ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี - บทที่ 140 สำรวจฉางหยางเกมส์
จางหยวนพอใจกับทำเลสามแห่งแรกที่แนะนำไปที่สุด เขามั่นใจมากว่าทั้งสามแห่งจะทำกำไรให้ได้แน่
ทำเลแห่งที่สี่ถึงหกเป็นทำเลธรรมดา อาจจะพาขาดทุนได้ แต่ก็ไม่น่าจะหนักมาก
ส่วนสี่แห่งสุดท้ายเป็นทำเลที่แย่ยิ่งกว่าทำเลของร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูสาขาหลัก เขาใส่มาเพิ่มเพื่อให้ครบสิบแห่ง
เพราะเผยเชียนสั่งให้พวกเขาหาทำเลมาสิบแห่ง
จางหยวนลังเลเล็กน้อยก่อนจะตอบออกไป “บอสเผยครับ ไม่ใช่ว่าทำเลสี่ที่นี้ไม่ดีนะครับ แต่ผมว่าอาจจะไม่เหมาะเท่าทำเลสามที่แรก…”
เขาบอกไปตรงๆ ไม่ได้ว่าทำเลสี่ที่นี้มันห่วยแตก
ทั้งสี่ที่อยู่ในตัวเลือกที่เขากับหม่าหยางส่งไป ถ้าบอกไปตรงๆ ว่าทำเลพวกนี้ไม่ดีก็เท่ากับเป็นการฆ่าตัวตายสิ
เกิดบอสเผยถามขึ้นมาว่าถ้าทำเลไม่ดีแล้วใส่มาทำไมแต่แรกจะซวยเอา
เพราะเขาก็ไม่รู้จะตอบไปยังไงดี
ดังนั้นจางหยวนจึงได้แต่พูดอ้อมๆ ให้บอสเผยรู้ว่าทำเลสามที่แรกนั้นดีกว่า
เผยเชียนลุกยืนก่อนจะเดินเข้าไปดูทำเลบนจอให้ละเอียด
“ผมว่าทำเลสี่ที่นี้ไม่เลวเลยนะ
“ผมคิดว่าร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูวางเอกลักษณ์ให้คนมองว่าเป็นร้านที่ดีแต่มาได้ไม่ง่าย ผมอยากให้ลูกค้ารู้สึกตื่นเต้นตอนหาร้านเราเจอเป็นครั้งแรก!
“เปิดร้านสาขาที่ย่านคนพลุกพล่านเหรอ
“ไม่ดีๆๆ วุ่นวายเกินไป ไม่เหมาะกับร้านของเรา
“ร้านเราต้องมีบรรยากาศสงบ ชวนผ่อนคลาย ซึ่งเป็นบรรยากาศที่เราวางไว้ตั้งแต่แรก
“เรามีคอมพ์แค่ห้าสิบเครื่อง มีกฎห้ามสูบบุหรี่ มีหนังสือให้อ่าน ตอนดึกมีร้องเพลง แถมเพลงที่ร้องก็เป็นเพลงฟังสบายๆ ไม่ใช่เพลงร็อก… ทั้งหมดนี้ช่วยเสริมบรรยากาศให้ร้านของเรา!
“ถ้าเราไปเปิดร้านในที่คนพลุกพล่านเหมือนคนอื่น ก็เสียบรรยากาศร้านหมด ไม่ต่างอะไรกับตลาดสด ไร้รสนิยม แถมยังทำให้ภาพลักษณ์ของเถิงต๋าเสียหาย”
จางหยวนอึ้งไป
บอสเผยถึงกับพูดว่าจะเป็นการทำให้ภาพลักษณ์ของเถิงต๋าเสียหายเลยเหรอ
บอสเผย หน้าที่ที่บอสเผยมอบหมายให้ผมมันหนักหนาเกินจะรับไหวแล้ว!
เผยเชียนชี้ไปที่ทำเลทั้งสี่แห่ง “ทำเลพวกนี้ดีกว่าเยอะ เงียบสงบ เหมาะให้ลูกค้ามานั่งปล่อยใจคิดทบทวนเรื่องชีวิตตัวเอง”
จางหยวนอึ้งหนักกว่าเก่า
ทำไมต้องให้ลูกค้ามานั่งคิดเรื่องชีวิตตัวเองด้วย
จริงๆ ควรจะให้ลูกค้ามาเสียเงินไม่ใช่เหรอ
เผยเชียนว่าต่อ “อีกอย่าง ที่สำคัญยิ่งกว่าคือทั้งสี่ทำเลนี้มีพื้นที่กว้างขวาง มีที่พอให้ลูกค้าใช้สอย จุดนี้สำคัญมาก”
จางหยวนพูดอะไรไม่ออก
ทำเลสี่ที่นี้กว้างขวางเหรอ
ก็ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว ถ้าไม่ใช่ที่ที่คนพลุกพล่าน ที่ดินก็ราคาถูก จึงเป็นเรื่องปกติที่จะมีพื้นที่ใช้สอยเยอะกว่า…
จางหยวนกำลังจะอธิบายเพิ่ม แต่เผยเชียนก็เดินกลับไปนั่งที่เดิมก่อน “ทั้งสองคนทำได้ดีมาก เอาสี่ที่นี้แหละ”
จางหยวนกลืนคำพูดที่กำลังจะโพล่งออกมาลงคอไป
“พอกลับไปที่ร้านก็ให้ผู้จัดการสาขาเลือกกันเลยว่าใครชอบตรงไหน
“จัดการร้านที่ต้องปรับปรุงเยอะที่สุดก่อน ร้านไหนไม่ต้องปรับปรุงอะไรมากค่อยจัดการทีหลัง ส่วนเรื่องเงินก็ให้ไปติดต่อเลขาซิน”
ทำเลทั้งสี่จุดตั้งอยู่ห่างไกลผู้คนยิ่งกว่าสาขาหลัก ค่าเช่าจึงถูกกว่าเป็นธรรมดา
ตอนนี้เผยเชียนไม่ได้มีเงินทุนในมือมากนัก จึงเปิดได้แค่สองสาขาก่อน จากนั้นก็รอรายได้จากเกมเพื่อนำมาเปิดอีกสองสาขา
แต่เรื่องนี้ก็ไม่ได้เร่งด่วนอะไร เพราะยังเหลือเวลาอีกตั้งสองเดือน ขอแค่เปิดทุกสาขาให้ได้ก่อนถึงวันปิดบัญชีหนึ่งสัปดาห์ก็หายห่วง
จางหยวนมองหม่าหยางเหมือนจะถามอีกฝ่ายว่าอยากเกลี้ยกล่อมบอสเผยต่อไหม
หม่าหยางพยักหน้าเหมือนเข้าใจที่เขาตั้งใจจะสื่อ ก่อนจะเดินไปหยุดอยู่หน้าเผยเชียน “โอเคครับ พี่เชียน เดี๋ยวเราจัดการเรื่องนี้ต่อ รับรองว่าจะต้องไม่มีอะไรผิดพลาด!”
จางหยวน “…”
แกคิดว่าฉันจะสื่อแบบนั้นเรอะ
แต่หม่าหยางก็พูดออกไปแล้ว จางหยวนจึงทำได้แค่เดินตามหม่าหยางออกจากออฟฟิศไปด้วยความผิดหวัง
จางหยวนเดินกอดโน้ตบุ๊ก ในใจรู้สึกว้าวุ่น
เขาตั้งใจทำแผนนำเสนอครั้งนี้มาก ทั้งลงไปดูพื้นที่และประเมินทำเลอย่างละเอียด
บอกได้เลยว่าเขาประเมินทำเลสามแห่งแรกอยู่หลายครั้งจนมั่นใจว่าจะสร้างกำไรได้แน่!
ทำเลสี่แห่งสุดท้ายใส่มาให้ครบจำนวนเฉยๆ เขาไม่ได้สนใจตรงนี้มาก
สุดท้ายบอสเผยก็ไม่ได้สนใจทำเลทองของเขา หันไปเลือกทำเลสี่แห่งสุดท้ายซะงั้น
ช่าง… น่าโมโหจริงๆ
ถ้าคนอื่นเป็นคนตัดสินใจ จางหยวนคงจะด่าแหลกไปแล้วว่าไม่มีความน่าเชื่อถือเลยสักนิด
แน่นอนว่าจางหยวนก็ได้แค่บ่นในใจ ไม่กล้าลาออกหรอก ถ้าลาออกจะไปหาเงินเดือนแบบนี้ได้ที่ไหนอีก
แต่คนที่ตัดสินใจคือบอสเผย จางหยวนจึงไม่กล้าบ่นอะไร ได้แต่คิดว่าตัวเองคงไม่ฉลาดพอที่จะเข้าใจความคิดของบอสเผย
คนอย่างบอสเผยจะไม่รู้วิธีเลือกทำเลเหรอ
บอสต้องรู้สิ ที่ไม่เลือกทำเลที่ทำกำไรได้แน่นอนก็คงมีเหตุผลบางอย่าง
จางหยวนซึมอยู่พักหนึ่ง แต่ไม่นานก็สลัดความกลัดกลุ้มออกไปได้ระหว่างที่กำลังเดินคุยกับหม่าหยวนเรื่องค่าเช่าและการเตรียมการเปิดร้านสาขาใหม่
…
…
เผยเชียนพอใจทำเลที่เลือกไปมาก
ถ้ารักษาสภาพนี้ไว้ได้ สาขาใหม่จะต้องขาดทุนยิ่งกว่าสาขาหลักแน่
ซึ่งก็สมเหตุสมผลมาก เพราะสาขาหลักจะต้องเป็นสาขาที่มีการดำเนินงานดีที่สุด ไม่อย่างนั้นคงไม่ได้เป็นสาขาหลัก
หลังจากนั่งจิบชาอย่างสบายใจอยู่สักพัก เลขาซินก็เคาะประตูแล้วเดินเข้ามาในห้อง
“บอสเผยคะ ดิฉันได้ข้อมูลเบื้องต้นของฉางหยางเกมส์มาแล้ว จะตรวจดูไหมคะ”
เผยเชียนตื่นตัวขึ้นทันที “จัดมา!”
ช่วงนี้เผยเชียนสนใจเรื่องนี้มากที่สุด
ถ้าซื้อฉางหยางเกมส์ได้ เขาก็จะมีแหล่งผลาญเงินที่มั่นคงแหล่งที่สองต่อจากร้านอินเทอร์เน็ตโมหยู ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในระยะยาว!
เลขาซินยื่นเอกสารให้เผยเชียน เขารับมาอ่าน ระหว่างนั้นเลขาซินก็เริ่มอธิบาย
“ฉางหยางเกมส์เป็นบริษัทเอกชนที่มีพนักงานทั้งหมดห้าสิบสองคน
“ตอนนี้ฉางหยางเกมส์มีเกมอยู่สองเกมค่ะ เกมแรกชื่อนักพรตสะกดใจ เป็นเกมจัดการบริหารทรัพยากรทั่วไป ส่วนอีกเกมชื่อเพลงรบโลหิต เป็นเกมสงครามเล่นผ่านเว็บไซต์ค่ะ”
แค่ได้ยินชื่อเกม เผยเชียนก็ได้แต่ถอนหายใจ
จะสร้างเกมกากๆ ได้ ความสามารถและพรสวรรค์ต้องถึง
ดูชื่อเกมสิ นักพรตสะกดใจ!
แค่ชื่อก็อุบาทว์แล้ว ถ้าเกมชื่อแบบนี้ขายได้ถล่มทลายคงจะตลกน่าดู!
ถึงชื่อจะห่วย แต่เขาก็อยากรู้ว่าเกมมีเนื้อหายังไง
“เกมนักพรตสะกดใจหยุดให้บริการไปแล้ว เพราะทำรายได้ไม่ถึงห้าหมื่นหยวนติดต่อกันมานาน ส่วนเกมเพลงรบโลหิตคือแหล่งรายได้หลักของฉางหยางเกมส์ แต่เพราะกระแสโต้กลับจากการอัปเดตเกมทำให้รายได้ตกฮวบฮาบค่ะ”
เผยเชียนรู้เรื่องกระแสโต้กลับเพราะหม่าอี้ฉวินเล่าให้ฟัง
เกมเพลงรบโลหิตน่าจะเป็นเกมที่หัวหน้าหลิวขายดาบราคาแปดร้อยแปดสิบแปดหยวน ทำให้บริษัทโดนผู้เล่นด่าเสียลากเลือด
ไม่เลวเลย
เป็นตัวเลือกที่ดีในการเข้าซื้อ
เลขาซินพูดต่อ “จากการคำนวณคร่าวๆ ค่าเช่าของฉางหยางเกมส์น่าจะอยู่ที่ประมาณหนึ่งแสนห้าหมื่นหยวนต่อเดือน เงินเดือนพนักงานรวมอยู่ที่สองแสนหยวนต่อเดือน ตอนนี้แค่พยุงบริษัทให้ไปต่อได้ก็ยากมากๆ แล้ว เห็นมีข่าวลือว่าเดือนนี้มีเงินไม่พอจ่ายค่าจ้างพนักงานด้วยค่ะ”
ถึงพวกเขาจะมีพนักงานมากกว่าเถิงต๋า แต่ก็มีตำแหน่งเยอะกว่า ค่าจ้างโดยเฉลี่ยก็ต่ำกว่า ทำให้ค่าเช่าและค่าจ้างที่ต้องจ่ายพนักงานน้อยกว่าเถิงต๋ามาก
เผยเชียนไม่ได้สนใจเรื่องนี้ เขาค่อยปรับเอาหลังซื้อกิจการต่อได้
ขอแค่ไม่มีแววทำกำไรได้ก็พอแล้ว!