ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี - บทที่ 125 ตรวจสุขภาพ
เผยเชียนปิดบทความอวยเกมสุดพลังไป
ยังมีหน้ามาบอกว่าจุดด้อยของเกมคือ ‘ส่วนหนึ่งของระบบการเล่น อีก
ถ้าเขียนรีวิวแบบนี้ คนก็คิดกันสิว่าพวกแกโดนฉันจ้างมา!
พวกแกเป็นนักรีวิวเกมมืออาชีพไม่ใช่เหรอ
ทำไมไม่หาข้อเสียเล็กๆ น้อยๆ มาติวะ!
เผยเชียนแสนเหนื่อยใจ
ช่างเถอะ ดูรีวิวจากผู้เล่นแทนดีกว่า
พวกผู้เล่นเรื่องมากกันจะตาย ต้องหาจุดด้อยของเกมได้เยอะแน่
เผยเชียนเปิดหน้ารีวิวจากผู้เล่นขึ้นมาอีกครั้ง แต่รีวิวหลังๆ กดให้ห้าดาวกันทุกคน!
พวกที่รีวิวให้หนึ่งดาวถูกดันไปด้านล่างสุด
“สไตล์งานภาพโคตรสุดยอด สามารถถ่ายทอดเรื่องนามธรรมต่างๆ ให้ออกมาเป็นรูปธรรมได้ เปลี่ยนธีมน่าเบื่อให้มีชีวิตชีวาและดูน่าสนใจสุดๆ!”
“ตามมาจากคลิปอาจารย์เฉียว เป็นมุกตลกร้ายที่โคตรคลาสสิก”
“ต้องให้ห้าดาวแล้วมั้ย! พวกที่ไม่ให้ห้าดาวคือพวกที่ไม่เข้าใจเกม”
“เสียงพากย์ตลกโคตร ไม่อยากเล่นเกมนะ อยากจีบคนพากย์มากกว่า!”
“เอาจริงๆ ฉันไม่ได้เล่นเกมที่ทำให้รู้สึกมีอารมณ์ร่วมแบบนี้มานานมากแล้ว เกมสมัยนี้สนใจแค่เรื่องดูดเงินจากผู้เล่น ไม่ก็เกาะกระแส เกมที่ลึกซึ้งและไม่สนใจกระแสแบบนี้ถือว่าหายากมาก!”
“เกมนี้ต้องให้เวลามันสักหน่อย ตอนแรกผมอยากเลิกเล่นมาก แต่พออดทนเล่นไปถึงรอบที่สองก็รู้สึกว่าเกมน่าสนใจขึ้นเรื่อยๆ จนหยุดเล่นไม่ได้! ตอนนี้กำลังจะเริ่มเล่นรอบที่สิบแปดแล้ว!”
“ขายเกมนี้แค่ยี่สิบแปดหยวนคือโคตรใจดี ขายแค่นี้หาเงินคืนทุนได้จริงๆ เหรอ เหมือนจะลงทุนไปเยอะเลยนะ! ฉันซื้อให้สามก๊อปปี้เลย ส่งให้เพื่อนไปสอง หวังว่าเกมนี้จะไม่ขาดทุนนะ!”
หลังจากเลื่อนอ่านดูรีวิวจากผู้เล่น เผยเชียนก็จมอยู่ในห้วงความคิด
อยากได้ที่อยู่ไอ้คนที่มันซื้อเกมสามก๊อปปี้จริงๆ จะได้ส่งของดีเมืองจิงโจวไปให้
นี่มันบ้าอะไรกัน…
ฉันเค้นสมองหาทางทำให้พวกแกไม่อยากเล่นแทบตาย แต่ดันกลายเป็นจุดขายของเกมเฉยเลย
แถมยังมีคนบอกว่าอยากจีบคนพากย์อีก
ได้ จัดให้เลย เดี๋ยวพรุ่งนี้จะให้ลู่หมิงเหลียงออกสื่อให้พวกแกได้ชื่นชมกัน!
เผยเชียนแทบลมจับ เขาอยากอ่านรีวิวเพื่อจะหาว่าจุดด้อยของเกมคืออะไร เผื่อจะเอาไปใช้ต่อได้ หรือไม่ก็หาจุดเด่นที่จะได้ระวังในครั้งต่อไป
แต่… ทุกคนเหมือนจะชอบทุกอย่างในเกม
ภาพสวย ระบบการเล่นดี แม้แต่เสียงพากย์สุดกวนก็กลายเป็นจุดขาย!
ไม่เห็นจะได้เรียนรู้อะไรเลย!
นี่ฉันสร้างเกมที่สมบูรณ์แบบสุดๆ ขึ้นมาจริงๆ เหรอ
นี่มันตลกร้ายอะไรกัน!
เผยเชียนเอนตัวพิงเก้าอี้เหมือนปลาใกล้ตายที่ไม่มีวันได้ลงน้ำอีก
…
…
วันจันทร์ที่ 19 เมษายน
โรงพยาบาลระดับสามดาวในเมืองจิงโจว
พนักงานบริษัทเถิงต๋าได้ตรวจสุขภาพกันเรียบร้อย ตอนนี้กำลังนั่งกินข้าวเช้ากันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา
หวงซื่อปั๋วกับเปาซวี่นั่งกินซาลาเปากับน้ำเต้าหู้อยู่บนโต๊ะตัวหนึ่ง ทั้งคู่เริ่มคุยเรื่องผลการตรวจสุขภาพ
“พี่เปา ผลตรวจเป็นยังไงบ้างครับ”
“ก็ดีครับ มีปัญหาเรื่องระบบย่อยอาหารนิดหน่อย หมอบอกว่าเกิดจากการที่โต้รุ่งบ่อยกับกินอาหารไม่ตรงเวลา ของพี่หวงล่ะครับ”
“มีเรื่องไขมันพอกตับกับความดันเลือดสูงนิดหน่อยครับ แต่ไม่ได้เป็นปัญหาใหญ่อะไร”
“ได้ยินมาว่าเราต้องมาตรวจสุขภาพทุกๆ ครึ่งปีนี่ครับ ไม่มาก็ไม่ได้ด้วย…” เปาซวี่ไม่รู้จะรู้สึกยังไงดี
ชีวิตของเขามีแค่สองอย่าง คือเกมกับเรื่องอื่นๆ
การตรวจสุขภาพถือเป็นเรื่องอื่นๆ ซึ่งกินเวลาเล่นเกม ทำให้อยากเลี่ยงให้ได้มากที่สุด
โดยปกติแล้ว บริษัทส่วนใหญ่จะให้พนักงานไปตรวจสุขภาพตอนเริ่มงาน บริษัทที่ดีขึ้นมาหน่อยอาจจะให้ตรวจสุขภาพทุกๆ ปี
แต่ที่เถิงต๋าให้สิทธิ์ตรวจสุขภาพปีละสองครั้ง ไม่มาก็ไม่ได้ เปาซวี่เลยรู้สึกปวดใจเล็กหน่อย
หวงซื่อปั๋วซดน้ำเต้าหู้ “อย่าไปคิดอย่างนั้นสิครับพี่เปา ตรวจสุขภาพเป็นเรื่องดีสำหรับเรานะ ถ้าไม่ได้มาตรวจ ผมก็ไม่รู้เลยว่าตัวเองมีปัญหาเรื่องไขมันพอกตับ ต้องระวังเรื่องการกิน อี้ฉวิน ของนายเป็นไง”
หม่าอี้ฉวินที่นั่งอยู่ข้างๆ พูดขึ้น “ก็โอเคอยู่ มีเรื่องกระเพาะอาหารอักเสบนิดหน่อย ติดเรื่องระบบย่อยอาหารเหมือนพี่เปาเลย”
หวงซื่อปั๋วพยักหน้า “ไม่แปลก ตอนทำงานที่ฉางหยางเกมส์ นายต้องทำงานล่วงเวลาตลอด กินข้าวก็ไม่ค่อยตรงเวลา แถมยังกินแต่อาหารเดลิเวอรี ถือว่าปกติที่จะมีปัญหาเรื่องนี้ ต่อไปเราต้องระวังเรื่องอาหารการกิน ต้องปรับให้ดีขึ้น”
หม่าอี้ฉวินถอนหายใจ “เถิงต๋านี่ดีจริงๆ สวัสดิการดีมาก ให้มาตรวจสุขภาพด้วย บอสเผยเป็นบอสที่ดีชะมัด!”
หวงซื่อปั๋วยิ้มบาง “ก็เห็นๆ กันอยู่”
พอกินข้าวเสร็จ ทุกคนก็เตรียมตัวกลับ
ช่วงเช้าเป็นการตรวจสุขภาพ ส่วนช่วงบ่ายไม่ต้องเข้างาน ทุกคนสามารถเรียกแท็กซี่กลับบ้านและไปเบิกค่าเดินทางที่หลังได้
“เอ๊ะ เหมือนจะลืมร่มไว้ที่โรง’บาล ไปก่อนได้เลยนะ เดี๋ยวฉันกลับไปเอาก่อน”
หม่าอี้ฉวินนึกขึ้นได้ว่าลืมหยิบร่มที่วางไว้บนเก้าอี้ในโรงพยาบาลตอนตรวจสุขภาพ จึงเดินกลับเข้าไปในโรงพยาบาล
หลังจากหยิบร่มแล้วกำลังจะกลับออกไป ก็ได้ยินเสียงตะโกนเรียกจากด้านหลัง “รอเดี๋ยวค่ะ!”
หม่าอี้ฉวินหันกลับไปมอง เขาเห็นสาวแว่นผมสั้นกำลังมองมาพร้อมวิ่งเข้ามาหา
“สวัสดีค่ะ คุณเป็นพนักงานของบริษัทเถิงต๋าใช่ไหมคะ” หญิงสาวกระหืดกระหอบจากการวิ่ง แต่เนื่องจากเป็นสิ่งที่ทำเป็นประจำเวลาทำงาน เธอจึงสามารถพูดออกมาได้อย่างชัดถ้อยชัดคำ
หม่าอี้ฉวินพยักหน้าอย่างระแวดระวัง
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ! ฉันชื่อหูเยว่เป็นนักข่าวจาก Playtime สาขาเมืองจิงโจว ตอนนี้กำลังเขียนข่าวเรื่องบริษัทเถิงต๋าอยู่ รบกวนขอสัมภาษณ์ได้ไหมคะ” หูเยว่เอาผมทัดหู พยายามหายใจให้เป็นปกติ
หม่าอี้ฉวินอึ้งไป “ทำไมถึงรู้ว่าผมเป็นพนักงานของเถิงต๋า”
หูเยว่ยิ้ม “พอดีมีเพื่อนสมัยเรียนทำงานอยู่ที่โรง’บาลนี้น่ะค่ะ เพื่อนคนนั้นบอกมาว่าพนักงานบริษัทเถิงต๋าจะมาตรวจสุขภาพวันนี้ ฉันเลยรีบมา”
Playtime เหรอ
หม่าอี้ฉวินรู้จักบริษัทนี้ มันเป็นบริษัทสื่อเกมที่ค่อนข้างดัง ข่าวและคลิปสั้นที่ปล่อยออกมามีกระแสตอบรับดีทีเดียว
ถ้าเป็นสถานการณ์ปกติทั่วไป หม่าอี้ฉวินคงจะตอบตกลงไปแล้ว
แต่สถานการณ์ที่เถิงต๋าไม่ปกติ
บอสเผยกำชับมาเป็นพิเศษว่าห้ามแพร่งพรายชื่อและข้อมูลส่วนตัวของบอสให้คนภายนอกรู้ รวมถึงห้ามพูดเรื่องเงินเดือนและสวัสดิการด้วย!
นักข่าวที่ชื่อหูเยว่เคยติดต่อบริษัทเถิงต๋าแล้ว แต่พอบอกว่าอยากขอสัมภาษณ์ก็โดนปฏิเสธ
ถึงจะรู้ว่าบริษัทเถิงต๋าตั้งอยู่ที่ไหน แต่ในเมื่อทางบริษัทตอบปฏิเสธ จะให้บุกเข้าไปก็ไม่ได้ใช่ไหมล่ะ เพราะจะเป็นการเสียมารยาท
นักข่าวหลายคนโดนปฏิเสธเหมือนหูเยว่และล้มเลิกความตั้งใจกันไปหมดแล้ว
แต่หูเยว่ไม่ยอมแพ้ บังเอิญพอดีที่เพื่อนเธอซึ่งทำงานอยู่โรงพยาบาลแห่งนี้รู้ว่าพนักงานของเถิงต๋าจะมาตรวจสุขภาพที่นี่ หูเยว่จึงรีบแจ้นมาแล้วเจอพนักงานคนหนึ่ง
หม่าอี้ฉวินบอกปฏิเสธไปตามที่บอสเผยสั่งไว้
“โทษทีครับ พอดีที่บริษัทมีกฎห้ามแพร่งพรายเรื่องของบอส รวมถึงเรื่องเงินเดือนและสวัสดิการ รบกวนไปสัมภาษณ์คนอื่นแทนนะครับ”
พูดจบหม่าอี้ฉวินก็หันกลับออกไป
“รอก่อนค่ะ!” หูเยว่รีบตะโกนเรียก
เธอพยายามมาตั้งนานกว่าจะเจอพนักงานของเถิงต๋า ดังนั้นจะปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอยไปไม่ได้!
………………