ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี - บทที่ 181 บอสหลี่ อย่าเพิ่งไป! เข้าใจผิดแล้ว!
มือของเผยเชียนข้างที่ถือโทรศัพท์อยู่สั่นระริก
หมายความว่ายังไงกันที่บอกว่า ‘ยินดีด้วย’!
เผยเชียนเก็บมือถือแล้วรีบเดินขึ้นไปชั้นสอง
บนชั้นสองมีโรงหนังส่วนตัวขนาดย่อมอยู่ หลายคนมักจะขึ้นมาดูซีรีส์ตรงนี้
หลี่สือเองก็กังวลใจไปด้วย
เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันนะ
ดูจากสีหน้าและท่าทางของเผยเชียน หลี่สือเดาว่าสายเมื่อครู่น่าจะเป็นเรื่องจริงจังมากๆ
หลังจากเผยเชียนเดินขึ้นไปด้านบนได้ห้านาที หลี่สือก็ลุกจากที่นั่งแล้วทำเป็นไปเดินเตร็ดเตร่เล่นบนชั้นสอง
ร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูมีทั้งหมดสองชั้น มีโซนคาเฟ่และโซนอินเทอร์เน็ตทั้งสองชั้น บนชั้นสองมีลูกค้าอยู่สองสามคน จึงไม่มีใครสนใจอะไรมากที่หลี่สือเดินขึ้นมา
โรงหนังส่วนตัวมีไว้ฉายหนัง แต่ตอนนี้ไม่มีใครใช้งานอยู่ เผยเชียนจึงกดเปลี่ยนไปช่องเซี่ยงไฮ้ทีวี
พอภาพปรากฏขึ้น เผยเชียนก็ตะลึงงันไป
บนจอขนาดใหญ่ฉายภาพเฉินเหล่ยอยู่!
เขายืนอยู่หน้าไมโครโฟน กำลังดีดกีตาร์และร้องเพลงอย่างมุ่งมั่นตั้งใจ
“ในคืนอันเงียบงัน ฉันเดินไปตามทาง
“ใต้แสงสลัว เธอรอฉันอยู่
“ในเมืองอันแสนวุ่นวาย มีแค่เธอที่เข้าใจความทุกข์ของฉัน
“ไม่ว่าจะห่างไกลกันสักเท่าไร ฉันไม่มีทางลืมเธอและเครื่องดื่มเมาใจ…”
เสียงดนตรีแสนซาบซึ้งกินใจ พอผสานเข้ากับเสียงอันเป็นเอกลักษณ์ของเฉินเหล่ยก็ยิ่งส่งให้บทเพลงสื่อความหมายได้ชัดเจนขึ้นไปอีก
เพลงช้าเพลงนี้ฟังแล้วสื่อถึงชีวิตและความเป็นมนุษย์ แต่ก็แฝงไปด้วยกลิ่นอายความเศร้าสร้อย เป็นบทเพลงที่เมื่อได้ฟังแล้วจะไม่มีวันลืม
ตืด!
เมนเทอร์คนหนึ่งกดปุ่มตรงหน้า
ตืด!
ตืด! ตืด!
เฉินเหล่ยเพิ่งจะร้องไปได้แค่ไม่กี่ประโยค แต่พอเข้าท่อนฮุค เมนเทอร์ทุกคนก็กดหันมากันหมด!
เผยเชียนเพ่งมองชื่อรายการ
The Voice of China!
เผยเชียน “???”
ชายหนุ่มตะลึงงันไประหว่างดูรายการที่กำลังฉายอยู่บนจอใหญ่ เขาเริ่มนึกคลางแคลงใจความทรงจำของตัวเอง
นี่มันเรื่องอะไรกัน
ถ้าจำไม่ผิด The Voice of China เริ่มฉายปี 2012 นี่ แล้วก็ไม่ได้ฉายทางช่องเซี่ยงไฮ้ทีวีด้วย
หรือจะเกิดเรื่องบ้าแบบเว็บอ้ายลี่เต่าขึ้นอีก
เผยเชียนเข้าใจทันที ไม่แปลกเลยที่หวงซื่อปั๋วจะโทรมา!
หวงซื่อปั๋วรู้ว่าเฉินเหล่ยเป็นนักร้องที่ร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูปั้นมา แถมบอสเผยยังสั่งให้ดูแลอีกฝ่ายเป็นอย่างดี จึงชัดเจนมากว่าความสัมพันธ์ของพวกเขานั้นไม่ธรรมดา
ตอนนี้เฉินเหล่ยกำลังออกรายการระดับชาติ หวงซื่อปั๋วต้องโทรมาแจ้งเผยเชียนอยู่แล้ว
…
หลี่สือนั่งลงตรงมุมหนึ่งของชั้นสอง เขาแสร้งทำเป็นมองออกไปดูวิวนอกหน้าต่าง แต่จริงๆ แล้วกำลังจดจ่ออยู่กับจอ
พอเห็นเฉินเหล่ย เขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“ตกใจไปเองแฮะ สงสัยจะคิดมากไป
“เฉินเหล่ยเคยเป็นนักร้องประจำที่นี่ สนิทกับคนในร้านมาก จึงไม่แปลกอะไรที่บอสเผยจะรีบขึ้นมาเปิดรายการดูเพื่อให้กำลังใจในฐานะเพื่อน
“เดี๋ยวนะ…
“เรื่องมันแปลกๆ!”
จู่ๆ หลี่สือก็ตระหนักถึงปัญหาร้ายแรงขึ้นได้ เขาใจเย็นไม่ได้อีกต่อไปแล้ว!
…
เฉินเหล่ยร้องเพลงจบไปแล้ว แต่เสียงโห่เชียร์และเสียงปรบมือยังดังกึกก้องอยู่
“สวัสดีครับเมนเทอร์ทุกคน ผมเฉินเหล่ยมาจากจิงโจว”
หลังจากถามคำถามเกี่ยวกับข้อมูลส่วนตัวคร่าวๆ กับเฉินเหล่ยเสร็จ เมนเทอร์คนหนึ่งก็เข้าประเด็นทันที “เห็นว่าเพลงชื่อว่ารอคอยเป็นเพลงรัก
“พอได้ฟังคุณร้องเมื่อกี้ ดิฉันอยากบอกเลยว่าเนื้อเพลงแต่งมาได้ดีจริงๆ! เป็นเนื้อเพลงที่แต่งออกมาจากเรื่องราวของตัวเอง
“ในคืนอันเงียบงัน มีแค่เธอที่เข้าใจความทุกข์ของฉัน ไม่ว่าจะห่างไกลกันสักเท่าไร ฉันไม่มีทางลืมเธอ เครื่องดื่มเมาใจ…
“เพลงนี้แต่งให้แฟนรึเปล่าคะ เธอกำลังรอคุณอยู่ที่ไหนสักแห่งใช่มั้ย”
เฉินเหล่ยยิ้มอย่างขวยเขิน เห็นได้ชัดว่าเขาไม่คุ้นชินกับการแสดงต่อหน้าคนเยอะๆ จึงรู้สึกประหม่ามาก
“เปล่าครับ
“ผมแต่งเนื้อเพลงนี้ให้กับสถานที่แห่งหนึ่ง เป็นร้านอินเทอร์เน็ตที่ทำให้ผมรู้สึกเหมือนบ้าน
“จริงๆ แล้วผมเป็นคนที่ไม่ค่อยมีความมั่นใจในตัวเอง พอเรียนจบมัธยมก็หางานไม่ได้เลย แล้ววันหนึ่งบังเอิญเดินผ่านร้านอินเทอร์เน็ตแห่งหนึ่งเข้า…”
หลี่สือที่นั่งอยู่มุมหนึ่งของชั้นสองมือสั่นระริก
เขาเหลือบมองเผยเชียนที่กำลังจดจ่ออยู่กับจอขนาดใหญ่ตรงหน้า แผ่นหลังของอีกฝ่ายทำให้หลี่สือรู้สึกเหมือนมีภูเขาขนาดยักษ์กดทับตัวเองอยู่!
“หรือว่า…เขาตั้งใจจะให้ฉันรู้เรื่องนี้”
หลี่สือรู้สึกชาไปถึงขั้วหัวใจ
บนหน้าจอ เฉินเหล่ยกำลังเล่าเรื่องราวของเขาและร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูอยู่
“หลังจากนั้นพอได้แรงสนับสนุนจากบอสเผย ผมก็มีความกล้าที่จะออกมาไล่ตามความฝันที่เซี่ยงไฮ้
“ได้ยินมาว่าหลังจากผมออกมา ร้านก็เสียรายได้ไปเยอะมาก แต่บอสเผยกลับไม่ติดต่อผมมาเลย บอสน่าจะไม่อยากให้ข่าวร้ายเรื่องนี้กระทบการเดินตามความฝันของผม
“ผมเลยแต่งเพลงนี้ขึ้นมาเพื่อเป็นการระลึกถึงช่วงเวลาที่ไม่มีทางลืมได้ลงในชีวิตนี้
“ผมอยากขอบคุณบอสเผย บอสหม่า และทุกคนในร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูสำหรับโอกาสในการมายืนบนเวที The Voice of China ในวันนี้
“ขอบคุณทุกคนที่ให้โอกาสผมเดินตามความฝัน สำหรับผมแล้ว ร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูจะเป็นบ้านของผมเสมอ”
เหล่าเมนเทอร์ปรบมือขึ้นพร้อมกัน
“สุดยอดมากๆ เลยค่ะ นึกว่าจะเป็นเรื่องรัก ไม่คิดเลยว่าจะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการไล่ตามความฝัน”
“พูดได้ดีมากครับ กินใจผมมากๆ ทำให้ผมนึกถึงช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดในชีวิต ก็มีสิ่งเล็กๆ ที่คล้ายกันนี้แหละที่ช่วยปลอบประโลมผม…”
“ไม่ต้องห่วงนะเฉินเหล่ย บอกเลยว่าตอนนี้คุณดังแล้ว! มาเข้าทีมผมสิ ปีหน้าผมมีทัวร์คอนเสิร์ตมากกว่ายี่สิบแห่งทั่วประเทศ”
“เดี๋ยวๆๆ ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาแย่งตัวเขานะ อดใจกันหน่อยครับ! เฉินเหล่ย ตอนนี้เมนเทอร์หันมาพร้อมกันสี่คน คุณได้ผ่านเข้ารอบต่อไป คุณวางแผนไว้ว่ายังไงครับ”
เฉินเหล่ยตอบออกไปโดยไม่ลังเลใจ “ผมอยากกลับไปจิงโจวเพื่อไปร้องเพลงที่ร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูสักหน่อย
“ผมอยากไปบอกพวกเขาถึงที่ว่าผมคิดถึงพวกเขาแค่ไหน”
รอยยิ้มสดใสปรากฏบนใบหน้าเฉินเหล่ย
ปี๊บ! เผยเชียนกดปิด
ทันทีที่หน้าจอดับไป หลี่สือก็รู้สึกหนักอึ้งในใจ เหมือนกับว่าหัวใจเขาร่วงหล่นลงพื้นแล้วแตกเป็นเสี่ยงๆ
ท่ามกลางความมืด แผ่นหลังของเผยเชียนดูเหมือนอสุรกายน่าสะพรึงกลัวที่พร้อมจะเขมือบเขาได้ทุกเมื่อ!
ทุกการเคลื่อนไหวของเผยเชียนเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจในสายตาของหลี่สือ!
ถึงบอสเผยจะไม่ได้หันหลังกลับมา แต่หลี่สือก็พอจะเดาได้ว่าใบหน้าอีกฝ่ายน่าจะเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ ราวกับจะสื่อว่า “ตัดสินผู้แพ้ผู้ชนะไปแล้ว ต้องดูอะไรต่อด้วยเหรอ”
ใช่ หลี่สือไม่จำเป็นต้องดูต่อจนจบรายการ
ตอนนี้เขารู้แล้วว่าเผยเชียนไม่ได้ขึ้นมาดูเฉินเหล่ยร้องเพลง ทั้งหมดนี้คือการแสดงที่จัดขึ้นมาเพื่อตัวเขาเองโดยเฉพาะ!
ไม่ต้องพูดถึงเลยว่า The Voice of China ดังแค่ไหน เดี๋ยวเพลง ‘รอคอย’ ของเฉินเหล่ยต้องดังว่อนไปทั่วอินเทอร์เน็ตแน่
นอกจากนี้ เรื่องราวระหว่างเฉินเหล่ยกับร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูที่เล่าตอนสุดท้ายก็น่าจะเป็นประเด็นร้อนแรงขึ้นมาเหมือนกัน!
เฉินเหล่ยบอกว่าจะกลับมาจิงโจวเพื่อร้องเพลงที่ร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูสักหน่อย ถึงจะโง่แค่ไหนก็ต้องเดาได้ว่าจะเกิดอะไรต่อไป
หลี่สือลุกยืนอย่างทุลักทุเล ก่อนจะเดินตรงไปหาเผยเชียน ในใจของเขาเต็มไปด้วยความขมขื่น
เขาคิดว่าเผยเชียนแพ้หมดท่าแล้วและกำลังรอให้ถึงเวลาที่อีกฝ่ายจะยอมรับความพ่ายแพ้ของตัวเองอยู่ แต่ตอนนี้หลี่สือรู้แล้วว่าตัวเองคิดผิดไป
“บอสเผยครับ ผมยกย่องคุณมาก
“แผนการของคุณลึกล้ำนัก คุณไม่ได้ทำอะไรมากมายเลย แต่พอคุณลงมือ สิ่งที่คุณทำกลับเหนือความคาดหมายของผมไปอีก
“ผมไม่คิดเลยว่าผลจะออกมาแบบนี้ ผมประเมินคุณต่ำไปจริงๆ
“ครั้งนี้คุณชนะ ผมหวังว่าเราจะมีโอกาสได้ร่วมงานกันอีกในอนาคต”
หลี่สือส่ายหน้า ก่อนจะหันหลังเดินลงบันไดไป
ทุกอย่างพังทลายไปหมดแล้ว ไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาจะทำตัวหลบๆ ซ่อนๆ อีก ตั้งแต่นี้ไปเขาคงหาโอกาสลงทุนกับร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูไม่ได้แล้ว
แน่นอนว่าการทำธุรกิจก็เหมือนการสู้รบ เป็นเรื่องปกติที่จะมีผู้ชนะและผู้แพ้
หลี่สือเป็นนักธุรกิจมากประสบการณ์ เขาไม่ใช่พวกขี้แพ้ชวนตี ไม่มีเหตุผลอะไรให้ต้องคร่ำครวญ จริงๆ แล้วเขากลับรู้สึกเคารพยกย่องเผยเชียนมากขึ้นไปอีก ชายผู้นี้คือคู่แข่งที่สมน้ำสมเนื้อสำหรับเขา
เผยเชียนยังคงตกตะลึงและปวดใจสุดๆ ตอนที่รวบรวมสติได้ หลี่สือก็ออกจากร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูไปแล้ว
ชายหนุ่มตะลึงงันไป
ฉิบหาย อย่าเพิ่งไป!
เข้าใจผิด! คุณเข้าใจผิดแล้ว!