ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี - บทที่ 204 มีคนติดสินบนเพื่อสืบข้อมูลด้วยเหรอ!
ถ้าหลี่สือเลือกได้ เขาจะเปิดร้านสาขาหน้ามหาวิทยาลัยฮั่นตงเจียวต้าวิทยาเขตตะวันออก ไม่ก็ใกล้ๆ หมิงหยุนวิลล่า ไม่มีทางไปเปิดในทำเลประหลาดที่ตั้งอยู่กึ่งกลางระหว่างทั้งสองแห่งหรอก
จากการค้นหาข้อมูลเบื้องต้น เขาพบว่ากิจการของร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูสาขาหมิงหยุนวิลล่าแย่กว่าทุกสาขา
เป็นผลโดยตรงมาจากทำเลที่ตั้งของสาขา
หลี่สือจึงรู้สึกงงมาก
การที่เจ้าหน้ายาวไปประจำที่สาขาหมิงหยุนวิลล่าแสดงให้เห็นว่าบอสเผยมองสาขานี้เป็นส่วนสำคัญในแผนการของเขา
แต่ไม่ว่าจะมองยังไง สาขานี้ก็ดูไม่มีความเป็นไปได้ที่จะทำกำไรให้ได้มากนัก
ถ้าหลี่สือเป็นบอส เขาจะปิดสาขานี้ไปตั้งแต่แรกๆ เพื่อตัดการขาดทุน
เรื่องนี้ทำให้เขารู้สึกสงสัยสุดๆ
หลังจากคิดอยู่นาน หลี่สือก็ออกจากร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูสาขาหลักแล้วเตรียมตัวขับรถไปที่สาขาหมิงหยุนวิลล่าเพื่อหาข้อมูลเพิ่ม
…
…
ร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูสาขาหมิงหยุนวิลล่า
พื้นที่ด้านนอกโล่งกว้าง เพราะตั้งอยู่บริเวณนอกตัวเมืองจิงโจว รอบข้างจึงไม่ได้แออัดนัก
หลี่สือจอดรถไว้ด้านนอก ก่อนจะเดินเข้าไปในร้าน
ถึงการตกแต่งของร้านทั้งสองสาขาจะแตกต่างกัน แต่สไตล์โดยรวมนั้นเหมือนกัน ทุกอย่างจึงดูคุ้นตาไปหมดสำหรับหลี่สือ
แถมสาขานี้ยังคนน้อยกว่าสาขาหลักอีก ถือเป็นเรื่องที่ดีมากๆ สำหรับเขา!
หลี่สือเดินไปนั่งในโซนคาเฟ่แล้วสั่งชาดำหนึ่งแก้ว
บรรยากาศสงบเงียบแบบนี้ทำให้เขารู้สึกสบายใจ
แต่หลี่สือก็ยังไม่ลืมว่ามาที่นี่ทำไม เขามองไปรอบๆ ชั้นล่างของร้านแล้วเจอตัวหม่าหยางกับจางหยวน
ทั้งสองกำลังเล่นเกมอย่างสนุกสนานอยู่ในโซนอินเทอร์เน็ต พวกเขาใส่หูฟัง ดูจดจ่อกับหน้าจอสุดๆ
หม่าหยางดูตั้งใจเล่นมาก
แต่จางหยวนกลับดูหงุดหงิดใจ
ใครๆ ก็คงพอจะเดาออกว่ามันทรมานแค่ไหนที่ต้องเล่นเกมกับบอสฝีมือกากแต่ไม่ได้รู้ตัวเลย!
แต่ในสายตาของคนนอกอย่างหลี่สือ ทั้งคู่ดูจะกำลังสนุกสนานกันอยู่
“พวกเขาย้ายมาจัดการสาขานี้กันจริงๆ ด้วย
“แต่… ทำไมล่ะ
“เพราะสาขานี้กิจการแย่ที่สุด เลยอยากเปลี่ยนให้พลิกกลับมาทำกำไรเหรอ
“ไม่ ฉันว่าไม่ใช่แค่นี้หรอก
“บอสเผยเป็นคนวิสัยทัศน์กว้างไกล ไม่น่าจะมายึดติดกับยอดขายทุนของสาขาเดียว
“ต้องมีอะไรมากกว่านี้แน่
“ฉันว่าอาจจะมีแผนเบื้องลึกอะไรสักอย่างที่สาขานี้”
หลี่สือคอยระวังไม่ให้ตัวเองมองข้ามอะไรไป
ก่อนหน้านี้เขาคาดไม่ถึงว่าเผยเชียนจะใช้นักร้องคนเดียวมาพลิกสถานการณ์
แค่ครั้งเดียวก็เอาเสียเข็ดหลาบ หลี่สือรู้แล้วว่าเบื้องหลังทุกแผนการที่ดูเหมือนไม่มีอะไรนั้น มีจุดประสงค์ล้ำลึกของบอสเผยซ่อนอยู่
ครั้งนี้ก็ไม่น่าจะต่างกัน
หลี่สือไม่อยากให้หม่าหยางเห็นว่าเขามา หลังจากเหตุการณ์ครั้งก่อน เขาก็เข้าใจแล้วว่าเจ้าหน้ายาวสนิทกับเผยเชียนมาก คงจะหวังพึ่งเจ้านี่ไม่ได้อีก
แต่…
พนักงานระดับล่างคนอื่นๆ นั้นไม่เหมือนกัน
หลี่สือไล่สายตาดูพนักงานหลายคน
ร้านสาขานี้เงียบเหงามาก พนักงานดูไร้ชีวิตชีวา เห็นได้ชัดว่าพวกเขากำลังพยายามรักษามาตรฐานความเป็นมืออาชีพไว้ตามที่ได้รับอบรมมา
หลี่สือเดาว่าพนักงานพวกนี้น่าจะได้รับค่าจ้างไม่มากนัก
ร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูอาจจะดูแลพนักงานดีกว่ามาตรฐานตลาด แต่ยังไงพนักงานเหล่านี้ก็ทำงานใช้แรงงาน ไม่น่าจะได้รับค่าจ้างสูง
ถ้าเป็นแบบนั้น หลี่สือก็สามารถติดสินบนพวกเขาเพื่อให้รู้สถานการณ์ร้านสาขาหมิงหยุนวิลล่ามากขึ้นได้
คิดได้แบบนั้นหลี่สือก็จดชื่อพนักงานไปหลายคน เขายกเครื่องดื่มขึ้นจิบต่ออีกเล็กน้อย ก่อนจะลุกไปจ่ายเงินแล้วกลับออกไป
ติดสินบนพนักงานสักสองสามคนอาจจะดูไม่มากนัก แต่ก็จะทำให้หลี่สือได้สิ่งสำคัญมากมาไว้ในมือ นั่นก็คือข้อมูล
เสียเงินไปยังไงก็คุ้ม ถ้าพนักงานเหล่านี้คอยอัปเดตข้อมูลของสาขานี้ให้เขาอย่างสม่ำเสมอ เพื่อที่จะได้คาดเดาว่าบอสเผยตั้งใจจะทำอะไรต่อไป!
ถ้าจะให้ปลอดภัย ติดสินบนพนักงานแค่คนเดียวจะลดความเสี่ยงที่ความลับจะแตกได้
แต่หลี่สือกลัวว่าพนักงานที่ติดสินบนอาจให้ข้อมูลลวง
ถ้าติดสินบนพนักงานสักสองสามคน อย่างน้อยก็ยังเอาข้อมูลมาเช็กกันดูได้ ทำแบบนี้จะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือของข้อมูลที่ได้มา
แน่นอนว่าความเสี่ยงที่แผนการจะโดนเปิดโปงก็เพิ่มขึ้น แต่หลี่สือไม่ได้กังวลอะไรขนาดนั้น
เขาจะให้ลูกน้องเป็นคนติดต่อพนักงานพวกนี้ไป เผยเชียนจะได้สืบสาวไปถึงบริษัทลงทุนฟู่หุยไม่ได้
ถ้ามีใครไปรายงานให้เผยเชียนรู้ หลี่สือก็ไม่ได้เสียหายอะไร
สิ่งเดียวที่เขากังวลคือพนักงานเหล่านี้อาจร่วมมือกันให้ข้อมูลปลอม แต่พวกเขาก็ต้องซื่อสัตย์ต่อบอสเผยมากๆ ถึงจะทำแบบนั้น แถมยังไม่น่าจะทนต่อเงินอันหอมหวานได้
ใช่ไหมล่ะ
ดังนั้นหลี่สือจึงค่อนข้างมั่นใจในแผนการนี้ เขามั่นใจในพลังแห่งเงินตรา
…
วันต่อมา
เผยเชียนบังเอิญไม่มีอะไรทำช่วงบ่ายจึงคิดจะไปเดินเล่นในร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูสาขาหมิงหยุนวิลล่า
จะได้ไปถามหม่าหยางกับคนอื่นๆ เรื่องความคืบหน้าแผนเปิดจุดบริการนี่เฟิงด้วย
การเตรียมการขั้นแรกของจุดบริการนี่เฟิงไม่น่าจะยุ่งยากอะไรมาก หลักๆ ก็แค่เช่าที่ ตกแต่งภายใน ซื้อชั้นวางของกับอุปกรณ์สำนักงาน จ้างพนักงานส่งของ ติดต่อบริษัทขนส่งสินค้าและเจรจาเรื่องการร่วมมือกัน
หม่าหยางกับจางหยวนเป็นคนรับผิดชอบเรื่องพวกนี้
เพราะร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูกับโมหยูเดลิเวอรี่ยังขาดทุนอยู่เรื่อยๆ เผยเชียนพอใจมากจึงวางใจให้สองคนนั้นรับผิดชอบเรื่องนี้
พอกิจการนี่เฟิงโลจิสติกส์ขยายออกไปจนหม่าหยางกับจางหยวนดูแลไม่ไหว ถึงตอนนั้นเผยเชียนค่อยพิจารณาส่งต่อกิจการนี้ให้คนอื่นบริหารต่อ
พอเห็นบอสเผยเดินเข้ามา พนักงานในร้านก็รู้สึกประหม่ากันขึ้นมาเล็กน้อย
ทุกคนรู้ว่ากิจการร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูสาขาหมิงหยุนวิลล่านั้นแย่ที่สุดจากทุกสาขา เรียกได้ว่าอยู่ล่างที่สุด!
พวกเขากลัวว่าสาขานี้จะปิดให้บริการกะทันหันแล้วต้องเสียงานไป
สถานการณ์ก่อนหน้านี้ดีกว่าปัจจุบัน ทุกสาขาขาดทุนเหมือนกันหมด สาขาหมิงหยุนเงียบเหงามาก บอสเผยแทบจะไม่ได้แวะเข้ามาเลย
แต่พอร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูสาขาหลักเริ่มทำกำไรได้ ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป
จู่ๆ บอสเผยก็หันมาสนใจสาขาหมิงหยุนวิลล่าแทน!
แล้วเหมือนว่าหม่าหยางที่เป็นผู้จัดการทั่วไปกับจางหยวนที่เป็นผู้จัดการเขตก็จะมาประจำอยู่ที่สาขานี้ด้วย แถมบอสเผยยังเริ่มแวะมาบ่อยขึ้น ทำให้พนักงานทุกคนรู้สึกกดดันและกังวลใจหนักขึ้นเรื่อยๆ
ชัดเจนว่าผู้บริหารระดับสูงสังเกตเห็นว่ากิจการสาขาหมิงหยุนวิลล่าแย่ที่สุด พวกเขาคิดว่าอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เกิดขึ้น
ถึงตอนนี้ทุกอย่างจะดูปกติสุขดี แต่ใครจะรู้เล่าว่าพายุจะโหมเข้ามาตอนไหน
พนักงานทุกคนเข้าใจสถานการณ์ดี ถึงจะได้เงินเดือนสูงและสวัสดิการดี แต่ใครจะรู้ว่าพวกเขาจะได้ทำงานที่นี่ไปอีกนานแค่ไหน
ดังนั้นบางคนจึงเริ่มหาแผนสำรองเตรียมไว้
ถึงจะได้รับการดูแลเป็นอย่างดี แต่คนเราก็เห็นแก่ตัวกันทั้งนั้น พวกเขาต้องนึกถึงตัวเองก่อนเป็นอันดับแรก
“พี่เชียนมา!”
หม่าหยางกับจางหยวนต้อนรับเผยเชียนอย่างอบอุ่นแล้วพาไปนั่งที่โต๊ะ
พนักงานสองสามคนยืนอยู่ข้างๆ รอฟังคำสั่ง
เผยเชียนจิบกาแฟจากนั้นก็หันไปพูดกับหม่าหยาง “เดือนนี้ขึ้นเงินเดือนให้พนักงานเราอีกพันหยวน”
หม่าหยางอึ้งไป พนักงานอีกหลายคนเองก็อาการไม่ต่างกัน
เผยเชียนอธิบาย “เป็นเครื่องกระตุ้นไง! กิจการสาขาหมิงหยุนวิลล่าไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เดี๋ยวจะต้องให้ทุกคนทำงานหนักกัน
“ไม่ต้องเครียดเรื่องสภาพกิจการในตอนนี้ สบายใจได้ ร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูของเราไม่มีทางทอดทิ้งเหล่าพี่น้องที่ร่วมงานกันมาแน่!”
เผยเชียนไม่ได้คิดอะไรมากเรื่องนี้ เขาแค่อยากเสียเงินเพิ่มก็เท่านั้น
เนื่องจากมีเหตุผลมารองรับและจำนวนเงินก็ไม่ได้มากมายนัก ระบบจึงไม่ได้ห้ามอะไร
อีกอย่างสาขาหมิงหยุนวิลล่าก็ขาดทุนอย่างต่อเนื่อง ไม่มีทีท่าว่ากิจการจะดีขึ้นเลย เผยเชียนมองว่านี่แหละคือมาตรฐานธุรกิจในฝันของเขา เทียบกับสาขาหลักในตอนนี้แล้ว เป็นเรื่องธรรมดาที่เขาจะต้องหาช่องทางเสียเงินเพื่อเพิ่มค่าใช้จ่าย
พูดจบเผยเชียนก็สังเกตเห็นว่าพนักงานสามสี่คนทำหน้าตาแปลกๆ กัน
พวกเขาดูดีใจแต่ก็ดูลังเลใจอะไรบางอย่าง
ในที่สุดพนักงานคนหนึ่งก็รวบรวมความกล้าได้ “บอสเผยครับ ผมมีเรื่องต้องบอกบอส! มีคนพยายามติดสินบนให้ผมคอยส่งข่าวข้อมูลสาขานี้ให้พวกเขาครับ!”
พนักงานอีกคนพยักหน้า “ผมด้วย!”
ยังมีพนักงานอีกคนที่สีหน้าดูลังเล เห็นได้ชัดว่ากำลังรู้สึกผิด
จริงๆ แล้วพวกเขาไม่จำเป็นต้องเปิดเผยเรื่องนี้ให้เผยเชียนรู้ก็ได้ เพราะพวกเขาเป็นแค่พนักงานระดับล่างในร้าน ไม่ได้สนิทอะไรกับเผยเชียน ถึงบอกไปก็ไม่น่าจะได้ประโยชน์อะไร
แต่พอบอสเผยเพิ่มเงินให้ทุกคนหนึ่งพันหยวนเป็นกำลังใจในการทำงาน เหล่าพนักงานก็รู้สึกซาบซึ้งกันถ้วนหน้า
พวกเขาคิดถึงสวัสดิการและการดูแลพนักงานเป็นอย่างดีของร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูแล้วได้สติขึ้นมา
ถึงอีกฝ่ายจะเสนอเงินให้มากกว่า แต่ก็มีคนตัดสินใจแน่วแน่!
เผยเชียนนิ่งไป
เขารู้สึกตกใจเล็กน้อย ไม่ใช่เพราะมีคนมาติดสินบนพนักงาน แต่เป็นเพราะเขาไม่คิดว่าจะมีใครเอาเงินมาทุ่มกับข้อมูลไร้ค่าพวกนี้
กิจการสาขาหมิงหยุนวิลล่าเลวร้ายมาก จะมาสืบข้อมูลไปทำไมกัน
ถ้ามีเงินล้นมือแล้วไม่รู้จะเอาไปทำอะไร
ก็เอามาให้ฉันนี่!
เผยเชียนถามขึ้นด้วยน้ำเสียงสบายๆ “เขาจ้างพวกคุณเท่าไหร่”
พนักงานคนหนึ่งในกลุ่มลังเลใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบออกไป “ข้อมูลทั่วไปให้ห้าร้อยหยวน ข้อมูลสำคัญให้สามพันหยวนครับ”
หลี่สือมองว่าพนักงานเหล่านี้ไม่น่าจะทนต่อแรงยั่วยุของจำนวนเงินขนาดนี้ได้ แต่เขาประเมินสวัสดิการอันเยี่ยมยอดที่พนักงานในร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูได้รับต่ำไป
เผยเชียนเริ่มด่าในใจ
ทำไมเรื่องดีๆ แบบนี้ไม่เกิดกับฉันบ้างวะ
แค่ส่งข้อมูลร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูสาขาหมิงหยุนวิลล่าให้เนี่ยนะ
ข้อมูลง่อยๆ ได้สามพันหยวนเลยเหรอ ฉันให้ข้อมูลได้เพียบจนแกล้มละลายได้เลย เชื่อไหมล่ะ