ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี - บทที่ 679 โชคดีแต่ก็น่าเศร้า
หลินหวานสงสัย “บอสเผยมอบหมายงานอะไรให้เหรอคะ”
หวังเสี่ยวปินพูดด้วยสายตาว่างเปล่า “บอสเผยบอกให้ผมแบ่งพนักงานฉางห
ยางเกมส์ครึ่งหนึ่งไปดูแลเรื่องอัปเดตเกมเก่า
“ผมไม่เข้าใจเลย งานนี้เหมาะกับเยว่จือโจวมากกว่าอีก ผมเป็นนักออกแบบ
ระบบ เรื่องการพัฒนาเกมไม่ใช่ทางผมเลย
“แถมยังให้เป่ายิงฉุบตัดสินกันอีก ผมว่ามันเกินไป…”
หลินหวานขมวดคิ้วและคิดอย่างจริงจังอยู่ครู่หนึ่ง
“หนูว่าที่บอสเผยให้เป่ายิงฉุบน่าจะมีความหมายเบื้องลึกซ่อนอยู่”
หวังเสี่ยวปินผงะไป “หา? เป่ายิงฉุบก็มีความหมายลึกซึ้งด้วย คุณอาจจะ…คิด
เยอะเกินไปรึเปล่า”
หลินหวานส่ายหน้า “คุณเก่งเรื่องวางแผนระบบ ส่วนเยว่จือโจวเก่งเรื่อง
ออกแบบเกม บอสเผยน่าจะรู้เรื่องนี้ดี
“เห็นได้ชัดว่าการให้คุณรับผิดชอบเรื่องที่ไม่ถนัดก็เพื่อให้คุณพัฒนา
ความสามารถตัวเอง”
หวังเสี่ยวปินคิดตาม “แต่ถ้าอยากให้ผมพัฒนาตัวเอง บอสเผยก็มอบหมาย
งานให้ผมตรงๆ เลยก็ได้นี่ ทำไมต้องให้เป่ายิงฉุบกันด้วยล่ะ”หลินหวานไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบกลับ “หนูคิดว่าน่าจะเป็นการ
สื่อสารแนวคิดรูปแบบหนึ่ง
“ชัดเจนว่าบอสเผยคิดว่าทุกคนในเถิงต๋า ไม่ว่าจะเป็นใครก็ต้องมี
ความสามารถรอบด้าน ถึงจะจับสลากเรื่องงาน ทุกคนก็ต้องรับผิดชอบงานที่ตัวได้
รับมาได้
“อีกอย่างเราสามารถเห็นทัศนคติของบอสเผยต่อฉางหยางเกมส์ผ่าน
เหตุการณ์นี้ได้ด้วย
“โลกภายนอกมักมองว่าฉางหยางเกมส์ด้อยกว่าฝ่ายเกมเถิงต๋า
“แต่ตอนนี้บอสเผยให้เราโปรโมต GOG เซิร์ฟเวอร์ต่างประเทศและทำ DLC
ให้เกมเถิงต๋า แสดงว่าบอสเผยมองว่าควรปฏิบัติกับเราและฝ่ายเกมเถิงต๋าอย่าง
เท่าเทียมกัน
“เพราะงั้นเราก็ไม่ควรทำให้บอสเผยผิดหวัง!”
หวังเสี่ยวปินพยักหน้า “อ๋อ เข้าใจแล้วครับ!”
ชัดเจนว่าบอสเผยเสี่ยงมากที่ตัดสินใจแบบนี้!
สำหรับเจ้านายทั่วไป การให้พนักงานแต่ละคนทำสิ่งที่ตัวเองถนัดที่สุดคือวิธีที่
ประหยัดและคุ้มค่าที่สุด แถมยังควบคุมความเสี่ยงได้มากที่สุดด้วย
ใครจะอยากใช้โปรเจ็กต์งานเป็นตัวฝึกฝนพนักงานตัวเองกันเจ้านายบางที่ให้พนักงานทำอีกตำแหน่งควบคู่ไปด้วย ซึ่งอาจจะใช้คำสวยหรู
ว่าเป็น ‘การเรียนรู้’ แต่จริงๆ แล้วแค่ไม่อยากจ่ายเงินเพิ่มเพื่อจ้างมืออาชีพ
แต่บอสเผยไม่เหมือนกัน บอสส่งเสริมให้พนักงานรับผิดชอบโปรเจ็กต์ที่
แตกต่างกันไป แม้จะให้เงินเดือนและสวัสดิการที่ดีมากพออยู่แล้ว
เห็นได้ชัดว่าการทำแบบนี้อาจทำให้โปรเจ็กต์ล่มได้ แต่บอสเผยก็ไม่ได้ใส่ใจ
เพราะบอสอยากฝึกฝนให้พนักงานทุกคนเก่งรอบด้านและแสดงให้เห็นว่าเชื่อมั่น
ในตัวพวกเขา
หวังเสี่ยวปินรู้สึกว่าจะทำให้บอสเผยผิดหวังไม่ได้ และต้องทำงานใหม่ที่ได้รับ
มอบหมายให้ออกมาดีเยี่ยมเพื่อพิสูจน์ตัวเอง!
…
…
วันอังคารที่ 11 ตุลาคม
บนรถแท็กซี่ ลู่จือเหยาสวมแว่นกันแดด หน้ากากอนามัย และหมวกแก๊ปเต็ม
ยศ เพราะกลัวว่าแฟนๆ จะจำเขาได้และอาจต้องเจอปัญหาที่ไม่จำเป็น
เขาเพิ่งมาถึงจิงโจวและตรงไปยังเฟยหวงสตูดิโอเลย โดยไม่แวะพักที่โรงแรม
ก่อน
ลู่จือเหยาลบฉายาพิษร้ายแห่งวงการภาพยนตร์ได้สำเร็จหลังวันพรุ่งนี้ที่สดใส
เป็นกระแสโด่งดัง มีหลายเจ้าติดต่องานมา ส่วนใหญ่เสนอราคาให้สูงมากแต่ลู่จือเหยาก็ไม่รับสักเจ้า
ถ้าไม่ส่งบทมาให้ดู เขาก็รู้สึกกังวล แต่เจ้าที่ส่งบทมาให้ดู เขาก็รู้สึกว่าเป็นบท
ที่กลวงหลังได้อ่าน
ไม่มีบทไหนให้ความรู้สึกพิเศษเหมือนวันพรุ่งนี้ที่สดใสเลย!
มีบทหนึ่งที่ลู่จือเหยาค่อนข้างพอใจ แต่เป็นบทที่คล้ายกันกับวันพรุ่งนี้ที่สดใส
ซึ่งก็คือบทคนจนที่คลั่งรักจนโงหัวไม่ขึ้น
เห็นได้ชัดว่าพวกเขาติดต่อลู่จือเหยามาเพราะเห็นผลงานที่ทำไว้ในวันพรุ่งนี้ที่
สดใส แล้วรู้สึกว่าเขาเหมาะกับบทนี้มาก
ลู่จือเหยาไม่ได้ปฏิเสธ เพราะในฐานะนักแสดง เขาต้องมีความเป็นมืออาชีพ
แต่เขาก็คิดว่าในเมื่อเคยแสดงบทแบบนี้ในวันพรุ่งนี้ที่สดใสไปแล้ว แสดงบท
เดิมซ้ำอีกก็ไม่ได้อะไร
ไม่ช่วยพัฒนาไปไหน
ลู่จือเหยาคิดว่าฝีมือการแสดงของตัวเองพัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดดตอนถ่าย
วันพรุ่งนี้ที่สดใสและได้มีส่วนร่วมอย่างมากกับกระบวนการถ่ายทำ เขาไม่เคย
สัมผัสประสบการณ์แบบนี้ในกองถ่ายไหนมาก่อน
เพราะงั้นเขาจึงยังลังเลอยู่
กว่าจะลบฉายาพิษร้ายของวงการหนังได้ก็ยากมากแล้ว ถ้าเผลอเลือกแสดง
หนังแย่ขึ้นมา ความพยายามทั้งหมดจะไม่สูญเปล่าเหรอลู่จือเหยาถามตัวเองอยู่ซ้ำๆ เขาไม่ใช่นักแสดงที่เลือกบทได้เก่ง
บางบทอาจดูดี แต่ก็ไม่รู้ว่าระหว่างถ่ายทำจะเกิดอะไรบ้าง เขาต้องระวังตัว
เพราะตอนนี้อยู่ในช่วงขาขึ้น
ซึ่งผู้กำกับจูเสี่ยวเช่อก็โทรมาได้จังหวะพอดี
โปรเจ็กต์ของบอสเผยไม่เคยล้มเหลว เพราะงั้นก็พุ่งเลย!
แน่นอนว่าเขาต้องอ่านบทดูก่อนถ่ายทำ ไม่ใช่ว่าไม่ไว้ใจผู้กำกับจู แต่เขาต้องรู้
ก่อนว่าเรื่องราวจะเป็นยังไง จะได้เตรียมตัวล่วงหน้าและบิลด์อารมณ์ถูก
“ผู้กำกับจู!”
ทันทีที่เปิดประตูเข้าไป ลู่จือเหยาก็เห็นผู้กำกับจูกำลังทำงานอย่างขะมักเขม้น
อยู่ที่โต๊ะ
จูเสี่ยวเช่อกำลังจดจ่ออยู่กับการเขียนบท เขาสะดุ้งโหยงเมื่อได้ยินเสียงของ
ลู่จือเหยา ก่อนจะรีบซ่อนเอกสารบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ด้วยความเร็วแสง
ลู่จือเหยาผงะไปครู่หนึ่ง แต่จูเสี่ยวเช่อก็ทักทายเขาด้วยรอยยิ้มก่อนจะทันได้
โต้ตอบอะไร
“มาถึงเร็วจังเลยครับ ผมคิดว่าน่าจะใช้เวลาอีกชั่วโมงนึง” จูเสี่ยวเช่อซ่อนค
วามเลิ่กลั่กด้วยรอยยิ้มพลางเรียกคนมาเสิร์ฟน้ำลู่จือเหยาพยักหน้า “ผมไม่ได้แวะไปโรงแรมน่ะครับ พอดีตื่นเต้นกับหนังเรื่อง
ใหม่มาก ก็เลยรีบเข้ามาหาผู้กำกับจู จะได้อ่านบทดูว่าตัวละครเป็นยังไง กลับไปที่
โรงแรมจะได้ท่องบทหรือเตรียมตัวอะไรงี้ครับ”
จูเสี่ยวเช่อกระแอมกระไอ “เอ่อ… ผมว่าผมบอกไปแล้วนะว่าบทยังไม่พร้อม”
ลู่จือเหยาไม่ได้ใส่ใจมาก “ไม่เป็นไรครับ มีเท่าไหร่ก็อ่านเท่านั้นแหละ”
จูเสี่ยวเช่อดูเขินอายเล็กน้อย แต่ก็รีบแก้ปัญหา “อันที่จริง… ผมยังให้คุณดูบท
ไม่ได้”
ลู่จือเหยาผงะไป “หา? ทำไมล่ะครับ”
จูเสี่ยวเช่อตอบ “เพราะรอบนี้เราจะใช้วิธีถ่ายทำใหม่ โดยจะให้บทแยกเป็น
ส่วนๆ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้คุณโดนสปอยล่วงหน้า”
ลู่จือเหยาแปลกใจเล็กน้อย “จริงเหรอครับ ฟังดูมืออาชีพจัง เหมือนพวกหนัง
บล็อกบลัสเตอร์ของอเมริกาก็ใช้วิธีนี้นะครับ
“เยี่ยมเลย
“งั้นขอผมดูบทฉากแรกได้มั้ยครับผู้กำกับจู”
จูเสี่ยวเช่อผงะไปเล็กน้อย
เขารู้สึกเหมือนเด็กประถมที่โกหกว่ายังทำการบ้านไม่เสร็จ แต่ครูดันบอกว่า
‘ไม่เสร็จก็ไม่เป็นไร ให้ครูดูเท่าที่ทำได้ก็พอ’
แต่จริงๆ แล้วยังไม่ได้เขียนสักคำ!โชคดีที่ผู้กำกับจูผ่านประสบการณ์มาโชกโชน เขาแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้
ทันที
หลังจากลู่จือเหยายกชาขึ้นจิบ จูเสี่ยวเช่อก็พูดขึ้นอย่างจริงจัง “ก่อนอ่านบท
ผมเตรียมอะไรไว้ให้คุณใช้ทำความเข้าใจจิตใจของตัวเองด้วย
“นี่ครับ”
จูเสี่ยวเช่อยื่นโน้ตบุ๊กไฮเอนด์แบรนด์เอเลี่ยนแวร์ให้ลู่จือเหยา
ลู่จือเหยางง “?”
จูเสี่ยวเช่ออธิบาย “ในเครื่องนี้ลงเกม Starcraft 2 ไว้ งานของคุณคือเล่น
Starcraft 2 อยู่ในโรงแรมโดยไม่ออกไปไหน เรื่องอาหารเดี๋ยวผมสั่งเดลิเวอรี่ไปส่ง
“รบไปเรื่อยๆ แพ้ชนะไม่สำคัญ ขอแค่เรื่องเดียวคือ พยายามจินตนาการว่ายู
นิตทหารแต่ละตัวในเกมเป็นคนที่มีชีวิตอยู่จริงๆ
“เล่นสักสามวันก่อนแล้วลองไตร่ตรองดู ถ้าพบอะไรก็ให้จดไว้ไม่ว่าจะเชื่อถือ
ได้หรือไม่ได้ แล้วเอามาบอกผมนะครับ”
ลู่จือเหยารับโน้ตบุ๊กมาด้วยความสับสน “แต่บท…”
จูเสี่ยวเช่อตีหน้าขรึม “คุณยังอ่านบทไม่ได้ ประสบการณ์ที่คุณได้จะต่าง
ออกไปหลังได้อ่านบท เข้าใจนะครับ เชื่อผม ทำตามที่ผมบอกก็พอ”
ลู่จือเหยารู้สึกว่าเรื่องนี้มีอะไรแปลกๆ แต่ก็จะลองดูก่อนเพราะผู้กำกับจูดู
มั่นใจมากไม่แน่บทบาทครั้งนี้อาจจะต้องใช้ความพยายามอย่างมาก ซึ่งการใช้วิธีนี้น่าจะ
ช่วยทำให้เข้าใจบทได้ดีขึ้น
ลู่จือเหยาไม่ได้คิดอะไรมาก เขากอดโน้ตบุ๊กเกมมิ่งหนักอึ้งไว้แล้วตั้งใจจะ
กลับไปพักผ่อนก่อน จากนั้นค่อยทำความเข้าใจบทบาทตามที่ผู้กำกับจูบอก
“จริงด้วย รอบนี้ผมได้เล่นบทอะไรเหรอครับผู้กำกับจู ผมควรเน้นไปใน
ทิศทางไหนดี
“ผมจำเป็นต้องรู้เรื่องนี้จะได้เข้าใจจิตใจของตัวละครได้ดีขึ้นใช่มั้ยล่ะครับ”
จูเสี่ยวเช่อคิดอยู่ครู่หนึ่ง ซึ่งก็ดูจะจริงตามที่อีกฝ่ายพูด “เอ่อ… รอบนี้คุณจะ
ได้เล่นเป็นนักรบอวกาศที่มีสภาพจิตใจแข็งแกร่งมากๆ
“ถ้าเป็นไปได้ พยายามอย่าให้อารมณ์แปรปรวนหรือใส่อารมณ์มากเกินไป
“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น อัตราการเต้นของหัวใจคุณไม่ควรผันผวนมากนัก”
ลู่จือเหยาตะลึงงันไป
“หา?
“ห้ามแสดงอารมณ์มากเกินไป?
“ผมก็ไม่ต้องใช้ทักษะการแสดงเลยสิครับ”
จูเสี่ยวเช่อตบบ่าลู่จือเหยา “แบบนี้แหละครับยิ่งต้องใช้ทักษะการแสดง!“พยายามวิเคราะห์ตัวละครแล้วคิดดูว่า ต้องทำยังไงถึงจะโชว์ฝีมือการแสดง
อันยอดเยี่ยมของคุณโดยไม่แสดงออกทางอารมณ์!
“ผมเชื่อว่าคุณทำได้!”
ลู่จือเหยา “…”
พอเห็นสีหน้าจริงจังของผู้กำกับจูและโน้ตบุ๊กเกมมิ่งหนักอึ้งในอ้อมแขน จู่ๆ
เขาก็รู้สึกเหมือนตัวเองโดนต้ม
…
ร้านอินเทอร์เน็ตโมหยูสาขามหาวิทยาลัยฮั่นตง
เผยเชียนกำลังท่องโลกออนไลน์พลางจิบกาแฟ
กระแสเกมดิ้นรนเริ่มซาลง แต่ยอดขายดันไม่ลงตาม
เผยเชียนอ่านคอมเมนต์อวยเกมดิ้นรนไส้แตกในอินเทอร์เน็ตแล้วได้แต่ถอน
หายใจ
ตอนแรกเขาตั้งใจจะเข้ามาเช็กดูว่าผู้เล่นชอบอะไรในเกมบ้าง เกมต่อไปจะได้
เลี่ยงไม่ทำ แต่กลายเป็นว่าผู้เล่นดันชอบไปซะทุกอย่าง
เสียเวลาจริงๆ
ไม่ได้อะไรเลย“ช่างเถอะ ทำตามที่แสงนำทางอย่างอาจารย์เหอบอกแล้วกัน เกมเมอร์พวก
นี้ไว้ใจไม่ได้”
เผยเชียนกำลังจะกดปิดหน้าเว็บ แต่ดวงตาก็เป็นประกายขึ้นมาเมื่อเห็นคอม
เมนต์หนึ่ง
“เฮ้อ ไม่รู้ทำไม เห็นเกมดิ้นรนประสบความสำเร็จแล้วรู้สึกเศร้าชะมัด
“ในจีนมีบริษัทเกมมากมาย มีบริษัททำเกมออนไลน์กี่บริษัท แล้วมีบริษัททำ
เกมสแตนด์อโลนกี่บริษัท
“มีกี่บริษัทที่มีเงินพอทำเกมสแตนด์อโลนบ้าง มีกี่บริษัทที่กล้าจ่าย เต็มใจจ่าย
และยอมทุ่มเงินก้อนโตทำเกมสแตนด์อโลนบ้าง
“มีกี่บริษัทที่ทำเกมสแตนด์อโลนดีๆ ออกมาได้บ้าง
“พอมาคิดดูแล้ว ก็มีไม่กี่บริษัทที่ถ่อมตัว มีมโนธรรม ตั้งใจทำเกมสแตนด์อโล
นอย่างจริงจัง พร้อมทุ่มเงินก้อนโตกับการพัฒนา
“ถึงจะเป็นเรื่องดีที่เกมดิ้นรนประสบความสำเร็จ แต่เราก็มีเมล็ดพันธุ์นี้แค่
เมล็ดเดียว ยังมีอีกหลายบริษัทที่ทำเกมสแตนด์อโลนและเกมอินดี้ แค่พวกเขาไม่
เป็นที่รู้จักเพราะไม่เป็นกระแสบอกต่อ
“เถิงต๋าคือความโชคดีของเกมสแตนด์อโลนในจีน แต่ก็น่าเศร้าที่มีแค่เถิงต๋า”
พอได้อ่านคอมเมนต์ เผยเชียนก็นึกถึงสิ่งที่ชิวหงเคยพูดขึ้นมาอย่างอธิบายไม่
ถูกเขาคิดว่าสถานการณ์ของเกมสแตนด์อโลนจีนนั้นค่อนข้างดี แต่ก็ยังเต็มไป
ด้วยปัญหา
สำหรับผู้พัฒนาจีน เกมสแตนด์อโลนสเกลใหญ่ต้องใช้เงินลงทุนสูง แต่ก็มี
โอกาสล้มเหลวสูงกว่าเกมออนไลน์ นี่คือข้อเท็จจริงที่ปราศจากอคติ
ดังนั้นผู้พัฒนาจีนจึงไม่อยากทำเกมสแตนด์อโลนเพราะไม่คุ้มกับความ
พยายาม
ถ้าเป็นแบบนี้ก็ไม่พัฒนาไปไหน กลายเป็นวังวนที่ไม่มีวันจบสิ้น
เถิงต๋าประสบความสำเร็จล้นหลามในการทำเกมสแตนด์อโลน
แต่บริษัทอื่นที่ทำเกมสแตนด์อโลนมีอัตราความล้มเหลวสูงมาก!
เผยเชียนนึกไอเดียดีๆ ได้
ในเมื่อเกมสแตนด์อโลนจีนล้มเหลวได้ง่าย ถ้าลงทุนกับโปรเจ็กต์ล้มเหลวพวก
นี้โดยไม่เข้าไปยุ่งกับการออกแบบเลย ฉันก็น่าจะขาดทุนได้ง่ายๆ สิ