็ชัดเจนว่าเขาไม่ได้ใส่ใจที่เผยเชียนพูดมากนัก
เผยเชียนไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาตบบ่าหม่าหยางแล้วกลับออกไปอย่างชื่นบาน
…
…
วันอาทิตย์ที่ 14 มีนาคม…
ช่วงกลางคืน…
จางหยวนและหม่าหยางเดินขึ้นไปนั่งลงตรงโต๊ะตัวหนึ่งบนชั้นสอง สีหน้าพวกเขาดูเคร่งเครียด
จางหยวนหยิบปากกาออกมาจดคำนวณเลข
“ค่าเช่าเดือนละสามแสนหนึ่งหมื่นห้าพันหยวน
“ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าวัตถุดิบและของใช้ตกอย่างต่ำเดือนละหมื่น
“เงินเดือนพนักงานเดือนละประมาณหกหมื่นหยวน
“แสดงว่าแค่เราเปิดร้านไปเฉยๆ ก็มีรายจ่ายอยู่ที่สี่แสนหยวนต่อเดือน!
“เรายังมีเงินลงทุนตั้งต้นค่าคอมพิวเตอร์ ค่าอุปกรณ์ ค่าตกแต่ง ค่านั่นค่านี่รวมทั้งหมดสองล้านหยวน
“รายรับสามวันที่ผ่านมาเอาไปสู้ร้านกาแฟเล็กๆ พื้นที่ประมาณสิบกว่าตารางเมตรยังไม่ได้เลย ถ้าปล่อยไปแบบนี้…
“ไม่ต้องพูดถึงเรื่องคืนทุน แค่เดือนเดียวก็ขาดทุนไปสามแสนหยวนแล้ว…”
ได้ฟังที่จางหยวนคำนวณ ใบหน้ายาวใหญ่ของหม่าหยางก็ซีดลง
นี่…เกินจริงไปหน่อยไหมนะ
แต่ถ้าดูจากสองสามวันที่ผ่านมา ตัวเลขดังกล่าวก็ฟังดูสมเหตุสมผล
ลูกค้าเข้าร้านน้อยเกินไป!
คอมพิวเตอร์หลายสิบเครื่องในร้าน ไม่ต้องให้ถึงกับเต็มทุกเครื่องหรอก อย่างมากแถวเดียวก็มีคนนั่งแค่หนึ่งคน!
แถมยังไม่ได้นั่งกันนานด้วย
ส่วนร้านกาแฟสถานการณ์ดีกว่าเล็กน้อย มีลูกค้าเข้าเยอะกว่า
แต่หลายคนก็สั่งกาแฟแค่แก้วเดียวแต่นั่งแช่ทั้งวัน ไม่ได้จ่ายเงินให้ร้านเยอะเท่าไหร่นัก
ที่แย่ที่สุดคือ ถึงจะเป็นแบบนั้น แต่โซนคาเฟ่ก็ยังมีที่ว่างอีกครึ่ง บ่งบอกชัดเจนว่ากิจการย่ำแย่เหลือเกิน!
ช่วงดึกไม่ได้มีคนเข้ามาสั่งเหล้ากันเยอะอะไร ถึงจางหยวนจะขึ้นไปร้องเพลงก็มีไม่กี่คนที่ตั้งใจฟังและปรบมือให้เสียงเปาะแปะ
น่าขายหน้าสุดๆ!
สองวันที่ผ่านมาทำให้จางหยวนกับหม่าหยางเป็นกังวลหนัก
ถ้าร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูขาดทุนเดือนละสามแสนก็เท่ากับว่าผลาญเงินไปเปล่าๆ ปลี้ๆ วันละหนึ่งหมื่นหยวน
นี่มันหลุมลึกไร้ที่สิ้นสุดชัดๆ!
ต้องใช้เงินเท่าไหร่กันถึงจะถมหลุมนี้ได้!
จางหยวนพูดขึ้น “น้องหม่า น้องสนิทกับบอสเผยนี่ ช่วยไปบอกสถานการณ์ให้บอสฟังได้มั้ย เราปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้ เราต้องทำอะไรกันสักอย่าง”
หม่าหยางทำหน้ากลัดกลุ้ม “พี่เชียนบอกให้เราทนไปก่อนอีกสัปดาห์ค่อยคุย”
“หนึ่งสัปดาห์…”
จางหยวนมองปฏิทิน วันอาทิตย์หน้าคือวันที่ 21
รู้สึกเหมือนว่า…อีกยาวนานเหลือเกินกว่าจะถึง!
“เฮ้อ โอเค ถ้าบอสเผยว่างั้นก็ต้องรอดูกันไปก่อน
“ประเด็นคือบอสไม่ยอมให้เราแจกใบปลิว ไม่ให้ลดราคาด้วย คือ…” จางหยวนไม่เข้าใจเลย
เห็นกันชัดๆ ว่ายังมีช่องให้ทำกำไร!
ถ้าลดค่าใช้บริการต่อชั่วโมงกับราคาเครื่องดื่มลงมาหน่อยพร้อมเสนอโปรโมชันสมาชิก…
ก็น่าจะยังพอกู้สถานการณ์ได้!
แต่เพราะอะไรก็ไม่รู้ บอสเผยกลับไม่ยอมให้พวกเขาทำอย่างนั้น
จางหยวนคิดอะไรไม่ออกอีก
ถ้ายังติดปัญหาเรื่องราคา จะทำอะไรไปก็เปล่าประโยชน์!
“รอคุยกับบอสเผยอีกทีสัปดาห์หน้าแล้วกัน”
หม่าหยางไม่ได้คิดอะไรมาก เขาเป็นคนแน่วแน่ในสิ่งที่เชื่อ ถ้าบอสเผยเป็นคนสั่ง เขาก็จะทำตามอย่างว่าง่าย ไม่มีทางทำอะไรเอง
“ตอนนี้ก็ทำได้แค่นี้”
จางหยวนกังวลเล็กน้อย เขาไม่มั่นใจว่าจะได้รับเงินเดือนเดือนละหนึ่งหมื่นหยวนไปอีกกี่เดือน
………………………….