ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี - บทที่ 184 พวกข้าสามีภรรยารักกัน
บนดินแดนตะวันออก ลำแสงสายหนึ่งกับลำแสงอีกสายกำลังไล่ล่ากันบนนภา และเข้าห้ำหั่นกัน พลังงานที่ไหลหลั่งออกจากปฐพีคือพิษ หลังจากแพร่กระจาย สัตว์และต้นไม้ภายในรัศมีต่างเหี่ยวเฉาเสื่อมสลาย
เทพหลายองค์กำลังต่อสู้กับเทพอีกองค์ พลังศักดิ์สิทธิ์ระเบิดออกมา ปฐพีและท้องนภาถูกรบกวน
ทันใดนั้น ผู้มีกำลังเพียงลำพังที่ปะทะกับลำแสงของเทพอีกหลายองค์ ทำให้ไม่อาจต้านทานได้อีกต่อไป นางส่งเสียงครางออกมา จากนั้นก็เคลื่อนลงจากนภา กลายเป็นเจียงหลานเดินโซเซถอยออกมาหลายก้าว
นางเช็ดโลหิตออกจากมุมปาก ใบหน้าซีดเซียว เงยหน้ามองนภา ลำแสงที่ไล่ตามมาเคลื่อนลงสู่พื้นเช่นกัน และกลายเป็นกลุ่มเทพร่างสูงสวมเกราะเงินถืออาวุธจำนวนมาก
หัวหน้าเทพยกแส้ไม้ในมือขึ้น ชี้ไปที่เจียงหลานแล้วกล่าวว่า
“เทพโรคระบาด เจ้าไม่มีที่ไปแล้ว รีบโดนฆ่าให้ตายจะไม่ดีกว่าหรือ? ฝ่าบาทมีบัญชา ให้ตามหาท่านแม่ทัพไป๋ พวกเราสามารถรอให้เขากลับมาก่อน แล้วค่อยลงโทษสถานเบาตามความเหมาะสมก็ได้”
“ทำไมต้องลงโทษสถานเบาด้วย?”
เจียงหลานเผยรอยยิ้มเย็นชาออกมา
“เจ้าพูดราวกับว่าจักรพรรดิตะวันออกไท่อีจะเมตตา”
“เหลวไหล!”
เทพองค์หนึ่งตะโกนเสียงดัง
“เพียงเพื่อมนุษย์กลุ่มหนึ่ง… ถึงกับไม่เชื่อฟังฝ่าบาท เจ้าคู่ควรกับท่านแม่ทัพไป๋ที่มอบความรักให้มากขนาดนั้นหรือ? เจ้ากำลังทำลายอนาคตของเขา!”
“เจ้าคนสารเลวจองหอง เจ้าไม่ได้รู้จักเขาดีเลยสักนิด”
เจียงหลานยิ้มแล้วกล่าวว่า
“ลำบากใจหรือ? เมื่อเขากลับมา แล้วเห็นสิ่งที่เจ้าทำ เขาคงจะไล่นับหัว เพื่อฆ่าเรียงตัวอย่างแน่นอน!”
“ท่านแม่ทัพไป๋จงรักภักดีต่อฝ่าบาท เขาจะเป็นกบฏเหมือนเจ้าได้อย่างไร?!”
เทพองค์หนึ่งยกแส้ในมือขึ้นอย่างหยิ่งทะนง
“เลิกต่อต้านเสียทีเทพโรคระบาด เมื่อถูกฟาดด้วยแส้นี้ พลังศักดิ์สิทธิ์ในตัวเจ้าจะถูกดึงออกไป พูดตามตรงว่าการที่ยื้อด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ที่หลงเหลืออยู่ในร่างกายได้นานขนาดนี้ ทำให้ข้าประหลาดใจยิ่งนัก แต่ตอนนี้เจ้าไร้พลังแล้ว เทพที่ไร้ซึ่งพลังจะทำอะไรได้?”
“หึ ข้าเคยได้ยินชื่อของเจ้ามาก่อน แม่ทัพเทพจักรพรรดิหวงเฉิงเทียน เทพสวรรค์ผู้มีชื่อเสียงเมื่อสองพันปีก่อนในปราสาทสวรรค์ เจ้าทำงานอย่างหนักในตำแหน่งของสามีข้าอย่างนั้นหรือ?”
เจียงหลานถามอย่างเย็นชา
“ตอนแรกคิดว่าเขาเป็นคนที่สุดยอด แต่ดูตอนนี้สิ… เป็นเพียงสิ่งของที่อยู่ในมือ เป็นเพียงสุนัขขี้ประจบ สุนัขก็คือสุนัข เจ้าไม่มีวันเหนือกว่าเขาในฐานะมนุษย์ได้ตลอดชั่วชีวิตที่เหลือหรอก”
“เหลวไหล!”
แม่ทัพเทพจักรพรรดิหวงเฉิงเทียนขมวดคิ้วด้วยความโกรธ แส้ศักดิ์สิทธิ์ในมือส่องแสงเจิดจ้า ก่อนจะฟาดไปที่เจียงหลาน
…
หลังจากผู้รอดชีวิตและเศษซากถิ่นฐานชายทะเลถูกรวมอยู่ในภาพแล้ว ไป๋ชิวหรานยังคงเดินทางต่อไป
ถึงแม้จะไม่รู้ว่าเข้าไปในซากปรักหักพังนานเท่าไร แต่ดูท่า จักรพรรดิตะวันออกไท่อีจะเริ่มส่งคนไปจัดการเผ่าพันธุ์มนุษย์แล้ว พอมาคิดดูแล้ว ถิ่นฐานมนุษย์เหล่านั้นบนดินแดนตะวันออกก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เช่นกัน ไป๋ชิวหรานกังวลเกี่ยวกับศิษย์มีชื่อของตนเล็กน้อย นอกจากนี้ยังเป็นห่วงเจียงหลานมากอีกด้วย
หลังจากคบหากันมาหลายปี ไป๋ชิวหรานก็รู้จักสตรีคนนั้นเป็นอย่างดี ลึก ๆ ในใจแล้วนางละอายกับสถานะของการเป็นเทพ
ด้วยบุคลิกของเจียงหลาน หากถิ่นฐานพวกเขาถูกโจมตีโดยเทพอีก เช่นนั้นนางจะลงมือเพื่อปกป้องพวกเขา ถึงตอนนั้นความขัดแย้งกับเทพก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
แต่อำนาจแห่งท้องทะเลที่ทรงพลังที่สุดของนางกลับถูกหลอมรวมเข้ากับกระบี่สาทรวารีกระจ่างฟ้าที่อยู่ในมือของไป๋ชิวหราน
หลังจากจัดการกับเผ่าพันธุ์มนุษย์ในถิ่นฐานชายทะเลแล้ว เขาจึงมุ่งไปสู่ถิ่นฐานที่ลี่อยู่ทันที
ระหว่างทางชายหนุ่มได้จัดการกับกลุ่มเทพจำนวนมากที่สังหารเผ่าพันธุ์มนุษย์ หลังจากผู้รอดชีวิตและวิญญาณถูกรวมอยู่ในภาพแล้ว ไป๋ชิวหรานก็มาถึงบริเวณวิหารของตัวเอง ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากถิ่นฐานมากนัก
“นั่นมันอะไร?”
ระหว่างทางกลับ ไป๋ชิวหรานผู้ใช้พละกำลังทั้งหมดเพื่อบินบนกระบี่ พลันพบแสงเจิดจ้าที่หางตา
ดูท่าจะเป็นพลังศักดิ์สิทธิ์บางอย่าง แต่ชายหนุ่มไม่เคยเห็นคุณสมบัติเช่นนั้นมาก่อน
“ถ้ามีอะไรผิดปกติคงจะเป็นเพราะอสูร”
จื้อเซียนแนะนำ
“ปลอดภัยไว้ก่อน ไปตรวจสอบกันเถอะ”
เวลากำลังหมดลง ไป๋ชิวหรานจึงไม่พูดจาเหลวไหล เขาหันไปทางหนึ่งแล้วเหาะทะยานออกไปทันที เมื่อห่างออกไปจากจุดหมายหลายสิบลี้ ก็ได้เห็นแหล่งกำเนิดแสงสว่างในนภา
นั่นคือแม่ทัพเทพร่างสูง แสงสว่างมาจากแส้ไม้ในมือที่เงื้อขึ้นสูง เบื้องหลังมีเทพร่างสูงมากมายตามติด ส่วนฝั่งตรงข้าม สตรีในชุดยาวสีม่วงกำลังล้มลงกับพื้น… หญิงสาวคนนี้มีนามว่าเจียงหลาน
“หยุดเดี๋ยวนี้!”
ดวงตาของไป๋ชิวหรานเบิกกว้าง กระบี่วารีสาทรกระจ่างฟ้าส่งเสียงอยู่ใต้เท้า ปราณกระบี่ยื่นออกไปหลายสิบลี้ ทันใดนั้นเขาก็เคลื่อนลงไปอยู่ระหว่างเจียงหลานกับแม่ทัพเทพ
ทันใดนั้นปราณกระบี่ทะยานออกไป ทำให้เกิดระเบิดขนาดใหญ่ รอยแยกกระจายออกไปนับร้อยลี้ ขวางกั้นระหว่างแม่ทัพเทพกับเจียงหลาน ไม่ให้เหล่าเทพทำการโจมตีได้อีก
แต่ในเวลาเดียวกัน ไป๋ชิวหรานก็ถูกปิดกั้นจากโลกด้วยวิถีแห่งสวรรค์อีกครั้ง
“กลายเป็นแบบนี้ไปเสียได้”
ตรงข้ามพรมแดนสีดำและขาว ไป๋ชิวหรานมองเจียงหลานผู้อยู่ฝั่งโลกหลัก เทพเบื้องหน้านางประสบกับการโจมตีเมื่อครู่ เผยสีหน้าประหลาดใจออกมา แต่หลังจากมองรอบข้างจนไม่พบผู้โจมตี เขายังคงชูแส้ไม้ขึ้นอีกครั้ง เพื่อฟาดใส่เจียงหลาน
“นางเคยตายไปแล้วในประวัติศาสตร์ที่ถูกกำหนดไว้ ดังนั้นนางจะตายอีก… น่าเสียดาย ตอนนี้ข้าไม่สนแล้ว”
พลังปราณแก่นแท้ในร่างปะทุออกมาพร้อมกัน ไป๋ชิวหรานยกมือขึ้นแล้วฟาดฝ่ามือใส่!
ทั่วโลกสั่นสะเทือน เขตอาคมสวรรค์ตรงหน้าพลันแตกสลาย ร่างกายวูบไหวเคลื่อนไกลออกไปหลายสิบลี้ จนมาอยู่ข้างหน้าเจียงหลาน
ปัง!
แส้ไม้ที่เต็มไปด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์ฟาดใส่แผ่นหลังของเขา หลังจากส่งเสียงหมองหม่นพลันกระเด็นขึ้นสูง
“ท่านแม่ทัพไป๋!?”
น้ำเสียงตกตะลึงดังขึ้นเมื่อเห็นไป๋ชิวหราน เหล่าเทพจึงถอยหลังสองสามก้าวโดยไม่รู้ตัวก่อนจะเปล่งเสียงหัวเราะออกมา
“เหตุใดท่านถึงมาอยู่ที่นี่?”
ชายหนุ่มดึงเจียงหลานขึ้นมา จากนั้นก็ตรวจสอบบาดแผลทั่วร่างของหญิงสาว หลังจากยืนยันได้ว่านางไม่ได้รับบาดเจ็บในตอนนี้ เขาจึงหันหลัง และตอบกลับว่า
“ทำไมถึงถามว่าข้ามาอยู่ที่นี่? เจ้ากำลังจะฆ่าภรรยาของข้า… เช่นนั้นจะให้ทนดูเฉยได้อย่างนั้นหรือ?”
“เรื่องนี้ ท่านแม่ทัพไป๋ไม่รู้อะไร”
เทพองค์นั้นเผยสีหน้าเศร้าโศกออกมา ก่อนจะตอบว่า
“เทพโรคระบาดทำเพื่อเผ่ามนุษย์ ขัดคำสั่งจักรพรรดิสวรรค์ ก่อกบฏกลางสาธารณะ พี่น้องของข้าล้มหายตายจากไปมากมาย ตอนนี้นางถึงมีความผิด”
“อืม แล้วอย่างไร?”
ไป๋ชิวหรานถาม
“เพราะว่านางฆ่าเทพไปไม่กี่องค์ ก็เลยไม่ใช่ภรรยาของข้างั้นหรือ?”
“ท่านแม่ทัพไป๋ ท่านกับเทพโรคระบาดมีความรักต่อกันฉันสามีภรรยา พวกข้าล้วนมองออก แต่นางไม่คู่ควรกับท่านอีกต่อไป พลังศักดิ์สิทธิ์ของนางถูกพรากไปด้วยสมบัติชิ้นนี้ และยังขัดคำสั่งจักรพรรดิสวรรค์ ทำให้กลายเป็นคนทรยศ”
ใบหน้าของแม่ทัพเทพหมองหม่น กล่าวด้วยเสียงเย็นชาว่า
“เทพผู้นี้ขอแนะนำ หญ้าหอมหวานหามีไม่ในโลก ท่านอย่ายุ่งกับนางจะดีกว่า ไม่อย่างนั้น จะไม่สามารถปกป้องตัวเองได้… ถึงจะฟังดูไม่เข้าหูเสียหน่อย แต่ท่านกับนางแต่งงานทางการเมืองได้เป็นเพราะจักรพรรดิสวรรค์ตระเตรียมไว้ไม่ใช่หรือ ท่านมีอนาคตยาวไกล เหตุใดต้องฉุดรั้งตัวเองไว้ด้วย?”
“มาบอกว่าเป็นการแต่งงานทางการเมืองมันก็เจ็บปวดอยู่ไม่น้อย”
ไป๋ชิวหรานโอบเอวของเจียงหลานเอาไว้ ให้นางอิงแอบ จากนั้นจึงเผยรอยยิ้มอ่อนโยนไปทางแม่ทัพเทพแล้วกล่าวว่า
“พวกข้าสามีภรรยารักกัน”