ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี - บทที่ 147 ต้องเชื่อวิสัยทัศน์ของบอสเผย!
ฉางหยางเกมส์ โซนทำงาน
บรรยากาศค่อนข้างมาคุ
ทุกคนคิดว่าบอสคนใหม่จะทำให้พวกเขาเริ่มต้นใหม่อย่างสวยงาม พวกเขาคาดหวังว่าจะได้ทำงานร่วมกับบอสเผย ได้คิดหาไอเดียใหม่ๆ และร่วมมือกันสร้างเกมแบบที่ไม่เคยมีใครเห็นออกมาถล่มตลาด…
แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรแบบนั้นเลย
บอสเผยมาพบพวกเขา แต่พูดคุยด้วยไม่ถึงสิบประโยคก็กลับออกไป
หวังเสี่ยวปินที่มีประสบการณ์มากที่สุดโดนถอดออกจากตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายวางแผน ส่วนคนที่เพิ่งเข้ามาทำงานใหม่ได้ขึ้นเป็นหัวหน้าฝ่ายวางแผนแทน แถมบอสยังให้สิทธิ์ไล่คนออกหนึ่งคนทุกเดือนโดยไม่ต้องมีเหตุผลด้วย
แผนดำเนินการในอนาคตยิ่งบ้าเข้าไปใหญ่
ขั้นตอนแรกถือถอดช่องทางการเก็บเงินผู้เล่นออกจากทั้งสองเกม เหลือไว้แค่อย่างเดียว
ส่วนขั้นที่สองคือให้แต่ละคนคิดแผนสำหรับทำเกมใหม่มาคนละแผน
นอกจากนั้นแล้ว บอสเผยก็ไม่ได้ออกความเห็นหรือให้คำแนะนำอะไรเลย หรือว่าบอสเผยจะลงมาทำงานเอง ดูทรงแล้วไม่น่าจะเป็นไปได้
ดูจากที่บอสเผยมอบ ‘กระบี่อาญาสิทธิ์’ ให้เยว่จือโจวแล้ว คาดว่าบอสไม่น่าจะกลับมาที่นี่อีกพักใหญ่ เยว่จือโจวน่าจะกลายเป็นตัวแทนของบอส
ตอนแรกทุกคนคิดว่าฉางหยางเกมส์จะฟื้นจากความตายขึ้นมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง แต่บอสเผยกลับถีบพวกเขากลับเข้าโลงทันที แถมตอกตะปูปิดฝาโลงไม่ให้ได้ผุดได้เกิดอีก
ไม่แปลกที่บรรยากาศตอนนี้จะมาคุสุดๆ!
แน่นอนทุกคนรู้ดีว่าเมื่อมีเถิงต๋าคอยหนุนหลังอยู่ ฉางหยางเกมส์ก็ไปน่าจะปิดตัวในเร็ววัน พวกเขายังอยู่ในสภาวะปลอดภัยดี
แต่ก็ไม่รู้ว่าจะอยู่แบบนี้ไปได้อีกนานแค่ไหน
หวังเสี่ยวปินหันมองเยว่จือโจวอย่างเป็นกังวล อีกฝ่ายกำลังนั่งก้มหน้ากดโทรศัพท์ ไม่รู้ว่าคุยกับใครอยู่
เจ้านั่นไม่น่าจะใช้สิทธิ์ไล่คนออกโดยไม่ต้องมีเหตุผลใช่ไหม
หวังเสี่ยวปินนึกกังวล
ตอนนี้เยว่จือโจวเป็นหัวหน้าฝ่ายวางแผนแล้ว เขาต้องมอบหมายงานให้ทุกคน นี่คือหน้าที่ของหัวหน้าฝ่ายวางแผน
ถ้าเยว่จือโจวไม่พูดอะไร ทุกคนก็จะนั่งหายใจทิ้งอยู่หน้าโต๊ะเฉยๆ
หวังเสี่ยวปินไม่มั่นใจเลยว่าเยว่จือโจวจะทำหน้าที่นี้ไหวไหม แต่อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด เขาทำได้แค่รอดูว่าเรื่องราวจะเป็นยังไงต่อไป
เยว่จือโจวส่งข้อความหาหม่าอี้ฉวิน
“พี่หม่า ผมมีอะไรจะบอก แต่ไม่รู้จะพูดยังไงดี…”
หม่าอี้ฉวินตอบกลับทันที “ว่ามา เราเป็นพี่น้องกัน มีปัญหาอะไร เราจะผ่านมันไปด้วยกัน”
หม่าอี้ฉวินไม่ได้รับมอบหมายงานอะไรเลยที่เถิงต๋า แม้แต่การวางเนื้อเรื่องเกมใหม่ เขาก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ทำ ทุกวันเป็นไปอย่างน่าเบื่อเสียจนชวนปวดหัว เพราะเหตุนี้เขาจึงตอบกลับข้อความเร็วมาก
เยว่จือโจวลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเริ่มพิมพ์ “บอสเผยเพิ่งเรียกประชุมไปแล้วให้ผมขึ้นเป็นหัวหน้าฝ่ายวางแผนของฉางหยางเกมส์ครับ…”
หม่าอี้ฉวิน “?????????????????”
ข้อความที่ส่งกลับไปเป็นเครื่องหมายคำถามยาวเหยียด
เยว่จือโจวสัมผัสได้ถึงความงุนงงของหม่าอี้ฉวินผ่านหน้าจอ
หมายความว่ายังไงเนี่ย
หม่าอี้ฉวินไม่เข้าใจโลกนี้อีกต่อไป
ก่อนหน้านี้เขากับหวงซื่อปั๋วทำงานที่ฉางหยางเกมส์มาก่อน เป็นเพื่อนร่วมทุกข์ที่ทนลำบากมาด้วยก่อน
เผลอแวบเดียว หวงซื่อปั๋วก็หนีมาทำงานที่เถิงต๋าแล้วไต่เต้าขึ้นไปในสายงานอย่างรวดเร็ว จากพนักงานฝ่ายวางแผนกลายเป็นหัวหน้าฝ่ายวางแผน
ต่อมาหม่าอี้ฉวินได้ทำงานที่ฉางหยางเกมส์ร่วมกับเยว่จือโจว ทั้งสองเป็นเพื่อนร่วมทุกข์กันมาเหมือนกัน
เผลอแวบเดียวบอสเผยก็เข้าซื้อฉางหยางเกมส์ เยว่จือโจวไต่เต้าขึ้นมาเป็นหัวหน้าฝ่ายวางแผนไปอีกคน!
มีแค่หม่าอี้ฉวินที่ยังต้องเรียนรู้แนวทางการออกแบบจากบอสเผยอยู่ทุกวัน จนถึงตอนนี้ก็ไม่มีอะไรน่าภูมิใจให้อวดอ้างได้เลย
หม่าอี้ฉวินนึกสงสัยในตัวเองขึ้นมาสุดๆ
ทำไมล่ะ สองครั้งติดแล้วนะที่พนักงานฝ่ายวางแผนได้ขึ้นเป็นหัวหน้าฝ่ายวางแผน
หรือว่าเพราะ… ฉันเป็นตัวนำโชคให้คนอื่น
เพื่อนร่วมทุกข์ที่ลำบากด้วยกันมาได้เป็นหัวหน้าฝ่ายวางแผนหมดเลย
แล้วทำไมตัวนำโชคให้คนอื่นอย่างฉันไม่โชคดีเหมือนใครเขาบ้าง
พอเห็นหม่าอี้ฉวินไม่ตอบกลับมาพักใหญ่ เยว่จือโจวก็พิมพ์กลับไป “พี่หม่า ตอนนี้ผมกดดันมาก ผมไม่เคยเป็นหัวหน้าฝ่ายวางแผนมาก่อน พี่บอกบอสเผยให้หาคนมาทำแทนผมที”
หม่าอี้ฉวินอิจฉาหนักมาก
ไอ้เวร จริงๆ แล้วกำลังมีความสุขใช่ไหมล่ะ จะมากไปแล้วนะ!
บอสเผยให้แกขึ้นมาเป็นหัวหน้าฝ่ายวางแผน แต่แกไม่อยากเป็นเนี่ยนะ นี่ตั้งใจจะกวนประสาทฉันเหรอ
“บาย” หม่าอี้ฉวินรีบปิดหน้าแชต
เยว่จือโจวรีบตอบ “กลับมาก่อน พี่หม่า! ผมคิดว่าผมความสามารถไม่ถึงจริงๆ ผมเพิ่งจะเข้าวงการได้กี่เดือนกันเชียว ไม่รู้เรื่องอะไรเลยแบบนี้จะเป็นหัวหน้าฝ่ายวางแผนได้ยังไง
“บอสเผยให้ผมแบกรับความผิดชอบใหญ่หลวง ถ้าผมพลาดขึ้นมาจะทำยังไง”
หม่าอี้ฉวินอ่านข้อความที่เยว่จือโจวส่งมาแล้วคิดว่าเจ้านี่แค่ไม่อยากทำให้บอสเผยต้องผิดหวัง
อืม ถือว่าพอสอนได้
หม่าอี้ฉวินคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าตนเองก็เคยตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้มาก่อน คนที่ผ่านการบ่มเพาะจากบอสเผยมาหลายเดือนย่อมสามารถบอกต่อความรู้และประสบการณ์ให้เจ้าหนูผู้ไร้ประสบการณ์คนนี้ได้แน่
“ไม่ต้องห่วงหรอก ทำๆ ไปเถอะ
“นายรู้จักหวงซื่อปั๋วมั้ย เขาเป็นคนที่ลาออกไปก่อนนายจะเข้ามา เป็นเพื่อนสนิทฉันเอง
“ตอนนั้นเขาก็เป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายวางแผนเหมือนนาย
“ทำงานเหมือนนายเป๊ะ
“หลังจากนั้นเขาก็ไปเข้าเถิงต๋า แล้วบอสเผยก็แต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าฝ่ายวางแผนเหมือนกันกับนาย
“แล้วเป็นยังไงรู้มั้ย เกมฐานทัพกลางทะเลน่ะ หวงซื่อปั๋วเพื่อนฉันเป็นคนสร้างเอง
“เพราะงั้นไม่ต้องกังวล ถ้าไม่เชื่อในตัวเองก็ให้เชื่อในวิสัยทัศน์ของบอสเผย!
“จนถึงตอนนี้บอสเผยเลื่อนขั้นให้ใครหลายคน ตอนแรกทุกคนไม่เข้าใจเลยว่าทำไมบอสเผยถึงทำแบบนี้ แต่ไม่นานก็รู้ว่าบอสเผยเป็นคนฉลาดไม่เหมือนใครและมีสายตาที่เฉียบแหลม บอสมองเห็นความสามารถในตัวผู้คนที่คนอื่นมองไม่เห็น!
“นายไม่ต้องกังวลเลย ถ้าบอสเผยบอกว่านายทำได้ก็แสดงว่านายทำได้!”
พอได้อ่านที่หม่าอี้ฉวินตอบกลับมา เยว่จือโจวก็ครุ่นคิดอยู่พักใหญ่
เป็นแบบนี้นี่เอง ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกอย่างนั้นเหรอ
แถมครั้งก่อนๆ ยังผ่านไปได้ด้วยดีอีก
แสดงว่าบอสเผยเห็นความสามารถบางอย่างในตัวฉันเหรอ
ทำไมฉันไม่เห็นจะรู้เลยว่ามี…
แต่ก็น่าจะเป็นเหมือนที่หม่าอี้ฉวินบอก บอสเผยไม่น่าจะเลื่อนขั้นให้ฉันโดยไม่มีเหตุผล แถมยังให้อำนาจพิเศษมาอีก
ยิ่งคิดเยว่จือโจวก็ยิ่งมั่นใจมากขึ้น
ถ้าบอสเผยให้อำนาจกับฉันขนาดนี้ แสดงว่าบอสต้องกำลังบอกเป็นนัยว่าให้ฉันมั่นใจในตัวเอง และทำตามที่ใจต้องการ ถ้ามัวแต่นิ่งเฉยเพราะเกรงกลัวจะถือว่าตัวเองเป็นพนักงานของเถิงต๋าได้ยังไง แบบนั้นบอสเผยก็ผิดหวังแย่
ตอนนี้ฉันเป็นพนักงานอันทรงเกียรติของเถิงต๋า!
คิดอย่างนั้น เยว่จือโจวก็สุขใจขึ้นมา
“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำครับ พี่หม่า!”
เยว่จือโจวเปิดไฟล์เอกสารขึ้นมาก่อนจะรัวมือลงบนแป้นพิมพ์
หลายเดือนที่ผ่านมาตั้งแต่เข้ามาทำงานที่ฉางหยางเกมส์ เยว่จือโจวใช้เวลาว่างส่วนใหญ่ไปกับการด่าเกมสองเกมของบริษัท
ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ถ้าการทำเกมสองเกมนี้ออกมาถือเป็นการยื่นขี้ให้ผู้เล่น เยว่จือโจวก็เหมือนต้องถือขี้ไว้กับตัวตลอดเวลา จะไม่ให้รู้สึกรังเกียจได้ยังไง!
ในสายตาของเยว่จือโจว หรือในสายตาของคนส่วนใหญ่ในฉางหยางเกมส์ ทั้งสองเกมมีข้อเสียมากมาย เล่นไปได้แค่ห้านาทีก็เจอปัญหาเพียบ
แต่ไม่มีใครคิดจะแก้ไข
นั่นก็เพราะทุกคนแค่มาทำงานไปวันๆ ถ้าหัวหน้าหลิวไม่ได้สั่งให้ทำก็ไม่มีใครแส่ไปของานเพิ่มให้ตัวเอง
ส่วนเหตุผลที่หัวหน้าหลิวไม่ยอมแก้ปัญหานี้ก็ง่ายๆ นั่นก็เพราะบริษัทประสบปัญหาเรื่องการจัดการรายได้
ตอนนั้นรายได้จากทั้งสองเกมมีพอแค่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายของบริษัท จะไปเอาทุนจากไหนมาซื้อทรัพยากรงานภาพและแก้ไขตัวเกม
ไอเดียดีๆ มีอยู่มากมาย แต่การจะเอาไปปรับใส่ตัวเกมต้องใช้ทั้งเงินและเวลา!
ตอนนี้ไม่มีหัวหน้าหลิวคอยจับตาดูทุกย่างก้าวแล้ว เยว่จือโจวจึงสามารถทำสิ่งที่ตัวเองคิดว่าสมควรทำได้
…………………………