ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี - บทที่ 171 ตอนนั้นไม่เหลียวแล มาเห็นค่าเอาตอนนี้...
- Home
- ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี
- บทที่ 171 ตอนนั้นไม่เหลียวแล มาเห็นค่าเอาตอนนี้...
ช่วงกลางคืน
ในงานกินเลี้ยงที่ภัตตาคารห่านฟ้า
สำหรับเผยเชียนแล้ว งานกินเลี้ยงกลายเป็นวิธีพื้นฐานในการผลาญเงินก้อนโต ในขณะเดียวกันก็กลายเป็นธรรมเนียมสำหรับพนักงานที่จะมารวมตัวกันเพื่อกินอาหารหรูๆ หลังจากวิเคราะห์และพัฒนาเกมใหม่
ตอนนี้เผยเชียนมีพนักงานในสังกัดเกือบสองร้อยคน เขาจึงจองเหมาภัตตาคารห่านฟ้า
เหล่าพนักงานที่มามีทั้งพนักงานใหม่จากร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูหลายๆ สาขา รวมถึงพนักงานจากเฟยหวงสตูดิโอที่เพิ่งกลับมา
พนักงานจากฉางหยางเกมส์ยังไม่ถือเป็นส่วนหนึ่งในตอนนี้
เผยเชียนวางแผนจะค่อยๆ ให้พนักงานของฉางหยางเกมส์เข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้นในรอบบัญชีหน้า จึงไม่ได้ชวนมางานเลี้ยงรอบนี้
แต่เขาก็ต้องหาทางผลาญเงินก้อนโต
เผยเชียนให้เยว่จือโจวกับหวังเสี่ยวปินจัดกินเลี้ยงกันเองโดยทางบริษัทจะดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้ พวกเขาจะได้ไปกินเลี้ยงที่ร้านอาหารเหมือนกัน แตกต่างกันแค่วันและเวลา
เขาเริ่มรู้สึกว่าร้านบุฟเฟต์ที่แพงที่สุดในเมืองจิงโจวไม่ตอบโจทย์อีกต่อไป
ถ้าบินไปกินอาหารดีๆ ที่ปักกิ่งได้ก็คงทำไปแล้ว แต่ระบบดันไม่อนุญาตให้ทำแบบนั้น
“ดูจากจำนวนพนักงานที่เพิ่มขึ้นแล้ว ภัตตาคารห่านฟ้าไม่น่าจะจุพนักงานทั้งหมดทีเดียวไหว
“ต้องคิดหาทางอื่น
“…ชีวิตมีแต่เรื่องให้เครียดจริงๆ”
ระหว่างที่คนอื่นๆ กำลังสวาปามอาหาร เผยเชียนนั่งอยู่เงียบๆ คิดเรื่องการจัดงานกินเลี้ยงรอบหน้า
ภัตตาคารห่านฟ้าจุคนได้ไม่มากเพราะเป็นภัตตาคารระดับสูง ฐานลูกค้าเป้าหมายคือพวกร่ำรวยและมีชื่อเสียงในเมืองจิงโจว โต๊ะเก้าอี้ใหญ่โตโอ่อ่า ภายในตกแต่งอย่างหรูหรา ทำให้รองรับคนจำนวนมากไม่ได้
แค่ให้พนักงานเถิงต๋ามากินเลี้ยง เผยเชียนก็ต้องจองเหมาร้านแล้ว ถ้างานเลี้ยงครั้งหน้ามีพนักงานเพิ่มขึ้นอีก ที่นี่คงจะจุคนได้ไม่พอ
“ถ้างั้นรอบหน้าจะจัดแยก
“พาพนักงานหลักๆ จากทุกแผนกมาก่อน แล้วแต่ละแผนกค่อยแยกกันไปกินเลี้ยงอีกที
“ทำแบบนี้ก็จะผลาญเงินได้เพิ่มขึ้นด้วย เจ๋งเป้ง!
“เสียดายจังที่ไม่มีภัตตาคารราคาแพงกว่านี้ในจิงโจว
“เดี๋ยวนะ ฉันเปิดร้านที่หรูกว่าภัตตาคารห่านฟ้าได้นี่”
จู่ๆ เผยเชียนก็คิดอะไรดีๆ ออก
เขาเพิ่งก้าวขาเข้าสู่อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มด้วยร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูและโมหยูเดลิเวอรี่ ตอนนี้เหมือนจะเป็นการลองเชิงดู ที่ผ่านมาก็ดำเนินกิจการไปได้ตามที่เผยเชียนคาดหวังไว้
ทั้งจัดหาอาหารดีๆ ให้พนักงานได้ แถมยังขาดทุนอย่างต่อเนื่อง ธุรกิจทั้งสองอย่างช่วยผลาญเงินเผยเชียนไปได้เยอะเลยทีเดียว!
ตอนนี้ยังถือว่าประสบความสำเร็จอยู่!
แต่ปัญหาคือโมหยูเดลิเวอรี่ยังหรูไม่พอ
เป้าหมายหลักของโมหยูเดลิเวอรี่คือจัดเตรียมอาหารบ้านๆ ที่ดีต่อสุขภาพให้พนักงาน ถึงจะราคาสูงกว่าร้านอื่นๆ เล็กน้อย แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นเป็นเครื่องจักรผลาญเงินแบบที่เผยเชียนคิดไว้
เนื่องจากเมนูทั้งหมดเป็นอาหารพื้นๆ ระบบจึงตั้งข้อจำกัดในการวางราคา เขาไม่สามารถตั้งราคาสูงๆ ได้ตามใจชอบ
ถึงไข่ผัดมะเขือเทศจะอร่อยแค่ไหนก็ขายแพงๆ ไม่ได้ เว้นแต่เชฟจะโกงค่าวัตถุดิบ
แต่ตอนนี้เผยเชียนไม่มีเชฟแบบนั้น
การเปิดภัตตาคารระดับสูงจะช่วยแก้ปัญหานี้ได้
หาทำเลร้างผู้คนเปิดภัตตาคาร จากนั้นก็เลือกแต่วัตถุดิบคุณภาพสูง ทีนี้ก็ตั้งราคาสูงได้ตามที่ใจอยาก
ถึงพนักงานของเขาจะได้รับส่วนลด แต่ถ้าใช้วัตถุดิบแพงมากพอก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร
พวกเขาจะไปกินเลี้ยงที่ร้านก่อนวันปิดบัญชีแต่ละรอบ นอกเหนือจากนั้นเขาก็แค่ต้องประคองธุรกิจให้ขาดทุนไปเรื่อยๆ ถือเป็นไอเดียที่ดีเลยทีเดียว
เมื่อคิดได้อย่างนั้น เผยเชียนก็พอจะรู้คร่าวๆ ว่าต้องทำอะไรบ้าง
ในรอบปิดบัญชีหน้า เกมต่างๆ น่าจะทำกำไรให้ได้เหมือนอย่างเคย แต่เผยเชียนก็ไม่จำเป็นต้องกังวลว่าจะเอาเงินไปผลาญยังไงดี เขาสามารถเอาเงินทั้งหมดไปทุ่มเปิดภัตตาคารระดับสูงได้ เท่าที่คิดดูมันน่าจะต้องใช้เงินเยอะกว่าเปิดร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูทั้งสามสาขาเสียอีก
แน่นอนว่าพวกมีเงินน่าจะชอบภัตตาคารระดับสูงแบบนี้ ยังไงก็น่าจะมีลูกค้าเข้าร้านบ้าง
แต่จิงโจวเป็นเมืองระดับสอง มีคนรวยอยู่ไม่มากนัก ภัตตาคารน่าจะขาดทุน โอกาสในการทำเงินมีน้อยมาก
เผยเชียนคิดอยู่นาน จากนั้นก็เหลือบมองไปทางหลินหวานที่นั่งห่างออกไปสองโต๊ะ
หลินหวานคิดว่าเผยเชียนยังไม่รู้ว่าตัวตนที่แท้จริงของเธอคือใคร แต่เผยเชียนรู้เรื่องทั้งหมดแล้วและหาทางจัดการเธอเอาไว้แล้วด้วย
แน่นอนว่าชายหนุ่มจะทำอะไรกระโตกกระตากไปไม่ได้ เดี๋ยวไก่จะตื่นเอา เขาต้องรอให้ถึงรอบบัญชีหน้าแล้วค่อยจัดการย้ายหลินหวานไปฉางหยางเกมส์ให้ไปทำเกมเจ๊งดูสักหน่อย แค่นี้ก็ปิดงานได้แล้ว
ตอนนี้หลินหวานกำลังพิมพ์ตอบข้อความในมือถือ
คู่สนทนาบนหน้าจอคือเฉินชา
“น้องหลินคนสวย ช่วยพี่ทีเถอะ…ช่วยหาทางจากวงในให้พี่ได้ปืนบาเร็ตมรณะที! น้องดูแลเรื่องนี้ไม่ใช่เหรอ น่าจะพอมีที่เหลือให้คนในใช่มั้ย”
“ไม่ได้จริงๆ ค่ะ หนูก็อยากช่วยนะ แต่ทำอะไรไม่ได้จริงๆ ทำไมไม่ลองไปหาซื้อต่อดูล่ะ” หลินหวานตอบกลับอย่างรวดเร็ว “อย่าว่าแต่หนูเลย ขนาดพนักงานฝีมือดีที่บอสเผยเชื่อใจอย่างเปาซวี่ยังต้องซื้อต่อปืนบาเร็ตมรณะจากคนอื่นเลย”
เฉินชา “…”
ตั้งแต่หลินหวานแนะนำเกมฐานทัพกลางทะเลให้ เฉินชาก็หันมาเล่นเกมนี้อย่างจริงจัง
ตอนแรกเขาเล่นเกม Counter Strike บ่อยกว่า เพราะเกม Counter Strike มีการแข่งขันสูงกว่า ทำให้สามารถเล่นได้ยาวๆ ส่วนเกมฐานทัพกลางทะเลเป็นเกมแนว FPS ที่เป็นมิตรกับผู้เล่นใหม่ จึงด้อยกว่า Counter Strike ในหลายๆ ด้าน
แต่เรื่องราวก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป
นั่นเพราะเกมฐานทัพกลางทะเลมีความนิยมพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ พอมีคนหันมาเล่นเกมนี้เพิ่มขึ้น เฉินชาก็พลอยติดไปด้วย
เขาไม่คิดเลยว่าเกมที่ตัวเองด่าอย่างหนักหน่วงไปในตอนแรกจะขึ้นมาแทนที่เกม Counter Strike ที่ยืนหนึ่งในใจไปได้…
ตอนที่ปืนบาเร็ตมรณะถูกปล่อยออกมา เฉินชาเองก็อยากจับจองเป็นเจ้าของเหมือนผู้เล่นคนอื่นๆ มีเกมเมอร์สาย FPS คนไหนไม่ชอบซุ่มยิงบ้างล่ะ
แต่ปืนดันจำกัดการขายที่ห้าร้อยชิ้น เฉินชาเลยชวดไป
ให้ไปซื้อต่อจากคนอื่นเหรอ ถึงจะเสนอราคาไปสักสองสามพันก็ไม่น่าซื้อได้
ปัญหาไม่ใช่เรื่องเงิน ปัญหาจริงๆ คือแอ็กเคานต์ของเฉินชามีปืนกิเลนแดงอยู่แล้ว แถมยังมีปืนอื่นๆ อีกมากมายที่ทุ่มเทหามา จะให้ทิ้งไปง่ายๆ ได้ยังไงไหว
เฉินชาไม่ยอมแพ้ “แต่พี่เคยช่วยเถิงต๋านะ! พี่ก็ถือเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกมฐานทัพกลางทะเลดังขึ้นมาไม่ใช่เหรอ
“พี่เป็นหนึ่งในผู้เล่นชั้นแนวหน้า เป็นเกมเมอร์สาย FPS มืออาชีพ ในเกมผลิตในประเทศเกมอื่นๆ ก็มีใครหลายคนให้ความเคารพ แค่อาวุธชิ้นเดียวทำไมต้องยุ่งยากขนาดนี้…”
หลินหวาน “เอ หนูจำได้ตอนหนูบอกว่าจะเอาปืนกิเลนเพลิงให้ พี่ดูถูกดูแคลนมันเหลือเกิน ตอนนั้นบอกว่าก็เป็นแค่ข้อมูลในเกม คนบ้าหน้าไหนจะมาเสียเงินแปดร้อยแปดสิบแปดหยวนซื้อ แบบนี้เรียกว่ายังไงนะคะ ตอนนั้นไม่เหลียวแล มาเห็นค่าเอาตอนนี้รึเปล่า”
เฉินชา “แหะๆ พี่มันโง่เอง! เป็นคนโง่ที่อยากได้ปืนบาเร็ตมรณะสุดๆ ช่วยพี่ที ขอร้องล่ะ!”
“แหะๆ” พอเห็นเฉินชาด้อยค่าตัวเอง หลินหวานก็รู้สึกกระดากใจ “ก็ได้ค่ะ เห็นว่าพี่จริงใจดี เดี๋ยวหนูจะลองถามบอสเผยดูให้ แต่ไม่รับปากนะว่าจะได้รึเปล่า”
เฉินชา “ขอบคุณมากครับ!”
หลินหวานหันมองเผยเชียนที่เหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่ เธอเริ่มเป็นกังวลขึ้นมาว่าอีกฝ่ายจะรู้ตัวตนที่แท้จริงของเธอเข้าแล้วหรือยัง
ว่ากันตามตรง ครั้งนี้เธอช่วยลดค่าเช่ามากเกินไปหน่อย
จากสี่หยวนเหลือ 1.5 หยวน บอสเผยอาจจะนึกสงสัยขึ้นมาก็ได้
ถ้าลดราคาไปไม่มากก็คงจะปิดบังตัวตนจากบอสเผยได้ แต่ก็ถือว่าไร้ค่าสำหรับหลินหวาน เพราะมันไม่พอที่จะตอบแทนความรักใคร่ใส่ใจของบอสเผยที่มีต่อพนักงาน แถมจะดูเป็นการขี้เหนียวด้วย
หลินหวานไม่เคยมองว่าตัวเองเป็นคนขี้เหนียว
ตอนนี้หลินหวานไม่มั่นใจว่าเผยเชียนนึกสงสัยในตัวเธออยู่หรือเปล่า
ตามปกติถ้าสงสัยในตัวเธอก็ต้องมาถามเธอดูใช่ไหมนะ
แต่บอสเผยทำตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่ได้แม้แต่จะสนใจเธอมากขึ้นเป็นพิเศษ
“บอสเผยอาจจะยุ่งมาก ค่าเช่าก็แค่เรื่องเล็กๆ อาจจะไม่ทันสังเกตก็ได้
“ใช่ น่าจะเป็นแบบนั้นแหละ
“ถ้างั้นฉันก็ควรทำตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น”
หลินหวานไม่มีทางเปิดประเด็นเรื่องนี้กับเผยเชียนก่อน เธอทำดีโดยไม่หวังผลตอบแทน อยากให้ทุกคนปฏิบัติกับเธอเหมือนเป็นคนธรรมดาคนหนึ่งมากกว่า
พอตัดสินใจได้ หลินหวานก็เดินไปหาเผยเชียน
ทั้งคู่มีอะไรแอบแฝงอยู่ในใจ แต่เบื้องหน้ากลับยิ้มแฉ่ง พวกเขาแสร้งทำเหมือนไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่ในใจ