ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี - บทที่ 154 จู่ๆ ก็เจ็บ!
หลังจากร้องเพลงไปชั่วโมงกว่าๆ เฉินเหล่ยก็ลงมาพัก
หม่าหยางรีบเรียกเขาไปอธิบายเรื่องค่าจ้างกับส่วนแบ่งเครื่องดื่ม
เฉินเหล่ยเกาหัวแล้วตอบออกไปอย่างไม่คิดอะไรมาก “ได้ครับ”
หม่าหยางรู้สึกกระดากใจเล็กน้อย
“ไม่เป็นไรนะ ถ้าคิดว่าฐานเงินเดือนต่ำไป เดี๋ยวผมเพิ่มให้ก็ได้” หม่าหยางพูด
เฉินเหล่ยกะพริบตา “ถ้างั้น… เพิ่มอีกหน่อยก็ได้ครับ”
หม่าหยาง “…”
ซื่อเกินไปแล้ว!
หม่าหยางรู้สึกเหมือนโดนหักหลัง เขาคิดว่าเฉินเหล่นจะเกรงใจแล้วตอบกลับมาว่า ‘ไม่เป็นไรครับ’ เสร็จแล้วจะได้ปิดบทสนทนาได้อย่างราบรื่น
แต่เฉินเหล่ยดันตอบตกลงซะงั้น
หม่าหยางพูดไปแล้ว จะกลับคำตอนนี้ก็ไม่ได้
หม่าหยางลังเลอยู่พักหนึ่ง “โอเค งั้นเดี๋ยวเพิ่มฐานให้เป็นพันแปดร้อย ไม่รวมค่าส่วนแบ่งจากเครื่องดื่ม ตอนขึ้นร้องรอบหน้าต้องพูดกระตุ้นให้ผู้ชมซื้อเครื่องดื่มด้วยล่ะ เข้าใจมั้ย”
เฉินเหล่ยดูอึดอัดใจ “พี่หม่า ผมไม่ค่อยอยากพูด งั้นผมรับเงินพันห้าเท่าเดิม แต่อย่าให้ผมต้องคุยกับคนดูเลย”
หม่าหย่างอึ้งไป เจ้าเด็กนี่หน้าบางจริงๆ
“ช่างเถอะ งั้นก็ร้องเพลงไป เดี๋ยวฉันพูดเอง ฐานเงินเดือนพันแปดเท่าเดิม แต่นายไม่ต้องพูดอะไรแล้ว”
เฉินเหล่ยพยักหน้า ก่อนจะเดินไปพักดื่มน้ำ
หม่าหยางหันมองจางหยวน อีกฝ่ายเข้าใจทันทีว่าหมายความว่าอย่างไรจึงเดินขึ้นไปบนเวที
“สวัสดีครับ สวัสดี
“สวัสดีครับทุกคน ขอผมแนะนำตัวนิดหนึ่ง ผมเป็นผู้จัดการร้านอินเทอร์เน็ตโมหยู แซ่จาง”
ผู้ชมคนหนึ่งเอียงคอ “นายเป็นนักร้องประจำเมื่อสัปดาห์ก่อนนี่ พอมีเฉินเหล่ยมาแทนก็ได้เลื่อนขั้นเลยเหรอ”
จางหยวนเห็นว่าหลายคนไม่ได้สนใจเขาเท่าไหร่เลยรีบเข้าเรื่อง “ขอบคุณทุกท่านมากนะครับที่คอยอุดหนุนร้านเรา เรื่องที่ผมจะประกาศในวันนี้ ร้านของเรามีผลประโยชน์พิเศษให้นักร้องประจำ!
“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ระหว่างที่เฉินเหล่ยร้องเพลง ตั้งแต่หนึ่งทุ่มถึงห้าทุ่ม สี่ชั่วโมงนี้ ส่วนหนึ่งของยอดขายเครื่องดื่มทั้งหมดจะถือเป็นค่าส่วนแบ่งของเฉินเหล่ย
“ส่วนรายละเอียด…
“เดี๋ยวอีกสองสามวันเราจะทำเมนูใหม่ โดยจะระบุยอดส่วนแบ่งของเฉินเหล่ยลงไปอย่างชัดเจน
“ถ้าท่านไหนชอบนักร้องของเราก็สามารถสั่งเครื่องดื่มเพื่อสนับสนุนเขาได้ ขอบคุณครับทุกคน!”
จางหยวนรีบลงจากเวทีหลังพูดจบ ไม่มัวเสียเวลาพูดไปเรื่อยเปื่อย
ตรงกับคติของร้านอินเทอร์เน็ตโมหยู ซึ่งก็คือ พูดให้น้อย ทำให้มาก บริการสบายๆ เหมือนสายลมฤดูใบไม้ผลิ
ลูกค้าเริ่มพูดคุยกัน
“ให้ส่วนแบ่งนักร้องเหรอ”
“ใจดีจัง”
“ให้ส่วนแบ่งด้วยแฮะ! ถ้าฉันขึ้นไปร้องบ้างจะได้ด้วยไหม”
“ฮ่าๆ ถ้าแกร้องได้เพราะเหมือนเฉินเหล่ยก็มีสิทธิ์”
“ดีจัง ฉันสนับสนุน! ขออีกแก้วด้วยค่ะ!”
“ฉันด้วย”
“เอาด้วยๆ!”
พนักงานให้บริการมือเป็นระวิง นับว่าเป็นครั้งแรกตั้งแต่เปิดร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูมา!
หม่าหยางกับจางหยวนยิ้มให้กัน
เหมือนว่าจะได้ผลดีเลยนะเนี่ย!
…
กลางดึก
หลายคนเมากันแล้ว แต่ก็ไม่ยอมกลับ
ก่อนเฉินเหล่ยจะลงจากเวที เขาเอาแต่พูดขอบคุณทุกคน แล้วหนีลงไปซ่อนตัวอยู่ตรงโซนร้านอินเทอร์เน็ตอย่างขวยเขิน
หม่าหยาง จางหยวน และพนักงานอีกสองสามคนเดินไปส่งลูกค้าถึงประตู
“ขอบคุณที่อุดหนุนนะครับ”
“กลับบ้านดีๆ นะครับ”
“แวะมาอีกนะครับ!”
กว่าลูกค้าจะกลับบ้านหมดก็ปาไปสี่ทุ่มครึ่ง
“คำนวณให้หน่อยว่าเราขายเครื่องดื่มไปได้เท่าไหร่” หม่าหยางรีบแจ้นไปที่แคชเชียร์
ไม่กี่นาทีต่อมา ความตื่นเต้นที่มีก็เลือนหายไป
“ขายเครื่องดื่มได้ตั้งเยอะ แต่… ได้กำไรแค่นี้เองเหรอ”
หม่าหยางผิดหวังมาก
เขานึกว่าจะเริ่มทำกำไรได้แล้ว แต่พอดูยอดขายก็รู้สึกเศร้าสร้อยขึ้นมา
คืนนี้พวกเขาขายเครื่องดื่มได้เยอะจริงๆ ยอดขายเพิ่มขึ้นแปดสิบเปอร์เซ็นต์จากยอดเฉลี่ยของหลายวันก่อน
หมายความว่ามีลูกค้าหลายคนสั่งเครื่องดื่มเพิ่มหลังจากได้ยินว่าเงินส่วนหนึ่งจะเข้ากระเป๋าเฉินเหล่ย นอกจากนี้ยังมีคนสั่งเครื่องดื่มราคาแพงอีกด้วย
แต่หนทางทำกำไรก็ยังอยู่อีกไกลโข
จางหยวนอธิบายอย่างมีเหตุผล “เรื่องปกติน่ะน้องหม่า ถึงยอดขายจะเพิ่มขึ้น แต่ลูกค้าเราไม่ได้เยอะ
“คิดดูสิ เรามีโต๊ะอยู่แค่นี้ ถึงลูกค้าจะเข้าเต็มร้านจนส่วนหนึ่งต้องยืน ถ้าขายได้เกินร้อยแก้วก็ไม่น่าพอ เพราะก็ทำเงินได้ไม่กี่ร้อย อย่างมากก็คืนละพันหยวน ถ้าหักส่วนแบ่งให้เฉินเหล่ย ร้านก็ได้เดือนละสองถึงสามหมื่นหยวนเอง”
“เดี๋ยวนะ” หม่าหยางขมวดคิ้ว “ก็หมายความว่าถ้าร้านได้สองถึงสามหมื่นหยวน เฉินเหล่ยก็ได้ส่วนแบ่งเท่ากันเหรอพี่”
จางหยวนอึ้งไป “น้องหม่าพูดอะไรของน้อง ก็ต้องเป็นอย่างนั้นสิ น้องเป็นคนบอกเองนะว่าจะให้เฉินเหล่ยห้าสิบเปอร์เซ็นต์…”
หม่าหยางแทบลมจับ “…โคตรเสียดายเลยพี่ เรายกเลิกที่จะแบ่งให้ครึ่งหนึ่งดีมั้ย เปลี่ยนเป็นห้าเปอร์เซ็นต์ไม่ก็ หนึ่งเปอร์เซ็นต์แทน”
จางหยวนพูดขัด “น้องหม่า น้องจะเปลี่ยนคำพูดภายในวันเดียวกันไม่ได้ คิดจะไล่เขาเหรอ น้องเป็นคนตัดสินใจเองว่าจะแบ่งให้ห้าสิบเปอร์เซ็นต์”
“ผมบอกไปอย่างนั้นก็จริง แต่ไม่รู้นี่ว่าจะเป็นเงินเยอะขนาดนี้…” หม่าหยางเกาหัวอย่างปวดใจ
จางหยวนเงียบไปพักหนึ่ง
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมหม่าหยางถึงใจป้ำ เขาไม่ได้คำนวณดูเลยด้วยซ้ำ!
แต่เห็นหม่าหยางคิดจะกลับคำพูด จางหยวนก็รีบปรามทันที
“น้องหม่า ไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นหรอก เราขาดทุนกันเดือนละสามแสนหยวนอยู่แล้ว ถึงจะดึงส่วนแบ่งของเฉินเหล่ยมาก็ได้เพิ่มแค่สองถึงสามหมื่นหยวน ในระยะยาวแล้วถือว่าไม่ได้อะไรเลย”
“ถ้าเราให้ส่วนแบ่งเฉินเหล่ยเยอะ ลูกค้าก็จะอุดหนุนเพิ่มเพื่อสนับสนุนเขา ถ้าร้านดังขึ้นมาเมื่อไหร่ เดี๋ยวก็มีลูกค้าเข้ามาเพิ่ม ถึงตอนนั้นอะไรๆ ก็จะดีขึ้นเอง”
หม่าหยางขมวดคิ้ว “จะพออยู่เหรอ ตามที่พี่คำนวณ เราต้องขายเครื่องดื่มให้ได้มากกว่าพันแก้วถึงจะหักกลบลบหนี้ได้ แต่มันก็เป็นไปไม่ได้เลย จากขนาดร้านของเรา แค่สองร้อยคนยังจุไม่พอ พันคนนี่ไม่ต้องพูดถึง”
จางหยวนไม่รู้จะตอบยังไงดี “อืม ยังไงซะตอนนี้ยอดขายเครื่องดื่มก็เพิ่มขึ้นแล้ว ลองดูสถานการณ์ต่อไปอีกหน่อยมั้ย รีบทำอะไรบุ่มบ่ามคงไม่ดี”
“ผมยังเคืองอยู่เลยเนี่ย” หม่าหยางนวดขมับเพราะรู้สึกปวดจนแทบหายใจไม่ออก เขารู้สึกไม่พอใจกับเรื่องนี้มากๆ
“ไม่ ผมจะเจ็บปวดคนเดียวไม่ได้!
“ลูกค้าก็ต้องเจ็บปวดด้วยเหมือนกัน!”
จางหยวนอึ้งไป “แล้วจะทำให้ลูกค้ารู้สึกแบบนั้นได้ยังไง”
หม่าหยางหันมองกำแพงข้างเวที เขาชี้ไปยังที่ว่างตรงนั้น “ตั้งจอไว้ตรงนั้น
“ทุกครั้งที่มีคนสั่งเครื่องดื่ม รายละเอียดจะขึ้นบนจอว่าโต๊ะไหนสั่งอะไร เฉินเหล่ยได้เงินไปเท่าไหร่ ตบท้ายด้วยข้อความขอบคุณจากเฉินเหล่ย
“พอทำแบบนี้ ทุกครั้งที่มีคนสั่งเครื่องดื่ม ทุกคนก็จะเห็น
“เพิ่มบนจอไปอีกว่าเฉินเหล่ยจะได้เงินไปเท่าไหร่ในแต่ละคืน
“ผมเสียเงินไปเยอะ จะเจ็บปวดอยู่คนเดียวไม่ได้ ผมต้องให้ลูกค้าทุกคนได้รู้ว่าผมให้เงินเขาไปเท่าไหร่!”
จางหยวนครุ่นคิดสักพัก “อาจจะได้ผลก็ได้นะ จอเล็กๆ ไม่น่าราคาแพง เดี๋ยวพี่จัดการเอง พรุ่งนี้เช้าจัดให้เลย”
…………………..