ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี - บทที่ 640 ไม่สงสัยเรื่องนี้เลย
ฉากที่เกิดขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัวทำเอาเหออันอึ้งไป พอตั้งสติได้ รายชื่อผู้พัฒนาก็ ปรากฏขึ้นแล้ว
แต่รายชื่อผู้พัฒนานั้นไม่ใช่จุดสนใจ สิ่งที่น่าสนใจจริงๆ คือรายงานข่าว
“ประธานาธิบดีออกถ้อยคำสรรเสริญให้กับการตายของเจฟ เอเลนอร์ ประธานบริษัทคนปัจจุบันของ Luxury Group โดยเนื้อหาถ้อยคำสรรเสริญ ทั้งหมดคือ
“มิเชล (ภรรยาประธานาธิบดี) กับผมต่างตกใจและเศร้าใจมากเมื่อได้ยินเรื่อง การตายของคุณเจฟ เอเลนอร์ เจฟเป็นคนขยัน มีวินัย และมีคุณธรรมสูงส่ง เขา เป็นผู้ประกอบการ เป็นผู้มีใจรักเพื่อมนุษย์ เป็นนักเขียนหนังสือขายดี และเป็น เพื่อนผู้แสนดีของผม
“เขาเก่งเรื่องการคิดนอกกรอบ และเชื่อว่าตัวเองสามารถพยายามอย่างเต็มที่ เพื่อเปลี่ยนโลกและช่วยเหลือคนอื่นๆ ได้ องค์กรการกุศลของเขาช่วยคนไร้บ้าน หลายหมื่นคน หนังสือ ‘ดิ้นรนสู่ความรวย’ ของเขาเป็นแรงบันดาลใจให้คนหนุ่ม สาวนับไม่ถ้วนต่อสู้ไล่ตามความฝัน
“โลกของเราสูญเสียนักอุดมการณ์ไปแล้ว เราจะคิดถึงเขาไปตลอด มิเชลกับ ผมอยากส่งผ่านความห่วงใยและสวดภาวนาให้ภรรยาและครอบครัวของเจฟ รวมถึงทุกคนที่รักชายคนนี้”
“…”
“เราได้รับรายงานมาว่าคุณเจฟ เอเลนอร์โดนฆาตกรรมอย่างเหี้ยมโหดโดย คนร้ายระหว่างงานเซ็นหนังสือที่ร้านหนังสือแห่งหนึ่งในย่านบร็องซ์ ผู้คนนับหมื่น ต่างตื่นตระหนกและออกมาเรียกร้องให้กฎหมายลงทัณฑ์ฆาตกร
“ตอนนี้จุดประสงค์ที่แท้จริงของฆาตกรยังไม่เป็นที่กระจ่าง ตำรวจยัง สอบสวนไม่พบความบาดหมางระหว่างคุณเจฟและฆาตกร ฆาตกรดูเหมือนมี ปัญหาทางจิตและปฏิเสธไม่ตอบคำถามของตำรวจ เขาเอาแต่ย้ำไปมาว่า ‘ไอ้คน โกหก’ รายการของเราจะเกาะติดคดีนี้ต่อไป…”
ภาพสุดท้ายในรายการข่าวเป็นภาพครอบครัว ภรรยา และลูกของตัวเอก กำลังร้องไห้ในงานศพ
นี่คือตอนจบของเกมเวอร์ชันคนรวย …
เหออันรู้สึกสับสนเล็กน้อย แค่นี้เนี่ยนะ จบแค่นี้เหรอ
ตอนจบคืออะไรน่ะ เพิ่งจะเริ่มเส้นทางอาชีพเอง ตายแบบนี้เลยเหรอ ใครคือฆาตกร
ทำไมถึงอยากฆ่าฉัน
ฉันเลือกผิดเลยได้ตอนจบน่าหดหู่เหรอ
ไม่เห็นเข้าท่าเลย มองยังไงก็แปลก
เหออันไตร่ตรองอย่างละเอียด เกมดำเนินไปได้โอเค การเปลี่ยนฉากต่างๆ ก็ เป็นธรรมชาติ รายละเอียดทำออกมาได้ยอดเยี่ยม รู้สึกเหมือนได้เป็นตัวเอกจริงๆ
มีแค่ฉากจบที่ดูปุบปับเกินไป ไม่มีเค้าแววเลยว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้!
เหออันคิดอยู่พักใหญ่แล้วรู้สึกว่าตัวเองคงพลาดการเชื่อมโยงหรือขั้นตอน บางอย่างไป เขาอาจจะได้ตอนจบอีกแบบถ้าเล่นซ้ำอีกรอบหรือเล่นเวอร์ชันคนจน ก่อน
เพราะยังไงก็น่าจะมีอย่างน้อยสิบเส้นเรื่อง อาจมีบางตัวเลือกที่เปลี่ยนชะตา กรรมเขาได้
แต่เหออันไม่คิดจะเล่นรอบสองตอนนี้ เพราะตอนจบทำร้ายจิตใจสุดๆ
ทุกอย่างในเกมทำออกมาได้ดีมาก ไม่ว่าจะเป็นเนื้อเรื่อง พล็อต เส้นเรื่อง รายละเอียดฉาก ไม่มีจุดบกพร่องเลยแม้แต่ที่เดียว ติดตรงที่ว่าตอนจบทำผู้เล่นงง ไปหน่อย
ความรู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในงานเลี้ยง มีอาหารรสเด็ดยกมาเสิร์ฟทีละจาน แต่ กินไปได้คำนึงก็โดนคว่ำโต๊ะ
“หรือจะมีเนื้อหาลับที่เชื่อมโยงเวอร์ชันคนรวยในเวอร์ชันคนจน”
เหออันอดคิดแบบนั้นไม่ได้
ถึงคำอธิบายเกมเวอร์ชันคนจนอาจจะดูดับฝัน แต่เหออันก็ยังแอบหวังอยู่ใน ใจ
ถ้ามีเนื้อหาพิเศษจริงๆ ล่ะ เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกดเปิดเกมเวอร์ชันคนจนเพื่อเริ่มเล่น เกมเวอร์ชันคนจนเริ่มด้วยบทพูดในใจคล้ายเวอร์ชันคนรวย …
“ผมซาบซึ้งบุญคุณพ่อผมมากๆ
“ถ้าไม่ได้พ่อ ผมอาจต้องเรียนที่โรงเรียนประถมบอร์เจีย ซึ่งเป็นโรงเรียน ประถมที่แย่ที่สุดในประเทศ เด็กครึ่งหนึ่งที่จบจากที่นี่จะได้เลื่อนไปเรียนโรงเรียน มัธยมต้น ‘ท่อน้ำทิ้ง’ ซึ่งก็มีกว่า 40% ที่เรียนไม่จบ และเป็นที่รู้จักในนาม ‘โรงงานเด็กเรียนไม่จบ’
“มี ‘โรงงานเด็กเรียนไม่จบ’ อยู่ประมาณสองพันแห่งทั่วประเทศ ซึ่งคอยผลิต วัยรุ่นว่างงานสู่สังคม
“แค่ในรัฐของผมที่เดียว 68% ของอาชญากรก็เป็นพวกเด็กเรียนชั้นมัธยมไม่ จบ งบประมาณรัฐที่ใช้จ่ายไปกับผู้ต้องขังหนึ่งคนทุกๆ สี่ปีนั้นมากพอส่งเด็กคน หนึ่งเรียนตั้งแต่ชั้นอนุบาลจนจบมัธยมปลายได้ แถมยังมีเงินเหลืออีกสองหมื่น ดอลลาร์ไว้เป็นทุนเรียนต่อมหาวิทยาลัยด้วย
“เมืองใหญ่ที่สุดในประเทศเรามีคนไร้บ้านประมาณเจ็ดหมื่นคน มีขอทาน คน พิการและป่วยทางจิต คนขี้เหล้า ผู้ที่โดนตัดสินว่ามีความผิดมากมายนับไม่ถ้วน บนถนนและสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน
“36% ของคนกลุ่มนี้ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ส่วนอีก 64% ส่วนใหญ่เป็นแม่เลี้ยง เดี่ยวกับชายโสด
“ในประเทศนี้ คุณต้องมีเงินถึงเกณฑ์ที่กำหนดถึงจะเริ่มต้นสร้างชีวิตแบบพอ อยู่พอกินได้
“ถ้าคุณไปถึงจุดที่ต้องการเงินช่วยเหลือ คุณก็จะหางานไม่ได้ถ้ารับเงิน ช่วยเหลือ ถ้าไม่มีงานก็เช่าบ้านไม่ได้ ถ้าไม่มีบ้านก็ทำอะไรไม่ได้เลย พอกลายเป็น คนไร้บ้าน ก็เท่ากับตายไปแล้วในสังคม ถึงคุณจะสุขภาพแข็งแรง มีมือมีเท้าครบ สมบูรณ์ แต่คุณก็ไม่มีวันกลับไปใช้ชีวิตเดิมได้อีก ทำได้แค่เตร็ดเตร่ไปตามถนน ไร้ ที่ซุกหัวไปชั่วชีวิต
“ผมตอบสนองกับตัวเลขได้เร็วมาก ไม่รู้ว่าเป็นพรสวรรค์หรือสัญชาตญาณ เอาตัวรอด
“บางทีชีวิตคนจนอาจจะเป็นแค่ชุดตัวเลข
“คนจนหลายคนโทษพ่อแม่ตัวเอง
“แต่ไม่ว่ายังไง ผมก็รู้สึกขอบคุณพ่อของผมที่ไม่ทำให้ผมกลายเป็นหนึ่งในคน จำพวกนั้น
“พ่อผมบอกอยู่เสมอว่าให้เรียนรู้จากคนเก่งๆ เปลี่ยนความคิดแบบคนจน ตั้งใจทำงานและดิ้นรน อย่าปล่อยให้โดนคนพวกนั้นกลืนกิน
“ดิ้นรนแล้วชีวิตจะเปลี่ยน
“ผมไม่กังขาเรื่องนี้เลย”
ต่างจากตอนเริ่มต้นของเวอร์ชันคนรวย เวอร์ชันคนจนไม่ได้เริ่มด้วย เหตุการณ์หนึ่ง แต่เป็นฉากที่เต็มเศษกระจก แสดงภาพตามคำบรรยายของตัวเอก ในแบบนามธรรม
จากนั้นก็เปลี่ยนไปเป็นภาพความทรงจำวัยเด็กของตัวเอกทันที
“หลังผมลืมตาดูโลก แม่ก็ออกจากงานมาเป็นแม่บ้านเต็มตัวเพราะแม่เป็นคน เดียวที่ดูแลผมได้
“จนผมเข้าอนุบาลแล้วก็ยังเป็นแบบนั้น เพราะโรงเรียนเลิกตอนบ่ายโมง การ ปล่อยให้เด็กอยู่บ้านคนเดียวนั้นผิดกฎหมายคุ้มครองเด็ก
“เพราะงั้นถ้าเงินเดือนหลังหักภาษีของแม่ไม่พอจ่ายค่าเรียนนอกเวลาหรือ จ้างพี่เลี้ยง การไม่ทำงานนั้นดีกว่าเพราะช่วยประหยัดเงินมากกว่า
“พ่อผมทำงานมากกว่าสิบชั่วโมงต่อวันเลยไม่ค่อยได้เจอหน้ากัน แต่การ สนับสนุนของพ่อก็มีความหมายมาก เพราะทำให้ผมไม่ต้องเรียนที่โรงเรียน ประถมศึกษาบอร์เจีย และเข้าเรียนที่โรงเรียนที่ดีกว่าในเขต
“เราอาศัยอยู่ในบ้านเช่าราคาถูก ซึ่งก็ถือว่าค่อนข้างโชคดี เพราะที่แบบนี้เช่า ได้แค่คนที่มีรายได้อยู่ในช่วง 20-25% หมายความว่าต้องจนกว่าคนส่วนใหญ่ 75% และรวยกว่าคนจนที่อยู่ 20% ล่างสุด ถือว่าเข้มงวดมาก “งานอดิเรกเหรอ ไม่มีหรอก เพราะเป็นสิ่งที่ผมไม่มีปัญญาจ่าย” ภาพเหตุการณ์เปลี่ยนไปมาตามการบรรยายของตัวเอก แม่ตัวเอกดูแลทารกคนเดียวในบ้านเช่าราคาถูกสภาพรก โรงเรียนรัฐของตัวเอกแตกต่างจากโรงเรียนเอกชนในเวอร์ชันรวยลิบลับ แต่ที่ ชวนแปลกใจยิ่งกว่านั้นคือเรื่องกิจกรรมเพื่อความบันเทิงหลังเลิกเรียน ในเวอร์ชันคนรวย กิจกรรมเพื่อความบันเทิงของผู้เล่นคือ ขี่ม้า ยิงธนู เล่น ดนตรี และศิลปะ ส่วนในเวอร์ชันคนจน กิจกรรมเพื่อความบันเทิงของผู้เล่นคือ วิ่งเล่นในสนามหลังบ้าน ขี่จักรยาน และเตะฟุตบอล มินิเกมทำออกมาได้ดีมาก แต่ถือว่าจืดชืดเมื่อเทียบกับเวอร์ชันคนรวย เหออันอยากให้ตัวเอกมีงานอดิเรกสักอย่าง แทนที่จะวิ่งเล่นไปมาในสนาม หลังบ้านทุกวัน แต่ไม่นานก็พบว่าใช้เงินทุนไปจนหมด จ้างครูมาสอนเล่นเชลโล่ที่บ้านราคาชั่วโมงละเจ็ดสิบห้าดอลลาร์ พ่อแม่พาเด็กไปเรียนว่ายน้ำต้องเสียเงินยี่สิบดอลลาร์ต่อครึ่งชั่วโมง ถ้าเป็น คอร์สระดับมืออาชีพ ราคาจะขึ้นไปเป็นสองร้อยดอลลาร์ต่อชั่วโมง
คลาสยิมนาสติกครึ่งชั่วโมง มีเด็กเรียนคลาสละห้าถึงสิบคน ครูจะพายืดเส้น สองนาที เวลาที่เหลือจะให้พ่อแม่กับเด็กๆ เล่นกับอุปกรณ์ต่างๆ เสียเงินคลาสละ ยี่สิบดอลลาร์
คอร์สเรียนพวกนี้คุณภาพต่ำ แต่ราคาไม่ถูกเลย แถมยังต้องจองล่วงหน้ากว่า สองเดือน
สำหรับเหออันแล้ว ความแตกต่างที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดระหว่างเวอร์ชันคนรวย กับเวอร์ชันคนจนคือความจืดชืด
เขามีตัวเลือกให้เลือกไม่มากเพราะไม่มีเงิน ไม่ว่าจะวิ่งเล่นในสนามหลังบ้าน หรือขี่จักรยาน เขาก็รู้สึกได้ชัดเจนว่าเป็นการเสียเวลาเปล่า
เหมือนกันกับในอีกเวอร์ชัน ตัวละครในเวอร์ชันคนจนออกแบบมาโอเวอร์ มาก แถมยังมีปัญหาน้ำหนักตัวมากเกินไป ซึ่งก็ตรงกับภาพเหมารวมของผู้คน
หลังช่วงวัยเด็กก็เข้าสู่ช่วงวัยรุ่น ตัวเอกตั้งใจเรียนอย่างเต็มที่เพื่อเข้าเรียนชั้น มัธยมและต่อมหาวิทยาลัยด้วยการกู้เงิน ช่วงมัธยมมีกิจกรรมให้ทำเพิ่มขึ้น เขาเข้า วงประสานเสียงและวงดุริยางค์ได้ ลงแข่งโต้วาทีก็ได้
ตัวเอกคนจนและตัวเอกคนรวยตั้งใจเรียนแทบจะเท่าๆ กัน แต่ก็มีช่องว่างที่ ใหญ่มากเรื่องทรัพยากรที่ได้รับ
ประเภทงานที่จะทำได้นั้นขึ้นอยู่กับว่าเขาเข้ามหาวิทยาลัยได้รึเปล่า
ถ้าไม่มีทักษะเฉพาะทางเลย ก็ทำได้แค่พนักงานเสิร์ฟในร้านอาหาร พนักงาน ทำความสะอาด พนักงานดูแลผู้สูงอายุ หรือพนักงานคิดเงินในร้านสะดวกซื้อ ถึง จะทำสองงานเจ็ดวันต่อสัปดาห์ก็ยังล้มละลายได้
เพื่อนร่วมงานของเขาเกิดอุบัติเหตุขาพลิกระหว่างทำความสะอาด เธอไม่กล้า เรียกรถพยาบาลหรือกลับบ้านไปพักผ่อน ต้องคุกเข่าข้างหนึ่งทำความสะอาดต่อ เพราะเธอเสียเงินค่าจ้างไปไม่ได้แม้แต่วันเดียว หัวหน้าทีมบอกเธอว่า ‘เลิกตีโพยตี พาย แล้วไปทำงานให้เสร็จซะ’
ถ้าอยากได้งานในอุตสาหกรรมบริการระดับล่าง ก็ต้องไปหางานในเมืองใหญ่ แต่ค่าเช่าในเมืองใหญ่พวกคนรวย ก็ตั้งไว้สูงจนถึงขั้นแทบจะไม่มีปัญญาจ่าย ถ้า เช่าห้องรายเดือนไม่ได้ ก็ต้องไปเช่าห้องแคปซูลรายวันอยู่ ส่วนใหญ่ยิ่งอยู่ก็ยิ่งจน ลง ถ้าป่วยหรือเข้าช่วงฤดูท่องเที่ยว ค่าเช่าจะสูงขึ้น ทำให้มีโอกาสเสี่ยงล้มละลาย หรือถึงขั้นต้องนอนข้างถนนมากขึ้น
ถ้าได้งานจากการพยายามอย่างเต็มที่และหาเงินได้เดือนละสี่พันดอลลาร์ ชีวิตก็จะดีขึ้นมาหน่อย แต่ค่าใช้จ่ายต่างๆ ก็ยังมากเกินรับมืออยู่ดี ค่าใช้จ่าย ประจำกินเงินเดือนไปแล้ว 80% ซึ่งรวมภาษีและค่าประกัน 25% ค่าเช่า 29% ค่าการศึกษาลูก 26% ค่ารถ 5% ค่าน้ำค่าไฟ 5% เสื้อผ้า อาหาร ค่าเดินทาง 10% ยังไม่รวมค่ารักษาพยาบาล
ว่าง่ายๆ คือยากมากที่จะเก็บเงินให้ได้สักสี่ร้อยดอลลาร์ต่อเดือน ถ้าเกิดอะไร ขึ้นอาจล้มละลายและกลายเป็นคนไร้บ้านได้เลย
ถ้าเลือกตัวเลือกถูกหมดก็จะได้งานที่เงินเดือนค่อนข้างสูง ชีวิตจะมีเงินมาก ขึ้น แต่ค่าใช้จ่ายต่างๆ ก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย ค่าใช้จ่ายบางอย่างที่ไม่เคยต้องจ่ายก็ กลายเป็นรายจ่ายจำเป็น
จุดนี้ทำให้เหออันหงุดหงิดมาก เขาสามารถเก็บเงินได้มากมาย แต่เกมก็บังคับ หักค่าใช้จ่าย
ซื้อสูทกับกระเป๋าหรูให้เหมาะกับงาน
จ่ายเงินสองพันดอลลาร์เพื่อพาลูกไปเที่ยวหาดสวรรค์สามวันฉลองวันเกิด
ค่าใช้จ่ายเพื่อเข้าสังคมอย่างชุมชนที่อาศัยอยู่ การศึกษาของลูก และอื่นๆ ต้องใช้เงินเยอะมาก
เพื่อเก็บเงิน ตัวเอกจึงเคยชินกับการใช้บัตรเครดิตผ่อน ยอดผ่อนบัตรแต่ละ เดือนนั้นสูงมาก ซึ่งก็ไม่รู้เลยว่าหมดเงินไปกับอะไรบ้าง
ตัวเลือกบางอย่างก็เลี่ยงไม่ได้ อย่างสูทกับกระเป๋าหรู ตัวเอกไม่ได้อยากซื้อ แต่เพื่อนร่วมงานใช้กันทุกคน ถ้าไม่ใช้ตามก็จะกลายเป็นพวกนอกคอก
เพราะงั้นตัวเอกจึงต้องกัดฟันซื้อ เหออันเหมือนจะเข้าใจแล้วว่าสิ่งที่ตัวเอกพูดในตอนแรกหมายความว่ายังไง ชีวิตของคนจนเป็นเหมือนชุดตัวเลข และตัวเลขเหล่านี้คือค่าใช้จ่ายต่างๆ แต่สุดท้ายแล้ว ตัวเลขเหล่านี้ก็พังทลายลง
พอระดับการใช้จ่ายของตัวเอกสูงขึ้น การเลิกจ้างแบบปุบปับก็ทำลายทุก อย่าง ห่วงโซ่ทั้งหมดพังอย่างรวดเร็ว ไม่มีรายได้ จ่ายค่างวดบัตรเครดิตไม่ได้ ธนาคารมายึดบ้าน หนี้บัตรสะสมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ… สภาพความเป็นอยู่ของตัวเอกจึงกลายเป็นเหมือนพ่อของเขา เสียงตัวเอกดังขึ้นในฉากเหตุการณ์เหล่านี้ “พ่อผมบอกอยู่เสมอว่าให้เรียนรู้จากคนเก่งๆ เปลี่ยนความคิดแบบคนจน ตั้งใจทำงานและดิ้นรน อย่าปล่อยให้โดนคนพวกนั้นกลืนกิน “ดิ้นรนแล้วชีวิตจะเปลี่ยน “ผมพยายามแล้ว แต่ทุกอย่างเหมือนจะกลับไปสู่สภาพเดิม ไม่มีอะไร เปลี่ยนแปลง “หรือการดิ้นรนของผมจะไร้ความหมาย ผมไม่คิดแบบนั้น อย่างน้อยผมก็ ไม่ได้กลายเป็นพวกคนไร้บ้าน
“ผมคิดอยู่บ่อยๆ ว่า “ถ้าไม่เสียงาน… “ถ้าเก็บเงินมากกว่านี้…
“ถ้าใช้จ่ายน้อยกว่านี้… “ถ้า… เลือกได้ถูกกว่านี้ ผมจะเปลี่ยนชะตากรรมตัวเองได้รึเปล่า”
ฉากสุดท้ายคือฉากตัวเอกกลับบ้านหลังจากทำงานมาอย่างยาวนานทั้งวัน แล้วย่องไปที่ห้องของลูก
เขามองลูกนอนหลับปุ๋ยใต้แสงจันทร์ท่ามกลางความมืดแล้วเข้าไปห่มผ้าให้
ในจังหวะนั้น ลูกของเขาตื่น ก่อนจะยกมือน้อยนุ่มเนียนขึ้นขยี้ตาแล้วถาม ออกไป “พ่อทำไมกลับดึกจัง ทำไมไม่มีเวลาอยู่กับหนูเลย”
ตัวเอกผงะไปก่อนจะลูบหัวลูก “เพราะแม่ไม่ได้ทำงาน พ่อเลยต้องตั้งใจ ทำงานหาเงินไงลูก”
ลูกถามขึ้นอีก “แล้วเมื่อไหร่พ่อจะว่างอยู่กับหนู”
เขาตอบ “รอพ่อหาเงินได้มากพอก่อนนะ”
เด็กน้อยตาเป็นประกาย “ถ้าหนูโตขึ้นแล้วหาเงินได้มากพอ พ่อจะมีเวลาอยู่ กับหนูทุกวันใช่มั้ย
“แล้วหนูจะหาเงินได้ยังไงเหรอ”
ตัวเอกเงียบไปพักใหญ่ก่อนจะตอบ “เงินไม่ได้หล่นมาจากฟ้า ชีวิตของเราจะ มีโอกาสดีขึ้นกว่าเดิมได้ก็ต่อเมื่อเราไม่พอใจกับสภาพปัจจุบัน
“เรียนรู้จากคนเก่งๆ เปลี่ยนความคิดแบบคนจน ตั้งใจทำงานและดิ้นรน อย่า ปล่อยให้โดนคนพวกนั้นกลืนกิน
“ดิ้นรนแล้วชีวิตจะเปลี่ยน”
ดวงตากลมโตของเด็กน้อยส่องประกายใต้แสงจันทร์ขณะพยักหน้า
เกมจบลง รายชื่อผู้พัฒนาเลื่อนผ่านจอ
ภาพตอนจบคราวนี้เป็นเด็กหนุ่มกำลังขะมักเขม้นกับการเรียน ขณะเดียวกัน ก็มีเสียงบรรยายจากใครหนึ่งคนที่ไม่ใช่ตัวเอก
“พ่อผมบอกอยู่เสมอว่าให้เรียนรู้จากคนเก่งๆ เปลี่ยนความคิดแบบคนจน ตั้งใจทำงานและดิ้นรน อย่าปล่อยให้โดนคนพวกนั้นกลืนกิน
“ดิ้นรนแล้วชีวิตจะเปลี่ยน
“ผมไม่กังขาเรื่องนี้เลย”