ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี - บทที่ 143 ตัดราคา
ตู้รุ่ยเจี่ยนั่งอยู่ตรงข้ามเผยเชียน พอเห็นเผยเชียนทำหน้าประมาณว่า ‘นี่มันอะไรกันวะเนี่ย’ ตอนเล่นเกม หัวใจเขาก็หล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม
เขาไม่เคยเล่นเกมของตัวเองเพราะรู้ว่ามันห่วยแค่ไหน
ดูเหมือนจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ที่เอาเกมห่วยแตกแบบนี้มาให้บอสเผยเล่น…
ถ้าบอสเผยไม่ชอบสองเกมนี้ก็อาจเอามาใช้เป็นข้ออ้างขอตัดราคาได้
ตู้รุ่ยเจี๋ยเตรียมใจไว้แล้ว
เผยเชียนปิดโน้ตบุ๊กแล้วยื่นคืนให้หวังเสี่ยวปิน “ก็ไม่แย่นะครับ”
ไม่แย่เหรอ
ตู้รุ่ยเจี๋ยรู้สึกเคารพเผยเชียนขึ้นหลายเท่าเพราะคิดว่าอีกฝ่ายกำลังพยายามไม่ทำให้เขาขายขี้หน้า เกมขยะแบบนี้จะมาบอกว่า ‘ก็ไม่แย่’ ได้ยังไง จะใจดีเกินไปแล้ว!
จริงๆ แล้วเผยเชียนรู้สึกว่าทั้งสองเกมไม่ได้แย่จริงๆ
เขาคิดว่าตัวเองไม่มีทางทำเกมขยะระดับนี้ขึ้นมาได้เองแน่
ไม่ว่าจะเป็นเกมแบบไหน ขอแค่ทำเงินไม่ได้ก็ถือว่าเป็นเกมที่ดีหมด!
หวังเสี่ยวปินถามขึ้นอัตโนมัติ “บอสเผยมีคำถามอะไรเกี่ยวกับทั้งสองเกมไหมครับ ถามผมได้นะครับ”
ตู้รุ่ยเจี๋ยโกรธจัดจนอยากจะลุกเตะหวังเสี่ยวปิน
แกพูดอะไรออกไป
ให้เรื่องนี้จบไปไวๆ ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ
นี่แกกำลังบังคับให้บอสเผยวิจารณ์เกมเราอยู่รึไง
เผยเชียนยิ้ม “ผมเข้าใจแนวทางการออกแบบของทั้งสองเกมดีครับ ไม่มีคำถามอะไร”
จริงๆ แล้วเผยเชียนอยากจะถามออกไปว่าพวกเขาทำยังไงถึงสร้างเกมกากๆ แบบนี้ขึ้นมาได้…
แต่พอคิดดูอีกทีก็คิดได้ว่าไม่ถามจะดีกว่า
หวังเสี่ยวปินรับโน้ตบุ๊กมาแล้วพยักหน้า “บอสเผยเป็นมืออาชีพจริงๆ ด้วยครับ แค่มองปราดเดียวก็เข้าใจเกมทะลุปรุโปร่ง ผมนี่แส่ไม่เข้าเรื่องจริงๆ”
ตู้รุ่ยเจี๋ยถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เขาอยากจะจบเรื่องนี้ไวๆ รีบเจรจาซื้อขายให้เสร็จๆ จะได้หอบเงินหนีไปให้ไว
พอถึงตอนนั้น สภาพยุ่งเหยิงที่เขาต้องแบกรับ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องใช้สำนักงานและคอมพิวเตอร์ที่ผ่านการใช้งานมาอย่างหนักหน่วง หรือเหล่าพนักงานที่ใช้การไม่ได้เรื่อง เถิงต๋าจะเป็นคนแบกรับไว้แทน บอสเผยต้องมานั่งปวดหัวกับเรื่องพวกนี้แทนเขา
เผยเชียนขยับหน้าเล็กน้อย ส่งสัญญาณให้ซินไห่ลู่เริ่มต่อรองราคาได้
ถึงเผยเชียนจะไม่ได้คิดอะไรมากถ้าต้องเสียเงินเพิ่มสามถึงสี่แสนหยวน แต่เขาก็คิดว่าถ้าจ่ายเงินจำนวนนี้เพิ่มไปจะดูเป็นการเสียเปรียบ
แม้จะเป็นเงินทุนของระบบ แต่เขาก็รู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่ถ้าจะต้องจ่ายเงินส่วนนี้ให้บอสตู้
เอาเงินส่วนนี้ไปเพิ่มสวัสดิการให้พนักงานยังจะดีซะกว่า
ดังนั้นเผยเชียนจึงเลือกตัดราคาตามที่เขาควรจะทำ เอาให้ได้ราคาต่ำที่สุดที่บอสตู้ประเมินไว้
เลขาซินพลิกสมุดเล่มเล็ก “บอสตู้คะ เท่าที่ดิฉันรู้มา คุณจ่ายเงินเดือนพนักงานล่าช้ามาหนึ่งเดือนแล้ว หนึ่งในสองเกมก็ปิดให้บริการไปเรียบร้อย ส่วนอีกเกมกำลังขาดทุนอย่างต่อเนื่อง ตอนนี้ทั้งสองเกมไม่ถือว่าเป็นสินทรัพย์มูลค่าสูงและเป็นผลงานที่ไม่มีคุณค่าอีกต่อไป เครื่องใช้สำนักงานและคอมพิวเตอร์ก็ซื้อมาได้สามปีแล้ว เดิมทีก็ไม่ใช่ของแพงอะไร ดูจากสภาพการใช้งานแล้วน่าจะเอาไปโยนทิ้งมากกว่า คุณก็น่าจะรู้นะคะว่าของพวกนี้ไม่เหมาะกับสภาพแวดล้อมการทำงานของเถิงต๋า เพราะงั้นจึงไม่มีค่าอะไร…”
เลขาซินพูดรัวจนตู้รุ่ยเจี๋ยหน้าเริ่มเจื่อน
ไม่นะ ที่พล่ามไปพักใหญ่นั่นไม่มีประโยชน์เลยเหรอ
เขาคิดว่าบอสเผยยังเด็ก ไม่น่าจะมีประสบการณ์มาก แค่พูดข่มนิดหน่อยก็น่าจะขูดรีดเงินได้เพิ่ม แต่ตอนนี้รู้ซึ้งแล้วว่าตัวเองเล่นผิดคนเข้าให้แล้ว
บอสเผยไม่ได้สนใจรายละเอียดการซื้อขายครั้งนี้เลย เลขาที่ยืนอยู่ข้างหลังต่างหากที่เป็นคนรับผิดชอบเรื่องนี้…
เลขาคนนี้ดูจะมีประสบการณ์ล้นเหลือและเหนือชั้นกว่าตู้รุ่ยเจี๋ยในทุกๆ ด้าน
ถึงจะมองข้ามเรื่องอื่นๆ ไป แค่ตัวตนของเธออย่างเดียวก็อยู่คนละระดับกับตู้รุ่ยเจี๋ยแล้ว
ตู้รุ่ยเจี๋ยเป็นแค่เจ้าของบริษัทเอกชน ไม่มีทางเทียบชั้นเลขาซินที่เคยทำงานกับองค์กรยักษ์ใหญ่มาก่อนได้ เขาพูดอะไรไม่ออกหลังจากได้ยินที่หญิงสาวรัวใส่
เลขาซินปิดสมุดจด “เมื่อพิจารณาทุกองค์ประกอบ เราขอเสนอซื้อที่ราคาห้าแสนห้าหมื่นหยวนค่ะ”
ตู้รุ่ยเจี๋ยกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ราคานี้เขายังพอรับได้ แต่ก็ไม่ค่อยจะชอบใจเท่าไหร่
เผยเชียนยิ้ม “ไม่เป็นไรครับบอสตู้ ผมเพิ่มให้อีกห้าหมื่นหยวนจะได้เป็นหกแสนหยวนเพื่อมิตรภาพของเรา”
ตู้รุ่ยเจี๋ยคิดอยู่ครู่หนึ่ง
เขาอยากได้ราคาสูงกว่านี้ แต่คิดไปคิดมาก็สรุปได้ว่าไม่ควรต่อรองอะไรอีก
เลขาซินคำนวณทุกอย่างมาอย่างดี เขาไม่มีเหตุผลไหนจะเอาไปใช้อ้างต่อรองราคาได้
ถ้าพูดอะไรไปแล้วบอสเผยไม่พอใจ ไม่ยอมซื้อกิจการขึ้นมา ได้ขาดทุนย่อยยับแน่
พอคิดได้อย่างนั้นเขาก็ยิ้มกว้าง “โอเคครับ บอสเผย ตกลงที่หกแสนนะครับ! ที่ผมยอมก็เพื่ออนาคตที่ดีกว่าของพนักงานอันเป็นที่รักของผม…”
เผยเชียนพูดอะไรไม่ออก ชายคนนี้มีดีแค่ปาก เอาแต่ขี้โม้ ไม่มีอะไรน่าเชื่อถือสักอย่าง
“ถ้าอย่างนั้นก็จัดการตามขั้นตอนกันเลยดีกว่าครับ” เผยเชียนหันมองเลขาซิน
ถึงจะตกลงกันเรียบร้อยแล้ว แต่ก็ยังมีหลายเรื่องที่ต้องจัดการหลังจากนี้ พวกเขาต้องตรวจสอบข้อมูลบริษัทอย่างละเอียดและเซ็นสัญญาซื้อขาย ไม่เหมือนซื้อของกับร้านค้าที่แค่รูดบัตรก็เอาของออกมาได้เลย เพราะมีลำดับขั้นตอนที่ต้องจัดการ
แต่เผยเชียนก็ไม่ได้กังวลเรื่องนั้นเลย
“บอสเผยใจบุญมากครับ! คุณนี่เกิดมาเพื่อทำการใหญ่จริงๆ!”
ตู้รุ่ยเจี๋ยดีใจมาก ถึงราคาจะต่ำกว่าที่คาดไว้ แต่ห้าหมื่นหยวนที่บอสเผยเพิ่มให้ก็ทำให้เขาพอใจชื้นขึ้นมาได้
ที่สำคัญคือเขาปัดปัญหาออกไปให้พ้นตัวได้แล้ว ตรงนี้แหละที่ทำให้เขามีความสุข
“ช่วยบอกพนักงานด้านนอกให้หยุดงานไปพักผ่อนสักพัก แจ้งพวกเขาให้กลับมาทำงานหลังจากเสร็จเรื่องทุกอย่าง
“อืม… เอาเป็นวันจันทร์หน้า วันที่ 10 พฤษภาก็แล้วกัน”
เผยเชียนดูปฏิทิน วันนี้คือวันพุธ สี่วันน่าจะจัดการขั้นตอนส่วนใหญ่เสร็จแล้ว
เพราะนี่ก็ไม่ใช้การซื้อต่อกิจการมูลค่าหลายล้าน ฉางหยางเกมส์เป็นแค่บริษัทเล็กๆ มีเรื่องให้ต้องจัดการไม่มาก เลขาซินน่าจะจัดการทุกอย่างได้ทันเวลา
ถือเป็นการดีที่จะให้พนักงานไปพักและทำตัวให้ชินกับวิถีการทำงานของเถิงต๋าก่อน
ต่อไปฉางหยางเกมส์จะเป็นบริษัทลูกของเถิงต๋า พวกเขาจะอยู่ภายใต้กฎและสวัสดิการของบริษัทแม่
หวังเสี่ยวปินนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้า “โอเคครับบอสเผย! เดี๋ยวผมไปแจ้งให้ทุกคนทราบทันทีครับ!”
เผยเชียนไม่ได้กลับออกไปทันที แต่นั่งฟังเลขาซินคุยกับบอสตู้เรื่องขั้นตอนต่างๆ ในห้องทำงานต่อ
ผ่านไปสักพักก็ได้ยินเสียงคุยกันแว่วมาจากด้านนอกเมื่อเหล่าปลาตายได้กลับมาเวียนว่ายอีกครั้ง
…
พอหวังเสี่ยวปินประกาศไปว่าทุกคนได้หยุดงานจนถึงวันจันทร์หน้า และมีการเปลี่ยนเจ้าของบริษัท ทุกคนก็ฮือฮากันใหญ่
ตอนแรกฉางเหยางเกมส์กำลังจะเจ๊ง หลายคนไปหางานใหม่รอแล้ว
พนักงานที่มีประวัติการทำงานหรูๆ อย่างหัวหน้าหลิวได้งานใหม่ไปแล้วเรียบร้อย
แต่เมื่อวาน จู่ๆ ตู้รุ่ยเจี๋ยก็มาประกาศว่ามีบริษัทอื่นสนใจเข้าซื้อต่อบริษัท และสั่งให้ทุกคนเก็บกวาดสถานที่ จัดข้าวของให้เรียบร้อยเตรียมตัวรับบอสคนใหม่ด้วยสภาพที่ดีที่สุด!
หลายคนตกใจมากเพราะทุกคนรู้ว่าฉางหยางเกมส์สภาพเลวร้ายสุดๆ คนสติดีที่ไหนจะอยากมาซื้อ
แต่พอถามเพิ่มก็ต้องตกใจยิ่งกว่าเดิมพอรู้ว่าเจ้าของใหม่คือบริษัทเถิงต๋า
เรื่องนี้… ไม่ต่างอะไรกับมีส้มหล่นจากฟ้า!
เถิงต๋าเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงล้นหลามในวงการเกม หลายคนอยากเข้าไปทำงานด้วยแต่ก็หาหนทางไม่ได้เลย
ถ้าเถิงต๋าเข้าซื้อกิจการ พวกเขาก็น่าจะเหมือนเป็น ‘ลูกเลี้ยง’ คงไม่ได้รับสวัสดิการเหมือน ‘ลูกแท้ๆ’ หรอก แต่ยังไงพวกเขาก็อยู่ภายใต้เถิงต๋า อนาคตน่าจะสดใสกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้แน่นอน!
ตอนแรกพวกเขาคิดว่าขั้นตอนการเข้าซื้อต่อน่าจะกินเวลาสักหนึ่งถึงสองสัปดาห์ ไม่น่าจะได้หยุดพัก ต้องมาก้มหน้าทำงานเหมือนเดิม
พวกเขาไม่คิดเลยว่าทุกอย่างจะรวดเร็วขนาดนี้ ตอนนี้ผ่านการเจรจาขั้นต้นไปแล้วเรียบร้อย แถมยังได้หยุดงานจนถึงวันจันทร์หน้าด้วย
เหล่าพนักงานของฉางหยางเกส์คิดเหมือนกันว่าชีวิตนี่มีขึ้นมีลงตลอดจริงๆ…
ไม่กี่วันก่อนยังเครียดกันเรื่องหางานใหม่อยู่เลย จู่ๆ ชีวิตพลิกผันได้มาเป็นพนักงานของเถิงต๋า แถมได้หยุดงานตั้งสี่วันอีก!
ทุกคนรู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังฝันอยู่!
………………….