ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี - บทที่ 177 เลือดเนื้อเชื้อไขของจักรพรรดิเหยียน
ปลายสุดเขตแดนตะวันออกของโลก ภายใต้ร่มเงาจากต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ฝูซาง ไป๋ชิวหรานเหยียบย่ำลงไปกลางทะเลผ่านเกลียวคลื่น ในไม่ช้าก็มาถึงสถานที่แห่งนี้ ด้วยฐานะที่เป็นสามีของเจียงหลาน แม้ว่าจะไม่ใช่เทพเจ้าที่แท้จริง ทว่าสัตว์อสูรทะเลต่างก็รับรู้ว่าชายหนุ่มมีพลังมหาศาลเพียงใด ดังนั้นเมื่อเห็นเขาก้าวลงไปในมหาสมุทร สัตว์อสูรทะเลเหล่านี้จึงต่างรีบล่าถอยออกห่าง
ชายหนุ่มเดินไปหยุดอยู่ใต้ต้นฝูซางที่สูงตระหง่าน ยกมือขึ้นชี้ไปเหนือยอดไม้ พร้อมตะโกนว่า
“เทพธิดาซีเหอ ไป๋ชิวหรานขอพบท่าน”
ไม่มีการตอบสนองใด ๆ จากต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ฝูซาง ไป๋ชิวหรานจึงกล่าวเสริม
“ข้ามาที่นี่เพราะคำแนะนำจากเจียงหลานผู้เป็นภรรยา ไป๋ชิวหรานมีเรื่องบางอย่างต้องการสอบถามจากท่าน”
ในที่สุดก็มีการตอบสนองจากต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ฝูซาง รากไม้แหวกออกเป็นช่องว่างตรงกลางลำต้นเพื่อให้เขาเข้าไปภายใน
ไป๋ชิวหรานเดินเข้าไปในต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ หลังจากออกแรงปีนเพียงหนึ่งครั้ง เขาก็มาถึงส่วนยอดของต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แล้ว สถานที่ซึ่งกิ่งก้านสาขาของเรือนไม้ผสานบรรจบกัน
สตรีผู้งดงามในชุดกระโปรงยาวสีแดงสดยืนหันหลังให้ สายตาทอดมองดูทะเลหมอกที่ลอยอยู่ในระยะไกล ผ่านไปครู่หนึ่งนางจึงหันมองกลับมายังไป๋ชิวหราน พร้อมเอื้อนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“ยินดีต้อนรับ นี่คงจะเป็นครั้งแรกที่เจ้ามาเยี่ยมเยียนยังบ้านที่ต่ำต้อยของข้าใช่หรือไม่? แม่ทัพเทพผู้ยิ่งใหญ่แห่งดินแดนตะวันออก?”
“นั่นเป็นเพียงตำแหน่งซึ่งไม่จีรังเท่านั้น”
ชายหนุ่มเอ่ยตอบซีเหอ
“ไป๋ชิวหรานคำนับเทพธิดาซีเหอ”
“นั่งลงก่อนเถิด”
ซีเหอเผยรอยยิ้มเล็กน้อย เชื้อเชิญไป๋ชิวหรานให้นั่งลงตรงม้านั่งหลังโต๊ะไม้ บนโต๊ะนั้นเต็มไปด้วยชาที่กลั่นจากดอกไม้และพืชบางชนิด กลิ่นกรุ่นกำจายไปทั่วบริเวณ
หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายนั่งลงแล้ว ซีเหอจับจ้องไปยังไป๋ชิวหรานพร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“หลานเอ๋อร์แจ้งเจตนาของเจ้าให้รับทราบก่อนหน้านี้แล้ว มีเผ่ามนุษย์กลุ่มหนึ่งซ่อนเร้นแหล่งอาศัยอยู่ใต้ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ฝูซาง ข้าสามารถพาเจ้าไปหาพวกเขาในภายหลังได้”
“ขอบคุณเทพธิดาซีเหอ”
ไป๋ชิวหรานไม่ลืมกล่าวขอบคุณนาง
ชายหนุ่มไม่ได้เร่งเร้าอีกฝ่ายแต่อย่างใด ซีเหอผู้นี้ดูราวกับว่ามีบางอย่างต้องการกล่าว ในฐานะที่เขามาเยือนถิ่นของนาง อีกทั้งซีเหอยังดูเหมือนจะเป็นผู้อาวุโสที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเจียงหลาน ดังนั้นไป๋ชิวหรานจึงคอยฟังอีกฝ่ายกล่าวต่อไปด้วยท่าทีสุภาพ
“ข้ารับรู้ชีวิตการแต่งงานของเจ้าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทั้งยังรับรู้ถึงข้อตกลงระหว่างเจ้ากับหลานเอ๋อร์ เจ้าเป็นบุรุษที่รักษาคำพูดของตนเองยิ่งนัก ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา… ไร้ซึ่งความโลภในฐานะทางปุโรหิตของหลานเอ๋อร์ และไม่คิดล่วงเกินนางแต่อย่างใด”
หลังจากนั้น ซีเหอก็เริ่มกล่าวถ้อยคำชวนขบขัน
“ข้าได้ยินมาว่าแม่ทัพไป๋มีอุปนิสัยเป็นนักรักพอประมาณ หมายความว่าช่วงหลายปีมานี้ เจ้าคงจะอดทนมากใช่หรือไม่?”
สีหน้าของชายหนุ่มฉายแววเขินอายเล็กน้อย เขามีนิสัยเป็นนักรักที่ไหนกัน ไม่เห็นหรือว่าเป็นหนุ่มพรหมจรรย์อายุสามพันปี!
แต่เมื่อไตร่ตรองอย่างรอบคอบอีกครั้ง จึงตระหนักได้ว่าตอนนี้ตนเป็นชายที่แต่งงานมีภรรยาแล้ว ทว่ายังคงรักษาพรหมจรรย์ไว้ได้เป็นอย่างดี เมื่อไรก็ตามที่คิดถึงเรื่องนี้ ต่อให้เขาจะชินชา แต่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเศร้าใจเล็กน้อย
ปฏิกิริยาของไป๋ชิวหรานถูกตัดสินเบื้องต้นไปเองโดยซีเหอทันที ผ่านไปครู่หนึ่งนางจึงกล่าวเสียงแผ่วเบา
“ธรรมดาของบุรุษที่สามารถมีภรรยาสามนางสนมสี่ สิ่งที่พวกเขากระทำล้วนเป็นสัญชาตญาณ เช่นเดียวกันกับตี้จวิน แท้จริงแล้วแม่ทัพไป๋ไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิด ตรงกันข้าม ข้ากลับรู้สึกว่าเจ้าเป็นชายที่คู่ควรแล้วสำหรับชีวิตของหลานเอ๋อร์”
“เทพธิดาซีเหอประเมินข้าสูงส่งเกินไป”
ชายหนุ่มกล่าวอย่างรู้สึกละอาย
“ไป๋ชิวหรานเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาเท่านั้น”
“อย่างน้อยในช่วงสองสามปีที่หลานเอ๋อร์ได้ใช้ชีวิตร่วมกับเจ้า นางก็ดูมีความสุขยิ่งกว่าเมื่อหลายพันปีก่อนเสียอีก”
ซีเหอขัดจังหวะ
“นับตั้งแต่ท่านแม่ของนางสิ้นชีพไป นั่นคงเป็นครั้งแรกที่นางมีความสุขถึงเพียงนี้”
“คำกล่าวของเทพธิดาช่างรื่นหูนัก ถึงกระนั้นไป๋ชิวหรานก็ตระหนักเสมอว่าตนไม่คู่ควรกับเจียง… หลานเอ๋อร์แต่อย่างใด”
ชั่วขณะนั้น ไป๋ชิวหรานพลันหวนนึกถึงซูเซียงเสวี่ย ถังรั่วเวย และทุกคนที่รู้จักภายในสำนักกระบี่ชิงหมิง รวมถึงหลีจิ่นเหยาที่ร่วมผจญภัยฝ่าฟันไปในสุสานเหล่าทวยเทพพร้อมกัน รวมผู้คนมากหน้าหลายตาที่อาศัยอยู่ในยุคสมัยปัจจุบัน
ชายหนุ่มเชื่อว่าความรับผิดชอบหลักย่อมสำคัญกว่าความรักชั่วคราว สำหรับเจียงหลานอยู่แล้ว อีกทั้งยังไม่สามารถรับผิดชอบนางในฐานะสามีอย่างสมบูรณ์ได้ เพราะตัวเขาเป็นเพียงตัวละครหนึ่งในยุคสมัยนี้เท่านั้น… ไม่เคยมีตัวตนอยู่จริงในยุคนี้ และอีกไม่นานก็ต้องกลับไป…
การใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับเจียงหลานในตอนนี้ เป็นเพียงสิ่งที่สมควรทำตามหน้าที่เนื่องจากสถานการณ์ที่บีบบังคับ หากพวกเขาเกิดรักใคร่ชอบพอกันจริงขึ้นมา ไป๋ชิวหรานจะขอให้เจียงหลานรอคอยเขาต่อไปเป็นเวลาหลายพันปีเชียวหรือ?
“หากหลานเอ๋อร์ได้พบกับชายที่คู่ควรกับความรักของนางในอนาคตจริง ไป๋ชิวหรานย่อมต้องหลีกทางให้นางอย่างแน่นอน”
“ไม่ เจ้าทำเช่นนั้นไม่ได้”
ซีเหอส่ายหน้าก่อนจะกล่าวต่อไป
“เจ้าคงไม่เข้าใจ หลานเอ๋อร์แต่งงานได้เพียงครั้งเดียวในชีวิต นั่นคืออุปนิสัยที่ได้รับตกทอดมาจากท่านแม่ของนาง ฉะนั้นข้าจึงทำได้เพียงขอร้องให้เจ้าดูแลรักนางให้ดี”
“เพราะเหตุใดหรือ?”
ชายหนุ่มถามกลับ ไม่อาจโต้เถียงใด ๆ ได้อีก
“อีกอย่าง เทพธิดาซีเหอ ดูเหมือนว่าท่านค่อนข้างสนิทชิดเชื้อกับครอบครัวของหลานเอ๋อร์ไม่น้อย เช่นนั้นช่วยเล่าให้ข้ารับรู้โดยละเอียดได้หรือไม่?”
“ไม่มีสิ่งใดที่พูดไม่ได้ เหนือต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ฝูซางแห่งนี้ ไม่ว่าสวรรค์หรือโลกก็ไม่สามารถมองเห็นหรือได้ยินทั้งนั้น”
ซีเหอเหม่อมองดูทะเลหมอกที่ม้วนตัวพลุ่งพล่านอยู่นอกยอดไม้ ก่อนจะบอกเล่าเรื่องราวด้วยสายตาที่เหม่อลอย
“สามีของข้ามีนามว่าตี้จวิน เป็นเทพผู้แข็งแกร่งที่ครั้งหนึ่งเคยปกครองสวรรค์กับโลก บุคลิกคล้ายคลึงกันกับเจ้า ทั้งยังชื่นชอบสตรีงามเป็นที่ยิ่ง ข้ายังมีท่านพี่สะใภ้อีกหลายคน ถึงกระนั้นเขาก็รักใคร่ข้าตามสมควร และรักใคร่บุตรทั้งสิบคนของข้ายิ่งนัก เนื่องจากเป็นบุตรที่เกิดจากเขา จะกลายเป็นเทพดวงอาทิตย์ในเวลาถัดมา จักรพรรดิผู้ปกครองสวรรค์โลกก็เป็นเทพดวงอาทิตย์เช่นเดียวกัน คนผู้นั้นคือท่านปู่ของหลานเอ๋อร์ เราทุกคนเรียกขานเขาว่าจักรพรรดิเหยียน”
“เช่นนั้น จักรพรรดิตี้จวินสามีของท่าน และจักรพรรดิเหยียน ต่างเคยเป็นจักรพรรดิสวรรค์”
ไป๋ชิวหรานตั้งคำถาม
“ข้าไม่เข้าใจ จักรพรรดิตี้จวินและจักรพรรดิเหยียนไม่ควรเป็นศัตรูตัวฉกาจต่อกันในเมื่อมีสัมพันธ์อันดีต่อกันมิใช่หรือ?”
“เปล่า เป็นเพราะจักรพรรดิสวรรค์องค์ก่อนสิ้นอายุขัย”
หลังจากที่ซีเหอหยุดชะงักไปชั่วครู่ นางจึงอธิบายต่อ
“โดยปกติแล้วเทพเจ้าไม่มีวันสิ้นอายุขัย แต่เมื่อได้ขึ้นเป็นจักรพรรดิสวรรค์เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้า พลังอำนาจของจักรพรรดิสวรรค์ที่ครองราชย์จะทวีคูณขึ้นจนถึงจุดสูงสุด จากนั้นจะค่อย ๆ ลดต่ำลงเสมือนดวงอาทิตย์คล้อยตกสู่ขอบฟ้า จนท้ายที่สุดก็สิ้นพระชนม์ด้วยเหตุชราภาพ หากเขาไม่อยากตาย… ท้ายที่สุดจักรพรรดิสวรรค์ก็เลือกจะยอมสละบัลลังก์ก่อนเสมอ”
“ท่านเคยคิดที่จะใช้วิธีใดวิธีหนึ่งเพื่อสืบทอดเชื้อพระวงศ์ผ่านทางเลือดเนื้อเชื้อไขหรือไม่?”
หลังจากถามประโยคนี้ออกไป ไป๋ชิวหรานพลันรู้สึกว่าความคิดของเขามืดมิดลง
“เป็นไปไม่ได้ การจะได้ขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดิสวรรค์ ต้องได้รับการเลือกสรรจากวิถีแห่งสวรรค์โดยตรง ซึ่งมีเพียงเทพเจ้าบนสวรรค์ที่แข็งแกร่งที่สุดในยุคสมัยดังกล่าวเท่านั้นที่มีสิทธิ์ถูกเลือก”
ซีเหอเอ่ยตอบด้วยสีหน้าท่าทางราบเรียบ
“ดังนั้นจักรพรรดิเหยียนจึงสละราชบัลลังก์ให้กับสามีของข้า หลังจากการสละราชสมบัติ จักรพรรดิเหยียนได้กลายเป็นจักรพรรดิทิศใต้ของจักรวรรดิคู่ขนานกันไปด้วย ดังนั้นความสัมพันธ์ระหว่างเราจึงเป็นไปด้วยดีเสมอมา ต่อมาจักรพรรดิเหยียนก็สิ้นพระชนม์ด้วยเหตุลิ้มรสสมุนไพรอันเป็นพิษ แต่ถึงแม้เขาซึ่งเป็นเทพแห่งการรักษาสิ้นไปแล้ว ทว่าทักษะดังกล่าวก็ยังคงได้รับการสืบทอดต่อมาถึงจิงเหว่ย แม่ของหลานเอ๋อร์ซึ่งบุตรสาวคนสุดท้อง จนกลายเป็นตำนาน ‘จิงเหว่ยคืนชีพ’ แท้จริงแล้วมีที่มาจากการที่แม่ของนางเป็นเทพธิดาที่ผ่านความเป็นตายมาถึงเก้าครั้ง กระทั่งได้มาซึ่งพลังอำนาจเหนือท้องทะเล”
“ภายหลังจักรพรรดิตะวันออกไท่อีกลับผงาดขึ้น ล้มล้างการราชบัลลังก์ของจักรพรรดิตี้จวินด้วยวิธีการนองเลือด หลังสิ้นจักรพรรดิเหยียนกับจักรพรรดิตี้จวินจึงเหลือเพียงหลานเอ๋อร์ที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขแท้ ๆ ของจักรพรรดิเหยียน และมีเพียงท่านรวมถึงบรรดาบุตรของท่านเท่านั้นที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของจักรพรรดิตี้จวินที่ยังมีชีวิตอยู่”
ไป๋ชิวหรานคาดเดาจากเรื่องเล่าของซีเหอได้บ้างแล้ว
“ที่จริงแล้ว เรื่องราวมีความซับซ้อนมากกว่านั้น แม้ว่าบรรดาบุตรลูกของฉางซีจะตกอยู่ในสถานการณ์บีบบังคับจากความสูญเสีย ถึงกระนั้นก็ยังมีชีวิตอยู่ในฐานะเทพเจ้าเช่นวั่งชู นอกจากนี้ยังมีเทพอัคคีเช่นจู้หรงที่สืบทอดสายเลือดจากจักรพรรดิเหยียน
ซีเหอกล่าวเสริม
“ดังนั้นพวกท่านจึงมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน และเนื่องจากท่านกับหลานเอ๋อร์ประสบเคราะห์กรรมเดียวกัน ความสัมพันธ์ของทั้งสองจึงเปรียบเสมือนความสัมพันธ์ระหว่างมารดากับบุตรสาว… ข้าเข้าใจแล้ว”
ไป๋ชิวหรานยังคงถามต่อไป
“แล้วเหตุใดท่านถึงกล่าวว่าหลานเอ๋อร์แต่งงานได้เพียงหนึ่งครั้งในชีวิต?”
“เพราะสภาวะอารมณ์ของนาง หลานเอ๋อร์ได้สืบทอดอุปนิสัยดื้อรั้นมาจากแม่ ซึ่งแม่ของนางก็ได้รับการสืบทอดอุปนิสัยดื้อรั้นมาจากจักรพรรดิเหยียนอีกทีหนึ่ง เป็นเหมือนกับคำสาปที่สืบทอดต่อกันมาทางสายเลือด”
ซีเหอยิ้มอย่างขมขื่น
“ไม่ว่าจะเป็นจักรพรรดิเหยียนที่เคี้ยวสมุนไพรพิษเพราะตรอมใจจากสตรีเผ่าอื่น หรือแม้แต่จิงเหว่ยแม่ของนางที่ข้ามผ่านความเป็นตายจนได้รับพลังอำนาจอันศักดิ์สิทธิ์แห่งท้องทะเล ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นความดื้อรั้นทั้งสิ้น บุตรหลานที่สืบเชื้อสายจากจักรพรรดิเหยียนล้วนมีคู่ครองเพียงคนเดียวตลอดชีวิต จักรพรรดิเหยียนมีภรรยาเพียงคนเดียวคือพระสนมหยวนผู้มาจากต่างเผ่าพันธุ์ ส่วนจิงเหว่ยตกหลุมรักกับบุรุษจากเผ่ามนุษย์ ก่อนจะถึงแก่ความตายเพื่อปกป้องเขาจากการถูกจักรพรรดิตะวันออกไท่อีกวาดล้าง หลานเอ๋อร์เองก็คงสืบทอดเจตนารมณ์เช่นเดียวกันนี้ บางทีตอนนี้นางอาจไม่ได้รักเจ้า ทว่าเป็นไปไม่ได้อย่างที่จะแต่งงานใหม่แน่นอน”
“จักรพรรดิตะวันออกไท่อีคงล่วงรู้ถึงเรื่องนี้เช่นกัน เพราะฉะนั้นเขาถึงยืนกรานที่บังคับให้นางแต่งงานกับข้า”
ชายหนุ่มพลันรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยเมื่อได้ยินเรื่องนี้
“หมายความว่าข้าเป็นผู้ทำร้ายนางทางอ้อมใช่หรือไม่?”
“การที่ยอมแต่งงานกับเจ้า เป็นการตัดสินใจด้วยตัวของนางเอง พลังอำนาจเหนือมหาสมุทรนั้นทรงพลังและน่ากลัวยิ่ง จักรพรรดิตะวันออกไท่อีถึงได้บังคับให้นางแต่งงานไปเสีย โชคดีแล้วที่ได้แต่งงานกับเจ้า ดีกว่าปล่อยให้แต่งงานกับเทพเจ้าองค์อื่น”
ซีเหออธิบายด้วยอารมณ์ขมขื่นยิ่ง
“เช่นนั้น ข้าขอให้คำมั่นว่าจะดูแลนางเป็นอย่างดี… เช่นนั้นดีหรือไม่?”
ไป๋ชิวหรานครุ่นคิดด้วยความลังเลอยู่นาน ในที่สุดก็ถอนหายใจออกด้วยความโล่งอก พร้อมกล่าวย้ำอีกครั้ง
“ไป๋ชิวหรานจะดูแลนางให้ดีที่สุด”