ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี - บทที่ 706 – ให้ไอ้หม่าแบกรับความกดดันทั้งหมด
- Home
- ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี
- บทที่ 706 – ให้ไอ้หม่าแบกรับความกดดันทั้งหมด
หลังจากส่งหยูผิงอันกลับ ฉางโหย่วก็รวบรวมข้อมูลทั้งหมดแล้ว เริ่มปรับรายละเอียดของผู้ช่วยเสียงปัญญาประดิษฐ ์AEEIS เพิ่มเติม
หนึ่งในจุดที่สาคัญที่สุดคือเสียงของ AEEIS
ก่อนหน้านี้ ฉางโหย่วไม่สามารถสรุปรายละเอียดเรื่องเสียงของ AEEIS ได้อย่างครบถ้วน
บอสเผยก าหนดแนวทางส าหรับเสียง AEEIS ไว้ชัดเจนแล้ว ซึ่งก็ คือต้องไร ้ซึ่งอารมณ์และเป็ นเสียงอิเล็กทรอนิกส์ล้วนๆ
แต่เสียงอิเล็กทรอนิกส์ก็มีหลายประเภท ซึ่งเสียงแต่ละประเภทก็ ให้ความรู ้สึกที่แตกต่างกันลิบลับต่อคนฟัง
เสียงเหล่านี้มีหลายระดับ ตั้งแต่เสียงอิเล็กทรอนิกส์ล้วนๆ ไป จนถึงเสียงธรรมชาติตามแบบมนุษย์จริงๆ
เสียงอิเล็กทรอนิกส์ล้วนคือเสียงหุ่นยนต์ในหนังบางเรื่อง เป็ น เสียงอู้อี้ ดูทึ่มหน่อยๆ และไร ้น้าเสียง แต่ละค ามีการเว้นช่วงอย่าง ชัดเจน
ตอนนี้ผู้ช่วยเสียงอัจฉริยะส่วนใหญ่พยายามออกแบบมาให้ ใกล้เคียงกับเสียงธรรมชาติมนุษย์ และท าให้บทพูดมีความเป็ น ธรรมชาติผ่านการบันทึกเสียงจ านวนมาก
ฉางโหย่วพอจะสรุปได้คร่าวๆ ว่าเสียง AEEIS ควรจะอยู่กึ่งกลาง ระหว่างสองแบบนี้ แต่ก็ยังสรุปไม่ได้ว่าจะทาออกมาในระดับไหน
เสียงอิเล็กทรอนิกส์ล้วนเน้นคุณสมบัติความเป็ นปัญญาประดิษฐ ์ ของ AEEIS แต่ผู้ใช ้งานอาจใช ้งานได้ไม่ค่อยสะดวก เพราะเสียง อิเล็กทรอนิกส์ฟังออกค่อนข้างยาก ได้ยินไม่ค่อยชัดเจน และไม่ตรง กับคุณสมบัติ ‘ใช ้งานง่าย’ และ ‘มีประสิทธิภาพ’ ของ AEEIS
ดังนั้นจุดที่ต้องเน้นเรื่องเสียง AEEIS ในครั้งนี้คือความมี ประสิทธิภาพและใช ้งานง่าย โดยที่ยังเน้นชัดถึงบุคลิกนิสัยและไม่ กระทบกับประสบการณ์การใช ้งานของผู้ใช ้งาน
ถ้าน าคุณสมบัติปากร ้ายนิดๆ ของ AEEIS มาพิจารณา พวกเขา ก็เพิ่มฟี เจอร ์อื่นๆ เข้ามาได้ เช่น เพิ่มความเร็วในการพูดเวลาพูด อะไรร ้ายๆ เพื่อเน้นคุณสมบัติเรื่อง ‘การคิดเร็ว’
แน่นอนว่า น้าเสียงเฉพาะที่จะนามาใช ้ต้องให้ทีมงานค่อยๆ ปรับ อาจจะมีแผนงานมากมายผุดขึ้นมา ซึ่งสุดท้ายฉางโหย่วจะเป็ นคน ตัดสินใจ
ฉางโหย่วให้แนวทางทั้งหมดกับทีมงาน และบอกให้พวกเขา พยายามเต็มที่ในทิศทางนี้
… …
วันพฤหัสบดีที่ 27 ตุลาคม
บริษัทลงทุนหยวนเมิ่ง
เฮ่อเต๋อเซิ่งรีบลุกขึ้นต้อนรับเผยเชียนกับหม่าหยางเมื่อเห็นทั้ง สองเดินเข้ามา
“บอสเผย บอสหม่า อีกฝ่ ายมาถึงและเข้าไปรอในห้องประชุมแล้ว ครับ
“เฉินยู่เฟิงเคยท างานทดสอบประสบการณ์การใช้งานผลิตภัณฑ์ ในห้องทดลองที่ปักกิ่งมาสี่ปี และเคยร่วมงานกับเสี่ยวหูรีวิวอยู่พักหนึ่ง แต่ก็ลาออกเพราะไม่พอใจที่เสี่ยวหูรีวิวรับเงินใต้โต๊ะ
“เรื่องความเป็ นมืออาชีพไม่ใช่ปัญหาเลยครับ เขามีคอนเนกชัน กับห้องทดลองและสถาบันประเมินเฉพาะด้วย น่ าจะร่วมงานกับ บอสหม่าได้อย่างไม่มีปัญหาครับ”
เผยเชียนพยักหน้า “โอเค เข้าไปพบเขากัน”
เผยเชียนบอกไว้ว่าจะเตรียมทีมผู้เชี่ยวชาญให้ไอ้หม่า เลยบอก เฮ่อเต๋อเซิ่งให้ไปหาคนเหมาะๆ มา
การค้นหาจุดบกพร่องเป็ นงานใช้ฝีมือเฉพาะทาง และเนื้อหาใน ครั้งนี้ก็ไม่ได้จากัดอยู่ที่การประเมินสินค้าดิจิทัล ดังนั้นความรู ้ทาง วิชาชีพจึงมีความส าคัญมากกว่า
พอเลือกคนดูแลทีมผู้เชี่ยวชาญได้แล้ว ค่อยไปหาผู้เชี่ยวชาญ ในสาขาต่างๆ มา
พอมาถึงหน้าห้องประชุม เฮ่อเต๋อเซิ่งก็เคาะประตูเบาๆ แล้วเปิด ประตูเข้าไปด้านใน
เฉินยู่เฟิงรีบลุกขึ้นยืน
เขาดูมีอายุอยู่ในช่วงสามสิบต้นๆ สวมแว่น ตัดผมสั้น ดูเป็ นคนมี ความสามารถ
เฮ่อเต๋อเซิ่งผายมือให้ทุกคนนั่งลงแล้วเริ่มแนะนาโปรเจ็กต์คร่าวๆ
เฉินยู่เฟิงยังดูประหม่าอยู่เล็กน้อย
ก่อนเฮ่อเต๋อเซิ่งจะติดต่อเข้ามา เขาเป็ นแค่คนตัวเล็กๆ ไม่มี ตัวตนในแวดวงการประเมินผลิตภัณฑ์ ไม่มีความสาเร็จที่โดดเด่น สิ่ง เดียวที่อวดอ้างได้คือเคยรับผิดชอบสคริปต์ลายชิ้นตอนทางานกับ เสี่ยวหูรีวิว ซึ่งหลายคนมองว่าเป็ นจุดด่างพร ้อย
เสี่ยวหูรีวิวมีอิทธิพลมากในจีน แต่ก็มีชื่อเสียงที่แย่มาก ผู้ชม หลายคนรู ้ว่าพวกเขาทาเพื่อเงินล้วนๆ พอปล่อยคลิปใหม่เมื่อไหร่เป็ น ต้องโดนด่าทุกครั้ง
ถึงเฉินยู่เฟิงจะมีความเป็ นมืออาชีพมาก แต่ก็เอามาใช ้ประโยชน์ ไม่ได้ในวงการนี้
อุตสาหกรรมประเมินผลิตภัณฑ์ต้องอาศัยความไว้วางใจใน อิทธิพลของสื่อนั้นๆ ถ้าไม่มีคนให้ความสนใจมากพอ ถึงจะมีความ เป็ นมืออาชีพมากขนาดไหนก็ยากที่จะถูกเห็น
ตามที่เฮ่อเต๋อเซิ่งอธิบาย ผู้คุมโปรเจ็กต์นี้คือบอสเผยกับ บอสหม่าแห่งเถิงต๋า เพราะงั้นก็ไม่น่าจะขาดแคลนทั้งในเรื่องการให้ ความสนใจ เงิน และด้านอื่นๆ ถือเป็ นแพลตฟอร ์มที่ดีมาก
กุญแจสาคัญขึ้นอยู่กับว่าบอสเผยกับบอสหม่าจะพอใจในตัวเขา รึเปล่า
แน่นอนว่าก็ไม่ได้หมายความว่าเฉินยู่เฟิงจะตกลงเข้าร่วมโปร เจ็กต์แน่นอน เพราะเฮ่อเต๋อเซิ่งบอกเขาแค่ว่าเป็ นโปรเจ็กต์รีวิวสินค้า แต่ไม่ได้ลงรายละเอียดอะไรเพิ่มเติม
ถ้าเป็ นโปรเจ็กต์ที่ทาเพื่อเงินแบบเสี่ยวหูรีวิวก็คงต้องคิดดูใหม่ เพราะถือเป็ นการกระทาที่น่าขยะแขยงมาก
เฉินยู่เฟิงลุกขึ้นยืนแล้วยื่นเรซูเม่ให้บอสเผยด้วยสองมือ “เรซูเม่ของผมครับ รบกวนบอสเผยช่วยดูก่อนด้วยครับ” เฉินยู่เฟิงเหลือบมองบอสเผยกับบอสหม่าไปด้วยในจังหวะนั้น บอสหม่าดูอายุยังน้อย ใบหน้าใหญ่ยาวมาก… บอสเผยดูอายุยังน้อย หน้าตาเหมือนในซีรีส์
เดี๋ยวก่อน นี่มันแปลกๆ ไหม ไหนบอกว่าคนคนนี้เป็ นนักแสดงที่ รับบทบอสเผยไง
เฉินยู่เฟิงอึ้งไปอยู่พักหนึ่ง เขาตั้งตาคอยว่าบอสเผยจะหน้าตา เป็ นยังไง แต่กลับได้มาเจอนักแสดงที่รับบทเป็ นบอสเผยแทน
ต้องมีการเข้าใจผิดอะไรบางอย่างแน่
แต่เขาก็ไม่ได้ถามอะไรให้มากความ เฉินยู่เฟิ งผงะไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเข้าใจเหตุการณ์ได้อย่างรวดเร็ว
เผยเชียนรับเรซูเม่มาแล้วเปิดดูคร่าวๆ “ผมดูเรซูเม่คุณมาก่อน แล้ว ซึ่งก็ค่อนข้างพอใจทีเดียว
“ผมมั่นใจว่าเรื่องความสามารถไม่น่าจะเป็ นปัญหา เพราะเฮ่อ เต๋อเซิ่งเป็ นคนแนะนาคุณมา
“ผมขอเล่าหน้าที่ของคุณให้ฟังคร่าวๆ ก่อนแล้วกัน ถ้าฟังแล้วไม่ ติดขัดตรงไหน ก็ให้เฮ่อเต๋อเซิ่งช่วยตั้งทีมรีวิวแล้วเริ่มโปรเจ็กต์ได้ เลย”
เฉินยู่เฟิงผงะไป
หา? เร็วไปหน่อยรึเปล่า เขากับบอสเผยไม่เคยเจอกันมาก่อน ไม่ คุ้นเคยกันเลยสักนิด แถมเรซูเม่จะบอกอะไรได้ขนาดนั้น
โดยทั่วไปเวลาบริษัทสัมภาษณ์ผู้สมัครงาน อย่างน้อยๆ ก็จะถาม ถึงประสบการณ์การทางานที่ผ่านมาอย่างละเอียด และพูดคุยเกี่ยวกับ ประเด็นทางธุรกิจที่เฉพาะเจาะจงเพื่อให้เข้าใจอีกฝ่ายได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
นอกจากนี้บริษัทส่วนใหญ่จะมีช่วงให้ทดลองงานหลังสัมภาษณ์ เสร็จ ถ้าหลังจบช่วงทดลองงานแล้วไม่พอใจผู้สมัครก็จะเลิกจ้าง บริษัทจะได้ไม่เสียผลประโยชน์มาก
แต่บอสเผยกลับข้ามขั้นตอนพวกนั้นไปหมดเลย
เถิงต๋าขึ้นชื่อว่าเป็ นบริษัทที่เข้ายากไม่ใช่เหรอ
ไหนว่ามีการสอบข้อเขียน สอบสัมภาษณ์ กับสอบจิตวิญญาณ เถิงต๋าไง
เฉินยู่เฟิงรู ้สึกมึนหน่อยๆ ดูเหมือนว่ากฎการด าเนินงานภายใน ของเถิงต๋าจะลึกลับมาก บางทีก็ได้งานยากมาก แต่บางทีก็ง่ายจนงง
แต่เฉินยู่เฟิงก็ไม่ได้ถามอะไรมากจนเกินควร แน่นอนว่าถ้าได้ เข้าร่วมงานเลยย่อมเป็ นเรื่องดี แถมจะได้เป็ นหัวหน้าโปรเจ็กต์อีก จะ ไปหาเรื่องดีๆ แบบนี้ได้จากที่ไหน
เขารอฟังบอสเผยสั่งงานเงียบๆ
เผยเชียนกระแอมกระไอ “งานของคุณง่ายมาก แค่เลือกสินค้า ต่างๆ ในตลาด จะเป็ นสินค้าดิจิทัล หรือของใช้ในชีวิตประจาวันทั่วไป ก็ได้ ขอแค่เอามารีวิวได้ก็พอ
“ระหว่างที่คุณประเมินสินค้า ต้องพิจารณาข้อเสียและปัญหาของ สินค้าที่หามาอย่างละเอียดแล้วเขียนสคริปต์ให้บอสหม่า”
เฉินยู่เฟิงอึ้งไปครู่หนึ่ง “…เขียนถึงแค่ข้อเสียเหรอครับ”
เผยเชียนพยักหน้า “ใช่”
เฉินยู่เฟิง “เลือกสินค้าได้ตามใจด้วยเหรอครับ มี…รายชื่อสินค้า ที่ต้องได้รับการยกเว้นไหมครับ อย่างสินค้าของเถิงต๋าก็ไม่ได้น่าจะ เอามาประเมินได้ใช่ไหมครับ”
เผยเชียนยิ้ม “ทาไมจะไม่ได้ล่ะ
“สินค้าของเถิงต๋าเองก็ไม่มีข้อยกเว้น และต้องประเมินอย่าง เข้มงวดกว่าสินค้าของคนอื่นด้วย!
“แล้วก็ห้ามรับเงินจากบริษัทไหนเด็ดขาด ไม่ว่าจะจ่ายเงินให้เรา พูดเกินจริงหรือให้เก็บเรื่องเงียบก็ไม่ต้องไปสนใจ”
เฉินยู่เฟิงเผยอปากเล็กน้อย เขาไม่รู ้จะพูดอะไรไปครู่หนึ่ง
เถิงต๋าเป็ นแบบนี้เหรอ
ยึดมั่นในหลักการเกินไปมั้ย!
ตอนได้ฟังเรื่องภาระงาน ปฏิกิริยาแรกของเฉินยู่เฟิงไม่ได้มองว่า เป็ นการกระทาที่สุดโต่ง แต่เป็ นการยึดมั่นในอุดมการณ์สุดๆ แม้แต่ กับตัวเองก็เข้มงวดมาก!
ถ้ามีบริษัทประเมินสินค้าเจ้าอื่นกล้าทาแบบนี้ บทรีวิวก็น่าจะเต็ม ไปด้วยความดามืดและไม่นานก็จะโดนทาลายหายไปในสายน้าแห่ง ประวัติศาสตร ์อันยาวนาน
เพราะพฤติกรรมแบบนี้คือการทุบงานของหลายบริษัท
ถ้าเปิดโปงบริษัทที่ไม่ค่อยดังก็ไม่น่าเป็ นไร เพราะพวกเขามีแฟน คลับและอิทธิพลไม่มาก
แต่บริษัทใหญ่ๆ แทบทุกบริษัทมีกองทัพหน้าม้า ถึงจะไม่มีหน้า ม้า ก็มีกองทัพแฟนคลับ ถ้ากล้าออกมาติเตียนก็จะเจอกับแรงกดดัน มหาศาลจากสังคม
แถมอีกฝ่ ายยังจะขุดค้นความลับอันด ามืดของฝ่ ายเรามาใช ้ โจมตีกลับอีก
ถึงจะบอกว่าไม่รับเงินใต้โต๊ะ แต่ก็การันตีได้ยากว่าจะไม่มี ข้อผิดพลาดเลย ถ้าเกิดมีอะไรผิดพลาดขึ้นมา อีกฝ่ ายต้องสู้กลับ เต็มที่เพื่อให้ฝ่ ายเราเสียชื่อแน่นอน ถ้ากลไกการวิพากษ์ของสังคม เริ่มทางาน สถานการณ์ก็จะเกินควบคุมได้
ดังนั้นจึงไม่มีใครทาโปรเจ็กต์แบบนี้ เพราะไม่น่าชื่นชมและอยู่ รอดยาก เรื่องเงินยิ่งไม่ต้องพูดถึง
เฉินยู่เฟิงรู ้สึกกดดันมากจนกลืนน้าลายอึกใหญ่ “บอสเผยครับ งานนี้ท้าทายเกินไปสาหรับผม
“ยากมากที่จะรับประกันได้ว่าการประเมินจะปราศจากอคติโดย สิ้นเชิง บางคนอาจจะคิดว่าข้อบกพร่องแค่อย่างเดียวเป็ นสิ่งที่รับได้ แต่บางส่วนอาจจะมองว่ารับไม่ได้เลย ยังไงก็ต้องมีความคิดเห็น ส่วนตัวเข้ามาเกี่ยวข้องในระดับหนึ่ง
“ถ้ามีข้อผิดพลาดหรือใช ้ค าไม่เหมาะสมและมีคนจับช่องโหว่ทาง ภาษาได้ ก็อาจโดนโลกอินเทอร ์เน็ตเกลียดชังเอา
“ถ้างานของผมสร ้างแรงกดดันทางสังคมหรือผลกระทบที่ไม่ดี ให้กับเถิงต๋าคอร ์เปอเรชัน ผมคงแบกรับผลที่ตามมาไม่ไหว…”
เผยเชียนยิ้มย่องในใจ
แรงกดดันทางสังคม?
เยี่ยมเลย!
ฉันกลัวอยู่เลยว่าจะไม่มีใครด่าฉัน!
เผยเชียนยิ้มบาง “ความผิดพลาดเป็ นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ ถ้าเกิดเรื่อง ผิดพลาดขึ้นมา ทางบริษัทจะเป็ นฝ่ายแบกรับความรับผิดชอบ
“ก่อนอื่นเลย เราต้องตรวจทานสคริปต์ให้ละเอียดขึ้น ลดทอน ประเด็นที่อาจสร ้างความขัดแย้งหรือเป็ นเรื่องความเห็นส่วนบุคคลให้ น้อยที่สุด เราไม่กลัวโดนติติง เหตุผลหลักคือเราไม่ควรชักจูงผู้ชม ในทางที่ผิด
“เราจะเน้นที่ข้อเสียและปัญหาที่แท้จริงของสินค้า
“ถ้าเกิดข้อผิดพลาด ก็ไม่ต้องลนลานคิดแต่จะขอโทษลูกเดียว มันไม่ใช่เรื่องใหญ่ เราควรขอโทษ ชี้แจง และชดเชย
“ส่วนเรื่องความเห็นสังคมในอินเทอร ์เน็ต ก็ไม่ต้องไปกังวล ถึง ท้องฟ้ าจะถล่มก็มีบอสหม่าอยู่ ความกดดันทางสังคมทั้งหมดจะอยู่ที่ เว่ยป๋ อของบอสหม่า”
เผยเชียนไม่เคยคลางแคลงใจในความสามารถด้านการแบกรับ ความกดดันของไอ้หม่า
ไอ้เจ้านี่มีข้อดีไม่มาก แต่ก็มีสภาพจิตใจที่ดี ไม่ว่าจะประสบ ความส าเร็จขนาดไหนก็ไม่เลยล าพองใจ และไม่ว่าจะเจอแรงกดดัน มากขนาดไหนก็ไม่เคยล้ม จุดนี้น่าจะเป็ นข้อดีที่มาจากการมีไอคิว น้อย
เฉินยู่เฟิงมองไปทางบอสหม่าด้วยแววตาสงสัย
หม่าหยางตบอกตัวเอง “ใช่ ผมทนรับแรงกดดันได้ ปัญหาขี้ปะติ๋ วจะตายไป!”
สีหน้าของเขาดูจริงจังมาก
เฉินยู่เฟิงลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้น “โอเคครับ งั้นผมจะลองดู แต่… ถ้าผมทางานนี้ไม่ไหวจริงๆ ผมหวังว่าจะสามารถลาออกได้ทุก เมื่อนะครับ”
เผยเชียนพยักหน้า “ได้สิ ไม่มีปัญหาเลย!”
เขาไม่กังวลเลยว่าเฉินยู่เฟิงจะลาออกเอากลางทาง
ถ้าเป็ นแบบนั้นก็หมายความว่าจะบรรลุเป้ าหมายในการผลาญ เงิน เผยเชียนสามารถขึ้นเงินเดือนไปเรื่อยๆ เพื่อรั้งตัวอีกฝ่ายได้
ไม่มีปัญหาไหนที่แก้ไม่ได้ด้วยเงิน!