ขาดทุนไม่อั้น ขอแค่ฉันได้เป็นเศรษฐี - บทที่ 97 ประชุมเรื่องจุดประสงค์ของบอสเผย
วันพุธที่ 24
ทีมออกแบบมีประชุมกัน
เผยเชียนตั้งใจไม่เข้าประชุมด้วยเพราะแบบร่างเสร็จสมบูรณ์แล้วและเริ่มกระบวนการสร้างเกมไปแล้วด้วย ในฐานะบอส เขาไม่จำเป็นต้องใส่ใจรายละเอียดเล็กน้อยและไม่มีทางทำอย่างนั้นแน่
ช่วงนี้ลู่หมิงเหลียงแบกรับงานเกือบทุกอย่างไว้เอง
แม้หวงซื่อปั๋วที่ตายไปแล้ว เอ้ย ที่หายหัวไปเลยจะทำให้ทุกคนวุ่นวายกันเล็กน้อย แต่ทุกคนก็มีหน้าที่ของตัวเองกันอยู่แล้วและโครงสร้างภายในทีมออกแบบก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมาก พวกเขาจึงกลับคืนสู่สภาวะปกติอย่างรวดเร็ว
ลู่หมิงเหลียงเองก็เริ่มชินกับภาระงานในฐานะหัวหน้าฝ่ายวางแผนหลังจากทำงานไปสักพัก นอกจากการที่เขาชอบทำอะไรเองคนเดียว ไม่ยอมแจกจ่ายงานให้คนอื่นแล้ว ก็ไม่พบปัญหาอะไรเป็นพิเศษ
หลังจากทำตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายวางแผนไปพักหนึ่ง ลู่หมิงเหลียงก็ตระหนักว่าตำแหน่งนี้ง่ายกว่าที่เขาคิดเอาไว้ในตอนแรก
ประสบการณ์จากเกมฐานทัพกลางทะเลทำให้ทีมออกแบบเติบโตขึ้นมาก ขอแค่ลู่หมิงเหลียงทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี คนอื่นๆ ในทีมก็จะทำหน้าที่ส่วนของตัวเองได้อย่างราบรื่น
จู่ๆ ลู่หมิงเหลียงตื้นตันขึ้นมาเล็กน้อย
อย่างนั้นก็หมายความว่าคนอื่นๆ อีกมากมายก็สามารถทำตำแหน่งนี้ได้สิ แค่พวกเขาไม่มีโอกาสได้ขึ้นมาทำตำแหน่งนี้ก็เท่านั้น
ตอนทำงานที่เก่า เขาได้ทำงานยิบย่อยทั้งวันยาวไปถึงโอที โดนสูบพลังราวกับเป็นทาสทุกวัน แต่ความสามารถกลับไม่พัฒนาไปไหนเพราะได้แต่ทำงานเดิมๆ ซ้ำๆ
เพราะอย่างนั้นตอนที่ได้เลื่อนขึ้นเป็นหัวหน้าฝ่ายวางแผน ลู่หมิงเหลียงจึงกังวลว่าจะทำหน้าที่นี้ได้ไม่ดีพอ
แต่หลังจากผ่านไปสักพัก เขาก็ตระหนักว่างานนี้ไม่ได้ยากอย่างที่คิด!
พอมาคิดดูอีกที ตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายวางแผนที่บริษัทเก่าจะคัดเลือกจากประสบการณ์และความอาวุโส แต่จริงๆ แล้วคุณสมบัติที่ว่าก็ไม่ได้สำคัญขนาดนั้น เป็นแค่เครื่องมือใช้คัดคนมากกว่า
หรือนี่จะเป็นวิธีคัดคนของบอสเผย
ลู่หมิงเหลียงได้แต่นึกเสียดายที่คนมีความสามารถก็มีอยู่มากมายแต่กลับโดนมองข้ามกันหมด!
ผู้นำที่ดีควรพยายามเปิดโอกาสให้ลูกน้องได้แสดงความคิดความสามารถให้ได้เห็น ผู้นำที่คิดแต่จะหาประโยชน์จากลูกน้องจะทำให้ลูกน้องกลายเป็นเครื่องจักรทำงานที่ไม่สามารถคิดอะไรเองได้ และบั่นทอนประสิทธิภาพการทำงานพวกเขาลงเรื่อยๆ!
คิดได้แบบนั้น ลู่หมิงเหลียงก็รู้สึกเคารพบอสเผยขึ้นมา
ลู่หมิงเหลียงกระแอมกระไอ “ประชุมวันนี้มีอยู่สองเรื่องครับ
“เรื่องแรกคือผมจะไม่เข้าออฟฟิศประมาณสองสามวันเพราะต้องพากย์เสียงให้เกมนักออกแบบเกม อย่าถามผมว่าทำไมได้พากย์ ผมก็อยากรู้เหมือนกัน…”
จนถึงตอนนี้ ลู่หมิงเหลียงก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมเผยเชียนถึงเลือกให้เขาพากย์เสียง
จะมองมุมไหนก็มองได้แค่ว่าการตัดสินใจของบอสเผยควรจะได้รับรางวัลพฤติกรรมสุดพิสดาร
แต่ในเมื่อบอสเผยเป็นคนตัดสินใจ ยังไงก็ต้องถูกต้องอย่างแน่นอน!
คนอื่นๆ ก็อึ้งไปเช่นกัน
นี่มันอะไรกันเนี่ย
หัวหน้าฝ่ายวางแผนต้องพักงานไปพากย์เสียงให้เกมระหว่างกระบวนการพัฒนาเกมเนี่ยนะ
ทั้งห้องนิ่งไปชั่วขณะ
ลู่หมิงเหลียงพูดต่อ “เรื่องที่สอง ผมหวังว่าทุกคนจะอ่านบทพากย์เพิ่มเติมและทำงานที่ได้รับมอบหมายไปให้เสร็จ อย่าลืมประสานงานกับคุณหร่วนกวางเจี่ยนตามเวลาด้วย ถ้าเจอปัญหาอะไรที่แก้เองไม่ได้ให้โทรหาผม”
เขาสั่งงานที่จะต้องทำ
บทพากย์ไม่ได้มีเยอะมาก ถ้าทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น สามวันก็น่าจะเสร็จ
ถึงเขาจะไม่เข้าออฟฟิศแค่สามวัน แต่เวลาก็เป็นเรื่องสำคัญมาก ลู่หมิงเหลียงกลัวว่าทีมจะอู้งานกันหรือไม่ก็เจอปัญหาที่แก้ไม่ได้ เขาจึงย้ำเรื่องงานอยู่หลายครั้ง
หลังจากสั่งงานเสร็จ คนในทีมก็คุยเรื่องรายละเอียดงานกันตามสบาย
เนื่องจากแบบร่างลงรายละเอียดไว้ชัดเจนมาก ปัญหาไม่กี่อย่างที่พบจึงแก้ไขเสร็จสิ้นได้อย่างรวดเร็ว
ลู่หมิงเหลียงเห็นหลินหวานถือบทอยู่ตลอด เอาแต่ดูตรงบทพายก์ของเกมนักออกแบบเกม
เขาสงสัยเล็กน้อย
ดูบทพากย์…นั่นมันหน้าที่ฉันที่เป็นนักพากย์ไม่ใช่เหรอ
หลินหวานทำงานที่บริษัทเถิงต๋าเน็ตเวิร์กเทคโนโลยีมาได้ประมาณหนึ่งเดือนแล้ว
เดือนนี้เธอได้รับผิดชอบงานเล็กๆ น้อยๆ เหมือนพนักงานคนอื่นๆ หลินหวานมีทัศนคติต่อการทำงานดีและเป็นคนที่มีความรับผิดชอบมาก แต่งานที่เธอได้รับไม่ได้ยากอะไร จึงไม่ค่อยโดดเด่นเท่าไหร่ในทีม
หลินหวานพลิกดูบทพากย์เกมนักออกแบบเกมซ้ำไปมาจนกระดาษยับยู่ยี่
“หนูว่า…หนูน่าจะเข้าใจจุดประสงค์ของบอสเผยแล้ว” หลินหวานหันมองลู่หมิงเหลียง
“หืม” ลู่หมิงเหลียงอึ้งไป “หมายถึงเข้าใจจุดประสงค์ที่มอบหมายให้ผมพากย์เสียงน่ะเหรอ”
หลินหวานพยักหน้าแล้วตอบอย่างมั่นใจ “ใช่ค่ะ”
“บอกผมที” ลู่หมิงเหลียงดูสนใจมาก
เขาไม่เข้าใจว่าทำไมบอสเผยถึงอยากให้ตนพากย์เสียงให้และกังวลว่าจะพาเกมเจ๊งจากการที่ไม่มีความสามารถพอจะทำหน้าที่นี้ได้ดี
ดังนั้นเขาจึงกังวลมาก
แต่พอได้ยินที่หลินหวานพูดก็นึกขึ้นได้ว่าบอสเผยอาจจะมีจุดประสงค์เบื้องลึกเบื้องหลัง
หลินหวานเปิดดูบทแล้วเริ่มวิเคราะห์
“หนูบอกเลยว่าจุดประสงค์ของบอสเผยนั้นลึกซึ้งมากจนเราไม่ทันสังเกตในตอนแรก
“หนูต้องอ่านบทพากย์ที่บอสเผยแก้ซ้ำๆ อยู่หลายครั้งกับดูซีรีส์ชีวิตประจำวันของบอสเผยถึงจะเข้าใจ
“หนูคิดว่าเกมนักออกแบบเกมมีความคล้ายคลึงกับซีรีส์ชีวิตประจำวันของบอสเผยตรงที่ใช้มุกตลกร้ายเพื่อเสียดสี!
“ดูบทพากย์สิคะ
“เสียงพากย์จะเป็นตัวโน้มน้าวการตัดสินใจของผู้เล่นตั้งแต่เริ่มเกม แต่ละครั้งเสียงพากย์จะแนะนำตัวเลือกที่ดูจะเหมาะสมที่สุดและทำกำไรได้มากที่สุด
“ตัวอย่างเช่น ตอนที่ต้องเลือกระหว่างเสียเงินเพิ่มในเกมกับซื้อเกมแล้วเล่นได้จนจบ เสียงพากย์จะแนะนำให้ผู้เล่นเลือกเสียเงินเพิ่มในเกม
“ตอนต้องเลือกระหว่างตั้งเพดานค่าใช้จ่ายไว้ต่ำกับตั้งเพดานค่าใช้จ่ายไว้สูง เสียงพากย์ก็จะบอกให้เลือกตั้งเพดานค่าใช้จ่ายไว้สูง
“พอต้องเลือกสไตล์ภาพ เสียงพากย์ก็จะแนะนำให้เลือกสไตล์อนิเมะที่เป็นที่นิยมที่สุดในปัจจุบัน…
“ทุกครั้งตัวเลือกที่แนะนำจะฟังดูมีเหตุผล เพราะยังไงบริษัทเกมก็ต้องมั่นใจว่าจะทำกำไรได้ เสียงพากย์เลยแนะนำตัวเลือกที่จะทำกำไรได้มากที่สุดเป็นส่วนใหญ่
“แล้วสุดท้ายจะออกมาเป็นยังไง”
“ถ้าผู้เล่นเลือกตามที่เสียงพากย์บอกทุกอย่างก็จะจบที่ชื่อเสียงโดนทำลายย่อยยับ โดนเกมเมอร์สับเละ แถมยังเสียทุกอย่างที่มีไปหมดอีก!
“จากนั้นเสียงพากย์ก็จะเยาะเย้ยผู้เล่นว่าเป็นบอสที่เชื่อคนง่าย ตัดสินใจไม่เด็ดขาด โดนล้อว่ายอมทำทุกอย่างตามที่มันบอก
“คิดว่าเสียงพากย์เป็นคนผิดหรือเปล่า ไม่เลยค่ะ มันแค่แนะนำทางที่ผิด แต่ผู้เล่นต่างหากที่ไม่สามารถแยกแยะได้ว่าอะไรถูกอะไรผิด จึงเป็นคนที่จะต้องรับผิดชอบกับความล้มเหลวนี้!
“เสียงพากย์จะเป็นตัวตอกย้ำความล้มเหลวให้เจ็บช้ำขึ้นอีกหลายเท่า! ผู้เล่นจะรู้สึกแย่และเข้าถึงอารมณ์จริงๆ
“นั่นก็เพราะมันคือความจริง เป็นการเสียดสี!
“ทำไมถึงมีเกมแปลกๆ ที่คนเกลียดกันอยู่ในโลกล่ะ เหตุผลก็ง่ายๆ เพราะพวกบอสคนอื่นๆ ก็เลือกทำเหมือนที่ผู้เล่นเลือกไงล่ะคะ!
“เสียงพากย์เป็นเหมือนปีศาจในหัวใจที่เรียกว่า ‘ความโลภ’ ค่อยๆ นำทางผู้เล่นไปในทางที่ผิด สุดท้ายก็ตกหลุมพรางสู่นรก!”
ลู่หมิงเหลียงพยักหน้ารัว
ฟังดูมีเหตุผลมาก!
“แต่…ถึงไม่ทำตามที่เสียงพากย์บอก ทำไมผู้เล่นยังเจอความล้มเหลวเหมือนเดิมล่ะ หรือนั่นก็เป็นการเสียดสีเหมือนกัน” นักออกแบบคนหนึ่งในทีมยกมือถาม
………………………