ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี - บทที่ 187 ข้ามีทุกอย่างแล้ว
ในตำหนักสวรรค์ จักรพรรดิตะวันออกไท่อีฟังรายงานของเหล่าเทพเบื้องล่างอย่างเงียบงัน ไม่เอ่ยวาจาสักคำ ทั่วทั้งห้องโถงเต็มไปด้วยบรรยากาศเคร่งขรึม หากไม่นับเจียงหลานและไป๋ชิวหรานแล้ว เทพอันชอบธรรมองค์อื่นจากเก้าหน่วยสวรรค์ ห้าจักรพรรดิสวรรค์ แม่ทัพเทพที่เหลือรอดจากสามสิบสามสวรรค์ รวมถึงลู่อู๋และอิงเจาผู้เป็นคนดูแลจักรพรรดิสวรรค์ ทุกคนล้วนรวมตัวที่นี่
แต่ตอนนี้ เหล่าเทพผู้ทรงพลังกล้าแกร่ง มากด้วยความยิ่งใหญ่เหล่านี้ ล้วนก้มศีรษะ มันคือบรรยากาศที่ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ
“จริงหรือ? เทพโรคระบาดกับจอมพลใหญ่แห่งเทพตะวันออกล้วนอยู่ฝั่งตรงข้าม…”
หลังจากผ่านไปเนิ่นนาน จักรพรรดิตะวันออกไท่อีถอนหายใจ
“การพลิกผันของขุนนางเจียงเป็นดังที่คาดไว้ แต่แม่ทัพไป๋กลับขบถร่วมกับนาง… ดูท่าสิ่งที่ข้ากังวลจะถูกต้อง ตัวตนที่แท้จริงของแม่ทัพไป๋ เป็นมนุษย์”
ผ่านไปสักพัก เขาถามเสียงดัง
“ลู่อู๋ ผลจากการเก็บกวาดครั้งใหญ่เป็นอย่างไรบ้าง?”
“เรียนฝ่าบาท ตัดสินจากผลตอบรับของสวรรค์และปฐพี ตอนนี้เหนือปฐพี ไม่มีถิ่นฐานมนุษย์คงอยู่อีกแล้ว ถิ่นฐานมนุษย์ทั้งหมดถูกพวกเราเก็บกวาดเป็นที่เรียบร้อย เพียงแต่…”
ลู่อู๋ลังเลสักพัก ก่อนกล่าวต่อว่า
“เพราะการขบถของท่านแม่ทัพไป๋เมื่อคืน ทำให้ถิ่นฐานขนาดเล็กช่วงครึ่งหลัง มีผู้รอดชีวิตจำนวนมากถูกเขาช่วยเอาไว้ แม้แต่วิญญาณที่เหลือรอดยังถูกพาออกจากที่นั่น เหล่าเทพที่เข้าร่วมการปิดล้อมปราบปรามถิ่นฐานแห่งนี้ ไม่มีใครรอดกลับมา”
เมื่อได้ยินเช่นนี้จักรพรรดิตะวันออกไท่อีจึงกล่าวเสียงต่ำว่า
“แม่ทัพไป๋ช่างโหดเหี้ยมยิ่งนัก ตลอดเวลาที่เขารับใช้ในตำหนักสวรรค์ ข้าไม่เคยปฏิบัติกับเขาไม่ดีแท้ ๆ”
หลังจากพึมพำกับตัวเอง เขาจึงถามอีกครั้งว่า
“วิหารที่ข้ามอบให้แม่ทัพไป๋บนดินแดนเป็นอย่างไรบ้าง?”
ลู่อู๋ก้มศีรษะก่อนตอบว่า
“ถูกยึดครองโดยกองทัพเทพเก้าหน่วยสวรรค์แล้ว เพียงแต่… ข้ารับใช้มนุษย์ทั้งหมดที่อยู่ข้างในหายไป น่าจะถูกท่านแม่ทัพไป๋พาตัวไป”
“ลองค้นหาทั่วทั้งสวรรค์และปฐพีหรือยังว่าท่านแม่ทัพไป๋ทิ้งเบาะแสไว้ที่ใด?”
“…ไม่มีเลย”
ขณะมองลู่อู๋ผู้ก้มศีรษะ จักรพรรดิตะวันออกไท่อีผู้นั่งอยู่หลังม่านสูดหายใจเข้าลึก
“ถ้าอย่างนั้น มีเผ่าพันธุ์มนุษย์กี่คน ที่ถูกกักขังไว้บนสวรรค์?”
“มีจำนวนรวมหนึ่งพันคน ล้วนเป็นผู้หญิงและเด็กเล็ก แต่ว่า…”
ลูอู๋ลังเล กล่าวอย่างไม่มั่นใจว่า
“หลังจากกลับไป ข้าใช้บางคนเพื่อดูแลคนของเรา…”
“เอาคืนไปให้หมด”
จักรพรรดิตะวันออกไท่อีกล่าวอย่างโหดเหี้ยม
“ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนี้… จะปล่อยให้สร้างเรื่องไม่ได้อีก ลู่อู๋ เรื่องนี้ฝากเจ้าจัดการด้วย พาเผ่าพันธุ์มนุษย์เหล่านั้นทั้งหมดกลับไป เลี้ยงดูให้ดี อย่าปล่อยให้ตาย พวกเขาจะเป็นกองกำลังมีประสิทธิภาพเพื่อจัดการกับไป๋ชิวหรานผู้เป็นคนทรยศ อีกอย่าง ส่งเจตจำนงของข้าให้เก้าหน่วยสวรรค์ ให้กองทัพทั้งหมดของห้าจักรพรรดิสวรรค์เตรียมพร้อมต่อสู้ทันที แจ้งให้สวรรค์รับฟังปฐพีและจับตาดูเทพทั้งสองไว้ กระชับการค้นหา ทันทีที่พบตำแหน่งของไป๋ชิวหรานกับเจียงหลานแล้วรายงานทันที”
“น้อมรับคำสั่ง”
เทพทั้งหมดในห้องโถงคำนับพร้อมกัน
ไม่มีเทพองค์ใดตั้งคำถามกับการตัดสินใจของจักรพรรดิตะวันออกไท่อี ไม่ใช่แค่เพราะพลังอันน่าสะพรึงกับอำนาจอันสูงส่งของเขาเท่านั้น แต่เป็นเพราะพวกเขาทั้งหมดเคยเป็นสักขีพยานและเข้าร่วมการปิดล้อมการปราบปรามครั้งหนึ่ง
เหล่าเทพในตอนนี้ล้วนทราบถึงความเปราะบางของเผ่าพันธุ์มนุษย์ แต่พวกเขาก็รู้เช่นกันว่าในร่างกายอันเปราะบางของมนุษย์… มีพลังอันน่าสะพรึงซ่อนเร้นอยู่
…
หลังจากกลายเป็นศิษย์ที่แท้จริงของไป๋ชิวหรานอย่างเป็นทางการแล้ว ลี่ก็รับฟังคำแนะนำของชายหนุ่มอย่างดี เปลี่ยนแซ่ตัวเองเป็นไป๋ นับจากนี้ไป ชื่อของเขาคือไป๋ลี่
เนื่องจากเพิ่งประสบกับภัยพิบัติ ไป๋ชิวหรานจึงไม่ได้เริ่มสอนสั่งการฝึกฝนให้เขาทันที แต่ปล่อยให้เข้าป่าเพื่อสร้างที่อยู่อาศัยข้างกันก่อน
เมื่อไม่จำเป็นต้องคิดเรื่องงานก็ทำให้จิตใจสงบลง ไป๋ชิวหรานหวังที่จะใช้โอกาสนี้เพื่อให้ไป๋ลี่ปรับสภาพจิตใจให้มั่นคง
ชายหนุ่มมองสภาพของเจียงหลาน หลังจากพบว่าไม่มีอะไรผิดปกติ เขาจึงออกมาแล้วกลับไปที่วิหาร ก่อนที่ตำหนักสวรรค์จะส่งใครบางคนมายึดที่อยู่อาศัยเดิม ไป๋ชิวหรานใช้ภาพนั่นเพื่อให้สาวใช้และบริวารผู้เคยอยู่ในวิหารออกมา
ไป๋ชิวหรานพาข้ารับใช้ต่างแดนเข้าโลกแห่งตำรา ให้อาศัยอยู่ร่วมกับเผ่าพันธุ์ของพวกเขา จากนั้นจึงพาสาวใช้ไม่กี่คนเข้าไปในหุบเขา บอกพวกนางให้ดูแลชีวิตประจำวันของเจียงหลาน
ส่วนเผ่าพันธุ์มนุษย์ที่เหลือ หลังจากถูกผนึกเข้าไปในภาพ ภายใต้ผลจากวิชาของเขาทำให้ทุกคนตกอยู่ในสภาวะพักตัว ตอนนี้ ไป๋ชิวหรานจะยังไม่ปลุกพวกเขาขึ้นมา เพราะต่างไม่มีความสามารถที่จะปกป้องตัวเอง
ยามเที่ยงวัน เจียงหลานตื่นขึ้นเช่นกันก่อนหันมองรอบข้าง นางได้รับการปรนนิบัติจากสาวใช้มากมาย พวกนางพาออกไปข้างนอกและได้พบกับไป๋ชิวหรานกำลังปรุงน้ำแกง
“เจ้าตื่นแล้วหรือ?”
เมื่อเห็นเจียงหลานออกมา ไป๋ชิวหรานจึงเดินเข้ามาหาแล้วพยุงนางมานั่งที่ที่เขานั่งอยู่
“ข้าเพิ่งออกไปล่าสัตว์ พบว่ามีสมุนไพรบำรุงอยู่ในบริเวณใกล้เคียง ข้าจึงเก็บมาทำน้ำแกง ดื่มซะมันดีต่อร่างกายเจ้า”
“อืม”
หลังจากเจียงหลานเสียพลังศักดิ์สิทธิ์ไป ตอนนี้นางจึงดูอ่อนล้าไร้เรี่ยวแรงยิ่ง
ไป๋ชิวหรานหยิบแท่งไม้ข้างกายขึ้นมา เขี่ยฟืนใต้หม้อดิน มองประกายไฟที่แผดเผา ก่อนเปิดปากกล่าวว่า
“ข้าขอให้ลี่ซ่อมกระท่อมให้ แล้วพวกเราจะอยู่ที่นี่สักพัก พักผ่อนดูแลร่างกายให้ดี พรุ่งนี้จะสอนวิธีออกกำลังกายให้เจ้า”
เจียงหลานจิบน้ำแกงร้อน ๆ เข้าไปถึงจะดูไม่เต็มใจเล็กน้อย แต่ก็พยักหน้าออกมาอย่างซื่อตรง
“ไม่ต้องห่วงเรื่องมนุษย์ ให้ข้าจัดการเอง”
ไป๋ชิวหรานตบไหล่จียงหลานเบา ๆ
“วางใจได้ ข้ามีพร้อมทุกอย่างแล้ว”
“ข้าไม่สามารถให้เจ้าแบกรับทุกอย่างไว้บนบ่าได้…”
หลังจากเจียงหลานลังเลสักพักจึงเอ่ยปากขึ้น
“พวกเราคือสามีภรรยากัน หรือว่าไม่ใช่?”
ไป๋ชิวหรานมองไปที่กองฟืน
“ถึงแม้ต่างฝ่ายต่างมีเหตุผลเป็นของตัวเอง แต่อย่างไรพวกเราสามัคคีกันตามเจตจำนงที่มี ไม่ใช่เพื่อเทพที่ตระหนักถึงความชอบธรรมของการแต่งงานนี้ ไม่ใช่เพื่อจักรพรรดิตะวันออกไท่อี แต่เป็นเพื่อเจ้ากับข้า สามีภรรยาควรสนับสนุนซึ่งกันและกัน ดังนั้นต่อให้จะเป็นคู่รักหลอก ๆ แต่ยังสละอำนาจในการหลอมกระบี่เพื่อข้า ยามที่เจ้าอ่อนแอ แน่นอนว่าข้าจะไม่ทอดทิ้ง”
หลังจากเจียงหลานลังเลสักพัก ในที่สุดนางก็พยักหน้า
หลังจากกินบางอย่างเข้าไป ไป๋ชิวหรานช่วยนางพากลับเข้ากระท่อมไป คลุมร่างบางด้วยผ้าห่มบอกให้สตรีพักผ่อน
จากนั้น ชายหนุ่มจึงออกจากกระท่อมไปที่ด้านหลังหุบเขา และพบสถานที่ที่ไป๋ลี่กำลังสร้างที่พักอาศัยอยู่
ขณะเดินไปที่ที่ไป๋ลี่เลือกสร้างที่พัก ไป๋ชิวหรานก็เห็นว่าไม้บางส่วนถูกโค่นอยู่ในป่ารอบข้าง มันกองอยู่บนพื้น มีกระท่อมไม้ตั้งอยู่แต่สร้างเสร็จเพียงครึ่งเดียว แต่กลับไม่มีวี่แววของไป๋ลี่
“เจ้าเด็กนั่นไปไหนกัน?”
ไป๋ชิวหรานพึมพำ
“คงไม่คิดจะไปฆ่าตัวตายใช่หรือไม่?”
เมื่อเขาค้นหาด้วยสัมผัสเทวะ จึงได้พบว่าไป๋ลี่ค่อย ๆ เดินออกจากป่าด้านข้าง ก่อนมองมาทางเขาแล้วถามว่า
“อาจารย์ กำลังตามหาข้าอยู่หรือ?”
ไป๋ชิวหรานถอนหายใจด้วยความโล่งอกและถามกลับทันทีว่า
“เจ้าไปที่ใดมา?”
“ข้าหิว เพราะไม่อยากรบกวนท่านกับภรรยา เลยออกจากป่าเพื่อไปหาผลไม้กินได้”
ไป๋ลี่ถือกองใบไม้ไว้ในมือ มีผลไม้สีแดงสดใสอยู่ในใบไม้
เขาหยิบมาหนึ่งลูก มอบให้สัตว์ที่อยู่บนไหล่และส่งให้ชายหนุ่ม เมื่อไป๋ชิวหรานสังเกตดูจึงเห็นลิงตัวน้อยที่ไม่ยอมแยกห่างจากเด็กหนุ่มเลย ไม่ทราบว่ามาได้อย่างไรมันนั่งอยู่บนไหล่ของเขา
ตอนเผ่าพันธุ์มนุษย์ประสบปัญหาครั้งใหญ่ เขาไม่เห็นว่าไป๋ลี่มีลิงตัวนี้อยู่ข้างกาย ไป๋ชิวหรานคิดว่ามันน่าจะถูกเหล่าเทพฆ่าไปแล้วเช่นกัน แต่คิดไม่ถึงว่ามันจะหนีมาได้ในท้ายที่สุด
“ไม่มีอะไร ถ้าหลังจากนี้เจ้าหิวอีกให้มาบอกข้า”
ไป๋ชิวหรานกล่าวบางอย่าง
“ตอนนี้มานี่ก่อน ข้าจะสอนบางอย่างกับเจ้า”