ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี - บทที่ 36 เงินเดือนที่คาดหวัง
แฝดสาวสร้างผลกระทบได้อย่างที่ตั้งใจไว้จริงๆ เพราะหวงซื่อปั๋วตะลึงงันไปทันทีที่ก้าวเข้ามาในบริษัท
บริษัทที่มีเงินจ้างพนักงานต้อนรับแบบนี้จะขัดสนเรื่องเงินหรือ
ไม่มีทาง!
น่าเสียดายที่บริษัทนี้ตั้งคุณสมบัติไว้สูงจนเขาไม่สามารถเข้าได้
ไม่อย่างนั้น ถ้าเขาไปบอกคนอื่นว่าทำงานบนตึกเฉินฮว่าแกรนด์วิว แถมมีแฝดสาวสุดสวยเป็นพนักงานต้อนรับ ใครๆ ก็ต้องอิจฉาแน่!
หวงซื่อปั๋วมองโต๊ะทำงาน
เขาต้องอึ้งไปอีกครั้ง!
โต๊ะทุกตัวใหญ่มาก!
ทำไมโต๊ะแต่ละตัวตั้งห่างกันขนาดนั้น ที่นี่ไม่เสียค่าเช่าหรืออย่างไร
ที่ว่างระหว่างโต๊ะกว้างพอจะเล่นแบดมินตันได้ด้วยซ้ำ!
โต๊ะแต่ละตัวมีจอขนาดใหญ่คุณภาพสูงสองตัวตั้งอยู่ มองแค่แวบเดียวก็รู้ว่าเป็นของแพง
ตรงหน้าต่างมีต้นไม้ตั้งเรียงราย แต่ละต้นดูแพงและได้รับการดูแลเป็นอย่างดี
หวงซื่อปั๋วรู้สึกเหมือนตัวเองได้กลับชาติมาเกิดในซีรีส์ที่มีตัวเอกเป็นไอดอลวัยรุ่นไม่มีผิด
บริษัทที่เห็นในซีรีส์เป็นแบบนี้เลย
แต่ความเป็นจริงไม่เหมือนในซีรีส์
เขายังคงคร่ำครวญเสียดายในใจที่บริษัทนี้ตั้งคุณสมบัติไว้สูงเกินไปจนตัวเองเข้าไม่ได้
หวงซื่อปั๋วเดินไปที่โต๊ะต้อนรับพร้อมแจ้งชื่อ ไหนๆ ก็มาแล้วลองสัมภาษณ์ดูแล้วกัน
“รอสักครู่นะคะ เดี๋ยวดิฉันไปแจ้งผู้สัมภาษณ์ก่อนค่ะ”
พนักงานต้อนรับตอบกลับพร้อมยิ้มกว้าง นอกจากการบริการจะสิบเต็มสิบแล้ว รอยยิ้มของเธอยังช่วยเยียวยาจิตใจได้ดีเหลือเกิน
“ตามดิฉันมาเลยค่ะ”
พนักงานต้อนรับยืนขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มเปล่งประกาย ก่อนจะนำทางหวงซื่อปั๋วไป
เขาแปลกใจเมื่อพบว่าบริษัทไม่ค่อยมีอะไรเลย
ตอนแรกเขากังวลขึ้นมาว่าตัวเองจะโดนหลอกหรือเปล่า
แต่เมื่อเห็นการตกแต่งภายในของบริษัท เขาก็รู้ว่าคงไม่ใช่แบบนั้น
พวกต้มตุ๋นที่ไหนจะยอมทุ่มเงินตรงส่วนนี้กัน
พวกต้มตุ๋นต้องคิดถึงผลกำไรไม่ใช่หรือ ถ้าลงทุนซื้อของตกแต่งขนาดนี้แล้วจะต้องหลอกคนตั้งกี่คนกว่าจะคืนทุน!
ด้วยเหตุผลที่ว่า บริษัทนี้ต้องไม่ขัดสนเรื่องเงินแน่
นี่เป็นบริษัทใหม่ที่เปิดโดยคนรวย และน่าจะเปิดเพื่อต้อนรับกระแสเกมคลาวด์
หวงซื่อปั๋วมั่นใจว่าตนรู้เบื้องลึกเบื้องหลังของเรื่องราวทั้งหมดแล้ว
พอมาถึงห้องรับรองแขกเขาก็พบชายหนุ่มคนหนึ่งที่นั่งอยู่บนโซฟา
เป็นชายสวมสูทหน้าตาดูดี
จู่ๆ ชายหนุ่มก็รู้สึกต่ำต้อยขึ้นมา
ชุดสูทของคนคนนี้ดูแพงกว่าชุทสูทของเหล่าพนักงานบริษัทจัดการลงทุนที่เขาเจอด้านนอกอีก!
เอาเข้าจริงหวงซื่อปั๋วไม่สามารถประเมินราคาของสูทได้ แต่ก็มั่นใจว่าคงจะเกินกว่าที่เขาคาดคิดไว้ไปอีก
หวงซื่อปั๋วเคยไปลองสัมภาษณ์งานบริษัทเกมมาสองสามแห่งซึ่งทุกคนใส่ชุดสบายๆ กันหมด
แม้แต่คนสัมภาษณ์ยังใส่แค่เสื้อกล้ามกับกางเกงบ๊อกเซอร์ ตอนไปถึงพวกเขายังอยู่ที่โต๊ะทำงานอยู่เลย จากนั้นก็ค่อยเดินมาสัมภาษณ์งานที่ห้องประชุม
แต่ที่นี่ไม่ใช่แบบนั้น ดูแล้วคนสัมภาษณ์ไม่น่าจะใช่คนธรรมดาทั่วไป
หวงซื่อปั๋วรู้สึกกังวลขึ้นมา
“หวงซื่อปั๋วใช่ไหม เชิญนั่งก่อน ผมเผยเชียน เป็นประธานบริษัทเถิงต๋าเน็ตเวิร์กเทคโนโลยี”
ชายหนุ่มที่นั่งอยู่อีกฝั่งลุกขึ้นยืนพร้อมยื่นมือมาจับทักทาย
พอเห็นความเป็นกันเองของอีกฝ่าย หวงซื่อปั๋วก็เสียงสั่น “ส…สวัสดีครับ บอสเผย”
“ทำตัวสบายๆ เราแค่มาคุยกันสักเล็กน้อยเฉยๆ ดื่มชาสักหน่อยสิครับ” เผยเชียนเลื่อนถ้วยชาที่ทำจากเงินบริสุทธิ์ไปหาหวงซื่อปั๋ว
หวงซื่อปั๋วมองถ้วยชาเงินตรงหน้า ไม่สามารถเดาได้เลยว่าราคาเท่าไหร่
ถึงเขาจะไม่เคยเห็นเผยเชียนมาก่อน แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เขาหยุดคิดจินตนาการไปได้
เด็กหนุ่มมากความสามารถ!
ผู้สร้างเกมที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ถึงสองเกม!
ดูท่าทางสบายๆ ตอนดื่มชากับหยิบจับชุดชาสิ! มันไม่ใช่สิ่งที่จะแสร้งทำเอาได้สักนิด!
คนคนนี้ต้องเป็นคนที่ไม่ได้ใส่ใจเรื่องเงินแน่!
หวงซื่อปั๋วรู้สึกว่าในสายตาของบอสเผย ถ้วยชาเงินนี้ไม่ได้ต่างอะไรจากแก้วกระดาษเลย
นั่นทำให้หวงซื่อปั๋วรู้สึกกังวลขึ้นมาอีกครั้ง
“เล่าประสบการณ์การทำงานมาคร่าวๆ ให้ฟังหน่อยครับ” เผยเชียนพูดพร้อมยิ้มให้
หวงซื่อปั๋วรู้สึกได้ถึงใจที่เต้นถี่รัวและริมฝีปากที่เริ่มแห้งผาก
แต่เขาก็พยายามอย่างที่สุดเพื่อข่มความกังวลในใจแล้วเล่าประสบการณ์ทำงานให้อีกฝ่ายฟังคร่าวๆ
ระหว่างที่กำลังอธิบาย เขาพูดตะกุกตะกักและพูดผิดไปสองสามเรื่อง ทำให้ยิ่งกังวลใจเพิ่มขึ้นไปอีก
เผยเชียนจิบชาขณะฟังเขาอธิบาย รอยยิ้มบางผุดขึ้นบนใบหน้า คาดเดาไม่ได้เลยว่ากำลังคิดอะไรอยู่
หวงซื่อปั๋วรู้สึกหดหู่ใจ
ซวยแล้ว เขาต้องคิดว่าประสบการณ์ทำงานของฉันมันจิ๊บจ๊อยมากแน่!
บอสเผยต้องเยาะเย้ยฉันอยู่ในใจแน่เลย!
เขากำลังดูถูกว่าฉันไม่รู้สถานะตัวเอง ความสามารถแค่นี้แต่กลับใจกล้าหน้าด้านมาสัมภาษณ์งานที่นี่
ใบหน้าของเขาเริ่มขึ้นสี หวงซื่อปั๋วแนะนำตัวอย่างตะกุกตะกักไปจนจบ ในใจคิดอยากจะพุ่งหนีออกไปอย่างเดียว
“ยอดเยี่ยม!”
พอฟังหวงซื่อปั๋วแนะนำตัวเสร็จ เผยเชียนก็พยักหน้าพร้อมยิ้มออกมา
ยอดเยี่ยมอย่างนั้นหรือ
หวงซื่อปั๋วคิดว่าตัวเองหูฝาด
นี่พูดประชดหรือเปล่า
เขาทำงานกับบริษัทเก่ามาแค่หกเดือน แถมยังเป็นแค่ลูกน้องของหัวหน้าหลิว ส่วนใหญ่ได้แต่ทำงานง่ายๆ ทั่วไป
ประสบการณ์ทำงานของเขาแทบไม่มีค่าอะไรเลยด้วยซ้ำ
แต่บอสเผยกลับบอกว่า ‘ยอดเยี่ยม’ อย่างนั้นหรือ
หมายความว่าอะไรกัน เขากำลังหัวเราะเยาะฉันอยู่หรือเปล่า
หวงซื่อปั๋วไม่รู้ว่าจะตอบอะไรกลับไปอยู่ครู่หนึ่ง
พอเห็นสีหน้าของหวงซื่อปั๋ว เผยเชียนก็รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังเข้าใจผิดจึงรีบอธิบาย
“ผมจะบอกว่าความสามารถของคุณตรงกับที่บริษัทของเราต้องการ จะเริ่มงานได้เมื่อไหร่เหรอครับ”
“เอ่อ ผมเหรอ…เริ่มงานได้วันมะรืนนี้ครับ…”
หวงซื่อปั๋วบอกวันไปคร่าวๆ
ถึงอย่างไรคนไม่สำคัญอย่างเขาจะลาออกเมื่อไหร่ก็ได้โดยไม่ต้องห่วงว่าจะต้องส่งงานต่อให้ใคร
“เยี่ยมเลย ถ้าอย่างนั้นเข้ามาทำงานวันมะรืนนี้ได้เลย ไปลาออกให้เรียบร้อยนะครับ ทางนี้จะได้เซ็นสัญญาจ้างคุณได้”
“แล้วเรื่องเงินเดือนกับสวัสดิการ ได้คิดเรื่องนี้ไว้บ้างไหมครับ” เผยเชียนถาม
เงินเดือนกับสวัสดิการ…
ที่บริษัทเก่า หวงซื่อปั๋วได้เงินเดือนในอัตราต่ำสุดที่หนึ่งพันห้าร้อยหยวนต่อเดือน ไม่มีประกันชีวิตหรือเงินค่าเช่าให้
เงินจำนวนนี้พอให้เขาใช้ชีวิตไปได้ แต่ไม่มีเงินเก็บ
ถ้าได้ทำงานที่นี่ แค่สภาพแวดล้อมการทำงานก็คุ้มแล้ว!
ส่วนเรื่องเงินเดือน ได้เท่าเดิมก็ไม่ติดขัดอะไร
แต่พอคิดดูอีกที หวงซื่อปั๋วก็คิดว่าตนควรขอขึ้นเงินเดือนเพราะเปลี่ยนงานมา
ตอนนี้เขามีประสบการณ์ทำงานหกเดือนแล้ว คงจะไม่มากเกินไปถ้าจะขอขึ้นเงินอีกสักสี่ร้อยหยวน
ถ้าอย่างนั้น…ปัดขึ้นเป็นสองพันหยวนไปเลยจะได้ไหมนะ
แค่คิดถึงตัวเลขที่ว่า หวงซื่อปั๋วก็คิดว่าตัวเองขอมากเกินไป
แต่ไหนๆ ก็ยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดแล้ว เขาจึงลองถามออกไป
“เดือนละสองพันหยวน…ได้ไหมครับ ไม่ต้องห่วงนะครับบอสเผย ผมเป็นคนรับผิดชอบมาก ไม่บ่นเรื่องต้องทำงานล่วงเวลาด้วย!”
เผยเชียนถอนหายใจเบาๆ พร้อมส่ายหน้า
หวงซื่อปั๋วใจตกไปอยู่ตาตุ่ม
อะไรกัน ฉันขอมากไปหรือ
เฮ้อ ก็ขอมากไปจริงๆ แหละ…
หวงซื่อปั๋วทำได้แค่รอเผยเชียนลดจำนวนเงินลง สำหรับเขาแล้ว ขอแค่ไม่น้อยจนน่าเกลียดเกินไป เขาก็สามารถรับข้อเสนอนี้ได้
เผยเชียนส่ายนิ้วพร้อมตอบกลับ “ให้ผมคำนวณให้ดีกว่า”
หวงซื่อปั๋วกลืนน้ำลายแล้วพยักหน้ารอฟัง เขารู้ว่านี่เป็นกลยุทธ์ทั่วไปในการปรับลดข้อเสนอ
เผยเชียนเรียบเรียงความคิด
“เช่าที่พักในจิงโจวอยู่ที่ประมาณหนึ่งพันหยวนต่อเดือน ไม่แพงไปใช่ไหมครับ”
“ค่าอาหาร ต่อเดือนจะตกอยู่ที่ประมาณแปดร้อยหยวนรวมไปเลี้ยงข้าวเพื่อน ไม่แพงไปใช่ไหมครับ เด็กมหา’ลัยยังใช้เงินมากกว่านี้เลย!”
“คุณต้องซื้อเสื้อผ้าใหม่บ้างสักสองสามชุดต่อเดือน ก็เพิ่มไปอีกสามร้อยหยวน ไม่เยอะไปใช่ไหมครับ”
“บิลค่านั่นค่านี่อีกล่ะ ค่าของใช้ประจำวัน บวกไปอีกสองร้อยหยวน ไม่แพงไปใช่ไหมครับ”
“ค่าเดินทางล่ะ เดือนละร้อยหยวน ค่อนข้างถูกนะ”
“ถ้าคุณมีแฟนอีกล่ะ ต้องซื้อเครื่องสำอางให้เธอบ้าง จ่ายเพิ่มไปอีกเดือนละสามร้อยหยวน”
“คนหนุ่มสาวจะใช้เงินเดือนหมดก็ไม่ได้ ต้องมีเงินเก็บอีกสักประมาณห้าร้อยหยวน”
“เห็นไหมครับ หักภาษีแล้วก็ตั้งสามพันกว่าหยวน”
“บริษัทของเราเข้าข่ายนโยบายของรัฐ ต้องจ่ายภาษี มีประกันชีวิต และครอบคลุมค่าเช่าให้ลูกจ้าง ถ้าจะให้ครอบคลุมรายจ่ายทั้งหมดของคุณ คุณต้องหาเงินให้ได้สามพันห้าร้อยหยวนก่อนหักภาษี!”
“อีกอย่างบริษัทของเรามีนโยบายให้เงินเดือนและสวัสดิการพนักงานดีกว่าบริษัทอื่นๆ ในอุตสาหกรรมนี้ งั้นก็เพิ่มเข้าไปอีกห้าร้อยถึงจะฟังดูเข้าที”
“ถ้างั้นก็เป็นสี่พันหยวนต่อเดือน! คิดว่ายังไงครับ”
……………………