ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี - บทที่ 111 มันจะทะเลาะกันอีกแล้ว
บทที่ 111 มันจะทะเลาะกันอีกแล้ว
เมื่อจื้อเซียนพูดเช่นนั้น ไป๋ชิวหรานก็รู้แล้วว่าทำไมถึงรู้สึกผิดปกตินัก
ในโลกของการฝึกตน จำนวนสตรีที่สวมชุดเกราะมีน้อยมาก เพราะพวกนางมักจะรักสวยรักงาม หรือหากจำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ป้องกัน ก็มักจะเลือกของที่สวยงาม
สตรีเพียงกลุ่มเดียวที่สวมชุดเกราะคือเหล่ากองทัพเทพยุทธ์เช่นจั่วเหยียนเฟย แต่ชุดเกราะของผู้หญิงจะแตกต่างกับผู้ชายอย่างสิ้นเชิง หากชุดเกราะของผู้ชายถูกสวมใส่โดยจั่วเหยียนเฟย และแม้ว่าจะฝืนใส่เข้าไปได้ แต่นั่นก็จะทำให้รู้สึกอึดอัดอยู่ดี ซึ่งนั่นจะส่งผลต่อประสิทธิภาพในการต่อสู้ได้
เพราะสิ่งที่ทำให้ชุดเกราะหญิงกับชุดเกราะชายแตกต่างกันนั้น ก็คือการออกแบบตรงช่วงหน้าอก ด้วยชุดเกราะหญิงจะมีส่วนโค้งนูนออกมามากกว่า และส่วนโค้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับทุนเดิมของเจ้าของชุดเกราะ
ตอนนี้ถังรั่วเวยที่มีหน้าอกแบนราบกำลังสวมใส่เกราะอยู่ ไม่มีอาจใครรู้ได้ว่าผู้ตีเกราะชุดนี้จะมีความคิดเห็นอย่างไร เพราะส่วนบนของชุดเกราะนั้นมีส่วนโค้งที่เป็นแบบผู้ชาย ลายกล้ามเนื้อกับหน้าท้องอันแข็งแกร่งเห็นได้อย่างชัดเจน
เมื่อถังรั่วเวยสวมใส่ ท่อนล่างของนางยังคงเป็นกระโปรงยาว ซึ่งดูน่าอึดอัดอย่างมาก
เมื่อได้ยินคำพูดของจื้อเซียน ใบหน้าถังรั่วเวยถึงกับซีดเผือด อีกด้านหนึ่ง ไป๋ชิวหรานพยายามทำทุกอย่างเพื่อกลั้นเสียงหัวเราะ
“ผู้อาวุโส”
นางกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเทา
“ท่านล้อเล่นหรือเปล่า?”
“แน่นอนว่าข้าไม่ได้ล้อเล่น คนที่ประดิษฐ์สิ่งนี้เป็นสหายข้าเอง และข้าก็เป็นคนออกแบบจุดต่าง ๆ จุดประสงค์ก็เพื่อใช้เป็นรางวัลให้จักรพรรดิแห่งราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์ และแม่ทัพผู้ต่อสู้กับเหล่ามารอสูร แม่ทัพผู้นั้นคือชายที่ดูเป็นชายมากที่สุดในราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์”
จื้อเซียนยังคงชื่นชมต่อไป
“พวกเซียนปฐพีเป็นอมตะ ดังนั้นสิ่งพวกนี้ย่อมเป็นสิ่งประดิษฐ์อมตะ ด้วยเช่นกัน เกราะตัวนี้มีจิตวิญญาณและจะเลือกเจ้านายเอง มันคงคิดว่าเจ้าเป็นเจ้านายในฐานะบุรุษ”
“ก๊ากกกก!”
ไป๋ชิวหรานอดหัวเราะออกมาไม่ได้
ถังรั่วเวยถอดชุดเกราะออกด้วยใบหน้าอันมืดมน และปามันลงตรงหน้าปลายเท้าไป๋ชิวหรานอย่างแรง
“จะ…เจ้ากำลังทำอะไร?”
ไป๋ชิวหรานยังคงหัวเราะจนพูดไม่ชัด
“ชุดเกราะตัวนี้ไร้ประโยชน์แล้ว”
ถังรั่วเวยกล่าวอย่างเย็นชา
“อาจารย์ช่วยทำลายมันให้ที”
เมื่อได้ยินคำพูดอันแน่วแน่ของถังรั่วเวย ชุดเกราะเริ่มสั่นเทาและคิดจะบินขึ้นไป แต่ไป๋ชิวหรานใช้เท้าเหยียบไว้ได้ทันพร้อมกล่าว
“แน่ใจนะ?”
ไป๋ชิวหรานกลับมายิ้มและเอ่ยถาม
“อย่างไรก็ตาม นี่เป็นชุดเกราะระดับเทพ และอาจช่วยชีวิตเจ้าได้ในยามวิกฤต”
ถังรั่วเวยลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกล่าว
“ข้าไม่ต้องการเกราะนี่!”
“เสียดายของจริง ๆ”
จื้อเซียนตะโกน
“ท่านไป๋ เอาแบบนี้ดีหรือไม่ ข้าจะสอนวิธีทำให้มันปรับเปลี่ยนรูปทรงให้เข้ากับสตรี”
ไป๋ชิวหรานมองไปที่ถังรั่วเวย เขาลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนจะพยักหน้า
จื้อเซียนเริ่มสอนไป๋ชิวหรานเกี่ยวกับวิธีปรับแต่งอาวุธเวท เขาสอนเพียงครั้งเดียว ชายหนุ่มก็เรียนรู้ได้ทันที หลังจากนั้นจึงใช้ตราอัคคีจุดไฟ
“อ๊ะ? ตรา?”
จื้อเซียนมองไปที่ทักษะการหลอมอาวุธของไป๋ชิวหรานพร้อมกล่าว
“ใช่ เจ้าไม่มีพลังธาตุไฟและไม่สามารถใช้อาคมได้… แต่บางทีนั่นอาจจะเป็นพรก็ได้ หากเจาะลงลึกมากกว่านี้ มันจะแข็งแกร่งเสียยิ่งกว่าพวกอาคม!”
ไป๋ชิวหรานไม่ได้พูดอะไร ชายหนุ่มวางหัวกะโหลกลงและเริ่มจดจ่อกับการปรับเปลี่ยนรูปทรงชุดเกราะ
ครั้งแรกที่ชายหนุ่มสัมผัสกับอาวุธของพวกเซียนปฐพี ไม่เพียงแต่แน่ใจว่ามันจะไม่เสียหาย แต่ยังต้องสำรวจทักษะของพวกเซียนปฐพีควบคู่ไปด้วย
ด้านข้าง จื้อเซียนกับถังรั่วเวยกำลังสนทนากัน
“อาจารย์ของเจ้ายอดเยี่ยมมาก”
จื้อเซียนกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ข้าสอนเขาไปแค่ครั้งเดียว ตอนนี้ใช้และปรับเปลี่ยนมันได้อย่างเชี่ยวชาญ…ความสามารถอันน่าสะพรึงนี้ สมแล้วที่สวรรค์จะริษยา”
“ข้าไม่เถียงเรื่องนั้น”
ถังรั่วเวยตอบอย่างภาคภูมิใจ
“อาจารย์เป็นผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่ข้าเคยพบมา”
“ที่พูดไม่ได้หมายความแค่พลังของเขา แต่ยังรวมถึงโชคด้วย”
กะโหลกจื้อเซียนสั่นเล็กน้อย
“โชค?”
ถังรั่วเวยตกตะลึงครู่หนึ่งก่อนจะกล่าว
“ดูเหมือนโชคของเขาจะไม่ดีเท่าไหร่ บางครั้งมักจะลงจากภูเขาเพื่อไปเล่นพนันกับพวกตาลุงด้านล่าง…แต่ไม่ค่อยชนะ”
“สิ่งที่พูดถึงคือโชคโดยกำเนิดของเขา ด้วยร่างกายนี้แทบจะไม่ปรากฏมาหนึ่งแสนปีแล้ว นอกจากจะมีร่างสวรรค์ริษยา ทว่ายังมีรากฐานวิญญาณไม้ ซึ่งเหมาะสมที่สุดกับร่างสวรรค์ริษยา มันจึงทำให้เจ้าหนุ่มนั่นเติบโตและอยู่รอดมาจวบจนวันนี้”
จื้อเซียนกล่าว
“โชคโดยกำเนิดไม่มีใครเคยได้ยินมาก่อน หากมันยังอยู่ต่อไป เขาจะแข็งแกร่งขนาดกันนะ?”
หากเปรียบคือ รากฐานวิญญาณสวรรค์กับวิญญาณไม้ของถังรั่วเวยและไป๋ชิวหรานคงอยู่ในระดับห้าดาว ส่วนร่างกายอสูรสวรรค์ของหลีจิ่นเหยากับร่างสวรรค์ริษยาของไป๋ชิวหรานจะเป็นความยากระดับห้าดาวที่สูงสุด
ตอนนี้ร่างของไป๋ชิวหรานมีทั้งร่างสวรรค์ริษยาและรากฐานวิญญาณไม้ มันแทบจะเทียบเท่าได้กับผู้ที่เสียเงินทุ่มสุดตัวเพื่อให้ได้คุณสมบัติระดับนี้พร้อมกัน
หลังจากฟังคำอธิบายของจื้อเซียนแล้ว ถังรั่วเวยครุ่นคิดตาม
ขณะเดียวกัน ไป๋ชิวหรานได้ปรับเปลี่ยนรูปทรงเสร็จเรียบร้อย ภายในเปลวเพลิงของชายหนุ่ม ชุดเกราะได้ถูกหลอมขึ้นใหม่ให้เป็นของเหลวก่อน จากนั้นจึงสร้างใหม่โดยสานเข้าด้วยกันให้เป็นรูปทรงของสตรี
กระบวนการนี้ไม่ยาก สิ่งที่ยากคือต้องมั่นใจว่าวิญญาณในชุดเกราะจะไม่ถูกทำลาย หลังจากสานชุดเกราะเสร็จ ไป๋ชิวหรานก็ทำท่ายกมือขึ้นวาดกลางอากาศ จากนั้นจึงเกิดเป็นชุดเกราะชุดใหม่ขึ้นมา
“เรียบร้อย!”
ไป๋ชิวหรานถือชุดเกราะดังกล่าวชั่วครู่ก่อนจะโยนให้ถังรั่วเวย
“รับไปสิ”
“โอ้”
ถังรั่วเวยหยิบชุดเกราะขึ้นมาตรวจดูตรงส่วนหน้าอก และพบว่าช่องว่างขยายใหญ่ขึ้นกว่าเดิมมาก นางดีใจและกล่าวพร้อมรอยยิ้ม
“ขอบคุณมากอาจารย์”
“อืม”
ไป๋ชิวหรานโบกมือไปมา
“เจ้าไปค้นเอาเองว่าใช้งานอย่างไร ข้าจะเดินไปดูรอบ ๆ ก่อนว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง”
ไป๋ชิวหรานปล่อยลูกศิษย์ไว้แล้วเดินออกไป ในเวลานี้ชิวอวี่เซวียนที่เกือบจะเป็นบ้ากำลังสนทนากับเจ้าสำนักคนอื่น เรื่องแจกจ่ายของที่หามาได้ และวิธีจัดการกับถ้ำเซียนแห่งนี้
ขณะที่ทุกคนกำลังจะออกไป ซูเซียงเสวี่ยก็วิ่งมาหาไป๋ชิวหราน
“มากับข้า”
นางกล่าวพร้อมรอยยิ้ม
“คนพวกนั้นกำลังจะทะเลาะกันอีกแล้ว”
…