ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี - บทที่ 245 มีร้านที่นักรีวิวยังหาไม่เจอด้วยเหรอ
“ไม่เป็นไร บอกมาตามตรงเถอะ สองวันที่ผ่านมามีลูกค้าเข้าร้านกี่คน มีสั่งอาหารกี่คน แล้วมีจองร้านล่วงหน้าบ้างมั้ย” เผยเชียนยิงคำถามอย่างใจเย็น
หลินชั่นหรงตอบตามตรง “สองวันที่ผ่านมามีลูกค้ารวมทั้งหมดแปดคนครับ มีสามคนที่สั่งอาหารกิน มีจองร้านล่วงหน้าคืนพรุ่งนี้แค่คนเดียวครับ”
“หืม… หืมมม”
เผยเชียนพอใจกับสองจำนวนแรกมาก
แค่นี้ถือว่าเล็กน้อยจนไม่ต้องใส่ใจ
เดี๋ยวอีกสองสามวัน จางจู่ถิงก็จะโพสต์อะไรลงเว่ยป๋ออีก โพสต์เรื่องร้านจะถูกดันลงไป จากนั้นก็จะไม่มีลูกค้ามาเพิ่มแล้ว
แต่กลับมีลูกค้าคนหนึ่งจองร้านล่วงหน้าคืนพรุ่งนี้ซะได้
พวกไฮโซนี่เยอะจริงๆ
เผยเชียนคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถามออกไป “เขาจองอะไรไปบ้าง”
หลินชั่นหรงไล่รายการอาหารที่เซวียเจ๋อปินสั่งให้เผยเชียนฟัง มีทั้งสเต็กโทมาฮอว์ก คาเวียร์ เห็ดมัตสึทาเกะ เขาสั่งไม่เยอะ ปริมาณประมาณสองถึงสามคนกิน แต่ทั้งหมดรวมกันแล้วราคาเกือบหนึ่งหมื่นหยวน
แถมลูกค้าคนนี้ยังจ่ายมัดจำไว้ล่วงหน้าแล้วยี่สิบเปอร์เซ็นต์
เผยเชียนเงียบไป
เขาไม่เข้าใจโลกของพวกคนรวยเลย
ถึงเผยเชียนจะสวาปามอาหารพวกนี้และพาพนักงานมากินกันอย่างสำราญใจ แต่นั่นก็เพราะเขาพยายามจะผลาญเงินให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้!
ถ้าเขาผลาญเงินจนขาดทุนได้ ระบบก็จะให้เงินกลับ แถมยังเติมเงินทุนระบบที่ใช้ไปด้วย เผยเชียนจึงใช้จ่ายมือเติบได้ไม่ต้องยั้ง
แต่ถ้าให้เผยเชียนใช้เงินตัวเองจ่ายค่าอาหารพวกนี้ แค่อาหารพื้นๆ ราคาสามสี่ร้อยหยวนก็ถือว่าแพงมากแล้ว!
แต่ลูกค้าคนนี้กลับสั่งอาหารราคารวมทะลุหมื่น
ตอนแรกเผยเชียนยังมองโลกในแง่ดีอยู่ จนถึงตอนนี้จำนวนลูกค้าที่แวะมาครัวส่วนตัวหมิงหยุนเป็นแค่เลขหลักเดียว ถือว่าเป็นสถานการณ์ในอุดมคติ
แต่ใครจะไปคิดว่าจะมีพวกไฮโซอยู่ในลูกค้ากลุ่มนี้ด้วย
เผยเชียนตะลึงงันไปพักหนึ่ง
เมื่อเห็นบอสเผยนิ่งเงียบ หลินชั่นหรงก็งุนงงเล็กน้อย ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่
เรื่องนี้น่าจะเป็นข่าวดีสิ แต่ทำไมบอสเผยถึงไม่ยิ้มเลยล่ะ
เผยเชียนคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถามขึ้น “สำเนียงเขาเป็นยังไง”
หลินชั่นหรงคิดอยู่ครู่หนึ่ง “เขาพูดจีนกลาง แต่ติดสำเนียงอยู่หน่อยๆ ครับ ไม่น่าจะใช่คนจิงโจว น่าจะมาจากผิงเฉิง”
เจ้าของเหมืองถ่านหินเหรอ
นั่นคือความคิดแรกที่ผุดขึ้นในหัวเผยเชียน
แต่เขาก็พยายามมองในแง่ดี อีกฝ่ายไม่ใช่คนจิงโจว คงจะแวะมาทำธุระที่นี่ ไม่น่าจะอยู่นานนัก
ถ้าเป็นแบบนั้นก็ดีเลย
ถึงจะเป็นพวกไฮโซ แต่ก็มาที่นี่ไม่ได้บ่อยนัก อย่างมากก็คงพาแขกมาเลี้ยงและจองร้านแค่ตอนมาทำธุระที่นี่
ถ้าคิดแบบนี้ ก็ไม่น่าจะ…ทำเงินให้ครัวส่วนตัวหมิงหยุนได้มากมายนักหรอก
คิดได้แบบนี้เผยเชียนก็โล่งใจขึ้นนิดหน่อย เขารู้สึกว่าช่วงนี้ตัวเองระแวงและมองทุกคนเป็นศัตรูเกินไปหน่อย
พอเปิดภัตตาคารส่วนตัว เขาก็พาพนักงานมากินเลี้ยงที่นี่ แบบนั้นจะไปหวังไม่ให้มีใครหาร้านเจอได้ยังไง
ยังไงเรื่องการมีพวกไฮโซแวะมากินบ้างก็อยู่ในแผนเขาอยู่แล้วบ้าง แต่ในระยะยาว ภัตตาคารนี้ก็ยังจะขาดทุนเหมือนเดิม
ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรขนาดนั้น
พอได้ยินว่าลูกค้ากระเป๋าหนักคนนั้นไม่ใช่คนจิงโจว เผยเชียนก็สบายใจขึ้นเยอะ
ทั้งสองคุยกันเรื่องการให้บริการร้านจนเสี่ยวซุนขับรถกลับมาถึง
“คร่าวๆ ประมาณนี้ก่อน อย่าลืมเรื่องการให้บริการที่ผมบอกไป ถึงลูกค้าจะรวยมากก็ห้ามฝ่าฝืนกฎเด็ดขาด บอกให้พนักงานดูแลเหมือนลูกค้าธรรมดาทั่วไป
“แล้วก็ห้ามป่าวประกาศชื่อร้านด้วย”
เผยเชียนสั่งเพิ่มนิดหน่อยก่อนจะขึ้นรถไป
พอส่งบอสเผยกลับแล้ว หลินชั่นหรงก็พยายามถอดความหมายแฝงจากสิ่งที่บอสพูด
“บอสเผยพยายามบอกเราว่าเวลาเจอลูกค้ารวยมากก็ไม่ต้องเกร็ง เพราะเดี๋ยวในอนาคตจะมีแต่พวกคนรวยมาใช้บริการครัวส่วนตัวหมิงหยุนรึเปล่านะ
“ถ้าเราฝ่าฝืนกฎกับลูกค้าไฮโซคนหนึ่ง พอมีพวกคนรวยมาที่ร้านอีก กฎที่ตั้งไว้ก็จะไม่มีประโยชน์
“อืม มีเหตุผล!
“บอสเผยเป็นคนมองการณ์ไกล บอสตั้งกฎไว้เผื่อธุรกิจครัวส่วนตัวหมิงหยุนเติบโตขึ้นในอนาคต เตรียมการทุกอย่างไว้พร้อมจริงๆ
“บอสเผยย้ำกับฉันด้วยว่าอย่าพอใจกับอะไรง่ายๆ แค่มีลูกค้าคนรวยมาใช้บริการแค่คนเดียวก็ตื่นเต้นขนาดนั้นไปได้ ฉันเป็นผู้จัดการสาขา ต้องใจเย็นกว่าใคร
“ถ้ามีไฮโซมาที่ร้านอีก ฉันก็ต้องสำรวมท่าที
“ฉันจะถ่ายทอดความตั้งใจของบอสเผยให้พนักงานได้รับรู้ตามนี้”
หลินชั่นหรงมองเห็นอนาคตอันสดใสของครัวส่วนตัวหมิงหยุน เขาเดินกลับเข้าร้านอย่างเบิกบานใจเพื่อไปบอกข่าวดีกับคนอื่นๆ
…
…
วันเสาร์ที่ 21 สิงหาคม
ครัวส่วนตัวหมิงหยุนกำลังเตรียมการสำหรับมื้อเย็น
เฉียวเหลียงวางแผนจะเดินเล่นรอบๆ จิงโจวในช่วงเช้า แล้วค่อยไปทำงานล่วงเวลาเล่นเกมกลับใจคือฟากฝั่งในช่วงบ่าย
บอสเผยดีกับฉันมาก ต้องตั้งใจทำงานให้เต็มที่
ที่ฉางหยางเกมส์ การค้นคว้าและพัฒนาเกมเพลงรบโลหิตเวอร์ชันอัปเกรดเสร็จสมบูรณ์แล้ว ตอนนี้ใกล้จะทดสอบครั้งสุดท้ายแล้ว จากนั้นก็สามารถโปรโมตและเปิดให้เล่นได้อย่างเป็นทางการ
วันนี้เป็นวันเสาร์ บอสเผยสั่งเอาไว้ว่าไม่ให้พวกเขาทำงานล่วงเวลาช่วงวันหยุดเสาร์อาทิตย์
ในฐานะผู้อำนวยการสร้าง หลินหวานพยายามบอกให้ทุกคนกลับบ้านแล้ว แต่วันปล่อยตัวเกมที่ใกล้เข้ามาทำให้หวังเสี่ยวปินกับเยว่จือโจวอยู่ไม่สุขที่บ้าน จึงยืนกรานขอทำงานล่วงเวลา หลินหวานไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมให้พวกเขาเข้ามาทำงาน
แน่นอนว่าหลินหวานเองก็อยู่ไม่สุขเหมือนกัน
พอคิดว่าเกมที่ทุ่มเทแรงกายแรงใจพัฒนาขึ้นมาจะเปิดให้ผู้เล่นได้สัมผัสอย่างเป็นทางการในอีกไม่กี่สัปดาห์ ทุกคนก็รู้สึกตื่นเต้นและหวั่นใจ
สุดท้ายพวกเขาก็คุมขนาดมินิไคลแอนต์ของเกมเพลงรบโลหิตไว้ที่ 370 เมกะไบต์ ถือว่าเกินความคาดหมายที่ทุกคนวางไว้ในตอนแรก
เกมเพลงรบโลหิตเดิมเป็นเกมที่สามารถเล่นผ่านเว็บตอนไหนก็ได้
มินิไคลแอนต์สำหรับเกมเล่นบนเว็บมักจะคุมขนาดไม่ให้ใหญ่เกิน 5 เมกะไบต์
มีไม่กี่เกมที่มีขนาดมินิไคลแอนต์อยู่ที่ประมาณ 30 ถึง 50 เมกะไบต์
ถ้าขนาดใหญ่กว่านั้นจะไม่ถือว่าเป็นมินิไคลแอนต์ เพราะถ้าเอาเกมเล่นบนเว็บเป็นมาตรฐาน การดาวน์โหลดข้อมูลขนาด 370 เมกะไบต์จะกินเวลานานเกินไป แบบนั้นผู้เล่นย้ายไปเล่นเกมฝั่งไคลแอนต์น่าจะเหมาะกว่า
ผู้เล่นสายเกมเล่นบนเว็บส่วนใหญ่ทนการดาวน์โหลดข้อมูลขนาด 370 เมกะไบต์ไม่ได้
แต่หลินหวานไม่มีทางแก้ที่ดีกว่านี้ เนื่องจากพวกเขาตกลงกันไว้แล้วว่า เกมเพลงรบโลหิตเวอร์ชันอัปเกรดจะเปลี่ยนจากภาพสองมิติมาเป็นสามมิติ ทรัพยากรงานภาพต่างๆ ทำใหม่หมด ไม่ว่าจะพยายามบีบอัดหรือปรับไฟล์ยังไงก็ไม่สามารถลดขนาดให้เล็กลงกว่านี้ได้
พวกเขาทุ่มเทเต็มที่ในการบีบอัดและปรับไฟล์จนทำให้เกมเหลือแค่ขนาด 370 เมกะไบต์
ถือว่าเป็นเรื่องที่เสี่ยงมาก แต่ก็ทำออกมาแบบนี้แล้ว ไม่มีทางให้ถอยกลับอีก
พวกเขาต้องมองในแง่ดีเข้าไว้ ไม่แน่คุณภาพงานภาพและระบบการเล่นที่ยุติธรรม อาจเปลี่ยนความชอบของเกมเมอร์สายเกมเล่นบนเว็บไปก็ได้
นอกจากนี้บอสเผยยังช่วยออกแบบโฆษณาให้ด้วยตัวเอง
หลินหวานไม่รู้ว่าผลจะเป็นยังไง แต่เธอก็เชื่อมั่นว่าบอสเผยได้วางแผนทุกอย่างไว้หมดแล้ว
หวังเสี่ยวปินเคาะประตูเบาๆ “ผู้อำนวยการหลิน เราเตรียมการโปรโมตเสร็จเรียบร้อยแล้วครับ
“ตอนนี้วางแผนจะปล่อยโฆษณาลงเว็บไซต์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเว็บโนเวล เว็บวิดีโอ เว็บเกม เว็บการ์ตูน เว็บรวบรวมลิงก์ และอื่นๆ
“ตามที่เราตกลงกัน เราจะไม่ใช่โฆษณาแบบหน้าต่างป๊อปอัปกับโฆษณาแบบที่ขึ้นค้างบนหน้าจอ หน้าสมัครและดาวน์โหลดเกมจะเด้งขึ้นมาหลังจากคลิกที่ตัวโฆษณา”
ถึงจะเป็นวิธีโฆษณาที่ใช้กันทั่วไป แต่หลินหวานก็ยืนกรานไม่ใช้โฆษณาจำพวกที่สร้างความหงุดหงิดใจ
จริงๆ แล้วยังมีรูปแบบการโฆษณาที่น่าหงุดหงิดอีกมากมาย เช่น จู่ๆ หน้าต่างโฆษณาก็เด้งขึ้นมาเอง หรือไม่ก็มีหน้าต่างโฆษณาที่ขึ้นค้างอยู่ตรงมุมขวาล่างของเว็บ โฆษณาพวกนี้พบเห็นได้ทั่วไป หลายๆ อันทำลายประสบการณ์การเล่นเกมของชาวเน็ต
แต่ก็ต้องยอมรับว่าหน้าต่างโฆษณาที่เด้งขึ้นมาอย่างไร้ยางอายพวกนี้แหละที่มีประสิทธิภาพที่สุด
การเลือกไม่ใช้รูปแบบการโฆษณาแบบนี้จะทำให้ได้ประสิทธิภาพน้อยลง ขณะเดียวกันก็ไม่ได้ช่วยสร้างกระแสให้กับเกมเพราะชาวเน็ตอาจจะไม่ทันสังเกตเห็นโฆษณาด้วยซ้ำ
หลินหวานคุยกับทุกคนแล้วตัดสินใจเลี่ยงโฆษณารูปแบบที่ว่า
เพราะฉางหยางเกมส์ไม่เหมือนเดิมแล้ว ต้องทำให้เห็นว่าพวกเขาแตกต่างจากเหล่าบริษัทผู้พัฒนาเกมเล่นผ่านเว็บที่ไร้ซึ่งบรรทัดฐาน
ได้ยินที่หวังเสี่ยวปินรายงาน หลินหวานก็รู้สึกพอใจ “ขอบคุณค่ะ งานต่อไปของเราคือทุ่มเทกับตัวเกมให้เต็มที่ การเปลี่ยนความชอบของชาวเกมเมอร์อาจจะเป็นเรื่องยาก แต่เราก็ต้องพยายามให้เต็มที่”
หวังเสี่ยวปินพยักหน้า เขาเห็นด้วยกับที่หลินหวานพูดสุดๆ
ถึงผู้อำนวยการหลินจะไม่ได้ลงมาคุมขั้นตอนการค้นคว้าและพัฒนาเกมในทุกรายละเอียด แต่พลังงานด้านบวกและกำลังใจที่ได้จากเธอนั้นคล้ายกับบอสเผย ซึ่งถือเป็นอะไรที่แปลกมาก
“เตรียมการทุกอย่างให้เรียบร้อย สัปดาห์หน้าเราจะทดสอบเกมครั้งสุดท้ายและจะเชิญผู้เล่นเก่ามาลองตัวเกมเพื่อถามความเห็น
“สัปดาห์ถัดจากนั้น เราจะเปิดให้เล่นอย่างเป็นทางการ จากนั้นก็จะทุ่มเรื่องโฆษณาเกมอย่างเต็มที่!”
…
…
ตอนเย็น ที่ครัวส่วนตัวหมิงหยุน
“เห็นมั้ย บอกแล้วว่าร้านนี้อย่างหรูแต่แกก็ไม่ยอมเชื่อ ทีนี้เชื่อได้รึยัง นักรีวิวของแกน่ะมันกาก!”
เซวียเจ๋อปินนั่งขัดสมาธิยิ้มกริ่ม เขาภูมิใจในตัวเองมาก
โชคดีจริงๆ ที่เมื่อวานจองไว้!
ทันทีที่เดินเข้ามาในร้าน เซวียเจ๋อปินก็สัมผัสได้ถึงความแตกต่าง
การตกแต่ง โต๊ะ จานชาม ทุกอย่างในห้องส่วนตัวเปลี่ยนใหม่จากเดิม!
เที่ยงเมื่อวานเซวียเจ๋อปินเลือกห้องส่วนตัวห้องนี้เพราะตอนนั้นครัวส่วนตัวหมิงหยุนไม่ค่อยมีคน แต่เพราะเขาไม่ได้จองเอาไว้ การตกแต่งในห้องส่วนตัวจึงเป็นแบบธรรมดาทั่วไป ถึงบรรยากาศโดยรวมจะดี แต่ก็ไม่ได้รู้สึกพิเศษอะไร
วันนี้ทุกอย่างต่างออกไป เซวียเจ๋อปินจองห้องส่วนตัวไว้ล่วงหน้า การตกแต่ง โต๊ะ จานชามจึงถูกจัดเตรียมตามอาหารที่สั่ง ทุกอย่างใช้สไตล์เดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นผ้าคลุมโต๊ะหรือการตกแต่งบนโต๊ะ เห็นได้ชัดว่าภัตตาคารนี้พิถีพิถันเรื่องการจัดตกแต่งมากทีเดียว
แค่เดินเข้ามาก็ตาลุกวาวแล้ว!
ชายหนุ่มที่นั่งตรงข้ามเซวียเจ๋อปินดูอายุเยอะกว่าเล็กน้อย แต่ก็ยังไม่ถึงสามสิบปี
เขาเป็นขั้วตรงข้ามกับเซวียเจ๋อปินที่ให้ลุคเหมือนเศรษฐีใหม่ ชายหนุ่มคนนี้สวมสูทดูภูมิฐาน มองแล้วให้ความรู้สึกเหมือนเป็นคนที่ประสบความสำเร็จในแวดวงธุรกิจ
ชายหนุ่มกำลังลิ้มรสอาหารพลางมองแอปพลิเคชันรีวิวในมือถืออย่างงงๆ
“เมืองจิงโจวมีภัตตาคารส่วนตัวคุณภาพเยี่ยมขนาดนี้แต่ไม่มีนักรีวิวคนไหนหาเจอเลยเหรอ แล้วนายหาเจอได้ไงเนี่ย”
แผนที่ในแอปรีวิวระบุว่าตำแหน่งตรงนี้เป็นที่ว่าง ไม่ควรจะมีร้านอะไรอยู่ที่นี่
เซวียเจ๋อปินยิ้มอย่างภาคภูมิใจ “จะสนใจเรื่องนั้นไปทำไม แกแพ้ที่พนันไว้ จ่ายมื้อนี้เลยนะเว้ย!”
ชายหนุ่มที่นั่งตรงข้ามชื่อหวังเผิง เป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งฉวนหมินรีวิว
ในฐานะหนึ่งในผู้ชนะการแข่งขันระหว่างเว็บไซต์อันแสนดุเดือด ฉวนหมินรีวิวเติบโตอย่างรวดเร็วและขยายจากเมืองระดับหนึ่งไปเมืองระดับสองและระดับสาม เมืองจิงโจวเป็นหนึ่งในเมืองเป้าหมายของการขยายธุรกิจครั้งนี้
เพื่อให้ขยายตลาดออกไปได้รวดเร็วและครอบคลุมธุรกิจต่างๆ ได้มากขึ้น หวังเผิงแนะนำให้มีนักรีวิวในทุกเมือง หน้าที่ของนักรีวิวเหล่านี้คือไปตามหาร้านที่ยังไม่มีใครรู้จัก และโน้มน้าวให้มาเป็นพาร์ตเนอร์กับฉวนหมินรีวิว
นักรีวิวทำผลงานได้ดีมาก ฉวนหมินรีวิวเติบโตอย่างรวดเร็วในเมืองจิงโจว ตอนนี้หลายๆ ร้านเข้าร่วมเป็นพาร์ตเนอร์กับฉวนหมินรีวิวแล้ว
โดยเฉพาะพวกภัตตาคารระดับสูงที่เสิร์ฟอาหารหรูๆ หลังจากเจรจากับเจ้าของร้านเหล่านี้สำเร็จ นักรีวิวก็จะได้ค่าคอมมิชชันก้อนโต ด้วยเหตุนี้นักรีวิวของฉวนหมินรีวิวจึงตั้งใจหาร้านแบบที่ว่าอย่างเต็มที่
ถึงเจ้าของร้านจะไม่ตกลงเป็นพาร์ตเนอร์ด้วย ฉวนหมินรีวิวก็จะระบุตำแหน่งร้านบนเว็บไซต์อยู่ดี แผนที่ในแอปไม่ควรจะระบุว่าเป็นที่ว่างแบบนี้
ด้วยเหตุนี้หวังเผิงจึงไม่เชื่อที่เซวียเจ๋อปินบอกและรู้สึกขุ่นเคืองอยู่หน่อยๆ
เขาไม่คิดว่านักรีวิวประจำจิงโจวของฉวนหมินรีวิวจะหาภัตตาคารระดับสูงที่โดดเด่นทุกด้านแบบนี้ไม่พบ
พนักงานเสิร์ฟยืนยิ้มอยู่ด้านข้าง รอว่าลูกค้าจะต้องการความช่วยเหลืออะไรหรือเปล่า
หวังเผิงถามขึ้น “ร้านนี้เปิดมานานเท่าไหร่แล้วครับ”
พนักงานคนหนึ่งยิ้มแล้วตอบออกไป “ครึ่งเดือนกว่าๆ ครับ”
หวังเผิงงงหนักกว่าเดิม
เขาไม่เข้าใจเรื่องนี้เลย ฉวนหมินรีวิวมีนักรีวิวในเมืองจิงโจวมากมาย ทุกวันพวกเขาจะออกไปตามหาร้านที่ยังไม่เป็นที่รู้จัก แต่ร้านนี้กลับซ่อนตัวจากผู้คนมาได้กว่าครึ่งเดือน นักรีวิวเองก็หาไม่เจอ แต่เซวียเจ๋อปินกลับหาเจอ
บ้ามาก
หวังเผิงถาม “ร้านนี้ชื่ออะไรเหรอครับ”
เขาตั้งใจจะไปคุยกับเจ้าของร้านและเจรจาให้มาเป็นพาร์ตเนอร์กับฉวนหมินรีวิว
พนักงานยิ้มแล้วตอบ “ร้านเราไม่มีชื่อครับคุณลูกค้า
“ทางเราหวังให้คุณลูกค้าจำบรรยากาศดีๆ การบริการที่ใส่ใจ และอาหารอันโดดเด่นของเรา แทนที่จะไปจำชื่อร้านที่ไม่ได้สำคัญอะไร”