ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี - บทที่ 689 ภาระงานระดับลุงโง่ย้ายภูเขา
เผยเชียนยิ้มบางเมื่อเห็นสีหน้าสับสนสุดๆ ของหยูผิงอัน งงเลยล่ะสิ งั้นก็มาถูกทางแล้ว! ถ้านายงงแสดงว่าโอกาสผลาญเงินของฉันก็มีมากขึ้น! เผยเชียนไตร่ตรองเรื่องนี้อย่างละเอียด โมเดลในปัจจุบันที่มีโอกาสสำเร็จ ค่อนข้างสูงคือแพลตฟอร์มสารานุกรมกับแพลตฟอร์มถาม-ตอบ ซึ่งเชียนตู้ทำทั้ง สองอย่าง เอาเข้าจริงจะเรียกว่าประสบความสำเร็จก็ไม่ได้ แต่ไม่ได้ถือว่าล้มเหลว โลกนี้ยังไม่มีจือหู แต่เผยเชียนก็เอาโมเดลมาใช้อ้างอิงให้เป็นโมเดลที่ประสบ ความสำเร็จน้อยกว่าได้ ในความทรงจำของเผยเชียน โมเดลของจือหูประสบความสำเร็จมาก เป้าหมายของจือหูคือสร้าง ‘เว็บไซต์โซเชียลถาม-ตอบคุณภาพสูง’ มีคีย์เวิร์ดอยู่สองคำ คือ ‘คุณภาพสูง’ กับ ‘โซเชียล’ เป็นสองคำที่ขาดไม่ได้ ในช่วงแรก จือหูใช้ระบบเชิญเป็นหลัก ก่อนจะเปิดให้สมัครสมาชิกในสองปีให้ หลัง ในเวลาไม่ถึงปี ยอดสมัครสมาชิกก็พุ่งจากสี่แสนเป็นสี่ล้าน ปีต่อมาก็ระดม ทุนได้มากถึงยี่สิบล้านดอลลาร์สหรัฐ หลายคนคิดว่าพอเปิดให้สมัครสมาชิกจะทำให้บรรยากาศของคอมมูนิตี้แย่ลง ซึ่งก็เป็นข้อเท็จจริง แต่ก็ต้องยอมแลกเพื่อโมเดลธุรกิจนี้
ระบบเชิญและการจำกัดจำนวนสมาชิกอย่างเข้มงวดช่วยการันตีคุณภาพของ คอมมูนิตี้เว็บไซต์ได้จริง แต่ทุกเว็บก็ต้องการผู้ใช้งานจำนวนมากเพื่อพัฒนาต่อไป
ระบบเชิญและการจำกัดจำนวนสมาชิกอย่างเข้มงวดช่วยทำให้บรรยากาศ คอมมูนิตี้เว็บไซต์ดีขึ้น แต่เพื่อให้ได้เงินทุน ความนิยม และรายได้ จำนวนผู้ใช้งาน ต้องสูงมากพอ
ครีเอเตอร์ต้องการยอดผู้ใช้จำนวนมากเพื่อให้เป็นที่รู้จักและเปลี่ยนเป็นความ นิยมกับผลประโยชน์
โมเดลที่ประสบความสำเร็จของแพลตฟอร์มที่คล้ายคลึงกันต้องมีความสมดุล ระหว่างอัตราการเติบโตของผู้ใช้งานและคุณภาพของคำถามกับคำตอบ ทั้งสอง อย่างนี้ขาดกันไม่ได้
ดังนั้นวิธีของเผยเชียนจึงไม่มุ่งเน้นเรื่องความสมดุล ไม่สร้างกระแส และจะ ผลักไสไล่ส่งผู้ใช้งานให้ได้มากที่สุด!
อันดับแรก ผู้ใช้งานทุกคนของแอปโหย่วย่งต้องจ่ายเงินก่อนถึงจะดูเนื้อหาได้
ทำแบบนี้ก็จะกีดกันผู้ใช้งานได้มากกว่า 90%
ยิ่งไปกว่านั้น การกำหนดโมเดลการทำเงินยังมีส่วนในการตบตาระบบด้วย
เผยเชียนรู้ว่าถึงจะผ่านไปอีกสิบปี อัตราการใช้จ่ายเงินในแพลตฟอร์มถาม- ตอบคล้ายๆ กันนี้ก็ต่ำมาก เพราะคนส่วนใหญ่ไม่ยอมจ่ายเงินเพื่อความรู้ นี่เป็น เรื่องของแนวคิด
ถ้าไม่มีกระแสและไม่มีผู้ใช้งาน แอปโหย่วย่งก็จะไม่ดัง
สอง การปราบปรามการนำโพสต์ไปลงใหม่ ขโมย และก๊อบวางเป็นเพราะ ส่วนหนึ่งเผยเชียนเกลียดพฤติกรรมแบบนี้ อีกส่วนก็เพื่อลดกระแสความนิยมลง ไปอีก
ถึงความตระหนักเรื่องลิขสิทธิ์ของโลกนี้จะแข็งแกร่งมาก และการละเมิด ลิขสิทธิ์เรื่องหนัง เกม และนิยายก็หาได้ยากมาก แต่เรื่องอย่างการดัดแปลง ต้นฉบับโดยไม่ให้เครดิตก็ยังไม่มีวิธีแก้อย่างเด็ดขาด
เพราะยังไงค่าใช้จ่ายในการบังคับใช้กฎหมายก็สูงเกินไป ถึงหลายคนจะโดน ดัดแปลงต้นฉบับก็ยากที่จะตามหาเจอ
ถ้าเนื้อหาคุณภาพดีๆ ในแอปโหย่วย่งถูกนำไปโพสต์ใหม่ในแพลตฟอร์มอื่น แล้วดึงผู้ใช้งานเข้ามาได้ล่ะ
เผยเชียนคิดว่าเขาควรเตรียมทีมทนายสำหรับแอปโหย่วย่ง ไว้คอยสอดส่องดู การขโมยเนื้อหาจากแอปโหย่วย่ง
ส่วนหนึ่งก็เพื่อกันการกระจายเนื้อหาจากแอปโหย่วย่งซ้ำอีกครั้ง อีกส่วนก็ เพื่อจัดการพวกปลิงที่คอยขโมยเนื้อหา เป็นเหมือนยามเฝ้าอินเทอร์เน็ต จ้อง หาทางล้างแค้น!
พอนึกถึงเว็บเพจเนื้อหาซ้ำจำนวนมากที่ปรากฏขึ้นมาตอนใช้เชียนตู้ค้นข้อมูล เขาก็อยากจะจ่อมีดที่คอพวกชอบขโมยเนื้อหาแล้วถกเรื่องชีวิตกัน
สาม มีการตรวจสอบชื่อจริงผู้ใช้งานทุกคนและบังคับใช้กฎสุดเข้มงวดทุก อย่างกับผู้ใช้งาน
ถึงผู้ใช้งานทั่วไปซึ่งก็คือผู้อ่านจะจ่ายเงินค่าสมาชิก แต่ก็ทำได้แค่อ่าน ไม่ สามารถแสดงความเห็น หรือทิ้งข้อความเพื่อถกประเด็นได้
ด้านครีเอเตอร์จะตอบได้แค่เนื้อหาในส่วนที่ตัวเองเชี่ยวชาญ ถ้าพบเห็น ข้อความไหนผิดหรือตอบไม่ถูกต้องก็จะโดนลบ
แน่นอนว่า คำตอบที่เขียนขึ้นมาอย่างขยันขันแข็งจะถูกส่งกลับไปให้ผู้เขียน ต้นฉบับผ่านทางข้อความส่วนตัว ไม่สามารถแสดงบนแอปโหย่วย่งได้
ในเบื้องหน้า การเขียนคำตอบให้แอปสามารถทำเงินได้ โดยค่าสมาชิกราย เดือนส่วนหนึ่งจะแจกจ่ายให้กับครีเอเตอร์เป็นค่าตอบแทน
แต่ประเด็นคือ โมเดลนี้จะทำให้มีคนได้รับเงินจริงๆ น้อยมาก เพราะงั้นครีเอ เตอร์จึงจะได้เงินไม่มากนัก
ทำให้เกิดเป็นวงจรอุบาทว์ ‘ไม่มีผู้ใช้งาน – ไม่มีเงิน – ไม่มีครีเอเตอร์’
แบบนี้ก็จะขาดทุนได้ง่ายๆ เลยสิ
ยิ่งคิดเผยเชียนก็ยิ่งรู้สึกโมเดลนี้สมบูรณ์แบบมาก
ต้องขาดทุนได้แน่นอน!
หยูผิงอันตระหนักเรื่องนี้อย่างชัดเจน
เดิมทีเขาก็เชี่ยวชาญเรื่องโปรเจ็กต์เกี่ยวกับการศึกษาและยังเข้าใจ แพลตฟอร์มสารานุกรมกับแพลตฟอร์มถาม-ตอบเป็นอย่างดี เพราะงั้นทำไมเขา จะไม่เห็นข้อบกพร่องร้ายแรงในโมเดลของบอสเผย
พอนึกถึงโปรเจ็กต์ประสบความสำเร็จที่มีมากมายของบอสเผย หยูผิงอันก็ พยายามข่มความกังขาในใจลงไป
เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถามขึ้น “ถ้างั้น… บอสเผยช่วยบอกวิธีการที่ เฉพาะเจาะจงเลยได้ไหมครับ”
เผยเชียนพยักหน้า “ได้เลย!
“แอปโหย่วย่งคือการผสมผสานระหว่างโมเดลสารานุกรมกับโมเดลถาม-ตอบ เราจะสร้างเนื้อหาจำนวนมากตามคีย์เวิร์ด ซึ่งตัวรายการจะมีส่องส่วนคือ ‘เนื้อหา หลัก’ กับ ‘เนื้อหาที่ได้รับมา’
“ครีเอเตอร์ของเราจะแบ่งเป็นสามระดับดาวและตามแนวปัญหาที่สอดคล้อง กัน
“ถ้าอยากเป็นครีเอเตอร์ ก็ต้องให้ข้อมูลยืนยันเพื่อที่ผู้ประเมินจะพิสูจน์ได้ว่ามี ความเชี่ยวชาญในแวดวงนั้นจริงๆ
“ครีเอเตอร์หนึ่งดาวทำได้แค่แก้ไขและตอบโต้ใน ‘เนื้อหาที่ได้รับมา’ ก็คือทำ ได้แค่ตอบคำถามในแวดวงที่ตัวเองเชี่ยวชาญหรือคอมเมนต์ตอบคำถามอื่นๆ
“ครีเอเตอร์สองดาวสามารถแก้ไข ‘เนื้อหาหลัก’ ได้ ‘เนื้อหาหลัก’ นั้น เทียบเท่ากับสาระสำคัญของแนวคิดทั้งหมดและเป็นส่วนดรรชนี ขณะเดียวกัน พวกเขาก็มีอำนาจด้วย ถ้าคิดว่าเนื้อหาของครีเอเตอร์หนึ่งดาวมีจุดผิดพลาด พวก เขาสามารถรายงานเนื้อหาได้
“ครีเอเตอร์สามดาว นอกจากจะมีสิทธิ์แก้ไขเนื้อหาทั้งหมดแล้ว ยังสามารถดู เวอร์ชันย้อนหลังของแต่ละเนื้อหา รวมถึงสามารถตรวจสอบการเพิ่มหรือลบ เนื้อหาของครีเอเตอร์คนอื่นๆ และจัดการเนื้อหาที่มีการรายงานเข้ามาได้
“พนักงานของเรามีอำนาจสูงสุด ถ้าครีเอเตอร์สามดาวทำผิดกฎ ก็สามารถ จัดการได้หลังการพูดคุยกันในหมู่ทีมงาน
“ครีเอเตอร์หนึ่ง สอง และสามดาวในช่วงแรกจะมาจากการเชิญของทีมงาน เราเริ่มตรวจสอบและตัดสินใจเรื่องการเลื่อนระดับจากปริมาณและคุณภาพของ ผลงาน
“ถ้าครีเอเตอร์คนไหนละเมิดกฎการสร้างสรรค์ผลงาน เช่น ข้อความไม่ ถูกต้อง ข้อเท็จจริงไม่ถูกต้อง คำตอบที่มีแนวโน้มชักนำเจตนาร้ายอะไรเทือกนี้ ก็ ต้องลบให้หมด
“แอปของเราชื่อ ‘โหย่วย่ง’ ที่หมายความว่า ‘มีประโยชน์’ แสดงว่าข้อมูล ทั้งหมดในแอปจะต้องมีประโยชน์
“เราอาจจะไม่มีเนื้อหาสำหรับทุกสิ่งอย่าง แต่ก็ต้องแน่ใจว่าเนื้อหาทั้งหมด ของเรานั้นถูกต้อง
“สำหรับบางประเด็นที่เป็นข้อขัดแย้งและหาข้อสรุปไม่ได้ เราต้องระบุว่า ประเด็นนี้เป็นข้อโต้แย้งและระบุความคิดเห็นของทั้งสองฝ่าย ถ้าประเด็นไหนมี ความขัดแย้งมากเกินไปก็ไม่ต้องเอาไว้
“ตัวอย่างเช่น เราจะไม่ตอบคำถามเกี่ยวกับความรู้สึก คำถามที่สะท้อนถึงจิต วิญญาณ และคำถามที่ก่อให้เกิดการกระทบกระทั่งในคนหมู่มาก
“ระบบชื่อจริง ระบบเก็บค่าสมาชิก
“ระบบยืนยันชื่อจริงจะต้องเข้มงวดเทียบเท่าซอฟต์แวร์เกี่ยวกับการจ่ายเงิน แต่ละแอกเค้านต์ต้องผูกกับบัตรประชาชนและระบบจดจำใบหน้า โมเดลการเก็บ เงินมีแค่แบบเดียวคือ สมัครสมาชิกแล้วเรียกเก็บเงินภายหลัง
“ทุกเดือน เราจะเรียกเก็บเงินตามเวลาการใช้งานและการดูเนื้อหาของ ผู้ใช้งานในเดือนที่แล้ว
“ถ้าไม่ได้ใช้งานเลยก็จะไม่เรียกเก็บค่าบริการ
“ถ้ามีการใช้งาน ค่าบริการต่ำสุดคือหนึ่งหยวน สูงสุดคือสิบห้าหยวน
“ขณะเดียวกัน เราต้องทำหน้าที่ป้องกันการโจรกรรมและการฉกฉวยข้อมูล ให้ดี ถ้ามีการดัดแปลงเนื้อหาออนไลน์ เราจะเตรียมทีมทนายพร้อมยื่นฟ้องทุกเมื่อ เงินชดเชยทั้งหมดที่เรียกเก็บได้จะส่งคืนให้กับครีเอเตอร์!
“ส่วนครีเอเตอร์จะได้ค่าตอบแทน ซึ่งอัตราค่าตอบแทนหลักๆ ขึ้นอยู่กับสาม องค์ประกอบคือ ระดับดาว จำนวนการแก้ไขกับตอบคำถาม และตรวจดูว่ามีการ ละเมิดกฎหรือไม่
“เราจะใช้รายได้ 90% ของค่าสมาชิกรายเดือนทั้งหมดเป็นค่าตอบแทนครีเอ เตอร์ ส่วนที่เหลืออีก 10% ไว้ใช้ดูแลและพัฒนาเว็บไซต์ ถ้าค่าใช้จ่ายในส่วนการ ดูแลและพัฒนาไม่พอ ผมจะเป็นคนออกเงินส่วนที่เหลือ
“ประมาณนี้ มีคำถามอะไรมั้ย”
เผยเชียนพูดไอเดียทั้งหมดที่มีออกมาในลมหายใจเดียว ก่อนจะจิบชาเงียบๆ
หยูผิงอันงุนงง เขาเงียบไปพักใหญ่ก่อนจะถามขึ้น “ถ้างั้นเราจะหาเนื้อหาชุด แรกของแอปจากที่ไหนครับ เราต้องร่วมมือกับเชียนตู้สารานุกรมหรือเว็บไซต์อื่น เพื่อขอใช้เนื้อหาไหมครับ”
เว็บไซต์ต่างๆ ที่ทำสารานุกรมใช้ข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตโดยตรง เหตุการณ์ แบบนี้ถือเป็นเรื่องปกติมาก
เผยเชียนส่ายหัวทันที “แน่นอนว่าไม่!
“เราต้องทำเนื้อหาของตัวเอง ไม่ซ้ำใคร เพราะงั้นก็ต้องเริ่มจากเราเอง! เรา ไม่ให้คนอื่นมาลอกเนื้อหาเรา เพราะงั้นเราก็ห้ามลอกเนื้อหาคนอื่น
“เนื้อหาทั้งหมดจะต้องสร้างใหม่จากศูนย์และต้องแตกต่างจากเชียนตู้ สารานุกรม”
หยูผิงอันอึ้งไป “บอสเผยครับ… แบบนั้นงานหนักพอๆ กับลุงโง่ย้ายภูเขาเลย นะครับ!
“ผมกลัวว่าถ้าใช้วิธีนี้ แอปจะทำกำไรไม่ได้ไปอีกสิบปี
“อย่าว่าแต่กำไรเลย แค่หาผู้ใช้งานก็ยากแล้วครับ…”
เผยเชียนแสนลิงโลดใจ
จริงเหรอ นายคิดงั้นจริงดิ
เยี่ยมเลย!
นายโลกสวยกว่าฉันอีกนะเนี่ยที่คิดว่าจะทำกำไรไม่ได้ไปอีกสิบปี!
แค่การันตีได้ว่าจะทำกำไรไม่ได้ไปห้าปี เผยเชียนก็แทบอยากกราบขอบคุณ สวรรค์แล้ว
ในห้าปีมีรอบบัญชีอย่างน้อยสิบรอบ ผลาญเงินได้เยอะพอแน่!
เรื่องทำกำไรไม่ได้ไปอีกสิบปีนี่ดีเกินไปที่เขาจะกล้าฝัน
เผยเชียนยิ้มบาง “ใช่ นี่เป็นงานใหญ่ระดับลุงโง่ย้ายภูเขา
“แต่มันก็มีความหมายมากๆ เราต้องสร้างดินแดนบริสุทธิ์ที่ปราศจากขยะ สำหรับโลกอินเทอร์เน็ตที่เต็มไปด้วยขยะ
“มีคำพูดที่ว่า เวลาที่ดีสุดในการปลูกต้นไม้คือสิบปีที่แล้ว รองจากนั้นก็คือ ตอนนี้
“ถ้าเป็นงานหนักเราก็ต้องลงมือเลยใช่มั้ยล่ะ”