ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี - บทที่ 200 เอาใจพนักงานประจำ
ระหว่างที่กำลังครุ่นคิดอยู่ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
เผยเชียนเงยหน้าขึ้นมองแล้วพบว่าเป็นหม่าอี้ฉวิน
ตั้งแต่เริ่มเตรียมการสร้างเว็บจงเตี่ยนจงเหวิน หม่าอี้ฉวินก็ยุ่งมือเป็นระวิง
ถึงจะจัดการเรื่องพนักงานฝ่ายจัดการ ฝ่ายการเงิน และฝ่ายกฎหมาย รวมถึงวางโครงสร้างบริษัทเสร็จเรียบร้อยแล้ว หม่าอี้ฉวินก็ยังต้องตัดสินเรื่องการให้บริการเว็บไซต์อยู่
เขาซื้อเทมเพลตเว็บไซต์กับแพลตฟอร์มสำหรับนักเขียนผ่านเว็บรวมทรัพยากรตามที่เผยเชียนแนะนำ รวมถึงเสียเงินสามแสนหยวนซื้อชื่อโดเมน ‘www.zhongdian.com’ ไปแล้วด้วย
เนื่องจากโลกนี้ยังไม่มีเว็บ Qidian เจ้าของโดเมนชื่อ ‘zhongidan’ จึงไม่สามารถตั้งราคาขายได้แพงมากนัก แถมตอนนี้ยังอยู่ในปี 2010 ชื่อโดเมนไม่ได้มีราคาแพงขนาดนั้น พูดได้ว่าพวกเขาซื้อมาในราคาดีเลยทีเดียว
นอกจากนั้นแล้วพวกเขายังจ้างพนักงานมาไว้สำหรับดูแลเว็บไซต์และเช่าเซิฟเวอร์คลาวด์แล้วด้วย พร้อมทั้งยื่นเอกสารขออนุญาตกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว
หลังจากจัดการเรื่องเหล่านี้และเสียเงินไปหลายแสนหยวน การเตรียมการขั้นแรกก็เสร็จเรียบร้อย
ต่อจากนั้นก็ถึงเวลาทำงานของหม่าอี้ฉวิน
อันดับแรกเขาต้องเรียกประชุมพนักงานและมอบหมายงานให้แต่ละคน
พนักงานเหล่านี้คือเหล่ารุ่นพี่จากมหาวิทยาลัยของเผยเชียนที่จางเหว่ยแนะนำมา แต่ละคนจบจากคณะสายศิลป์ ซึ่งก็หมายความว่าพวกเขาพอจะมีความรู้เรื่องภาษากันบ้าง
หลังจากได้พบทุกคนครั้งแรก หม่าอี้ฉวินรู้สึกว่าแต่ละคนดูเอ๋อๆ กัน ส่วนใหญ่ค่อนข้างเนิร์ดเลยทีเดียว
ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติ เพราะคนพวกนี้ไม่มีใครหางานได้เลย
ถ้าเป็นคนมีความสามารถจริงๆ หลังเรียนจบก็คงไม่ว่างงานมาจนถึงตอนนี้หรอก
โชคดีที่แต่ละคนทัศนคติดี หม่าอี้ฉวินเลยไม่กังวลอะไรมาก
เขารู้ดีว่าไม่ใช่เรื่องเหมาะที่จะมาตัดสินว่าใครเหมาะกับการทำงานในวงการเว็บโนเวล ตอนอยู่มหาวิทยาลัยจะเรียนเก่งไหมไม่ใช่เรื่องสำคัญ ใครๆ ก็สามารถเข้ามาเริ่มงานในวงการนี้ได้จากศูนย์
ถือเป็นเรื่องดีและไม่ดีในเวลาเดียวกัน
อย่างน้อยสำหรับหม่าอี้ฉวินแล้ว คนกลุ่มนี้ก็ถือว่ายังพอผ่านคุณสมบัติพื้นฐาน
หม่าอี้ฉวินเริ่มแจกจ่ายงานให้แต่ละคน
สิ่งแรกที่ต้องทำเมื่อเปิดเว็บไซต์คืออัดนิยายเข้าไปให้เยอะๆ
เว็บโนเวลจะต้องเต็มไปด้วยนิยาย ไม่อย่างนั้นก็เหมือนชั้นหนังสือเปล่าๆ ดังนั้นพวกเขาจึงต้องรีบจ้างนักเขียนให้เร็วที่สุด
เว็บโนเวลที่ทุนหนาหน่อยจะจ้างพวกนักเขียนดาวรุ่ง อาจจ้างกลุ่มใหญ่เลยด้วยซ้ำ ต้องใช้ทุนหลายล้านหยวน
แต่เผยเชียนไม่เลือกทำแบบนั้น
ถึงการทำแบบนั้นจะช่วยให้เขาผลาญเงินได้เยอะขึ้น แต่ก็จะไปลดโอกาสที่เว็บจะเจ๊งลง นักเขียนเหล่านี้ก็เหมือนพระเจ้าแห่งวงการเขียน ถ้าจ้างมาน่าจะเรียกคนเข้าเว็บได้มากมายแน่นอน
เขาต้องเลือกระหว่างการทุ่มเงินจ้างนักเขียนดาวรุ่งกับการเพิ่มโอกาสเจ๊งของเว็บ หลังจากคิดดูสักพัก เผยเชียนก็ตัดสินใจได้ว่าอย่างหลังน่าจะทำให้เขาเสียเงินได้มากกว่า
พวกนักเขียนดาวรุ่งนั้นดังได้เพราะฝีมือล้วนๆ การจะหวังความล้มเหลวจากพวกระดับเทพเป็นไปได้ยากมาก
นักเขียนที่มีฝันแต่ยังไม่ประสบความสำเร็จย่อมเลือกเดินตามฝันตัวเองในเว็บที่ดังอยู่แล้วอย่างเว็บอู๋เซียนจงเหวิน ทุกคนต่างหวังว่าสักวันนิยายของตัวเองจะดังได้
พวกเขาไม่มีทางมาเขียนงานให้เว็บเล็กๆ ที่อนาคตสุดจะริบหรี่เพื่อเงินไม่กี่ร้อยหยวนหรอก
หลังจากคิดอยู่นาน เผยเชียนก็ตัดสินใจไม่จ้างพวกนักเขียนดาวรุ่งแล้วหันไปจับพวกนักเขียนดาวร่วงแทน ทำแบบนี้น่าจะมีโอกาสขาดทุนแน่นอนกว่า
หน้าที่ช่วงแรกของหม่าอี้ฉวินคือฝึกอบรมพนักงานและคัดกรองต้นฉบับ
คนกลุ่มนี้ไม่ค่อยรู้เรื่องเว็บโนเวล พวกที่เคยอ่านมาบ้างก็ไม่เคยลงลึกถึงเนื้อหาอะไรขนาดนั้น
หม่าอี้ฉวินต้องสอนหลังการพื้นฐานอย่างการเขียนพล็อตที่ดี จังหวะการเดินเรื่อง และการวางตีม
พนักงานเหล่านี้จะขึ้นเป็นบรรณาธิการได้หลังจากผ่านการฝึกของหม่าอี้ฉวิน จากนั้นพวกเขาก็จะได้ช่วยหม่าอี้ฉวินเลือกต้นฉบับ ให้คำแนะนำนักเขียน และอื่นๆ
ตอนนี้หม่าอี้ฉวินน่าจะมารายงานความคืบหน้าให้เผยเชียนทราบ
“บอสเผยครับ ความคืบหน้าตอนนี้…”
เขาอธิบายสิ่งที่ทำเสร็จไปเรียบร้อยแล้ว ก่อนจะเปลี่ยนหัวข้อ “ตอนนี้เราติดปัญหาใหญ่ๆ อยู่สองอย่างครับ
“เรื่องแรก บรรณาธิการของเราความสามารถต่ำกว่ามาตรฐาน ไม่ค่อยรู้เรื่องเว็บโนเวล
“พวกเขาเลือกต้นฉบับจากสไตล์การเขียนของนักเขียน ต้นฉบับส่วนใหญ่ที่เลือกมาไม่เหมาะกับการเอามาทำเป็นเว็บโนเวล
“ผมคิดว่ายากที่จะแก้ได้ในเวลาสั้นๆ ต้องใช้เวลาสอนเพิ่ม
“เรื่องที่สอง ต้นฉบับส่วนใหญ่ที่เราได้รับมามีแต่ของคุณภาพต่ำ ของดีๆ นี่อย่าเพิ่งถามหาเลยครับ เว็บอู๋เซียนจงเหวินไม่น่าจะให้ต้นฉบับพวกนี้ผ่าน เรื่องเอาลงเว็บยิ่งไม่ต้องพูดถึง
“ต้นฉบับบางส่วนค่อนข้างดีเลย แต่ถึงจะส่งไปเว็บอู๋เซียนจงเหวินก็น่าจะมีคนซื้ออ่านอย่างมากแค่ประมาณห้าร้อยคน
“ห้าร้อยนี่ไม่ได้กดต่ำจนเกินจริงนะครับ ผมพูดจากการประเมินตามจริง”
หม่าอี้ฉวินเริ่มรู้สึกไม่ค่อยดี เพราะเขาก็เคยเขียนเว็บโนเวลเหมือนกันและมีคนซื้องานเขาอ่านแค่สามสิบคน จึงรู้สึกไม่ค่อยดีที่จะไปดูถูกคนอื่นว่างานมีคนซื้ออ่านแค่ห้าร้อยคน
แต่เขาก็ต้องพูดตามจริง ถ้างานของนักเขียนฝีมือดีที่สุดบนเว็บมีคนซื้ออ่านแค่ห้าร้อยคน เว็บก็ไม่น่าไปรอด
เพราะที่นักเขียนดังกล่าวมียอดคนซื้ออ่านห้าร้อยคนได้ก็เป็นเพราะเว็บอู๋เซียนจงเหวินมีฐานนักอ่านเยอะอยู่แล้ว ถ้าเอามาลงที่เว็บจงเตี่ยนจงเหวิน จำนวนน่าจะลดลงไปอีกสิบเท่า
ปัญหาทั้งสองข้อของหม่าอี้ฉวินไม่ใช่เรื่องขัดกัน สรุปสั้นๆ คือ นักเขียนฝีมือไม่ดี บรรณาธิการก็ไม่ได้เรื่อง เป็นไปไม่ได้เลยว่าต้นฉบับที่รับมาจะไปรอดได้
เว็บยังไม่ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการ หม่าอี้ฉวินยังไล่ดูตามเว็บบอร์ดต่างๆ เพื่อติดต่อนักเขียนที่ไม่ค่อยมีฝีมือ เว็บไซต์จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการได้หลังจากมีจำนวนนิยายลงเว็บมากพอ
หลังจากได้ฟังหม่าอี้ฉวินอธิบาย สีหน้าของเผยเชียนก็ยังนิ่งอยู่ ราวกับจะสื่อว่า ‘ทุกอย่างยังอยู่ในการควบคุม’
“มีต้นฉบับมั้ย ขอผมดูหน่อย”
หม่าอี้ฉวินหยิบแฟลชไดร์ฟออกมาจากกระเป๋าแล้วยื่นให้เผยเชียน
ในแฟลชไดรฟ์มีต้นฉบับทั้งหมดที่ผ่านการคัดเลือกแล้ว เขาเซ็นสัญญากับนักเขียนไปบางส่วน แต่ส่วนใหญ่ยังไม่ได้เซ็นสัญญาด้วย
เผยเชียนสุ่มเปิดต้นฉบับขึ้นมาอ่านหลายชิ้น
พออ่านจบก็คิดได้อย่างเดียวคือ ห่วยแตก!
ต้นฉบับส่วนใหญ่ทำให้เขารู้สึกไม่อยากอ่านต่อหลังจากได้อ่านบทแรกไปผ่านๆ
ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องพล็อตกับการเดินเรื่อง หลายคนดูจะมีปัญหากับการแต่งประโยคง่ายๆ มีทั้งใช้คำผิดความหมาย ใช้คำเชื่อมผิด และแต่งประโยคผิดโครงสร้าง ตรรกะในสามตอนแรกวิบัติมาก ตีมเรื่องก็ไม่ชัด
สรุปคือมีปัญหาทุกเรื่อง
เผยเชียนไล่ดูต้นฉบับของนักเขียนที่หม่าอี้ฉวินเซ็นสัญญาด้วยแล้วรู้สึกว่าเป็นการเลือกคนที่ดีที่สุดจากกลุ่มคนห่วย ถ้าเอางานพวกนี้ไปลงเว็บอื่นก็ไม่น่ารอดเหมือนกัน
ถึงหม่าอี้ฉวินจะมียอดคนซื้องานอ่านแค่สามสิบคน แต่เขาก็เข้าใจเรื่องเว็บโนเวลดีเลยทีเดียว
เผยเชียนกะเอาไว้แล้ว ถึงหม่าอี้ฉวินจะมียอดคนซื้องานอ่านไม่มาก แต่ผลงานที่เขาเอาลงเว็บก็ค่อนข้างดีเลยทีเดียว ถึงขนาดมีแฟนคลับของตัวเอง
หม่าอี้ฉวินสังเกตสีหน้าของเผยเชียนระหว่างกำลังไล่ดูต้นฉบับแล้วรู้สึกยกย่องอีกฝ่ายขึ้นมา
บอสเผยมีความอดทนสูงมาก ไม่น่าเชื่อเลยว่าบอสจะทนอ่านงานพวกนี้ได้
หลังจากสุ่มอ่านต้นฉบับไปบางส่วน เผยเชียนก็รู้สึกโล่งใจ
ถ้าต้นฉบับทั้งหมดที่พวกเขารับมีมาตรฐานประมาณนี้ เขาคงจะแปลกใจมากถ้าเว็บประสบความสำเร็จขึ้นมาได้!
ไม่เลวเลย ทำดีแบบนี้ต่อไปนะ!
เผยเชียนถอดแฟลชไดร์ฟคืนให้หม่าอี้ฉวินอย่างใจเย็น
“ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไรมาก
“ส่วนปัญหาที่คุณบอกมาทั้งสองอย่าง…
“ถึงบรรณาธิการของเราจะยังฝีมือต่ำกว่ามาตรฐานก็ไม่เป็นไร ลดเกณฑ์ลงมาหน่อย เพราะตอนนี้เราพยายามหางานมาลงเว็บให้ได้ตามเป้าอยู่ นักเขียนพวกนี้แค่เขียนงานให้ได้ตามสัญญาเพื่อที่จะได้เงิน เราไม่ต้องไปเข้มงวดกับพวกเขามาก”
หม่าอี้ฉวินลังเล “แต่…บอสตั้งค่าแรงนักเขียนประจำไว้ที่หนึ่งพันหยวน
“เว็บอู๋เซียนจงเหวินให้ค่าแรงนักเขียนประจำแค่ห้าร้อยหยวนเองนะครับ มีเว็บไซต์เล็กๆ เจ้าอื่นที่ให้หนึ่งพันเหมือนกันอยู่ แต่ก็ต้องลงนิยายให้ได้วันละหนึ่งหมื่นคำ
“เรตของเราคือค่าแรงหนึ่งพันหยวนต้องลงนิยายวันละสามพันคำ
“ถ้าเราลดเกณฑ์ลงก็เหมือนให้เงินพวกเขาฟรีๆ เหมือนเอาเงินไปสูญทิ้งทุกเดือนเลยครับ”
เผยเชียนส่ายหน้า “ไม่เป็นไร ถ้าเรามีนักเขียนสักห้าร้อยคนก็แค่ต้องจ่ายเงินเดือนละห้าแสนหยวน ถือว่าไม่ได้เยอะอะไรเลย
“เว็บเราเพิ่งเปิดใหม่ ถ้าเราไม่จ่ายให้นักเขียนประจำแพงหน่อย ใครจะอยากมาเขียนลงเว็บเรา
“อีกอย่างสำหรับมือใหม่แล้ว การลงนิยายให้ได้สามพันคำต่อเดือนไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลยนะ
“ไม่ต้องห่วง รับต้นฉบับเพิ่มไปก่อน เดี๋ยวสักวันก็มีนักเขียนฝีมือดีโผล่มา”
หม่าอี้ฉวินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วคิดว่าที่บอสเผยพูดมาก็มีเหตุผล
แต่โอกาสที่จะเป็นจริงแบบที่ว่านั้นน้อยมาก…
หม่าอี้ฉวินคิดต่ออยู่พักหนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้น “บอสเผยครับ มีปัญหาอีกเรื่อง พนักงานส่วนใหญ่ของเราไม่ค่อยมีงานทำ
“เนื่องจากมีนักเขียนส่งต้นฉบับมาน้อย เลยไม่ค่อยมีงานให้ตรวจ ถึงจะแบ่งเวลาไปให้คำแนะนำนักเขียน แต่ก็มีช่วงที่ไม่มีอะไรทำเยอะเลยครับ”
เผยเชียนโบกมือ “เรื่องนั้นไม่ใช่ปัญหาเลย
“ถ้าพวกเขาไม่มีอะไรทำก็บอกให้ไปหางานอดิเรกทำ
“อย่างเช่นคุณ ถ้าคุณไม่มีอะไรทำก็ไปแต่งนิยายเล่นสักเรื่องสองเรื่อง คุณน่าจะชอบนะ”
เผยเชียนลุกยืนแล้วตบบ่าหม่าอี้ฉวิน
“อี้ฉวิน อย่ากดดันตัวเองมากไป
“ที่เถิงต๋า เราเน้นเรื่องการทำงานอย่างมีความสุข ถ้ามีงานก็จัดการทำซะ แต่ถ้าไม่มีอะไรทำแล้วก็ไปทำสิ่งที่ตัวเองชอบ ถ้างานยุ่งเกินไปก็จ้างคนมาเพิ่ม ไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลย
“ไม่ต้องรีบร้อนอะไรมาก ค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป”
หม่าอี้ฉวินพยักหน้า “โอเคครับบอสเผย ผมเข้าใจแล้ว!”
ตอนแรกหม่าอี้ฉวินรู้สึกกังวลที่บอสเผยให้ตัวเองรับตำแหน่งสำคัญแบบนี้แต่กลับไม่มีความคืบหน้าอะไรเลย ยิ่งใช้เงินไปมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกหวั่นใจมากขึ้นเท่านั้น
แต่พอเห็นท่าทีสบายๆ ของบอสเผย หม่าอี้ฉวินก็รู้สึกโล่งใจ
การมีผู้นำดีๆ ให้เดินตามนี่รู้สึกปลอดภัยจริงๆ!