ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี - บทที่ 49 เทียนหัวสตูดิโอ
กว่างโจว
เทียนหัวสตูดิโอ
“บริษัทเถิงต๋าเน็ตเวิร์กเทคโนโลยีเหรอ”
“พวกเขาอยากมาดูงานที่บริษัทเรางั้นเหรอ”
โจวมู่หยันตะลึงงันไป
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาพบว่ามีบริษัทเกมอยากศึกษาดูงานบริษัทเกมอื่น!
ปกติแล้วมีแค่นักศึกษามหาวิทยาลัยเท่านั้นที่มาศึกษาดูงานเก็บประสบการณ์ไว้ใช้หลังเรียนจบ
ไม่มีบริษัทเกมไหนจัดกิจกรรมแบบนี้ให้พนักงาน!
อย่างน้อยก็ภายในประเทศ
นั่นก็เพราะบริษัทเกมภายในประเทศส่วนใหญ่เน้นหากำไร การศึกษาดูงานระยะไกลมีค่าใช้จ่ายสูง!
ค่าตั๋วเครื่องบินสำหรับคนประมาณสามสิบคน ค่าโรงแรม รวมถึงรายจ่ายอื่นๆ ไหนจะต้องหยุดงานช่วงที่ไปศึกษาดูงานอีก เอามารวมกันแล้วก็เสียหายหลายแสนเลยทีเดียว
นอกจากนี้ กิจกรรมแบบนี้ก็ไม่ได้เป็นประโยชน์กับบริษัทเท่าไหร่ เป็นการเสียเงินไปเปล่าๆ มากกว่า
ถึงจะบอกว่ามาศึกษาดูงาน คำถามคือมีอะไรให้ศึกษา
บริษัทไหนจะโง่ยอมให้ศึกษากัน…
ความคิดแรกที่ผุดขึ้นในหัวโจวมู่หยันคือบอกปฏิเสธไป
เขาเป็นโปรดิวเซอร์ประจำสตูดิโอเทียนหัว ค่อนข้างมีชื่อเสียงในวงการทีเดียว
ว่ากันตามตรงแล้ว เขามีชื่อเสียงในทางลบมากกว่า เนื่องจากมีหลายคนก่นด่าสตูดิโอเทียนหัว โจวมู่หยันจึงโดนด่าไปด้วยเพราะเป็นโปรดิวเซอร์
โจวมู่หยันเป็นชื่อเล่นของเขา ไม่ใช่ชื่อจริง ทางภาคใต้ หลายๆ บริษัทมีการตั้งชื่อเล่นเพราะเป็นกระแสนิยม สตูดิโอเทียนหัวเองก็ทำเหมือนกัน
ตอนนี้สตูดิโอเทียนหัวกำลังสร้างเกมออนไลน์แนว FPS เริ่มกระบวนการสร้างมามากกว่าหนึ่งปีแล้ว กำลังจะเปิดให้ทดลองเล่นเวอร์ชันเบต้า
ในช่วงวุ่นวายนี้ โจวมู่หยันไม่คิดที่จะต้อนรับเหล่าพนักงานของบริษัทเกมจากมณฑลชายขอบอย่างฮั่นตงแน่
“บอสโจว บริษัทนี้ดังมากค่ะ! พวกเขาเป็นผู้สร้างเกมแม่ทัพผี! ดิฉันว่าเราควรแบ่งเวลาไปพบปะพูดคุยกับพวกเขา ถ้าบอสไม่มีเวลา เราให้พี่ซุนไปแทนก็ได้ค่ะ ดิฉันว่าพาพวกเขาชมรอบบริษัทก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรเรามากมาย” สาวฝ่ายบริการจัดการที่ติดต่อกับซินไห่ลู่อธิบาย
“พวกเขาสร้างเกมแม่ทัพผีเหรอ!”
โจวมู่หยันนิ่งงันไป เขาคิดว่าที่หญิงสาวพูดมานั้นดูมีเหตุผล
อย่างที่เขาว่ากัน ยิ่งมีเพื่อนเยอะ ก็ยิ่งมีตัวเลือกในชีวิตเยอะขึ้น
ถึงพวกเขาจะเป็นคู่แข่งกัน การปฏิเสธน้ำใจอีกฝ่ายที่เดินทางมาไกลเพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็นกันก็จะดูใจดำเกินไป
นอกจากนี้ โจวมู่หยันรู้จักเกมแม่ทัพผีที่เป็นเกมมือถือสุดฮิตในช่วงนี้ ชัดเจนเลยว่าผู้สร้างเกมนี้ไม่ใช่คนโง่
บางทีอาจเป็นความคิดที่ดีที่จะทำความรู้จักกับคนแบบนี้เอาไว้
ถึงอย่างไรก็ใช้เวลาอย่างมากสุดแค่วันเดียว พาพวกเขาเดินรอบๆ ออฟฟิศก็ไม่ได้รบกวนงานอะไรด้วย
พอคิดแบบนั้น โจวมู่หยันก็พยักหน้า “โอเค ตอบตกลงไป ตกลงวันกับพวกเขาก่อน เดี๋ยวผมจะเป็นคนไปทักทายพวกเขาเอง”
“ได้ค่ะ บอสโจว แล้วก็รายชื่อคัดเด็กใหม่ออกเสร็จเรียบร้อยแล้ว รบกวนช่วยตรวจดูด้วยค่ะ”
โจวมู่หยันไล่สายตามองรายชื่อ
“นอกจากหลินหวาน ไล่ที่เหลือออกให้หมดตามกระบวนการ”
“รับทราบค่ะ” หญิงสาวไม่ได้ถามอะไรต่อแล้วกลับออกไปพร้อมรายชื่อ
ระบบไล่พนักงานระดับล่างสุดออกเป็นสิ่งที่พบเห็นได้ทั่วไปในบริษัทเกมหลายแห่ง โดยเฉพาะบริษัทที่จ้างคนส่วนใหญ่จากมหาวิทยาลัย
เทียนหัวสตูดิโอเองก็เป็นหนึ่งในนั้น พวกเขาจ้างเด็กจบใหม่และจัดประเมินงานหลังจากทำงานไปได้สองสามเดือน สิบห้าเปอร์เซ็นต์ของพนักงานระดับล่างสุดจะโดนไล่ออก
พวกเด็กจบใหม่ที่โดยไล่ออกจะตกอยู่ในสถานการณ์สุดเลวร้าย
อย่างแรกเลยคือ พวกเขาจะไม่ได้อยู่ในสถานะเด็กจบใหม่อีกต่อไป ไม่สามารถเข้าร่วมการรับสมัครนักศึกษามหาวิทยาลัยของบริษัทต่างๆ ได้ อย่างที่สองคือ พวกเขาทำงานได้แค่ไม่กี่เดือนก็โดนไล่ออก ซึ่งย่อมส่งผลกระทบต่อการหางานในอนาคต
พูดอีกอย่างก็คือ การตัดสินใจเดียวของโจวมู่หยันได้สร้างอุปสรรคหนักหนาในเส้นทางการทำงานให้กับเหล่าเด็กจบใหม่ที่โดนไล่ออก!
แต่โจวมู่หยันกลับไม่ได้มองว่าระบบนี้มีปัญหาอะไร ถึงจะรู้ดีว่าพวกเด็กจบใหม่ที่โดนไล่ออกจะต้องก่นด่าสาปแช่งตนเองและครอบครัว เขาก็ไม่ได้สนใจ
สำหรับโจวมู่หยัน อุตสาหกรรมเกมนั้นมีเพียงผู้ที่เหมาะสมที่สุดเท่านั้นถึงจะอยู่รอด!
ไม่มีความเห็นอกเห็นใจใดๆ ในสภาพแวดล้อมอันแสนโหดร้ายนี้
แต่ก็แน่นอนว่ามีคนหนึ่งในรายชื่อที่ได้รับการยกเว้น ซึ่งก็คือหลินหวาน
หลินหวานเป็นเด็กสาวที่ก็เหมือนคนอื่นๆ เธอจบจากมหาวิทยาลัยมีชื่อเสียงในปักกิ่งและมีคุณสมบัติสูงทีเดียว
ถ้าดูจากรายชื่อประเมินคัดออก หลินหวานอยู่ในกลุ่มสิบห้าเปอร์เซ็นต์ของพนักงานระดับล่าง
ความผิดพลาดของเธอก็เหมือนกับหนุ่มสาวคนอื่นๆ คือใสซื่อและมองโลกในแง่ดีจนเกินไป
เกมเป็นเพียงธุรกิจสำหรับโจวมู่หยัน
แต่สำหรับหลินหวานและหนุ่มสาวคนอื่นๆ พวกเขามองเกมเป็นงานศิลปะ หรือไม่ก็ความฝันที่ต้องทำให้เป็นจริง เพราะแบบนี้ พวกเขาจึงทำสิ่งที่ตรงข้ามกับเกณฑ์ประเมินของระบบคัดออก
พูดอีกอย่างก็คือ เธอไม่ใช่คนแบบที่เทียนหัวสตูดิโอต้องการ
แต่มีอยู่เหตุผลหนึ่งที่ทำให้โจวมู่หยันไม่ได้คัดเธอออก
นอกเหนือจากเรื่องอื่นๆ แล้ว ภูมิหลังของเธอน่ากลัวจนเกินไป…
พ่อของหลินหวานคือประธานบริษัทเฉินฮว่าคอร์ปอเรชัน ตัวแทนจำหน่ายอุปกรณ์อัจฉริยะและการติดต่อสื่อสารที่ใหญ่ที่สุด! โจวมู่หยันไม่กล้าทำอะไรผิดใจคนใหญ่คนโตแบบเขา
เอาเข้าจริง เขาอยากสร้างเส้นสายกับคนแบบพ่อของหลินหวานใจแทบขาด
แน่นอนว่าหลินหวานไม่รู้เลยว่าตัวตนของเธอถูกเปิดเผย เพราะเธอเข้าเทียนหัวสตูดิโอผ่านการรับสมัครนักศึกษามหาวิทยาลัยตามปกติ
แต่ก็เห็นได้ชัดว่า หลินหวานประเมินความกังวลและเป็นห่วงของพ่อเธอต่ำไป…
วันที่สองหลังจากเธอเข้าทำงาน โจวมู่หยันได้รับสายตรงจากประธานบริษัทเฉินฮว่าคอร์ปอเรชัน
คำขอของเขามีอยู่สองอย่าง
อย่างแรกคือ เขาหวังว่าโจวมู่หยันกับเทียนหัวสตูดิโอจะช่วยดูแลหลินหวานไม่ให้เธอทำงานหนักเกินไปจนล้มป่วย
อย่างที่สองคือ เขาหวังให้โจวมู่หยันทำลายความฝันของหลินหวานในวงการอุตสาหกรรมเกมให้เร็วที่สุด เพื่อที่เธอจะได้ล้มเลิกความตั้งใจในสายงานนี้!
ถึงเขาจะพูดอย่างอ้อมค้อม แต่คนฉลาดอย่างโจวมู่หยันก็เข้าใจจุดประสงค์ของอีกฝ่ายทันที
พ่อของหลินหวานไม่ได้อยากให้ลูกของตัวเองเข้ามาทำงานในวงการเกม แต่เขาก็ไม่อยากต่อต้านเธออย่างเปิดเผย เพราะกลัวจะกระทบความสัมพันธ์ ทำให้ต้องใช้วิธีอ้อมๆ เอา!
เมื่อเป็นแบบนี้ โจวมู่หยันก็ตอบตกลงทันที
อีกฝ่ายคือเฉินฮว่าคอร์ปอเรชัน! ถ้าเชื่อมสัมพันธ์ได้ก็จะเป็นประโยชน์กับเทียนหัวสตูดิโอในอนาคต!
ดังนั้นหลินหวานจึงเป็นเพียงคนเดียวที่ไม่ได้โดนคัดออกตามรายชื่อ
โจวมู่หยันคิดหาวิธีดับไฟรักในวงการเกมของเธอให้ได้เร็วที่สุดมาตั้งนานแล้ว
ไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลย
ขอแค่เขาแสดงความเป็นจริงของวงการนี้ให้เธอรับรู้ก็พอ
วงการเกม อย่างน้อยก็ภายในประเทศ คือโรงงานนรก
รายชื่อคัดคนออก ระบบ 996 ล้มเลิกความฝันและดับไฟรักในเกมเพื่อเงิน เปลี่ยนงานศิลปะให้กลายเป็นเครื่องมือทำเงิน…
สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ในวงการอุตสาหกรรมเกมภายในประเทศ
แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ได้มีอยู่ทุกที่ ภายในประเทศยังมีนักออกแบบมากความสามารถและสตูดิโอที่มีใจรักในเกมเหลืออยู่บ้าง
แต่ก็หายากแสนยาก
โจวมู่หยันเชื่อว่าหลังจากที่ตนแสดงความเป็นจริงของอุตสาหกรรมนี้ให้หลินหวานรับรู้ เธอจะผิดหวังและออกจากวงการนี้ไปเองอย่างแน่นอน!
……………………