ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี - บทที่ 186 มอบหยก
หลังจากทั้งสองลงมาแล้ว ป่ารอบข้างยังเงียบสงัด มีเพียงสารพิษรอบข้างกระท่อมหลังเดิมของเจียงหลานที่ยังแผ่กระจายออกมาอย่างต่อเนื่อง ไป๋ชิวหรานมองดูสถานที่หลายแห่งในความมืด จากนั้นเขากล่าวเบา ๆ ว่า
“ลี่ ออกมาเถิด พวกข้าเอง”
ผ่านไปสักพัก ใบไม้ร่วงโรยมาจากความมืด ลี่ยืนอยู่กับกลุ่มเผ่าพันธุ์มนุษย์ผู้ยังมีสีหน้าหวาดกลัว พวกเขาต่างค่อย ๆ เดินออกมาจากป่า
ไป๋ชิวหรานมองดูศิษย์ เด็กหนุ่มมีใบหน้าซีดเซียว ความเจ็บปวดจากการสูญเสียภรรยาทำให้เขาหดหู่ใจยิ่ง ในด้านความรู้สึก สภาพจิตใจตอนนี้ของทั้งศิษย์ ทั้งอาจารย์ไม่สู้ดีนัก
ไป๋ชิวหรานอุ้มเจียงหลานไว้บนหลัง ก่อนจะเดินไปหาพวกเขา เผ่าพันธุ์มนุษย์คนอื่นต่างถอยหลังด้วยความหวาดกลัว แต่ลี่ปลอบโยนเสียงดัง
“ไม่ต้องห่วง อาจารย์เป็นมนุษย์”
“ดีจริงที่เห็นเจ้าปลอดภัย”
ชายหนุ่มตบบ่าเขา จากนั้นก็มองเผ่าพันธุ์มนุษย์อีกคนที่อยู่ด้านข้าง
“ให้พวกเขาเข้ามาก่อน”
ไป๋ชิวหรานกล่าวพร้อมกับคลี่ภาพในมือออกมา ลี่มองพวกพ้องที่อยู่ข้างหลัง ก่อนพยักหน้าให้พวกเขา
คนเหล่านี้ไม่ขัดขืน ไป๋ชิวหรานพาพวกเขากลับเข้าไปในภาพ แม้กระทั่งลี่ก็กลับเข้าไปเช่นกัน จากนั้นเขาอุ้มเจียงหลานขึ้นหลัง ก่อนออกเดินทางไปถิ่นฐานอื่นบนดินแดนตะวันออก
ชายหนุ่มฆ่าเหล่าเทพทั้งหมดที่อยู่ใกล้ถิ่นฐาน ส่วนผู้รอดชีวิตกับวิญญาณที่เกิดใหม่ทั้งหมดถูกเก็บเข้าไปในภาพ ไป๋ชิวหรานอุ้มเจียงหลานขึ้นหลังไปจนกระทั่งรุ่งสาง
จนกระทั่งยืนยันได้ว่าเทพที่อยู่ในถิ่นฐานใกล้เคียงถูกสังหารจนหมด ไป๋ชิวหรานจึงหยุดลงมือ และพาเจียงหลานกลับถิ่นฐานในที่สุด เขาได้กำจัดเหล่าภูตผีที่อยู่ในบริเวณออกไป ก่อนจะเดินต่อไปจนได้พบหุบเขาลับ ด้วยความช่วยเหลือของจื้อเซียนผู้จัดตั้งค่ายกลเอาไว้เป็นจำนวนมาก ทำให้ปิดกั้นการสอดแนมจากวิถีสวรรค์และโลกได้
หลังจากทำทั้งหมดนี้แล้ว เขาก็ตัดไม้ล่าสัตว์ในหุบเขา สร้างกระท่อม วางเจียงหลานผู้อ่อนแอลงชั่วคราว จากนั้นก็ให้ลี่ออกมาจากภาพ
“อาจารย์”
ลี่ในตอนนี้ผิดหวังและสีหน้าดูไม่ค่อยดีนัก เขามองไป๋ชิวหราน ถามว่า
“ท่านมีเรื่องอยากคุยกับข้างั้นหรือ?”
“ใช่”
ไป๋ชิวหรานตอบกลับ
“ออกไปเดินกับข้าหน่อยสิ”
เจียงหลานนอนอยู่บนเตียงจนผล็อยหลับไป หลังจากพลังศักดิ์สิทธิ์เดิมถูกริดรอน ต่อให้พลังชีวิตธาตุไม้ของไป๋ชิวหรานจะช่วยไว้ แต่กำลังกายและใจของนางก็ไม่ต่างไปจากมนุษย์สักนิด
ไป๋ชิวหรานชำเลืองมอง หลังจากพบว่าสตรีบนเตียงหายใจสม่ำเสมอแล้ว เขาจึงปิดประตูและเดินออกมาพร้อมกับลี่
ทั้งสองเดินไปได้ไม่ไกล เพียงเตร็ดเตร่ไปรอบหุบเขา ด้วยความบังเอิญ มีลำธารอยู่ในหุบเขาแห่งนี้ ลำธารไหลเอื่อย กระแสน้ำมาบรรจบกันเป็นแอ่งน้ำขนาดเล็ก ไป๋ชิวหรานยืนอยู่บนขอบแอ่งน้ำแห่งนี้ สายตามองไปที่ลำธารเปล่งประกายบนสระน้ำ
“ช่างบังเอิญนัก”
ขณะมองสายน้ำ ไป๋ชิวหรานยิ้มขณะกล่าวออกมา
“ตอนที่เจ้ากับข้าผู้เป็นศิษย์อาจารย์มาพบกัน ก็เป็นที่ขอบธารน้ำสายนี้เช่นนี้ ภายหลังที่ได้มอบบางสิ่งให้เจ้า สถานที่นั้นก็เป็นธารน้ำนี่เช่นกัน”
“ความเมตตาของอาจารย์ ช่างยากจะลืมเลือน”
ขณะยืนอยู่ด้านหลัง เขาก้มศีรษะแล้วตอบออกมา
“สิ่งที่เกิดขึ้นกับเจ้า ข้าได้ฟังจากหลานเอ๋อร์แล้ว”
ไป๋ชิวหรานหันหลัง ตบบ่าศิษย์เลื่องชื่อของตน ขณะถามออกมา
“เจ้าจะทำอย่างไรในอนาคต?”
“ศิษย์… ไม่ทราบ”
ลี่ตอบอย่างระมัดระวัง
“ตามกฎแล้ว ข้าควรเป็นผู้นำเผ่าพันธุ์ ตามหาสถานที่สำหรับการสืบพันธุ์ต่อไป จากนั้นก็ถวายเครื่องสังเวยให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อขอให้เทพอภัย”
“เจ้าอยากทำตามกฎงั้นหรือ?”
ไป๋ชิวหรานถามกลับ
“ข้าไม่ทราบ เหล่าเทพต่างมาในคืนนี้ บอกว่าพวกเราเผ่าพันธุ์มนุษย์ทำผิดพลาดมหันต์ จึงทำให้ถูกลงโทษ”
ลี่ตอบ มือกำเป็นหมัด
“แต่ข้ามองดูการปรากฏตัวของเทพเหล่านั้น มองดูพวกเขาฆ่า หยามเหยียดมนุษย์ ขะ…ข้าไม่อาจหักห้ามความโกรธในใจเอาไว้ได้ จนกระทั่ง… ลงมือกับภรรยาของข้า หลังจากนางตาย… ก็ไม่อาจห้ามตัวเองได้อีกต่อไป…”
เขาสั่นสะท้าน ก่อนจะคุกเข่าลงกับพื้น
“ข้าต้องขอโทษอาจารย์ สิ่งที่สอนมานั้น… ก็เพื่อให้เผ่าพันธุ์มนุษย์ปกป้องตัวเองภายใต้เงื้อมมือของสัตว์อสูร แต่ข้าอดไม่ได้ที่จะใช้มัน เพื่อฆ่าเทพพวกนั้น”
ในฐานะศิษย์เลื่องชื่อของไป๋ชิวหราน ลี่รู้ถึงตัวตนของเจียงหลานผู้เป็นเทพโรคระบาด เด็กหนุ่มเคยเห็นไป๋ชิวหรานอยู่ท่ามกลางเหล่าทวยเทพ
เงาของชายหนุ่มบดบังการมองเห็นของเด็กหนุ่ม เขาคิดว่าไป๋ชิวหรานจะลงโทษหรือถึงขั้นสังหาร แต่อีกฝ่ายกลับยกมือขึ้นลูบศีรษะของเขาอย่างอ่อนโยน
“ทำได้ดีมาก!”
ชายหนุ่มเอ่ยชื่นชม
ลี่เงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจ และถามว่า
“ทว่า อาจารย์กับภรรยาไม่ใช่…”
“ข้าบอกไปแล้ว ว่าข้าคือมนุษย์”
ไป๋ชิวหรานเอื้อมมือไปดึงเขาขึ้นมา ในเวลาเดียวกันก็เผยรอยยิ้มก่อนจะถามว่า
“เจ้าไม่เชื่ออาจารย์ที่เคารพงั้นหรือ?”
“ข้าไม่กล้า”
ลี่ตอบเสียงอ่อน
“ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังคิดอะไร จงเชื่อในตัวเอง เจ้าได้ใช้สิ่งที่ข้าสอนสั่ง เพื่อฆ่าเทพด้วยมือตัวเองแล้วไม่ใช่หรือ?”
ไป๋ชิวหรานนั่งขัดสมาธิบนหิน
“ย้อนกลับไปเรื่องก่อนหน้านี้ สิ่งที่สอนสั่งเจ้าไป จุดประสงค์คือให้ผู้คนปกป้องตัวเอง แต่ต้องรู้ไว้ ว่าสิ่งนั้นไม่ได้มีไว้ให้ผู้คนปกป้องตัวเองจากสัตว์อสูรกับภัยธรรมชาติที่ยากลำบากเท่านั้น แต่ยังมีไว้ให้ปกป้องตัวเองจากเทพ… ปกป้องตัวเองจากเงื้อมมือของเทพ”
เขานึกถึงคนที่ตายที่หุบเหวเผิงไหลในซากปรักหักพังหวนคืน ขณะโกรธาเขาใช้นิ้วเพื่อเลือก ‘เทพยดาไฮ่สื่อเลอหว่อ’ ผู้อาวุโสสวรรค์ริษยารุ่นแรก
“เจ้าจงจำไว้ นับจากนี้ไป พวกเราเผ่าพันธุ์มนุษย์จะ ไม่พึ่งพาสวรรค์ ไม่พึ่งพาเทพ ทว่าพึ่งเพียงกำลังตน เพื่อใช้ชีวิตบนโลกใบนี้!”
ไป๋ชิวหรานกล่าวกับอีกฝ่ายอย่างจริงจัง
“เหล่าเทพไม่มองพวกเราเป็นสิ่งมีชีวิต ซ้ำยังสังหารตามใจชอบ พวกเขาคือศัตรู ยามเผชิญหน้ากับศัตรู มีแต่ต้องทำลายและทำลาย ต้องฆ่าจนกว่าจะไม่กล้ามาโจมตีอีก!”
“เข้าใจแล้ว”
ลี่สูดหายใจเข้า
“แต่เทียบกับเหล่าทวยเทพแล้ว กำลังของข้ากับคนในเผ่าพันธุ์ยังอ่อนแอเกินไป เหมือนกับมดที่ไม่ควรค่าให้กล่าวถึง”
“มันไม่สำคัญหรอก ข้าจะสอนเจ้าเอง!”
ไป๋ชิวหรานกล่าวอย่างจริงจัง
“นับจากนี้ไป ข้ายอมรับเจ้าเป็นศิษย์ที่แท้จริง ก่อนจากไปจะสอนสั่งเจ้าและเหล่าพี่น้องถึงทุกสิ่งที่ล่วงรู้จนหมดเปลือก”
“ขอขอบคุณอาจารย์!”
ลี่คำนับไป๋ชิวหราน
“จะขอบคุณไปเพื่ออะไร… เป็นอาจารย์เพียงหนึ่งวัน ดังพ่อลูกกันตลอดชีวิต ถ้าไม่รังเกียจ… จะใช้แซ่ของข้าก็ได้ แซ่ของข้าคือ ไป๋ เจ้าเรียกตัวเองว่าไป๋ลี่ในภายภาคหน้าได้”
ชายหนุ่มครุ่นคิดสักพัก หยิบไพลินเม็ดหนึ่งจากกระเป๋าเก็บของตัดออกหนึ่งชิ้น จากนั้นยกมือขึ้นเพื่อร่ายตราเพลิง อัญเชิญเพลิงไม่มอดดับ สลักอักขระ ‘ลี่’ บนจี้หยก ไม่ต่างจากชิ้นที่ขัดเกลาให้กับคนรุ่นหลัง
“นี่สำหรับเจ้า เป็นกฎสำหรับสำนักของพวกเรา นับจากนี้เจ้าจะกลายเป็นศิษย์ที่แท้จริงของข้า”
ไป๋ชิวหรานส่งจี้หยกที่สลักอักขระ ‘ลี่’ ไปที่มือของเด็กหนุ่ม มีบางสิ่งในใจที่เชื่อมโยงกับทุกสรรพสิ่ง เป็นความรู้สึกที่เกินกว่าจะเป็นของจริง
เขาคัดค้าน
“อักขระด้านบนคือ [立] เหมือนกับชื่อ เป็นความคาดหวังและกำลังใจของเจ้า เพื่อยืนหยัด ในอนาคตจะต้องยืนหยัดเพื่อนำเผ่าพันธุ์มนุษย์ ไร้ความย่อท้อ กลายเป็นเผ่าพันธุ์ที่ไม่อยู่ภายใต้เหล่าเทพ!”