ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี - บทที่ 33 ฤๅษีผู้แกร่งกล้า
รถปอร์เช่ คาเยนน์จอดอยู่ตรงประตูทิศใต้ของมหาวิทยาลัย
เผยเชียนกำลังจะเปิดประตูลงจากรถ
ซินไห่ลู่ยื่นมือเรียวส่งซองใส่การ์ดให้จากที่นั่งคนขับ
“ก่อนหน้านี้ บอสสั่งให้เช่าอพาร์ตเม้นต์สองห้องนอนใกล้มหาวิทยาลัยให้ นี่คีย์การ์ดกับกุญแจค่ะ”
เผยเชียนไม่ได้รับมาทันที แต่รอดูการตอบสนองจากระบบก่อน
เยี่ยม! ไม่มีการตอบกลับ! แปลว่าไม่ผิดกฎ!
ถึงค่าเสื้อผ้าและค่าเช่าอพาร์ตเม้นต์จะดูไม่เกี่ยวกับการบริหารบริษัท แต่ก็เกี่ยวข้องกับภาพลักษณ์ของเจ้าของบริษัท
จะยัดเสื้อผ้าทั้งหมดที่ซื้อมาไว้ในหอพักก็ไม่ได้ใช่ไหมล่ะ
แล้วถ้าต้องทำงานล่วงเวลาหรือเดินทางไปติดต่อธุรกิจในอนาคตขึ้นมาล่ะ จะทำอย่างไรถ้าหอพักปิดไฟแล้วหรือไม่อนุญาตให้เขาออกจากหอ
ดังนั้นจึงมีเหตุผลเหมาะสมให้เขาเช่าอพาร์ตเม้นต์
นอกจากนี้ ค่าเช่าก็ไม่ได้แพงมากเกินไป ถ้าเขาซื้อสูทราคาหลักหมื่นได้ เขาก็ต้องจ่ายค่าเช่าอพาร์ตเม้นต์ได้เป็นธรรมดา
ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในฮั่นตงปี 2009 ถึงจะเป็นอพาร์ตเม้นต์สองห้องนอนในย่านหรูก็ราคาไม่ถึงสองพันหยวน
ไม่เหมือนสิบปีข้างหน้าที่อพาร์ตเม้นต์ห้องนอนเดี่ยวในปักกิ่งราคานั้นอยู่ราวๆ เจ็ดถึงแปดพันหยวนเลยทีเดียว
พอเห็นว่าระบบไม่ได้แจ้งเตือนอะไร เผยเชียนก็รับซองใส่คีย์การ์ดมาอย่างไร้กังวล
เมื่อชายหนุ่มพลิกดูก็เจอกุญแจ คีย์การ์ด และโน้ตแผ่นเล็กเขียนอธิบายที่อยู่ของอพาร์ตเม้นต์ด้วยลายมือบรรจงของซินไห่ลู่
ย่านพักอาศัยที่ว่าไม่ได้อยู่ห่างจากประตูทิศใต้ของมหาวิทยาลัยมากนัก ห่างกันแค่ประมาณไม่กี่สิบเมตรเท่านั้น
“งั้นก็ตามนี้นะคะ พักผ่อนให้สบาย เดี๋ยวดิฉันส่งเสื้อผ้าที่ซื้อใหม่ไปที่พักของบอสภายในสองสามวันนี้ค่ะ”
รถปอร์เช่ คาเยนน์จากไป
เผยเชียนรู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก
การที่ระบบไม่ได้ห้ามปรามอะไรหมายความว่าเขากำลังทำสิ่งที่ถูกต้องอยู่!
เผยเชียนเดินเข้าไปในย่านพักอาศัยสุดหรูใกล้มหาวิทยาลัยพลางตรวจดูคีย์การ์ด
สมัยอยู่มหาวิทยาลัย เผยเชียนเคยได้แต่มองย่านนี้อยู่ไกลๆ ไม่เคยเข้ามาเลยสักครั้ง
พอเดินตามที่อยู่ในโน้ต เขาก็เจออพาร์ตเม้นต์สองห้องนอนของตัวเอง
เขาตะลึงงันหลังจากเปิดประตูเข้าไป
ถึงจะเป็นอพาร์ตเม้นต์สองห้องนอน แต่ขนาดกลับใกล้เคียงอพาร์ตเม้นต์สามห้องนอน กะดูคร่าวๆ น่าจะมีพื้นที่ประมาณหนึ่งร้อยสี่สิบตารางเมตร
ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ครบครัน
ผ้าปูที่นอน ผ้าห่ม และเครื่องอาบน้ำต่างๆ ก็เตรียมไว้พร้อมสรรพ
อพาร์ตเม้นต์นี้เป็นที่ที่แค่ลากกระเป๋าเข้ามาก็พร้อมอยู่ได้เลย
เอาเข้าจริง ไม่ต้องลากกระเป๋ามาก็อยู่ได้
ทันทีที่เผยเชียนนั่งลงบนโซฟา ก้นเขาก็รู้สึกไม่อยากลุกออกไปไหนอีกตลอดชีวิต
เมื่อเทียบกับที่นี่แล้ว หอพักนักศึกษาก็ไม่ต่างอะไรจากกรงนก!
ไม่สิ กรงนกยังดูดีและเย็นสบายกว่าด้วยซ้ำ!
หลังจากนั่งเหม่ออยู่บนโซฟาครู่หนึ่ง เผยเชียนก็เรียกสติตนเองกลับมาแล้วเริ่มทำงาน
เขาจะลุ่มหลงกับความสะดวกสบายนี้ไม่ได้! เขามีฝันที่ต้องทำ!
ยังมีเงินต้องผลาญ!
เผยเชียนเปิดหน้าต่างระบบขึ้นมาตรวจดูเงินทุนระบบ
<ระบบแปลงความมั่งคั่ง>
<เจ้าของ: เผยเชียน>
<อัตราแปลงกำไรอยู่ที่ 100:1 อัตราการขาดทุนอยู่ที่ 1:1>
<เงินทุนระบบ: 271,145.5 (↓228,854.5)>
<ความมั่งคั่งส่วนบุคคล: 1,957.6>
รายได้สัปดาห์แรกของเขาอยู่ที่ประมาณห้าแสนกว่าหยวน ส่วนสัปดาห์ที่สองได้มาเจ็ดแสนกว่าหยวน ถึงรายได้สัปดาห์ที่สามจะยังไม่เข้า แต่กะดูคร่าวๆ น่าจะอยู่ที่ประมาณเจ็ดถึงแปดแสนหยวน
จากข้อมูลนี้ ที่เผยเชียนคาดไว้ว่ารายได้รวมเดือนนี้จะอยู่ที่ห้าล้านหยวนนั้นค่อนข้างถูกต้อง เพียงแค่รายได้รวมจริงๆ นั้นน้อยกว่าที่คาดไว้เล็กน้อย
เขาใช้เงินไปมากกว่าเจ็ดแสนหยวนเพื่อเช่าพื้นที่ทำเป็นสำนักงานและจะต้องเสียเงินเพิ่มอีกสามแสนกว่าหยวนต่อเดือนเป็นค่าเช่าด้วย
ค่าอุปกรณ์สำนักงานอยู่ที่ประมาณแปดแสนกว่าหยวน เขากะว่าจะจ่ายก้อนนี้ทันทีที่รายได้ของสัปดาห์หน้าเข้า
ส่วนค่าเสื้อผ้า ค่าเช่ารถและอพาร์ตเม้นต์รวมกันอยู่ที่ประมาณหนึ่งแสนกว่าๆ เป็นจำนวนเล็กน้อยที่เผยเชียนไม่ได้สนใจอะไรมาก
ถึงจะยังมีเงินทุนระบบเหลืออยู่ แต่ถ้าคำนวณจากเงินทุนระบบของรอบนี้ที่ได้มาห้าแสนหยวน เขาก็ผลาญไปได้แล้วถึงสองแสนกว่าหยวน!
ถือเป็นผลลัพธ์ที่น่าทึ่ง!
แต่แน่นอนว่ายังมีเรื่องที่เขาต้องจัดการอีก
ในเมื่อตอนนี้เผยเชียนเช่าพื้นที่ทำสำนักงานแล้ว ต่อไปก็ต้องจ้างพนักงาน ไม่อย่างนั้นระบบจะต้องเตือนแน่ว่าทำไมถึงเช่าที่กว้างๆ มาปล่อยทิ้งไม่ทำอะไร
“ได้เวลาคิดว่าจะจ้างคนแบบไหนแล้ว”
“จ้างคนที่เก่งเกินไปก็ไม่ได้ เดี๋ยวจะไปกระทบแผนที่วางไว้”
“จ้างคนที่ขี้เกียจเกินไปก็ไม่ได้อีกเพราะต้องสร้างเกม ไม่งั้นจะทำตามที่ระบบกำหนดไม่ได้”
“อืม…นี่เป็นงานด้านเทคนิค ฉันต้องคิดดีๆ”
ยิ่งเผยเชียนคิดเรื่องนี้มากเท่าไร เรื่องก็ดูยากขึ้นเท่านั้น
แต่เพื่อความสุขในตอนนี้และในอนาคต ถึงจะเป็นเรื่องยากก็ต้องลองทำดู
หลังจากครุ่นคิดไปมา ในที่สุดเผยเชียนก็สรุปได้อย่างหนึ่ง
นั่นก็คือ เขาต้องหาพนักงานเอาเองจะดีกว่าหาทางออนไลน์!
เพราะถ้าโพสต์ตำแหน่งงานลงช่องทางออนไลน์ คนที่คิดว่ามีคุณสมบัติตรงตามที่ระบุก็จะสมัครเข้ามา
คนแบบที่เผยเชียนอยากจ้างจะไม่กล้าสมัครตำแหน่งที่ว่า
พูดง่ายๆ ก็คือ คุณสมบัติที่กำหนดไว้ต่ำแล้วนั้นยังต่ำไม่พอ
จะโพสต์จ้างงานออนไลน์ต้องเขียนอธิบายดีๆ
ถ้าเผยเชียนลงโพสต์ไปว่าต้องการหาคนมานั่งเล่นไม่ทำอะไร ระบบต้องเตือนเขาแน่
มี ‘คนที่ไว้ใจได้’ แบบหม่าหยางแค่คนเดียวนั้นไม่พอจริงๆ
แล้วเขาจะไปหาคนมีพรสวรรค์แบบหม่าหยางได้จากไหนอีก
หลังจากครุ่นคิดอย่างหนัก เผยเชียนก็นึกถึงคนคนหนึ่งขึ้นมา
ถ้าจ้างคนนี้มาทำงานได้ ทุกอย่างจะต้องสมบูรณ์แบบ!
…
หลังจากมองหาตามร้านอินเทอร์เน็ตใกล้มหาวิทยาลัยไปสามร้าน เผยเชียนก็พบบุคคลที่เขาต้องการ
คนผู้นี้ไม่ได้อยู่ที่ไหนเป็นหลักเป็นแหล่ง แต่ก็สามารถตามตัวได้ตามร้านอินเทอร์เน็ตใกล้ๆ ถ้าไม่ได้อยู่สักร้านแสดงว่ากำลังอยู่ระหว่างเดินทางไปอีกร้าน
ที่เป็นแบบนั้นก็เพราะนั่งอยู่ร้านเดิมนานเกินไปจนเบื่อ เลยออกไปเปลี่ยนบรรยากาศที่ร้านใหม่และใช้เวลาอยู่ที่นั่นสักสองสามสัปดาห์ค่อยย้ายที่อีก
บุคคลระดับเทพนี้มีชื่อว่าเปาซวี่ แต่ทุกคนที่ร้านอินเทอร์เน็ตชอบเรียกเขาว่าเปาสู่
คำว่า ‘สายฟาร์มจนตับพัง’ เพิ่งจะมานิยมใช้กันช่วงสองสามปีหลังจากนี้
แต่กรณีของเปาซวี่ จะไปเรียกเขาว่าเป็นผู้เล่นสายฟาร์มจนตับพังก็จะเป็นการดูถูกจนเกินไป
ควรเรียกเขาว่าเป็น ‘มหาสายฟาร์มจนตับระเบิด’ มากกว่า!
เปาซวี่ในตอนนี้ยังไม่ได้เป็นที่รู้จักของใครหลายคน
แต่ไม่นานชื่อของเขาจะดังไปทั่วมหาวิทยาลัย
นั่นเพราะสองเหตุการณ์นี้
เหตุการณ์แรกคือเขาใช้เวลาตั้งแต่ช่วงปลายฤดูหนาวต้นฤดูใบไม้ผลิจนถึงฤดูร้อนตอนปีหนึ่งฟาร์มเลเวลกับไอเทมในเกมที่ร้านอินเทอร์เน็ต
ตอนที่อากาศร้อนจัดของช่วงฤดูร้อนมาถึงและทุกคนหันมาสวมเสื้อกล้ามกางเกงขาสั้นกันแล้ว แต่เขายังใส่เสื้อสเวตเตอร์กับกางเกงวอร์มขายาวอยู่เลย แถมยังมีเสื้อโค้ตแขวนอยู่ตรงพนักเก้าอี้ด้วย
นั่นเป็นเพราะเขาไม่กลับหอพักเลยและไม่มีเวลาไปเปลี่ยนชุด
พอเหนื่อยก็เอนเบาะเก้าอี้นอน
พอตื่นก็ไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำแล้วกลับมาฟาร์มต่อ
วันเวลาของเขาเป็นไปอย่างนั้น ไม่ได้สนใจฤดูกาล
หลังเหตุการณ์นั้น เขาก็ถูกเรียกว่า ‘น้องกางเกงวอร์ม’
เหตุการณ์ที่สองเกิดขึ้นช่วงปีสอง ทางมหาวิทยาลัยขอให้เขาดร็อปเรียนเพราะขาดเรียนมากเกินไป
ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังนั่งฟาร์มเกมอยู่ร้านอินเทอร์เน็ต
ครอบครัวติดต่อเขาไม่ได้ จนคิดว่ามีอะไรไม่ดีเกิดขึ้นและเขาตายไปแล้ว
เงินค่าใช้จ่ายมาจากการขายไอเทมในเกมและเปิดบริการพาฟาร์มเลเวลรวมถึงไอเทม เขาใช้ชีวิตแบบนั้นไปอีกสองสามปีที่ร้านอินเทอร์เน็ต
นี่คือความเทพของคนผู้นี้
แน่นอนว่าสำหรับคนส่วนใหญ่ เปาซวี่เป็นเหมือนคนป่วยติดอินเทอร์เน็ตระยะสุดท้ายที่ต้องช็อตไฟฟ้าเพื่อรักษา
แต่เผยเชียนกลับเห็นเป็นเรื่องดี
คนแบบนี้คือเกมเมอร์ขั้นเทพตัวจริง
คนแบบนี้รู้จักเกมส่วนใหญ่ในตลาดเป็นอย่างดี สามารถตอบคำถามเรื่องการออกแบบเกมได้
จ้างเกมเมอร์ขั้นเทพแบบนี้ไว้เป็นพนักงานก็เป็นเรื่องที่เหมาะสมจริงไหม
แต่ก่อนอื่นหมอนั่นต้องจัดการกับตัวเองก่อนเป็นอันดับแรก
นอกจากนี้เผยเชียนยังชื่นชมเอกลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของเปาซวี่ด้วย นั่นคือเขาเล่นเกมเก่งมาก แต่ไม่รู้เรื่องการออกแบบเกมเลยสักนิด!
คนแบบนี้แหละที่จะพาพวกเขาไปผิดทางได้ง่ายที่สุด
เช่น ถ้าคนคนหนึ่งอยากเป็นเชฟเก่งๆ เขาก็ต้องแยกแยะได้ว่าอะไรอร่อยไม่อร่อย
แต่กลับกัน ต่อให้มีคนที่รับรู้รสชาติได้ดีและพิถีพิถันเรื่องรสชาติอาหารมาก เขาผู้นั้นจะเป็นเชฟยอดฝีมือได้หรือเปล่า
ก็ไม่
เอาเข้าจริง ยิ่งเป็นคนเรื่องมากเรื่องอาหารเท่าไหร่ก็ยิ่งยากที่จะเป็นเชฟได้
คนที่สุดโต่งเกินไปนั้นไม่ใช่ว่าจะดี
จริงอยู่ที่ผู้พัฒนาเกมส่วนใหญ่มีใจรักเรื่องเกม แต่ถ้าคลั่งมากเกินไปก็ไม่ใช่เรื่องดี
คนที่คลั่งเกมมากเกินไปอาจไม่สามารถตัดสินใจได้อย่างมีเหตุผล และอาจเข้าใจเรื่องเกมผิดไปจากที่เกมเมอร์ส่วนใหญ่เป็น
ดังนั้นเผยเชียนจึงคิดว่าเปาซวี่เป็นคนที่มีคุณสมบัติเหมาะสม
เหตุผลหนึ่งก็มาจากที่เปาซวี่เป็นคนคลั่งเกม ระบบไม่น่าห้ามอะไรถ้าจะจ้างคนที่เล่นแต่เกมจนเทพมาเป็นพนักงานแล้วให้เงินเดือนสูงๆ
อีกเหตุผลหนึ่งคือ เขาเป็นคนที่ไม่รู้เรื่องการออกแบบเกม เป็นไปได้สูงที่จะตินั่นตินี่แล้วพาทุกอย่างเละเทะไปหมด
ช่างเป็นพนักงานที่เหมาะที่สุด!
แต่เผยเชียนก็ไม่มั่นใจว่าจะทำให้เปาซวี่ยอมมาทำงานด้วยได้หรือเปล่า
เพราะอย่างไร คนผู้นี้ก็เป็นคนที่ครอบครัวคิดว่าตายไปสองปีแล้ว
เป็นเรื่องยากมากที่จะคิดหาวิธียอมทำให้เขาออกจากร้านอินเทอร์เน็ตได้
………………..