ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี - บทที่ 144 นางบินได้
บะ…บ้าไปแล้ว
อาจารย์อายุสามพันปีได้จุมพิตกับสตรีอื่นเป็นครั้งแรก!
ถังรั่วเวยยืนอยู่บนกระบี่บินพร้อมเผยใบหน้าฉงนงงงวยตลอดทาง
เมื่อนึกถึงสิ่งที่ซูเซียงเสวี่ยและไป๋ชิวหรานทำขณะอยู่นอกประตู นางก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเขินอาย ใบหน้าเห่อร้อนจนขึ้นสีซับจาง ๆ
“เจ้ากำลังทำอะไร?”
ทันใดนั้นก็มีคนมาตบไหล่ถังรั่วเวย… เป็นไป๋ชิวหรานที่ยืนอยู่ด้านหลังนั่นเอง… มาตั้งแต่เมื่อใดกัน
“ถ้าอยากให้กระบี่อยู่กับเจ้าไปนาน ๆ ก็มองดูทางด้วย หากไปชนคนอื่นเข้าจะทำอย่างไร?”
ถังรั่วเวยคิดจะเถียงกลับว่าตอนนี้อยู่กลางอากาศ จะชนใครได้อย่างไร แต่เมื่อมองขึ้นไปเล็กน้อย ก็เห็นผู้ฝึกฝนตนกำลังขี่วิหคยักษ์อยู่เบื้องหน้า เพียงพริบตา… ทั้งสองก็บินโฉบเฉี่ยวกันไปทันที ใกล้ชนิดที่ว่าแขนเสื้อสัมผัสกัน!
นางรีบหันกลับไปมองด้วยความตกใจกับสถานการณ์เมื่อครู่ ไป๋ชิวหรานยื่นมือมาช่วยปรับความเสถียรของกระบี่บิน โดยทำให้มันแล่นออกไปอย่างรวดเร็วด้วยพลังปราณ เป็นผลให้มีพายุลูกใหญ่เกิดขึ้นตามทางที่บินผ่านมา
เหตุการณ์เมื่อครู่เกิดขึ้นเร็วเกินไป ถังรั่วเวยชำเลืองมองผู้ฝึกฝนตนอีกคนด้วยความกลัว อีกฝ่ายเองก็ตกใจไม่ต่างจากนาง
“เจ้าทำบ้าอะไร หืม?”
ไป๋ชิวหรานจับศีรษะของถังรั่วเวยและเขย่าเบา ๆ
“ข้าอาจจะตกจากกระบี่บินได้หากเจ้าเสียสมาธิ จะทำอย่างไรหากตกจากที่สูงขนาดนี้… เจ้าว่าอาจารย์อย่างข้าควรสั่งสอนศิษย์สักหน่อยหรือไม่?”
ถังรั่วเวยก้มศีรษะลงอย่างลุแก่โทษโดยไม่กล้าตอบสิ่งใด
ไป๋ชิวหรานมองไปที่นางพร้อมเอ่ยถาม
“เจ้าเห็นแล้วใช่หรือไม่?”
พลังปราณของถังรั่วเวยหยุดนิ่งทันที ทันใดนั้นกระบี่บินก็ร่วงลงจากอากาศอย่างกะทันหันด้วยความสูงหลายสิบจั้ง! เหตุการณ์นี้ทำให้ชายหนุ่มตกใจไปด้วย
นางพยายามควบคุมอีกครั้งและทำให้กระบี่บินเสถียรอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเอ่ยถามอย่างขัดเขิน
“อาจารย์พูดเรื่องอะไร ข้าไม่เข้าใจ…”
“ข้าพูดเรื่องที่เกิดขึ้นกับซูเซียงเสวี่ย เจ้าเห็นเหตุการณ์นอกประตูแล้วใช่หรือไม่?”
ไป๋ชิวหรานหยุดไปชั่วครู่
“อย่ามาโกหกมดเท็จ ในเมื่อเจ้าก็อยู่ด้วย เช่นนั้นต้องเห็นทุกอย่างแน่นอน”
‘เจ้าสำนักซู… พวกท่านไปสนิทสนมกันตั้งแต่เมื่อไหร่…’
ถังรั่วเวยไม่ได้ตอบไป๋ชิวหราน นางเพียงเอ่ยกระซิบในใจเท่านั้น
ไป๋ชิวหรานเงียบอยู่นาน ก่อนจะกล่าวขึ้นอีกครั้ง
“รั่วเวย เรื่องที่ต้องช่วยข้าหาอาจารย์หญิง เจ้า… มีความคิดเห็นอย่างไร?”
คราวนี้กระบี่บินของนางไม่สามารถควบคุมได้อีกต่อไป มันร่วงลงพร้อมกับเสียงกรีดร้องของทั้งสองคน ชายหนุ่มรีบเอื้อมไปคว้าถังรั่วเวยเข้ามากอดอย่างรวดเร็วเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายร่วงกระแทกพื้นโดยตรง
หลังจากค่อย ๆ ปีนออกจากหลุมขนาดใหญ่บนพื้น ไป๋ชิวหรานจึงหันไปตะคอกนาง
“ลืมไปเถอะ ไม่ต้องบินกลับแล้ว ข้าจะพาเจ้าเดินต่อเอง”
…
หลังจากกลับมาที่สำนักกระบี่ชิงหมิง ไป๋ชิวหรานก็เดินทางไปหาเจวี๋ยอวิ๋นจื่อทันที ชายหนุ่มปรากฏตัวต่อหน้าเจ้าสำนักและบรรดาผู้อาวุโส เพื่อพิสูจน์ว่าไม่ได้ถูกอสูรสาวเจ้าสำนักเหอฮวนลักพาตัวไป อีกอย่างคือ เขายังทำให้เจวี๋ยอวิ๋นจื่อทานข้าวไม่ได้ไปพักหนึ่งอีกด้วย
นอกจากนั้นไป๋ชิวหรานยังมอบวิชาเฉพาะตัว และกระบี่ที่สร้างจากกระดูกของจักรพรรดิอสูรองค์แรกอีกสองเล่ม เพื่อที่จะได้ปรับปรุงและพัฒนารูปแบบการป้องกันของสำนักกระบี่ชิงหมิงให้ดีขึ้น
ชายหนุ่มพาถังรั่วเวยกลับไปยังยอดเขาชีซิง และเริ่มใช้ชีวิตเยี่ยงคนเกียจคร้านอยู่พักหนึ่ง
ภายใต้การแนะนำของจื้อเซียน ชายหนุ่มได้แยกแยะวิชาบางอย่างจากเซียนปฐพีที่อาจจะเป็นประโยชน์ไว้และออกไปจัดหาเสบียง
ถังรั่วเวยมาพบไป๋ชิวหราน เมื่อถามชายหนุ่มว่าจะออกไปข้างนอกอีกหรือไม่… กระนั้นไป๋ชิวหรานก็ให้คำตอบในเชิงบวก
ถังรั่วเวยไม่ได้เอ่ยสิ่งใดอีก ทั้งยังทราบดีว่าไป๋ชิวหรานคงจะทำทุกอย่างเพื่อให้บรรลุขั้นพลัง นางก็เผยท่าทีกระอักกระอ่วนขึ้นมา
เมื่อเห็นเช่นนี้ ไป๋ชิวหรานจึงเรียกนางมาหา
“มานี่รั่วเวย อาจารย์จะมอบอะไรบางอย่างให้”
“มันคือสิ่งใด?”
ถังรั่วเวยเอียงศีรษะอย่างสงสัย เมื่อพบว่าไป๋ชิวหรานนำไม้วัดทรงอ่อนออกมาจากถุงเก็บของ
“นี่เป็นหนึ่งในสมบัติเซียนที่กลั่นมาจากโลกมาร เจ้าชอบการสำรวจและทำแผนที่ไม่ใช่หรือ… สิ่งนี้คงเหมาะกับเจ้า”
ไป๋ชิวหรานมอบมันให้กับถังรั่วเวย จากนั้นก็หันกลับไปยังชั้นตำราด้านหลัง
“มันยืดออกได้อย่างอิสระและมาตราส่วนก็แม่นยำมาก โดยพื้นฐานแล้ว ไม่มีความยาวใดในโลกที่วัดไม่ได้ แน่นอนว่ามันใช้แทนกระบี่ได้ ด้วยทักษะวิชาฝ่ามือและวิชากระบี่ใหม่ที่ข้าเตรียมไว้ให้ จงหมั่นเพียร ฝึกฝน และเรียนรู้… หืม? เจ้ากำลังทำอะไร?”
ถังรั่วเวยรีบนำของที่เพิ่งได้มาซึ่งกำลังใช้วัดรอบอกลงอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็กระแอมออกมาเบา ๆ
“ไม่มีอะไร”
ไป๋ชิวหรานเหลือบมองและแสยะยิ้มอย่างรู้ทัน
“ดูเหมือนจะพบวิธีใช้ประโยชน์แล้ว… เอาล่ะ เจ้าจะใช้มันทำอะไรก็ตามใจเจ้าปรารถนา จะใช้วัดขนาดหน้าอกของตนก็ได้… อะแฮ่ม… แล้ววิชาหลอมสร้างกายไปถึงระดับไหนแล้ว?”
“ระดับที่ยี่สิบ”
ถังรั่วเวยกล่าวด้วยใบหน้าขมขื่น
“เจ้าติดอยู่ระดับนี้มาเป็นปีแล้วนะ… ค่อย ๆ ฝึกต่อให้หนักขึ้น จำไว้ว่ามีห้าสิบระดับ ยิ่งไปไกลเท่าไหร่… ก็ยิ่งยากขึ้น”
ไป๋ชิวหรานดึงตำราออกมาจากชั้นแล้วยื่นให้ถังรั่วเวย
“ครั้งนี้ข้ามีบางอย่างที่ต้องทำ ในฐานะอาจารย์ จึงไม่สามารถสอนเป็นการส่วนตัวได้ วิชาฝ่ามือและวิชากระบี่ล้วนอยู่ในนั้น เจ้าสามารถฝึกฝนด้วยตัวเอง… หากไม่เข้าใจสิ่งใดให้ถามเจ้าสำนักหรือเหล่าผู้อาวุโสได้ตลอดเวลา”
ขณะที่ไป๋ชิวหรานกำลังพูดอยู่นั้น จู่ ๆ ก็มีเสียงสตรีดังมาจากด้านนอกประตู
“บรรพชนสำนักกระบี่ชิงหมิงอยู่หรือไม่? หลีจิ่นเหยาแห่งสำนักอสูรสวรรค์ขอเข้าพบเจ้าค่ะ”
“แม่นางหลี?”
ไป๋ชิวหรานและถังรั่วเวยมองหน้ากันด้วยความสงสัย
“นางมาทำอะไรที่นี่?”
“นั่นสิ นางมาทำอะไร?”
ถังรั่วเวยเกาศีรษะด้วยความงุนงง
หลังจากนั้นหลีจิ่นเหยาก็ตะโกนขึ้นอีกครั้งเมื่อไม่มีใครตอบกลับ
“ศิษย์น้องรั่วเวยอยู่ที่นี่หรือเปล่า? ศิษย์พี่หญิงมีเรื่องสำคัญจะคุยกับเจ้า!”
“แม่นางหลี”
ไป๋ชิวหรานเปิดประตูและพูดตอบ
“รั่วเวยอยู่ข้างใน เข้ามาสิ”
เมื่อได้ยินคำตอบจากไป๋ชิวหราน หลีจิ่นเหยาก็รีบวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว นางกล่าวทักทายชายหนุ่มอย่างมีความสุข
“หลีจิ่นเหยาคารวะบรรพชนสำนักกระบี่ชิงหมิง ยินดีที่ได้พบท่าน”
จากนั้นนางก็หันไปหาถังรั่วเวย
“ศิษย์น้องรั่วเวยก็อยู่ที่นี่หรือ”
“เจ้ากำลังตามหานางอยู่สินะ?”
ไป๋ชิวหรานพยักหน้าเข้าใจ
“เช่นนั้นตาแก่อย่างข้าคงไม่รบกวนพวกเจ้าแล้ว… ข้าจะออกไปข้างนอกสักหน่อย”
“อ๊ะ เดี๋ยวก่อน บรรพชนสำนักกระบี่ชิงหมิง มันไม่ถือเป็นการรบกวน”
หลีจิ่นเหยารีบหยุดชายหนุ่มเอาไว้
“เรื่องของข้ากับรั่วเวยไม่ใช่เรื่องใหญ่ อีกอย่าง ข้ามีเรื่องสำคัญที่จะคุยกับท่านด้วย”
“ก็ได้ อันที่จริงข้าก็มีเรื่องบางอย่างเช่นกัน… รอเดี๋ยวนะ”
ขณะพูด ไป๋ชิวหรานก็ก้มหน้าก้มตาค้นหาของบางอย่างในกระเป๋าพลางเอ่ยถามไปด้วย
“วันนี้แม่นางหลีดูมีความสุขมาก มีเรื่องดี ๆ ใช่หรือไม่?”
“ใช่ ๆ”
หลีจิ่นเหยาพยักหน้า นางกล่าวอย่างมีความสุข
“ข้าเพิ่งบรรลุขั้นพลังเมื่อวานนี้และเพิ่งท้าประลองกับอาจารย์ไป ในที่สุดข้าก็เอาชนะอาจารย์ได้หนึ่งครั้งในวิชากระบี่”
“อะไรนะ? จี้หลิงอวิ๋นประลองกับเจ้าแล้วแพ้งั้นหรือ?”
ไป๋ชิวหรานตกตะลึง
“ใช่แล้วเจ้าค่ะ วันนี้นางพาผู้อาวุโสหวงฝู่เฟิงไปดื่ม ต่างพากันร้องรำ… ช่างน่าตลกนัก”
หลีจิ่นเหยากล่าวพร้อมใบหน้าที่มีความสุข
“สิ่งนั้นไม่สำคัญ… เจ้าก้าวหน้าไปเร็วกว่าเจวี๋ยอวิ๋นจื่อมาก นั่นต่างหากที่ควรได้รับการชื่นชม”
ไป๋ชิวหรานหยิบมีดคู่หนึ่งออกมาจากถุงเก็บของแล้วยื่นให้อีกฝ่าย
“ข้าขอมอบมีดคู่นี้ให้เจ้า… รับไว้”
“อืม… น่าสนใจมาก”
หลีจิ่นเหยาดูตื่นเต้นขณะมองดูมีดคู่ในมือชายหนุ่ม
บางครั้งไป๋ชิวหรานก็รู้สึกว่าผู้ฝึกฝนตนของสำนักอสูรสวรรค์ นอกจากจะหลอกลวงอาจารย์และทำลายบรรพบุรุษ พวกเขายังคงรักษาการบ่มเพาะพลังของอสูรไว้ได้อย่างดี
“รับไว้เถอะ อย่างไรข้าก็หวังจะมอบมันให้ผู้ฝึกกระบี่ฝีมือดีที่สุดแห่งสำนักอสูรอย่างเจ้าอยู่แล้ว แม้ว่าหวงฝู่เฟิงจะมีรากฐานการใช้กระบี่ดีที่สุดในสำนัก แต่ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเวลา ไว้เจ้าเติบโตขึ้นก็จงหาโอกาสเอาชนะเขาด้วยล่ะ”
ไป๋ชิวหรานกล่าว
“มีดคู่นี้ข้าใช้… อืม ข้าใช้มันฟันอสูรมังกรเก้าเศียร เรียกมันว่า ‘ฟันมังกร’ มีดนี้เพิ่งถือกำเนิดขึ้น ต้องรักษาไว้ให้ดีและทำให้เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาพวกเขาเสีย ข้าเชื่อว่ามีดเล่มนี้คงจะช่วยเจ้าได้มาก”
“ข้าเข้าใจแล้ว”
เมื่อกล่าวจบ หลีจิ่นเหยาก็ไม่เกรงใจอีก นางพยักหน้าและยื่นมือไปรับมีดคู่นั้นด้วยสายตามุ่งมั่น
“แล้วแม่นางหลีมีเรื่องอะไรกับข้างั้นหรือ?”
ไป๋ชิวหรานถามอีกครั้ง
“ได้ยินมาจากเจ้าสำนักซูว่าท่านกำลังจะไปยังส่วนลึกของแดนรกร้างเพื่อค้นหาบางอย่าง ข้าจึงอยากไปกับท่านด้วย”
หลีจิ่นเหยากล่าวอย่างจริงจัง
“บรรพชนสำนักกระบี่ชิงหมิง ถึงแม้ว่าพลังของจิ่นเหยากับท่านจะแตกต่างกัน แต่เรื่องเสบียงและชีวิตประจำวันของท่านข้ามั่นใจ… ข้ามีความเชี่ยวชาญในทักษะการเป็นภรรยา ไม่ว่าจะเรื่องการทำอาหารหรือเรื่องเย็บปักถักร้อย ข้าล้วนไม่แพ้สตรีนางใด”
“คงจะไม่ได้”
ไป๋ชิวหรานปฏิเสธอย่างเด็ดขาด
“เจ้าเป็นอนาคตของสำนักอสูรสวรรค์ หากมีอะไรเกิดขึ้น จี้หลิงอวิ๋นกับหวงฝู่เฟิงคงไม่ให้อภัยข้าไปตลอดชีวิต… ข้าไม่ต้องการให้ห้าพันธมิตรผู้ฝึกตนฝ่ายธรรมและพันธมิตรผู้ฝึกตนฝ่ายมารเกิดสงครามอีก”
“ช้าก่อน!”
หลีจิ่นเหยายังคงยืนยัน
“แล้วหากข้าทำสิ่งที่ท่านทำไม่ได้ล่ะ?”
“แล้วมีอะไรที่เจ้าทำได้ และข้าทำไม่ได้บ้าง?”
ไป๋ชิวหรานคิดลำพองในใจว่าตนมากประสบการณ์ในเรื่องการต่อสู้ และสามารถทำได้ทุกอย่าง
“หากพูดมาได้ เช่นนั้นข้าจะพาเจ้าไปด้วย”
“อาจารย์…”
เวลานี้ถังรั่วเวยแอบเข้าไปกระซิบข้าง ๆ ไป๋ชิวหราน
“ท่านลืมไปแล้วหรือว่าศิษย์พี่หญิงบินได้…”
“ใช่แล้ว ข้าบินได้!”
หลีจิ่นเหยามองถังรั่วเวยด้วยท่าทางขอบคุณ และรีบพยักหน้าสำทับทันที
“หากสถานที่ที่ท่านจะไปสำรวจเป็นที่ว่างเปล่าและไม่มีที่พักแรม เช่นนั้นก็ใช้กระบี่ของข้าบินไปหาได้”
เมื่อได้ยินคำตอบเช่นนี้ ไป๋ชิวหรานพลันพูดไม่ออก ชายหนุ่มอยากจะเถียงกลับแต่ไม่สามารถทำได้ ผู้ฝึกฝนตนในขั้นกลั่นลมปราณนั้นไม่สามารถบินได้… ไร้ข้อกังขา
“ตกลง ข้าพาเจ้าไปด้วยก็ได้”
หลังจากเงียบไปนาน ในที่สุดไป๋ชิวหรานก็พูดขึ้น
“เยี่ยม!”
หลีจิ่นเหยาดีใจและเข้าสวมกอดถังรั่วเวย
“แต่… เจ้าต้องฟังข้า!”
ไป๋ชิวหรานกล่าวต่อ
“ห้ามทำตัววุ่นวาย และ… เจ้าต้องสาบานว่าจะรับเงื่อนไขของข้า”
…