ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี - บทที่ 162 บริการเดลิเวอรี่ที่เน้นหน้าตาเป็นหลัก!
ทุกคนงงกันถ้วนหน้า โดยเฉพาะหลินชั่นหรง สายตาของเขาเต็มไปด้วยความสับสน
คนอื่นอาจจะไม่รู้สถานการณ์ในร้านอินเทอร์เน็ตโมหยู แต่ตัวเขานั้นรู้ดี
ที่ร้านไม่มีอะไรให้ทำเลย!
วันหนึ่งได้ทำอาหารไม่ถึงสิบจานด้วยซ้ำ
แต่คิดดูดีๆ ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ ร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูดูดีมีระดับขนาดนี้ ใครจะไปอยากสั่งอาหารบ้านๆ มากิน
สาวสวยโต๊ะหนึ่งสั่งค็อกเทลแก้วสวย เธอจิบเครื่องดื่มในมือพลางชมบรรยากาศด้านนอกหน้าต่าง ถ้าถ่ายเซลฟี่ก็ส่งลงวีแชตได้ทันที
ส่วนชายหนุ่มอีกโต๊ะกำลังสวาปามมะเขือเทศผัดไข่อยู่
ไม่เห็นจะเข้ากันเลยสักนิด!
ถ้ามีใครสั่งอาหาร กลิ่นก็จะตลบอบอวลไปถึงโซนคาเฟ่ ถ้าสายตาฆ่าคนได้ คนที่สั่งอาหารคงจะโดนสังหารไปร้อยครั้งแล้ว
ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีใครกล้าสั่งอาหาร เชฟหลินจึงได้แต่ยืนโง่ๆ ในครัวไปวันๆ อย่างสุดจะเบื่อ
ผ่านไปสักพักสถานการณ์ก็ดีขึ้น
เพื่อให้มั่นใจว่าพนักงานทุกคนจะมีสุขภาพที่แข็งแรง เผยเชียนจึงสั่งอาหารเที่ยงจากร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูไปให้พนักงานทุกคน เชฟหลินเลยยุ่งๆ บ้างช่วงเที่ยง
แต่งานก็ยังสบายเหมือนเดิม เพราะร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูมีเชฟอีกสองคน
งานแค่นี้ก็เหมือนวันหยุดพักร้อนถ้าเทียบกับร้านอาหารอื่นๆ
ดังนั้นจนถึงปัจจุบัน ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มของร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูจึงแทบจะไม่มีจุดยืน
นอกจากจะทำกำไรไม่ได้แล้ว ยังไม่มีคนสั่งอีก
ตอนนี้เหมือนจะเป็นโรงอาหารของพนักงานเถิงต๋าไปแล้วกลายๆ
แล้วแบบนี้จะต่อยอดยังไง ไม่กลัวเสียทุกอย่างที่มีไปเหรอ
เชฟหลินไม่เข้าใจว่าจะต่อยอดจากตรงนี้ได้ยังไง
สายตาทั้งสามคู่จับจ้องไปยังเผยเชียน ทุกคนรอฟังความคิดอันบรรเจิดของเขาอยู่
เผยเชียนกระแอมกระไอสองครั้งก่อนจะอธิบายอย่างจริงจัง “ก็เหมือนที่คนเคยว่ากันว่า ธรรมชาติมนุษย์ต้องการอาหารและการสืบพันธุ์ อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มผูกติดกับชีวิตประจำวันของพวกเรา ยังไงก็ไม่มีวันตกยุค จนถึงทุกวันนี้ อาหารของร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูชนะใจใครหลายคนด้วยคุณค่าทางโภชนาการ ความอร่อย และความรู้สึกเหมือนได้กินข้าวที่บ้าน!
“ดังนั้นเราต้องเอาจุดแข็งนี้มาต่อยอด เราควรจะให้คนอื่นๆ ได้ลิ้มรสอาหารอันโอชะของร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูได้ที่บ้านของตัวเอง!”
ไฟความมุ่งมั่นในตาของหม่าหยางค่อยๆ มอดหายไป เขามองเผยเชียนด้วยแววตางุนงง “พี่เชียน ที่พี่พูดมาทั้งหมดคือแค่จะให้ร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูเปิดบริการเดลิเวอรี่เหรอ
“ทำไมพี่ต้องพูดให้งงด้วย บอกมาเลยว่าต่อไปร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูจะมีบริการเดลิเวอรี่ก็จบแล้ว…”
หืม เจ้านี่เข้าใจที่ฉันพูดดีเลยนี่ แผนก็คือเปิดเดลิเวอรี่นั่นแหละ…
แต่มันไม่ใช่บริการเดลิเวอรี่ธรรมดาน่ะสิ!
เผยเชียนตีหน้าเข้ม “ไอ้หม่า แกมองอย่างนั้นไม่ได้
“ก็เหมือนการร้องเพลงแหละ แกร้องแล้วเหมือนเพลงสวดศพ ส่วนเฉินเหล่ยร้องแล้วเหมือนบทเพลงจากสวรรค์ เห็นมั้ยว่ามันไม่เหมือนกัน
“ขอแค่มองไปให้ไกล ทุกอย่างก็สามารถกลายเป็นธุรกิจที่ยิ่งใหญ่ได้
“คิดดูสิ ในอนาคตอาณาจักรเดลิเวอรี่ของเราจะครองเมืองจิงโจวและเมืองใหญ่อื่นๆ ในประเทศ เดลิเวอรี่ของเราจะทำให้วิถีชีวิตผู้คนเปลี่ยนไป เห็นมั้ยว่ามันไม่ใช่แค่บริการเดลิเวอรี่
“หนทางหมื่นลี้ เริ่มต้นที่ก้าวแรก พวกเรากำลังจะเริ่มก้าวแรกที่สำคัญสุดๆ กัน!”
พอได้ฟังที่เผยเชียนพูด อารมณ์ของหม่าหยาง จางหยวน และหลินชั่นหรงก็เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาไม่หยุด จากผิดหวังกลายเป็นเข้าใจ จากนั้นก็กลายเป็นคล้อยตาม
หลินชั่นหรงรู้สึกว้าวซ่า
ความแตกต่างในการมองโลกมันเป็นแบบนี้นี่เอง!
บอสเผยคิดจะตั้งอาณาจักรของตัวเองขึ้นมาจากบริการเดลิเวอรี่ง่ายๆ บอสมองว่าพอบริการเดลิเวอรี่เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตทุกคน ก็จะเกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่กับวิถีชีวิตของผู้คน
ช่างมีวิสัยทัศน์กว้างไกลจริงๆ!
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมบอสถึงเป็นประธานบริษัทได้ด้วยอายุเพียงเท่านี้ บอกได้คำเดียวว่าเพราะความสามารถล้วนๆ!
ความผิดหวังหายไปจากใจหม่าหยาง ไฟมุ่งมั่นของเขาลุกพรึบขึ้นมาอีกครั้งด้วยคำพูดของเผยเชียน
“พี่เชียน แล้วเราต้องทำอะไรบ้างเหรอ”
“เปิดเว็บให้สั่งเดลิเวอรี่ดีมั้ยครับ เราไปติดต่อร้านค้าในจิงโจวแล้วก็สร้างแพลตฟอร์มส่งอาหารออนไลน์”
หม่าหยางกับจางหยวนระดมสมองคิดหาไอเดีย โดยมีหลินชั่นหรงช่วยแนะนำเสริม
เผยเชียนยิ้มแต่ไม่ได้พูดอะไร
เป็นเรื่องปกติที่พวกหม่าหยางจะเสนอไอเดียแบบนั้น
ปี 2010 การใช้อินเทอร์เน็ตผ่านคอมพิวเตอร์เริ่มลดน้อยลง ส่วนการใช้อินเทอร์เน็ตผ่านมือถือเพิ่มสูงขึ้น
เท่าที่เผยเชียนจำได้ จำนวนผู้ใช้งานบริการอินเทอร์เน็ตมือถืออยู่ที่ 74.5% สูงกว่าจำนวนผู้ใช้งานบริการอินเทอร์เน็ตผ่านคอมพิวเตอร์ที่คิดเป็น 70.6% ตัวเลขนี้จะเกิดขึ้นในอีกสองปีข้างหน้า
ในจักรวาลนี้ อุตสาหกรรมสมาร์ตโฟนพัฒนาไปเร็วกว่าในความทรงจำของเขา ยุคอินเทอร์เน็ตมือถือจึงมาเร็วกว่าปกติ
แต่ตอนนี้บริษัทใหญ่ยังไม่ลงมาจับบริการเดลิเวอรี่ เพราะยังง่วนอยู่กับโอกาสในการลงทุนธุรกิจอีกอย่าง ซึ่งก็คือ การรวมกลุ่มผู้ซื้อ
เริ่มตั้งแต่ช่วงฤดูใบไม้ผลิปี 2010 ผู้ประกอบการเห็นกระแสกลยุทธ์รวมกลุ่มผู้ซื้อของบริษัท Groupon กำลังมาแรง ไม่นานก็เกิด ‘สงครามร้อยบริษัท’ ขึ้น ก่อนจะลามไปเป็น ‘สงครามพันบริษัท’ มีบริษัทเป็นสิบๆ แห่งผุดขึ้นในอุตสาหกรรมรวมกลุ่มผู้ซื้อทุกวันๆ
ด้วยสถานการณ์อันดุเดือดนี้ ธุรกิจเดลิเวอรี่จึงถูกมองข้าม สองปีให้หลังธุรกิจนี้จึงรุ่งเรืองขึ้นมา กลายเป็นโอกาสลงทุนยอดนิยมใหม่ในสายตาผู้ประกอบการในตลาด
ถึงอย่างนั้นตอนนี้ร้านอาหารหลายเจ้าก็มีบริการเดลิเวอรี่แล้ว แต่ส่วนใหญ่ให้บริการผ่านการโทรติดต่อ ถือเป็นช่วงตั้งต้น ยังมีปัญหาอยู่หลายอย่าง เช่น จัดส่งช้ากับส่งผิดออเดอร์
ด้วยเหตุนี้จึงมีคนคิดรวบรวมร้านต่างๆ มาไว้ในแพลตฟอร์มเดียวเพื่อให้ลูกค้าสั่งอาหารผ่านช่องทางออนไลน์ โดยทางแพลตฟอร์มจะมีรายได้จากส่วนแบ่งในแต่ละคำสั่งซื้อ
แต่เผยเชียนไม่ได้ตั้งใจจะทำอะไรแบบนั้น
“พวกคุณใจร้อนกันเกินไปแล้ว
“มันก็เหมือนเราค่อยๆ ตักข้าวกินทีละคำนั่นแหละ เราควรจะค่อยๆ ทำตามแผนไปทีละขั้น ตอนนี้พฤติกรรมของผู้คนยังไม่ได้เป็นไปในแนวทางเดียวกัน แถมร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูก็ไม่ใช่แบรนด์อาหารและเครื่องดื่ม ยังไม่มีชื่อเสียงอะไร ถึงจะทำเว็บขึ้นมาได้ แต่จะโฆษณายังไงล่ะ เราจะมั่นใจได้ยังไงว่าเว็บจะประสบผลสำเร็จตามที่เราหวังไว้
“อีกอย่าง ปัญหาใหญ่สุดๆ ของอุตสาหกรรมแบบนี้ไม่ใช่แค่เรื่องการโฆษณากับส่วนแบ่งตลาด แต่ยังรวมถึงการตรวจประเมินด้วย อาหารเป็นเรื่องสำคัญ ถ้ามีร้านข้างถนนห่วยๆ มาเข้าร่วมกับเรา แล้วมีเรื่องอาหารไม่สะอาดทำให้ลูกค้าป่วยจากอาหารเป็นพิษขึ้นมา เราก็ต้องรับผิดชอบในฐานะที่เป็นแพลตฟอร์มตัวกลาง
“ไอเดียการสร้างแพลตฟอร์มอาจจะดูง่าย แต่พวกคุณคิดเอาไว้รึเปล่าว่าจะแก้ไขปัญหาพวกนี้ยังไง”
คำถามของเผยเชียนทำให้พวกหม่าหยางพูดอะไรไม่ออก
ก็จริงที่ไอเดียนี้ดูจะห่างไกลและทำไม่ได้จริง
แต่…ถ้าเราไม่ทำแบบนี้ แล้วเราจะทำแบบไหนได้
ทั้งสามจ้องเผยเชียน
เผยเชียนยิ้ม “ง่ายมาก เราจะค่อยๆ จัดการไปทีละขั้น
“ก่อนอื่นเราต้องสร้างแบรนด์อาหารและเครื่องดื่มให้ตัวเอง เราจะทำแอปสั่งอาหารง่ายๆ ขึ้นมา แต่สั่งอาหารได้แค่ร้านของเรา
“เชฟของเราฝีมือเยี่ยม วัตถุดิบก็สดสะอาด ตรงนี้ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
“เราจะครองตลาดระดับสูง สร้างชื่อให้แบรนด์ แล้วขยายอิทธิพลจากเมืองจิงโจวไปทั่วประเทศ!”
ทั้งสามหันมองหน้ากัน ดูเหมือนแผนนี้จะมีความเป็นไปได้มากกว่า!
ติดที่…
แผนดูยอดเยี่ยมก็จริง แต่มีบางอย่างทะแม่งๆ
“แล้วชื่อแบรนด์อาหารและเครื่องดื่มเอาเป็นอะไรดีครับ” หม่าหยางถาม
เผยเชียนยิ้ม “โมหยูเดลิเวอรี่!”
หลินชั่นหรงดูจะสับสนไม่น้อย “แต่บอสเผยครับ ตอนนี้มีร้านให้บริการเดลิเวอรี่อยู่เพียบ ขนาดร้านไม่ได้ดังมากยังมีบริการเดลิเวอรี่เลย ถึงอาหารเราจะอร่อย แต่ทุกเมนูคืออาหารบ้านๆ ไม่น่าจะสู้กับของร้านอื่นไหว ไหนจะเรื่องการโฆษณากับราคา…”
ในฐานะเชฟ เขาสามารถชี้ให้เห็นปัญหาของแผนการได้อย่างรวดเร็ว
เผยเชียนผุดยิ้มอ่อน “ผมเลยบอกว่าเราจะเจาะตลาดระดับสูง
“ร้านอื่นๆ ใช้กล่องพลาสติกกับถุงพลาสติกเป็นบรรจุภัณฑ์ นอกจากจะไม่สะอาดแล้วยังดูไม่ดีอีก เพราะอย่างนั้นคนเลยเลือกกินอาหารที่ร้านมากกว่าสั่งเดลิเวอรี่
“จริงๆ แล้ว อาหารข้างในก็เหมือนกันหมด แตกต่างกันตรงบรรจุภัณฑ์
“ลูกค้าสนใจเรื่องหน้าตาอาหารมากกว่ารสชาติ
“อาหารของเราทั้งหมดจะใช้เครื่องลายครามสั่งทำพิเศษเป็นบรรจุภัณฑ์ จัดส่งตรงถึงหน้าบ้านด้วยพนักงานเดลิเวอรี่ จากนั้นเราค่อยไปเก็บกลับตามเวลาที่ระบุ เราจะทำลายร้านอื่นด้วยเครื่องลายครามของเรา!”
เผยเชียนดูมั่นใจมากจนทำให้ตัวเองแทบจะคล้อยตาม
คำพูดของเขาทำให้หม่าหยางรู้สึกฮึกเหิม เปลวไฟในตาดูร้อนแรงยิ่งกว่าเดิม
แต่หลินชั่นหรงกับจางหยวนกลับหันมองกันด้วยแววตางุนงง
ทั้งคู่ไม่เข้าใจเลยสักนิด…
ทำแบบนี้จะได้ผลจริงๆ เหรอ
เป็นเพราะไอเดียของบอสเผยล้ำเกินไปหรือไอเดียของพวกเขาล้าหลังเกินไปกันนะ