ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี - บทที่ 198 เพิ่มงบ!
เป็นเรื่องปกติที่หลินหวานจะไม่เข้าใจ เพราะตอนอยู่ที่เทียนหัวสตูดิโอ เธอได้ช่วยทำเกมกระสุนเพชฌฆาต พอย้ายมาที่เถิงต๋า ก็ได้ไปช่วยทำเกมฐานทัพกลางทะเล ทั้งสองเกมเป็นเกมออนไลน์แบบไคลแอนต์[1]
เกมเพลงรบโลหิตเป็นเกมเล่นผ่านเว็บไซต์ พูดได้ว่าเป็นเกมคนละประเภทกับเกมที่เธอเคยรับผิดชอบเลยทีเดียว
เกมเล่นบนเว็บไซต์มีหลักการออกแบบที่เฉพาะตัว ระบบการเล่นของเกมรูปแบบนี้ก็ไม่ค่อยมีให้เห็นในเกมไคลแอนต์
นอกจากหลินหวานจะไม่เคยค้นคว้าและพัฒนาเกมเล่นผ่านเว็บไซต์แล้ว เธอยังไม่เคยเล่นเกมประเภทนี้ด้วยเพราะไม่ได้สนใจ
ในการประชุมนำโดยเยว่จือโจว พวกเขาใช้คำศัพท์เฉพาะเกี่ยวกับการพัฒนาเกมเล่นผ่านเว็บไซต์และตัวย่อภาษาอังกฤษ ตอนอธิบายระบบการเล่นก็ใช้คำศัพท์กับตัวย่อที่มีแต่คนที่คุ้นเคยกับกระบวนการผลิตเกมประเภทนี้ที่จะเข้าใจ
ด้วยเหตุนี้ถึงทุกคนจะพูดภาษาจีน แต่หลินหวานก็เข้าใจเนื้อหาการประชุมแค่สามสิบถึงสี่สิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้น
พูดง่ายๆ คือเธอฟังออกทุกคำ แต่ไม่เข้าใจความหมายเลยสักนิด
หลินหวานได้แต่จดบันทึกตามเงียบๆ ไม่ถามหรือพยักหน้าเลยแม้แต่น้อย
เธอไม่ยอมพยักหน้าเพราะไม่เข้าใจสิ่งที่พวกเขากำลังพูดอยู่และไม่อยากแสร้งทำเหมือนว่าตัวเองเข้าใจ ส่วนที่ไม่ยอมถามอะไรไปก็เพราะกลัวว่าจะดูโง่และทำให้บอสเผยต้องอับอายขายขี้หน้า
เยว่จือโจวกับหวังเสี่ยวปินแอบเหลือบมองหลินหวานเป็นพักๆ
พวกเขาเห็นแค่สีหน้าเคร่งเครียดของหลินหวานกับการที่เธอรัวมือจดลงสมุดไม่หยุด ทั้งคู่ไม่สามารถอ่านสีหน้าของเธอได้ จึงไม่รู้เลยว่าเธอคิดเห็นยังไง
ถึงอีกฝ่ายจะดูเด็ก แต่พวกเขาก็ไม่คิดดูถูกเธอ เพราะยังไงคนที่บอสเผยจ้างมาก็มักไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไปอยู่แล้ว
ถ้าบอสเผยให้การยอมรับขนาดนี้ แสดงว่าเธอน่าจะเป็นคนที่มีพรสวรรค์มากๆ หรือไม่ก็มีศักยภาพที่ซ่อนเร้นอยู่ ไม่ว่าจะยังไง พวกเขาก็ไม่ควรไปทำอะไรให้เธอเคืองโกรธ
เยว่จือโจวหยุดพูดเป็นช่วงๆ เพื่อให้หลินหวานได้แสดงความคิดเห็น
ถึงบอสเผยจะไม่ได้แก้แบบร่างเลย แต่ใครจะไปรู้ว่าผู้อำนวยการผลิตจะมีข้อแนะนำอะไรดีๆ หรือเปล่า
แต่หลินหวานกลับนั่งเงียบแล้วจดบันทึกการประชุมต่อ ไม่ปริปากพูดอะไรแม้แต่คำเดียว
เยว่จือโจวเริ่มกังขาสิ่งที่ตัวเองทำ
ทำไมบอสเผยกับผู้อำนวยการผลิตถึงไม่มีข้อแนะนำอะไรเลยล่ะ
แบบร่างของฉันสมบูรณ์แบบจริงๆ เหรอ
ไม่น่าใช่
หรือว่าฉันจะประเมินความสามารถตัวเองต่ำเกินไปมาตลอด
…
ในที่สุดพวกเขาก็คุยกันเรื่องแบบร่างเสร็จ เยว่จือโจวอธิบายตารางงานของโปรเจ็กต์นี้ต่อพร้อมไล่รายการทรัพยากรงานภาพที่จำเป็นสำหรับเกม เขาตั้งงบไว้ที่ประมาณสองล้านหยวนเพื่อใช้ในการทำทรัพยากรงานภาพต่างๆ
จากนั้นเยว่จือโจวก็หันมองหลินหวาน
ผู้อำนวยการผลิตน่าจะมีข้อคิดเห็นบ้างแหละ
ไม่อย่างนั้นจะมาที่นี่ทำไม
หลินหวานสัมผัสได้ว่าทุกคนมองมาเป็นตาเดียว จึงเริ่มลนลานอยู่ในใจ
ทำยังไงดี ขนาดนั่งฟังพวกเขาคุยกันมาทั้งวันยังไม่เข้าใจอะไรเลยสักนิด!
ถึงจะเข้าใจสักนิดสักหน่อย ก็ไม่มีอะไรให้พูดถึงเหมือนเดิม สิ่งที่เข้าใจมีแต่เรื่องพื้นฐาน ถ้ายกเรื่องนี้มาพูดฉันก็ดูโง่สิ
โชคดีที่หลินหวานไม่ได้แสดงอาการลนลานออกไป เธอสามารถยกประเด็นที่คิดว่าบอสเผยน่าจะไม่ชอบใจขึ้นมาพูดได้
“ประเด็นอื่นๆ หนูไม่ติดอะไรเป็นพิเศษค่ะ
“มีปัญหาเดียวคือเรื่องงบประมาณ เท่าที่หนูรู้จักบอสเผย หนูคิดว่าบอสไม่น่าจะอนุมัติ”
เยว่จือโจวเริ่มเป็นกังวล งบเท่านี้ไม่ผ่านจริงๆ ด้วย!
ตั้งงบสองล้านหยวนให้เกมเล่นบนเว็บดูเว่อร์เกินไปจริงๆ แหละ
ค่าใช้จ่ายในการค้นคว้าและพัฒนาเกมเล่นบนเว็บนั้นไม่ได้มากอะไร งบส่วนใหญ่จะไปลงกับการทำการตลาด เช่น ซื้อแบนเนอร์โฆษณาบนเว็บเพจที่จ่ายเงินตามจำนวนการคลิก จ้างคนดัง และอื่นๆ
ซึ่งจะเลือกจากกลุ่มผู้เล่นเป้าหมายของเกมเล่นบนเว็บ
เกมเล่นผ่านเว็บส่วนใหญ่จะพุ่งเป้าไปที่พนักงานออฟฟิศและผู้เล่นสายวาฬ คนกลุ่มนี้ไม่ได้คาดหวังอะไรเรื่องกราฟิก ส่วนใหญ่มักจะแอบเล่นกันตอนทำงาน ไม่ต้องการเล่นเกมซับซ้อนเกินไปจนต้องเสียเวลามานั่งคิด
คนกลุ่มนี้สนเรื่องการเติมเงินไปไล่ฆ่าคนอื่นด้วยการคลิกเมาส์มากกว่า
นอกจากนั้นแล้วคนกลุ่มนี้ยังมีกำลังซื้อสูง ดังนั้นจึงควรแบ่งงบค้นคว้าและพัฒนามาเป็นงบทำการตลาดมากกว่า เพื่อที่จะได้เพิ่มรายได้ให้ได้มากที่สุด
แต่พอเยว่จือโจวคำนวณงบดูแล้ว ก็ตัดสินใจว่าจะไม่ทำตามแบบแผน
ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำให้บอสเผยอนุมัติได้ เกมนี้มีคำว่า ‘เวอร์ชันอัปเกรด’ ติดสอยห้อยท้ายมา เขาจะปล่อยให้กราฟิกเกมนี้แย่เหมือนเกมเล่นบนเว็บเกมอื่นๆ ไม่ได้
งานภาพต้องเอาเป็นคุณภาพ HD แน่นอนอยู่แล้ว ส่วนระบบการเล่นก็ต้องพัฒนาให้สมบูรณ์แบบที่สุด
พอเอาองค์ประกอบเล็กน้อยเหล่านี้มารวมกันก็ต้องการงบประมาณถึงสองล้านหยวน เยว่จือโจวคุยกับหวังเสี่ยวปินก่อนหน้านี้แล้วและอีกฝ่ายก็เห็นด้วยกับงบประมาณนี้
แต่กลับยังเยอะไปอยู่อีกเหรอ
เยว่จือโจวหันมองหลินหวานอย่างเกรงกลัว เขาคิดว่าอย่างมากน่าจะลดงบประมาณลงไปได้สักสามถึงสี่แสนหยวน ให้ลดไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว!
หลินหวานพูดต่อ “หนูว่า…บอสเผยน่าจะอนุมัติโปรเจ็กต์นี้ถ้าวางงบไว้อย่างน้อยสี่ล้านหยวน
“ไม่สิ เพิ่มเป็นห้าล้านหยวนไปเลย บอสเผยจะได้ไม่ต้องแก้กลับมา ถ้าวางไว้เท่านี้ก็ไม่ต้องแก้อะไรอีกแน่นอนค่ะ”
ทุกครั้งที่ประเมินงบประมาณใหม่ พวกเขาต้องแก้รายการทรัพยากรและแผนงานต่างๆ ต้องเปลี่ยนนักวาดกับแผนงานใหม่หมด
การเพิ่มงบประมาณจากสองล้านขึ้นไปเป็นสามถึงสี่ล้านหยวนนั้นเท่ากับเกือบหนึ่งเท่าจากเดิม ซึ่งก็หมายความว่าต้องแก้แผนใหม่หมดตั้งแต่ต้น เพราะต้องเปลี่ยนอะไรเยอะมาก ไม่ใช่แค่หานักวาดใหม่เท่านั้น
ดังนั้นหลินหวานจึงช่วยบอกให้พวกเขาตั้งงบสูงไปเลยตั้งแต่ต้น จะได้ไม่ต้องเสียเวลาทำงบไปแล้วโดนบอสเผยส่งกลับมาให้แก้
ทุกคนอึ้งไป
เยว่จือโจวเกือบจะคิดว่าตัวเองหูฝาด
สองล้านหยวนน้อยไป ให้เพิ่มเป็นห้าล้านหยวนอย่างนั้นเหรอ
มากกว่างบเดิมเกือบสองเท่าเลยนะ
แต่พอเห็นสีหน้าจริงจังของหลินหวาน เขาก็ตระหนักว่าเธอไม่ได้พูดเล่น เป็นข้อแนะนำจริงๆ
เยว่จือโจวกับหวังเสี่ยวปินหันมองกัน ก่อนที่เยว่จือโจวจะถามขึ้นอย่างไม่แน่ใจ “ห้าล้านหยวนดูเยอะไปหน่อยนะครับ…
“จริงๆ แล้วเราไม่ต้องการเงินเยอะขนาดนั้น แค่สองล้านหยวนก็พอ พอครอบคลุมค่าใช้จ่ายทุกอย่างจริงๆ”
หลินหวานส่ายหน้า “สำหรับคุณอาจจะพอ แต่สำหรับบอสเผยถือว่ายังห่างไกลจากคำว่าพออยู่มากเลยค่ะ คุณไม่รู้หรอกว่าบอสเผยเป็นคนลงรายละเอียดมากขนาดไหน แต่เชื่อหนูแล้วเพิ่มงบเป็นห้าล้านเถอะค่ะ”
หลินหวานได้แต่ยิ้มเมื่อเห็นเยว่จือโจวก้มหน้าแก้แบบร่างด้วยความงุนงง
“ตอนนี้เข้าใจแล้วว่าทำไมบอสเผยถึงส่งฉันมาที่นี่!
“นอกจากมาเรียนรู้เรื่องการออกแบบและพัฒนาเกมรูปแบบนี้แล้ว ฉันยังมีหน้าที่พาจิตวิญญาณของเถิงต๋ามาสู่บริษัทนี้ด้วย!
“เยว่จือโจวระมัดระวังเรื่องการตั้งงบประมาณเหมือนลู่หมิงเหลียงเลย
“บอสเผยยุ่งมาก มีเรื่องต้องจัดการเยอะแยะ คงไม่มีเวลามาจัดการนิสัยแย่ๆ แบบนี้ด้วยตัวเอง ก็เลยส่งฉันมาแทน ส่วนหนึ่งเป็นโอกาสให้ฉันได้ฝึกฝีมือ อีกส่วนก็ให้ฉันจัดการนิสัยแย่ๆ ของคนพวกนี้แทน!
“ดังนั้นฉันต้องเน้นเปลี่ยนวิธีคิดของพวกเขาให้ใช้วิธีคิดแบบเถิงต๋า
“บอสเผยไม่ได้โกหกฉัน งานนี้สำคัญมากจริงๆ ด้วย”
เยว่จือโจวรีบแก้งบโดยที่คิ้วขมวดเป็นปม
“แต่…ถ้าเพิ่มงบเป็นห้าล้าน เราจะเจอปัญหาอีกอย่างนะครับ
“ที่พวกเรากำลังพัฒนาเป็นแค่เกมเล่นบนเว็บ ถึงเราจะใช้ทรัพยากรคุณภาพ HD กับจ้างนักวาดฝีมือดีมาช่วยออกแบบคอนเซ็ปต์ เราก็ไม่น่าจะใช้เงินหมดนี่ได้…
“แถมตอนนี้เรายังใช้ซอฟต์แวร์พัฒนาเกมสองมิติของแพลตฟอร์มเกมทางการอยู่ ซึ่งไม่ได้สนับสนุนกราฟิกคุณภาพ HD ได้ดีขนาดนั้น ผลลัพธ์ที่ออกมาอาจจะไม่ได้แตกต่างอะไรกันมาก
“พูดง่ายๆ คือ…ถึงจ่ายแพงขึ้นแต่คุณภาพก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นตาม”
หลินหวานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “งั้นเปลี่ยนซอฟต์แวร์ที่ใช้พัฒนาเกมมาเป็นภาพสามมิติแทน”
เยว่จือโจวอึ้งไป “ถ้าเปลี่ยนไปเป็นภาพแบบสามมิติ… เราก็ทำเป็นเกมเล่นบนเว็บไม่ได้อีก เพราะต้องโหลดทรัพยากรงานภาพหนักมาก ความเร็วในยุคปัจจุบันจะโหลดทรัพยากรพวกนี้ได้ช้ามากๆ”
เกมเล่นบนเว็บต้องพร้อมเปิดขึ้นเล่นได้เลย ทรัพยากรงานภาพทั้งหมดต้องโหลดเสร็จทันที
ความเร็วอินเทอร์เน็ตจำกัดอะไรหลายๆ อย่าง พวกเขาไม่สามารถใช้ไฟล์ภาพขนาดใหญ่เกินไปได้เพราะจะทำให้เกมดาวน์โหลดช้า ถ้าผู้เล่นเดินเข้าไปในจุดหนึ่งแล้วฉากหลังไม่ปรากฏขึ้นสักทีคงจะแปลกน่าดู
นี่เป็นเหตุผลที่หลินหวานเจอคำว่า ‘กำลังดาวน์โหลดทรัพยากร’ เด้งขึ้นมาบ่อยๆ ตอนเล่นเกมเพลงรบโลหิต
หลังจากคุยกันอยู่นานก็ยังหาทางแก้ปัญหาไม่ได้สักที
หลินหวานรู้ว่าบอสเผยต้องไม่อนุมัติแน่ถ้าตั้งงบไปแค่สองล้านหยวน แต่การทำเกมเล่นบนเว็บไม่จำเป็นต้องใช้เงินมากมายขนาดนั้น ถึงจะเพิ่มงบเป็นห้าล้านหยวน แต่ก็ไม่มีจุดให้ใช้จ่ายเงินเพิ่มอยู่ดี
เว้นเสียแต่จะพัฒนาเกมใหม่เป็นเกมแบบไคลแอนต์แทนเกมแบบเล่นบนเว็บ ให้ผู้เล่นดาวน์โหลดเนื้อหาทั้งหมดมาติดตั้งบนคอมพิวเตอร์ก่อนเพื่อเล่น
แต่ถ้าทำตามนี้…
ก็จะเป็นการเปลี่ยนรูปแบบเกมไปเลย เท่ากับเปลี่ยนแบบร่างที่ทำมาทั้งหมดไม่ใช่เหรอ
หวังเสี่ยวปินกระแอมกระไอ “อะแฮ่ม ผมว่าเราลองทำเป็นเกมแบบมินิไคลแอนต์ได้ถ้าอยากใช้ทรัพยากรงานภาพแบบ HD กับทำกราฟิกเป็นแบบสามมิติ
“เกมแบบมินิไคลแอนต์คือแบบนี้ครับ
“เทียบกับเกมแบบไคลแอนต์แล้ว ผู้เล่นต้องดาวน์โหลดข้อมูลเกมน้อยกว่า ไม่ต้องใช้สเป็กคอมพิวเตอร์สูงมาก แต่ถ้าเอาไปเทียบกับเกมแบบเล่นบนเว็บแล้ว กราฟิกจะดูดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด
“แน่นอนว่าก็มีโอกาสที่จะไปไม่รอด เราต้องรับความเสี่ยงสูงมาก”
[1] เกมไคลแอนต์คือเกมที่ต้องดาวน์โหลดและติดตั้งเกมลงเครื่องเพื่อเล่น