ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี - บทที่ 681 เชื่อมกับ DLC ของเกมฐานทัพกลางทะเล
“คุณคิดอะไรไม่ออกเลยเหรอ
“อย่าเพิ่งรีบร้อน ค่อยเป็นค่อยไปสิครับ ไหนบอกผมมาทุกอย่างให้ละเอียดว่า
คุณรู้สึกยังไง ห้ามตกหล่นตรงไหนแม้แต่นิดเดียวเลยนะครับ”
จูเสี่ยวเช่อนั่งอยู่บนโซฟากับลู่จือเหยาในห้องนั่งเล่นของห้องพักระดับสวีท
ลู่จือเหยายกน้ำอัดลมที่เหลือครึ่งขวดขึ้นจิบ จากนั้นก็เริ่มบ่นให้จูเสี่ยวเช่อฟัง
“ผู้กำกับจู ผมไม่รู้ว่าเป็นเพราะวิธีของคุณไม่ดีหรือเพราะผมจับแก่นไม่ได้
สั้นๆ คือ ผมจับอะไรไม่ได้เลย
“คุณให้ผมมองยูนิตทุกตัวเป็นคนจริงๆ
“ผมย้ำตัวเองเรื่องนี้ตลอด ตอนเริ่มเล่นแรกๆ ก็โอเคอยู่หรอก ผมพยายามให้
ยูนิตที่เหลือเลือดน้อยอยู่หลังๆ จะได้ไม่มีใครตาย
“แต่เล่นไปเรื่อยๆ ถ้าไม่ใส่ใจ คนนั้นก็จะตาย คนนี้ก็จะตาย…
“ผมมารู้ทีหลังว่าถ้ายิ่งผมอยากมองยูนิตพวกนี้เป็นคนจริงๆ ผมก็ยิ่งทำไม่ได้!
“เพราะถ้าเอาแต่กดดันตัวเองว่ายูนิตพวกนี้คือคนจริงๆ ผมก็จะคิดอย่างมี
เหตุผลและจัดการกับสถานการณ์การรบในปัจจุบันไม่ได้
“ยิ่งผมเครียด ก็ยิ่งมีคนตายเพิ่ม“เพราะงั้นตอนใกล้จบ การรบเลยยากขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายผมก็ไม่สามารถ
ช่วยชีวิตคนพวกนั้นได้
“ถึงจะโกหกตัวเองซ้ำๆ ว่ายูนิตพวกนี้คือคนจริงๆ ลึกลงไปในใจผมก็ยัง
ต่อต้านและปฏิเสธความคิดนั้น เพราะงั้นผมเลยคิดแบบที่คุณบอกไม่ได้
“สุดท้ายผมก็สับสนและหลงทาง ถึงจะตายกันเป็นเบือก็รู้สึกเฉยๆ ทุกอย่าง
กลับไปสู่จุดเดิม
“สรุปคือผมไม่ได้อะไรจากเกมนี้เลย”
พอบ่นเสร็จ ลู่จือเหยาก็หันมองจูเสี่ยวเช่อ
ตอนแรก เขาคิดว่าจะได้เห็นความผิดหวังหรือเห็นใจบนใบหน้าของจูเสี่ยวเช่อ
แต่ไม่คิดเลยว่าจูเสี่ยวเช่อจะยกมือให้เขาหยุดพูดแล้วก้มหัวครุ่นคิดอย่างจริงจัง
ลู่จือเหยาตกใจ
หมายความว่าไง หรือผู้กำกับจูจะได้แรงบันดาลใจจากสิ่งที่ฉันเพิ่งพูดไป
ผู้กำกับทุกคนคิดเก่งกันขนาดนี้เลยเหรอ
บอสเผยกำหนดให้ยูนิตในเกมมีความคิดเป็นของตัวเอง ซึ่งเมื่อนำไปรวมกับ
วิธี ‘ทำลายกำแพงที่สี่’ คนก็มักจะคิดไปถึงแนวคิด ‘ยูนิตในเกมคือคนจริงๆ’
แต่แนวคิดนี้เคยใช้ไปแล้ว ถ้าอยากได้แนวทางที่ไม่ซ้ำเดิม เขาก็ต้องขุดลึกลง
ไปให้เจอสิ่งใหม่ๆการเดินทางทางจิตใจของลู่จือเหยาอาจเอามาใช้วางพล็อตตรงๆ ไม่ได้ แต่ก็
น่าจะให้แนวคิดบางอย่างที่คิดไม่ถึงมาก่อน
ตัวอย่างเช่น
อาจดูเป็นเรื่องตลกร้ายที่การใส่ใจมากเกินไปว่ายูนิตพวกนี้เป็นคนจริงๆ รึ
เปล่าส่งผลต่อการตัดสินใจอย่างมีเหตุผล และการไม่มองยูนิตเหล่านี้เป็นมนุษย์
จริงๆ จะช่วยลดการสละชีพได้
เพราะสื่อกลางเป็นเกม จิตใต้สำนึกจึงต่อต้านและปฏิเสธความคิดที่ว่า ‘ยูนิต
ในเกมเป็นคนจริงๆ’
พอมีคนตายเยอะเกินไป ชีวิตก็จะกลายเป็นตัวเลข ผู้บัญชาการสูงสุดจะตก
อยู่ในความมึนงงและสิ้นหวัง
แต่การมองผู้คนเป็นตัวเลขนั้นถูกต้องรึเปล่า มันดูจะสร้างปัญหามากขึ้นด้วย
ซ้ำ…
อีกอย่างเกมที่ ลู่จือเหยาเล่นคือ Starcraft 2 ไม่ใช่ Mission & Choice
ลองคิดดูสิ ถ้าเป็น Mission & Choice ยูนิตทุกตัวจะมีความคิดเป็นของ
ตัวเอง แถมช่องว่างระหว่างมนุษย์กับเซิร์กก็กว้างกว่ามาก…
ความคิดมากมายหลั่งไหลเข้ามาในหัวอย่างรวดเร็ว จูเสี่ยวเช่อได้แรงบันดาล
ใจเปี่ยมล้น!
เขารีบพูดขึ้น “ขอผมใช้โน้ตบุ๊กหน่อย!”ลู่จือเหยารีบลุกขึ้น “เอาเลยครับ”
จูเสี่ยวเช่อออกจากเกม Starcraft 2 แล้วสร้างเอกสารเวิร์ดขึ้นมาใหม่ ก่อน
จะรัวมือพิมพ์
ลู่จือเหยายืนมองอยู่ด้านหลังด้วยความสงสัย ผ่านไปครึ่งชั่วโมงเขาก็ถามขึ้น
“ผู้กำกับจู นี่คุณ…กำลังเขียนโครงเรื่องตั้งแต่ต้นรึเปล่าครับ”
จูเสี่ยวเช่อรีบตอบ “ไม่ใช่แน่นอนครับ! ผมมีบทยาวหลายแสนคำอยู่ใน
คอมพิวเตอร์ที่ออฟฟิศ นี่ผมกำลังจดแรงบันดาลใจที่ผุดขึ้นมาตอนนี้
“อย่าเพิ่งขัดจังหวะความคิดผม แล้วก็อย่าดูด้วย ผมเขียนไม่ได้ถ้ามีคนจ้อง
เชิญนั่งพักก่อนนะครับ”
พอไล่ลู่จือเหยาไปได้ จูเสี่ยวเช่อก็รัวมือพิมพ์อย่างบ้าคลั่ง บันทึกแรงบันดาล
ใจทั้งหมดเอาไว้
ลู่จือเหยารู้สึกสงสัยในใจ แต่ก็ไม่กล้าเดินไปมองอีก จึงได้แต่รอไปก่อน แม้จะ
รู้สึกเหมือนมีเข็มจิ้มในใจก็ตาม
จูเสี่ยวเช่อพิมพ์ด้วยความเร็วแสง ทั้งพิมพ์เพิ่มและกดลบไม่หยุดหย่อน
“บอสเผยบอกว่าตัวเอกต้องมีแค่ลู่จือเหยาคนเดียว
“ถ้าไม่ต้องเข้าฉากสู้กับใครก็จะเป็นการฉายเดี่ยว แสดงว่าตัวเองต้องผ่านการ
เปลี่ยนแปลงทางความคิดหลายอย่างเพื่อรองรับความยาวเรื่อง
“ตอนนี้… ห้าครั้งก็ไม่น่าพอ“อืม… งั้นต้องหาอะไรสักอย่างมาเข้าฉากกับตัวเอก อาจจะไม่ใช่นักแสดง
“ปัญญาประดิษฐ์?
“ถ้าอยากทำลายกำแพงที่สี่ ตัวเอกต้องคุมกองทัพผ่านการช่วยเหลือจาก AI
ขณะเดียวกัน ระบบการเล่นต้องออกมาง่าย ซึ่งก็ต้องใช้ AI เข้ามาช่วยประมาณ
หนึ่ง
“ในเมื่อมี AI ในเนื้อเรื่อง ก็ต้องให้อยู่ฝั่งตรงข้ามกับตัวเอก พอเจอการ
แทรกแซงจาก AI ความคิดของตัวเอกก็จะเปลี่ยนแปลงได้หลายครั้ง
“เก้าครั้ง
“ความคิดตัวเอกจะเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาเก้าครั้ง แต่ละครั้ง เรื่องราวจะ
คืบหน้าไปทีละนิด ใกล้ความจริงสุดท้ายเข้าไปเรื่อยๆ
“ต้องไม่ลืมด้วยว่าตัวเอกเป็นนักรบอวกาศที่มีเจตจำนงแน่วแน่และไม่
แสดงออกทางอารมณ์มากเกินไป เพราะงั้นก็ต้องนำเสนอความขัดแย้ง
“พล็อตต้องทำให้ผู้ชมคาดไม่ถึงและสร้างความตึงเครียด แต่ตัวเอกต้อง
เข้มแข็ง ใจเย็น และมีเหตุผลเสมอ จนกระทั่งตอนจบถึงจะเกิดการผันผวนทาง
อารมณ์เล็กน้อย การเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ทุกครั้งต้องแสดงให้เห็นเล็กๆ
น้อยๆ ด้วย…
“มีตัวเอกแค่คนเดียว เพราะงั้นตัวเอกก็ต้องทำให้ผู้ชมประทับใจ
“เล่าเรื่องราวดีๆ และสร้างตัวเอกที่ดีขึ้นมา แค่นี้น่าจะพอแล้วสำหรับบอส
เผย”จูเสี่ยวเช่อพิมพ์ไปประมาณห้าร้อยคำ พอตรวจสอบเนื้อหาเสร็จก็พยักหน้า
ด้วยความพึงพอใจ
นี่คือแก่นที่สำคัญที่สุดของเรื่อง แต่พอเอาไปแปลงเป็นบทก็ต้องปรับเสริม
เพิ่มเติมซ้ำไปมา
คิดได้แบบนั้น จูเสี่ยวเช่อก็เก็บโน้ตบุ๊กใส่กระเป๋าเป้ “โอเคครับ ราชาหนัง
งานของคุณเสร็จแล้ว ผมได้แรงบันดาลใจมาก! เดี๋ยวผมขอตัวกลับไปแก้บทให้
เรียบร้อย แล้วเราจะเริ่มถ่ายทำกันทันที!”
ลู่จือเหยาถามด้วยความไม่แน่ใจ “ผู้กำกับจูแน่ใจนะครับว่าบทใกล้เสร็จแล้ว”
จูเสี่ยวเช่อยิ้ม “ตอนแรกก็ไกลอยู่ แต่ตอนนี้ใกล้แล้วจริงๆ ครับ! เชิญคุณ
พักผ่อน โกนหนวดโกนเครา เดี๋ยวผมรีบส่งบทส่วนแรกให้นะครับ”
ลู่จือเหยาตกใจ “ยังจะส่งเป็นส่วนๆ อยู่เหรอครับ”
จูเสี่ยวเช่อพยักหน้า “แน่นอนสิครับ แบบนั้นคุณจะได้เข้าถึงตัวละครได้ดีขึ้น
ผมขอตัวก่อนนะครับ!”
จูเสี่ยวเช่อกลับออกไปทันทีที่พูดจบ
ทิ้งให้ลู่จือเหยาเกาหัวด้วยความงุนงง
เขารู้สึกว่าสิ่งที่ตัวเองพูดสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้กำกับจูเสี่ยวเช่อได้จริงๆ
แต่เขาก็ยังนึกภาพไม่ออกว่าบทจะออกมาเป็นยังไง
…จูเสี่ยวเช่อกลับถึงเฟยหวงสตูดิโอแล้วโทรเรียกหวงซื่อปั๋วกับทีมคนเขียนบท
มาประชุมทันที
“คิดว่าไอเดียผมเป็นยังไง ถ้าเป็นไปได้ เราเริ่มงานกันทันทีและรีบเขียนบทให้
เสร็จ
“ระหว่างเขียนบทก็เตรียมการอย่างอื่นไปด้วย”
คนเขียนบทแสดงสีหน้าประหลาดใจ “สุดยอดเลยครับ ผู้กำกับจู! นอกจาก
เรื่องราวจะผสานเข้ากับเนื้อหาเกมได้เป็นอย่างดีแล้ว ตัวละครยังมีความโดดเด่น
การดำเนินเรื่องก็เหนือความคาดเดาด้วย…”
หวงซื่อปั๋วพยักหน้ารัว “เยี่ยมยอดสุดๆ! เนื้อเรื่องเข้ากับเกมสุดๆ ผมได้ไอเดีย
แล้วว่าจะทำเกมออกมาแบบไหน!”
มีคนเขียนบทคนหนึ่งขมวดคิ้วเล็กน้อย “แต่ผู้กำกับจูคะ ดิฉันคิดว่าจุดหักมุม
ตอนจบดูฝืนไปนิดนึง ไม่ค่อยเป็นธรรมชาติเท่าไหร่
“แน่นอนว่าก็ไม่ได้มีอะไรผิด แต่ผู้เล่นบางส่วนไม่น่าจะยอมรับได้
“เป็นไปได้มั้ยคะว่าเราจะเกริ่นไว้ก่อนในช่วงแรกๆ เป็นคำใบ้”
จูเสี่ยวเช่อคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าหลังพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว “อืม
ก็อาจจะมีบ้างที่รู้สึกแบบนั้น แต่… เนื้อหาในช่วงแรกมันซับซ้อนมากแล้วนะ ผม
ว่าน่าจะยัดเข้าไปไม่ได้
“อีกอย่าง ถ้าบอกใบ้ชัดเจนเกินไป ผู้เล่นอาจจะเดาได้เลยตรงๆ ซึ่งจะทำให้
ปริศนาทั้งหมดพังทลาย“หรือ…
“เราเกริ่นเรื่องไว้นอก CG เนื้อเรื่องเพื่อให้ผู้คนเข้าใจผิด แล้วค่อยมาเปิดเผย
ปริศนาสุดท้ายในเนื้อเรื่อง แบบนี้ก็จะทำให้ทุกคนรู้สึกเกินคาดแต่ก็สมเหตุสมผล”
หวงซื่อปั๋ว “ใช่เลย เราทำแบบนั้นได้! ฉางหยางเกมส์กำลังทำ DLC ให้เกมเก่า
ของเถิงต๋า ผมขอให้เขาทำ DLC เชื่อมกับเรื่องนี้ได้ นอกจากจะได้เกริ่นเรื่องแล้ว
ยังเป็นการกระตุ้นกระแสล่วงหน้าด้วย!”
จูเสี่ยวเช่อพยักหน้า “โอเคครับ งั้นทุกคนทำตามโครงเรื่องที่ผมให้เพื่อพัฒนา
ตัวบท เราต้องเร่งทำให้เสร็จภายในสองวัน!”
ทีมคนเขียนบทพยักหน้า ในใจเปี่ยมไปด้วยไฟในการทำงาน
จูเสี่ยวเช่อโทรไปอธิบายความตั้งใจของเขาให้หวังเสี่ยวปินแห่งฉางหยางเกมส์
ฟัง
หวังเสี่ยวปินที่ปลายสายเงียบไปครู่หนึ่ง “ถ้าเป็นตีมไซไฟ… ไม่ค่อยมีเกมไหน
เหมาะเลย หรือจะใช้เกมฐานทัพกลางทะเลดี
“ทำพล็อตเรื่องแยกให้กับเกมฐานทัพกลางทะเล รีเมกทุกอย่างใหม่หมด
ตั้งแต่ตัวเอกไปจนถึงมอนสเตอร์”
จูเสี่ยวเช่อดีใจมาก “ดีเลย เกม FPS น่าจะเหมาะกว่า เพราะเกม FPS ใช้
มุมมองบุคคลที่หนึ่ง ซึ่งจะทำให้อินกับเนื้อเรื่องได้มากกว่า ผู้เล่นจะได้สัมผัสสิ่งที่
ผมอยากสื่อสารได้ง่ายขึ้น“อีกอย่าง เกมฐานทัพกลางทะเลมีฐานผู้เล่นเยอะมาก น่าจะช่วยโปรโมตได้
ดีกว่า
“แต่ผมไม่รู้ว่าจะกระทบกับแผนพัฒนาเดิมที่คุณวางไว้รึเปล่า”
หวังเสี่ยวปิน “ไม่เลยครับ จริงๆ แล้วผมยังไม่ได้ตัดสินใจอะไรเลย แผนของ
คุณดีมาก ผมยินดีทำตามแผนนี้ แถมตอนนี้ฝ่ายเกมเถิงต๋าก็กำลังทำเกม Mission
& Choice อยู่ ผมน่าจะยืมทรัพยากรงานภาพได้เยอะเลย ปริมาณงานก็จะไม่
เยอะมาก”
จูเสี่ยวเช่อแสนลิงโลดใจ “โอเคครับ เดี๋ยวผมส่งโครงเรื่องให้ เราเอามาสร้าง
เป็น DLC เกมฐานทัพกลางทะเลกันเถอะ!”