ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี - บทที่ 262 ทำไมข้อความให้กำลังใจถึงเป็นแบบนี้ได้ล่ะ
- Home
- ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี
- บทที่ 262 ทำไมข้อความให้กำลังใจถึงเป็นแบบนี้ได้ล่ะ
วันพฤหัสบดีที่ 16 กันยายน
เผยเชียนไปที่ร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูสาขามหาวิทยาลัยฮั่นตงเพื่อดูว่าอาจารย์เฉียวเล่นเกมไปถึงไหนแล้ว
ครั้งนี้เขามาด้วยความรู้สึกที่แตกต่างจากครั้งก่อนๆ
นั่นก็เพราะ…เขาเล่นเกมจบแล้ว!
แน่นอนว่าเขาเล่นจบได้อย่างไม่ยากลำบากนัก เพราะใช้ผู่ตู้ที่ข้ามไปยังเส้นทางสู่ยมโลกและมุ่งหน้าตรงไปที่สังสารวัฏทั้งหกได้เลย พอจัดการบอสได้ก็ถือว่าจบงาน
ถ้าเผยเชียนต้องเล่นอีกเป็นครั้งที่สองคงจะเล่นไม่ผ่านแน่
เพราะความยากในรอบที่สองจะเพิ่มขึ้น แถมในรอบที่สองผู่ตู้จะแตกต่างจากอาวุธอื่นๆ ตรงที่อัปเกรดไม่ได้ ทำให้ห่วยกว่า ถ้าเอาไปสู้ก็เท่ากับเป็นการฆ่าตัวตาย
แต่เผยเชียนก็ไม่ได้สนใจอะไรเพราะทำตามที่ระบบกำหนดได้แล้ว เขารู้สึกเหมือนได้ยกภูเขาออกจากอก
อีกด้านหนึ่งการเตรียมการเปิดร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูสาขาใหม่ก็เกือบจะเสร็จสมบูรณ์แล้ว
ทำเลที่พวกเขาเลือกคือห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในเมืองจิงโจว ค่าเช่าไม่ใช่ถูกๆ อยู่ที่สิบสองหยวนต่อตารางเมตร ถือเป็นทำเลที่แพงที่สุดที่เผยเชียนเคยเช่ามา
ถึงจะไม่ได้แพงเท่าค่าเช่าในสิบปีให้หลัง แต่ก็ถือว่าเป็นเรตราคาที่สูงมาก
ร้านไม่ได้กว้างขวางเหมือนอย่างเคยเพราะตั้งในห้าง มีพื้นที่ใช้สอยแค่ประมาณแปดร้อยตารางเมตร
พอตัดสินใจว่าจะไม่ขายกาแฟและเครื่องดื่มก็ประหยัดที่ในร้านไปได้มาก เผยเชียนแบ่งที่ในร้านส่วนหนึ่งไว้เป็นโซนพักผ่อนหย่อนใจ มีโปรเจ็กเตอร์ตั้งอยู่ในโซนนี้
พื้นที่ที่เหลือเพียงพอสำหรับคอมพิวเตอร์หนึ่งร้อยห้าสิบเครื่อง
เผยเชียนคำนวณค่าเช่าคร่าวๆ ดูแล้วจะอยู่ที่ประมาณสามแสนหยวนต่อเดือน ต้องจ้างแคชเชียร์สองคนและพนักงานดูแลร้านอีกสี่คน เงินเดือนที่ต้องจ่ายอยู่ที่ประมาณสามถึงสี่หมื่นหยวนต่อเดือน นับรวมค่าอินเทอร์เน็ต ค่าทำความสะอาด และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ร้านสาขานี้จะมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ประมาณสี่แสนหยวนต่อเดือน
ตอนนี้อัตราการใช้บริการอินเทอร์เน็ตของร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูอยู่ที่สามถึงสี่สิบเปอร์เซ็นต์ เวลาเปิดทำการปกติคือแปดโมงเช้าถึงเที่ยงคืน ถ้าเก็บค่าบริการที่สิบหยวนต่อหนึ่งชั่วโมงก็น่าจะทำเงินได้มากสุดประมาณสามแสนหยวน
ร้านอินเทอร์เน็ตหลายร้านเปิดให้บริการยี่สิบสี่ชั่วโมง แต่เผยเชียนไม่คิดจะทำแบบนั้น
ไม่ใช่เพราะห้างไม่ได้เปิดตลอด
เพราะถึงห้างจะปิดแต่โรงหนังในหลายๆ ห้างมีฉายหนังรอบเที่ยงคืน ช่วงตีสองถึงตีสามจึงน่าจะมีลูกค้าอยู่บ้างแม้ห้างจะปิดไปแล้ว
เป็นเรื่องปกติที่ห้างต้องเปิดประตูทิ้งไว้ให้ลูกค้าเข้าออก
เผยเชียนตั้งใจเปิดร้านสาขานี้มาให้ขาดทุน ดังนั้นเขาจึงต้องลดเวลาการให้บริการให้ได้มากที่สุด
ถ้าคำนวณอีกแบบโดยคำนึงถึงค่าใช้จ่ายในปัจจุบันด้วย ร้านสาขานี้ต้องมีอัตราการใช้บริการอินเทอร์เน็ตที่ประมาณหกสิบเปอร์เซ็นต์ถึงจะทำกำไรได้ ซึ่งเผยเชียนคิดว่าคงจะเป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้ถึงเป้านี้
เพราะแม้แต่ร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูสาขาหลักซึ่งเป็นที่นิยมมากก็ยังทำได้ไม่ถึงเป้าที่ว่าเลย
แน่นอนว่าเผยเชียนก็ไม่ได้ยึดถือยอดสถิติขนาดนั้น เพราะตัวเลขสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอด
เขาจะไม่เร่งเปิดหลายสาขา แต่ตั้งใจว่าจะเปิดสาขาเดียวและดูสถานการณ์ไปก่อน
ถ้าขาดทุนได้ตามที่คาดไว้ เขาก็จะลงทุนเปิดร้านเพิ่มอีกสองสามสาขาก่อนวันปิดบัญชี แต่ถ้าร้านสาขานี้ดันทำกำไรได้ขึ้นมาด้วยเหตุผลอะไรก็ตามแต่ เผยเชียนก็จะหาทางแก้
…
พอมาถึงสาขามหาวิทยาลัยฮั่นตง เขาก็ดึงเก้าอี้ข้างอาจารย์เฉียวมานั่ง จากนั้นก็จิบค็อกเทลไปพลางดูอาจารย์เฉียวเล่นเกม
เผยเชียนตั้งใจจะมาดูอาจารย์เฉียวระทมทุกข์กับการเล่นเกม เพื่อหาความบันเทิงให้กับชีวิตการทำงานอันแสนวุ่นวาย
ส่วนเฉียวเหลียงกลับคิดว่าเผยเชียนให้ความสำคัญกับตัวเองมากจึงรู้สึกฮึกเหิมขึ้น
นักออกแบบหลักของเกมกำลังนั่งดูตัวเองเล่นเกมอยู่ข้างๆ และพร้อมจะฟังความเห็นและข้อแนะนำทุกเมื่อ แค่นี้ก็ภูมิใจสุดๆ แล้ว!
อาจารย์เฉียวรู้สึกมีกำลังใจสุดๆ ตอนนั้นเองเกมก็อัปเดตเสร็จ เขากดเปิดรายการการอัปเดตดูเหมือนอย่างเคย
“อ้าว ระบบข้อความให้กำลังใจทำเสร็จแล้วเหรอเนี่ย”
เฉียวเหลียงตกใจมาก ปัญหาที่บอกไปครั้งก่อนบอสเผยแก้ไขให้อย่างรวดเร็ว แสดงให้เห็นว่าอีกฝ่ายให้ความสำคัญกับความคิดเห็นของเขาจริงๆ!
เผยเชียนเห็นรายการการอัปเดตด้วยเหมือนกัน เขาพูดขึ้นอย่างเสียดาย “ระบบข้อความให้กำลังใจจะขึ้นมาให้ใส่แค่ช่วงเริ่มแรกของเกม ผมคิดว่าคุณไม่น่าจะเล่นระบบนี้ได้เว้นเสียแต่คุณจะเล่นเซฟใหม่”
เฉียวเหลียงกดเข้าเกม “ไม่เป็นไรครับ ผมเพิ่งจะเริ่มรอบสองพอดี”
เผยเชียน “…”
อะไรวะเนี่ย!
ถึงอาจารย์เฉียวจะพูดด้วยน้ำเสียงสบายๆ แต่คำพูดของเขากลับเป็นดั่งคมมีดที่พุ่งเข้าแทงหัวใจเผยเชียน
เล่นถึงรอบสองแล้วเหรอ
เผยเชียนเองก็เล่นรอบแรกจบแล้วเหมือนกัน แต่เขามีผู่ตู้ช่วยข้ามหลายฉาก ได้เล่นจริงๆ แค่สามถึงสี่สิบเปอร์เซ็นต์ของเกมเท่านั้น
แต่อาจารย์เฉียวไม่เหมือนกัน เขาเล่นจบรอบแรกตามปกติ แถมยังต้องเจอกับความยากลำบากระหว่างทาง อาวุธที่ใช้จนคุ้นมือก็โดนนักออกแบบเกมใจเหี้ยมเนิร์ฟไป ต้องไปหัดใช้อาวุธใหม่ให้ชินมือ
ถึงอย่างนั้นอาจารย์เฉียวกลับเล่นเกมคืบหน้าได้เท่าเผยเชียน
ความแตกต่างนี้ทำให้เผยเชียนรู้สึกหงุดหงิดมาก...
เขาสัมผัสได้ถึงอารมณ์ไม่ดีที่คุกรุ่นขึ้นแล้วเริ่มนึกคลางแคลงใจในตัวเอง
เผยเชียนไม่ได้แคลงใจเรื่องความสามารถในการเล่นเกมของตัวเอง เขารู้ดีว่าตัวเองเล่นเกมกาก ไม่เคยสงสัยอะไรในจุดนี้เลย
ที่ทำให้เขานึกแคลงใจคือความยากของเกม
อาจารย์เฉียวเล่นจบได้ยังไง ทั้งๆ ที่ระดับความยากของเกมนั้นเพิ่มขึ้นมาก
ไม่รู้เหรอว่าฉันพยายามทำเกมออกมาให้ยากสำหรับผู้เล่นขนาดไหน!
แต่ถึงจะทำออกมาให้ยาก อาจารย์เฉียวก็ยังเล่นผ่านอยู่ดี เผยเชียนรู้สึกท้อแท้มาก
ขนาดค็อกเทลที่โปรดปรานก็ไม่ส่งกลิ่นหอมหวานเหมือนอย่างเคย
แต่ข่าวดีก็คืออาจารย์เฉียวจะได้ท้าทายตัวเองในรอบที่สอง ซึ่งความยากในรอบที่สองนี้จะเพิ่มขึ้นกว่ารอบแรกอย่างเห็นได้ชัด
อาจารย์เฉียวกดเข้าเกม
ฉากเนื้อเรื่องเปิดเกมเด้งขึ้นมาเหมือนรอบแรก หลังจากจบฉากเปิด หมู่บ้านเริ่มต้นก็ปรากฏขึ้นบนหน้าจอ ชาวบ้านหลายคนที่สูญเสียจิตและวิญญาณเดินวนไปมา ที่สุสานขนาดใหญ่ใกล้หมู่บ้านตัวเอกเปิดโลงศพออกแล้วลุกขึ้นยืน
เขาถือว่าเป็นคนที่ตายไปแล้ว แต่กลับตื่นขึ้นมาแล้วมุ่งหน้าไปยังเส้นทางสู่ยมโลก ตามเนื้อเรื่องเดิมผู้เล่นต้องหยิบดาบหักขึ้นมาสู้กับมอนสเตอร์
แต่หลังอัปเดตเกมครั้งนี้ มีฉากใหม่เพิ่มขึ้นมา
ตัวเอกยืนอยู่หน้าหลุมศพตัวเองในสุสานอันกว้างใหญ่ เขาหันไปเห็นแผ่นหินโกโรโกโสหน้าหลุมศพที่ไม่มีคำอะไรจารึกไว้
ตัวเอกคุกเข่าลงตรงหลุมศพแล้วเอื้อมมือไปสัมผัสแผ่นหินโกโรโกโส ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแหบห้าว “ไม่มีอะไรจารึกไว้…ถ้าอย่างนั้น ฉันต้องเป็นคนจารึกมันเอง”
กล่องข้อความปรากฏขึ้นบนหน้าจอ ผู้เล่นสามารถเขียนอะไรลงไปก็ได้ โดยจำกัดที่สิบตัวอักษรจีน
เฉียวเหลียงเกาหัว
การตั้งชื่อเป็นเรื่องยากสำหรับเขา สิ่งที่เจออยู่ตอนนี้จึงถือเป็นปัญหาใหญ่
ใส่ข้อความอะไรลงไปดี
ใส่ข้อความดีๆ ให้กำลังใจตัวเองเหรอ
หรือจะใส่อะไรจริงจังลงไปให้เข้ากับบรรยากาศเกม
หรือควรจะเป็นอะไรตลกๆ
เขาเค้นสมองคิดหาสำนวนดีๆ แต่ก็ไม่มีความรู้มากพอ แถมบอสเผยยังนั่งดูอยู่ข้างๆ ถ้าเขียนอะไรยาวๆ อาจจะดูเป็นการอวดรู้ จะดูไม่เหมาะสม
เฉียวเหลียงคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเขียนลงไปว่า ‘นายทำได้’
ประโยคง่ายๆ จะเป็นเครื่องให้กำลังใจเขา!
เพราะเกมนี้ก็เป็นเกมที่ยากมาก ถ้าตายแล้วเห็นข้อความนี้ก็คงจะมีกำลังใจพร้อมเผชิญความท้าทายต่อ
หลังจบแอนิเมชันเชื่อมฉากอันแสนเรียบง่าย ข้อความที่เขาใส่ลงไปก็ถูกจารึกไว้บนแผ่นหินหน้าหลุมศพ และเกมก็เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ
“รอบสอง เจอกันหน่อย!”
เฉียวเหลียงคึกมาก เขาตั้งใจจะเล่นให้ดีๆ ต่อหน้าบอสเผย
เขาได้เงินเดือนจากบอสเผยมาพักใหญ่ ดังนั้นจึงต้องแสดงให้เห็นถึงพัฒนาการ
เฉียวเหลียงหยิบไม้โศกาที่ได้มาหลังโค่นยมทูตขาวดำในการเล่นรอบแรก ไม้โศกาเป็นอาวุธถือสองมือที่ยาวและหนา มีกระดาษสีขาวมากมายพันล้อมอยู่รอบด้าน
ไม้โศกาเป็นอาวุธหนักที่ใช้ดีมาก ดาเมจที่ทำได้ก็สูงทีเดียว แถมยังมีความสามารถพิเศษติดมาด้วย โดยจะทำความเสียหายเป็นวงกว้างและดึงเอาจิตและวิญญาณของศัตรูมาได้บางส่วน
ฉันต้องแสดงความสามารถให้บอสเผยเห็น!
เฉียวเหลียงมั่นใจมากเพราะเขาเล่นจบรอบแรกด้วยความสามารถของตัวเอง เขาสู้กับบอสมาหลายตัว ฝีมือพัฒนาขึ้นมาก
มอนสเตอร์ลิ่วล้อในหมู่บ้านเริ่มต้นไม่ใช่ปัญหาอะไรสำหรับเขาเลย
ตัวเอกพุ่งไปด้านหน้าพร้อมไม้โศกา
เฉียวเหลียงจำได้แม่นว่ามอนสเตอร์ตอนเริ่มเกมพวกนี้จะยืนโง่ๆ อยู่หน้าสุสาน มันจะโจมตีกลับก็ต่อเมื่อโดนโจมตี เขาจึงพุ่งเข้าใส่ก่อนทันที
แต่พุ่งไปได้กลางทาง มอนสเตอร์สามตัวที่ยืนอยู่ใกล้สุสานก็หันมาทันที ก่อนจะวิ่งเข้ามาล้อมเขาไว้!
เฉียวเหลียงตกใจมากกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ก็สายไปแล้วที่จะถอยหนี เขากดกลิ้งหลบตามสัญชาตญาณแล้วพบว่าตัวเองกำลังพุ่งไปทางดาบของมอนสเตอร์ตัวหนึ่ง
มอนสเตอร์ทั้งสามพุ่งเข้ามารุมแทงตัวเอก ทำให้เฉียวเหลียงตาย
หน้าจอกลายเป็นสีเทา ตรงกลางจอมีข้อความที่เขาเพิ่งจารึกไปปรากฏขึ้น เป็นข้อความสีเลือดที่เขียนด้วยตัวอักษรจีนโบราณ
“นายทำได้”
เดี๋ยวนะ ข้อความนี้ต้องให้กำลังใจฉันสิ
ทำไมให้ความรู้สึกแปลกๆ ทั้งๆ ที่ก็เป็นคำเดิม
รู้สึกกระอักกระอ่วนยังไงก็ไม่รู้
เฉียวเหลียงเกาหัว
เขารู้สึกเหมือนว่าตัวเองใช้รางวัลที่ได้จากการกำจัดบอสมาสู้กับมอนสเตอร์ลิ่วล้อ แต่กลับโดนฆ่าในเวลาแป๊บเดียว พอตายก็มีข้อความลอยขึ้นมาว่า ‘นายทำได้’
อ่านดูแล้วรู้สึกเหมือนข้อความจะสื่อว่า นายทำได้ที่โดนมอนสเตอร์ง่อยๆ ฆ่าตายทั้งๆ ที่มีอาวุธบอสอยู่ในมือ
เฉียวเหลียงไม่ค่อยพอใจกับผลลัพธ์เมื่อครู่
เขาตัดสินใจจะค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปหลังเกิดใหม่ เฉียวเหลียงจัดการมอนสเตอร์สามตัวหน้าสุสานลงได้ แต่ไม่นานก็ไปตายอีกรอบตรงทางเลี้ยวข้างหน้า
“นายทำได้”
ข้อความสีเลือดปรากฏขึ้นบนหน้าจออีกครั้ง
เฉียวเหลียง “…”
เขายกมือแตะหน้าผาก เริ่มสงสัยในความสามารถของตัวเอง
นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน…
เผยเชียนที่ดูทุกอย่างอยู่ข้างเฉียวเหลียงกำลังกลั้นขำเต็มที่
ระบบข้อความให้กำลังใจนี่สุดยอดไปเลย ได้ผลลัพธ์ตามที่คาดไว้เป๊ะ!
จริงๆ แล้วเผยเชียนคิดเอาไว้แล้วว่าไม่ว่าผู้เล่นจะใส่อะไรลงไป ข้อความให้กำลังใจก็จะกลายเป็นข้อความเยาะเย้ยแทน
ถึงผู้เล่นจะใส่ข้อความให้กำลังใจตัวเองไปว่า ‘เก่งมาก ทำได้ดีแล้ว’ พอผู้เล่นตาย มันก็จะกลายเป็นข้อความเยาะเย้ยอยู่ดี
ถ้าเกิดใส่ไปว่า ‘กาก’ ‘?’ ‘โง่’ หรือ ‘ฮ่าๆ’ ก็จะยิ่งได้ผลดีเข้าไปใหญ่
พูดง่ายๆ คือไม่ว่าผู้เล่นจะใส่ข้อความอะไรลงไป แทบทุกข้อความก็จะกลายเป็นข้อความกลับมาเยาะเย้ยและตอกย้ำซ้ำๆ จากการวางแผนของเผยเชียน!
ระบบนี้น่าจะทำให้ผู้เล่นหมดกำลังใจในการเล่นเกมต่อ ยิ่งเกมเปิดให้รีฟันด์ได้ตลอด เผยเชียนก็น่าจะเสียยอดขายและรายได้ไปได้มากทีเดียว
หึๆๆ แค่คิดก็สุขใจแล้ว!
แถมยิ่งพอได้เห็นอาจารย์เฉียวนึกสงสัยในความสามารถของตัวเอง เผยเชียนก็ยิ่งอารมณ์ดีขึ้น
เขาได้แต่คิดในใจว่า
ถึงการทำร้ายคนอื่นจะไม่ใช่เรื่องดี…
แต่มันสะใจฉิบหายเลยโว้ย!