ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี - บทที่ 188 บีบบังคับ
หลังจากไป๋ลี่กินบางอย่างเข้าไปแล้ว ไป๋ชิวหรานจึงขอให้เขานั่งขัดสมาธิลง จากนั้นก็ยื่นมือออกไปกุมวิญญาณศักดิ์สิทธิ์เอาไว้ แล้วส่งสัมผัสเทวะทะลวงเข้าสู่ร่างกาย ตรวจสอบสภาพร่างกายของเด็กหนุ่ม ในคราวของไป๋ชิวหราน อาจารย์ท่านได้ทำเพียงแนะนำทางอ้อมกับชายหนุ่มเท่านั้น ทว่าในเวลานั้นเอง ไป๋ลี่เพียงฝึกฝนสิ่งที่ตนเข้าใจ ถึงแม้จะฝึกความอิจฉา ริษยาและความเกลียดชังของไป๋ชิวหรานมา แต่วิธีการฝึกฝนเฉพาะที่ถูกต้อง… ว่าดีหรือไม่นั้น ไป๋ชิวหรานไม่ทราบเช่นกัน
ในอดีตเขาเคยกังวลเรื่องวิถีสวรรค์มาก่อน แต่ตอนนี้ไป๋ชิวหรานผู้กำลังก้าวเข้าสู่วิถีนี้ไม่กังวลอีกต่อไป ในเมื่อสวรรค์อยากห้ามไม่ให้สอนสั่งหรือเผยแพร่วิชา… แต่เมื่อเรื่องบานปลายขั้นนั้นเขาก็แค่จัดการผู้ที่เข้ามาก็พอ
หลังจากใช้สัมผัสเทวะสำรวจแล้ว ไป๋ชิวหรานก็พบว่าสภาพร่างกายของไป๋ลี่น่าประหลาดยิ่งนัก เขาคิดว่าไป๋ลี่จะมีข้อบกพร่องจากการฝึกฝน หรือมีบางสิ่งที่สมเหตุสมผลเกิดขึ้นมา แต่คาดไม่ถึง นอกจากจะธรรมดาเกินไปแล้ว รากฐานของร่างกายไป๋ลี่ยังเป็นปึกแผ่น เขาฝึกฝนทุกขั้นจนถึงขีดสุด กล่าวได้ว่ารากฐานนี้ดีกว่าศิษย์รุ่นหลังบางคนเสียอีก
ที่สำคัญที่สุด ไป๋ลี่ไม่ได้ฝึกฝนวิชาใด ๆ แต่เขาใช้วิธีที่เรียบง่ายที่สุด ฝึกฝนพลังปราณแก่นแท้จริงภายในร่างกายซ้ำไปซ้ำมา นี่ทำให้กลายเป็นตัวอ่อนที่สมบูรณ์แบบที่สุด จนสามารถรองรับวิชาลึกลับต่าง ๆ ทั้งหมดได้
เมื่อเห็นดังนี้ ไป๋ชิวหรานพลันเข้าใจ เขาดึงฝ่ามือกลับ จากนั้นจึงกล่าวกับไป๋ลี่ว่า
“ร่างกายของเจ้าพิเศษมากจะปล่อยให้สูญเปล่าไม่ได้ รอสักครู่ ข้าจะหาอาจารย์แล้วกลับมาพร้อมวิชาฝึกฝนที่เหมาะสมที่สุด”
“ลำบากอาจารย์เสียแล้ว”
หลังจากกล่าวจบ ไป๋ลี่ดูลังเลเล็กน้อย
“หืม มีอะไรอีกงั้นหรือ?”
เมื่อเห็นท่าทีของเขา ไป๋ชิวหรานจึงถามออกไป
“เรื่องมันเป็นแบบนี้”
ไป๋ลี่ลังเลสักพัก ก่อนตอบทันที
“เจ้าลิงบอกข้ามา มันอยากเรียนรู้วิชาจากอาจารย์เหมือนกัน อาจารย์เต็มใจจะสอนมันหรือไม่?”
“บรรพบุรุษจักรพรรดิอสูรองค์แรกไม่ใช่บรรพบุรุษองค์แรกของอสูรเผ่ามาร”
ไป๋ชิวหรานมองเจ้าลิงสีเทา เขาจำได้ว่าจื้อเซียนเคยแปลสารบนหลุมศพบรรพบุรุษจักรพรรดิอสูรองค์แรกให้ฟัง นั่นทำให้เกิดความลังเลเล็กน้อย
เขารู้อยู่แก่ใจดี ด้วยเกรงว่าอสูรองค์แรกในโลกมารจะปรากฏตัวขึ้น ตอนนี้จึงต้องเลือกให้ดี หากสอนลิงตัวนี้ มันอาจจะกลายเป็นผู้สนับสนุนแข็งขัน สหายเคียงบ่าเคียงไหล่และมือขวาของไป๋ลี่ แต่ในเวลาเดียวกัน นั่นหมายถึงการเป็นศัตรูร้ายกาจของเผ่าพันธุ์มนุษย์รุ่นหลัง อสูรเผ่ามารจะปรากฏตัวในโลกใบนี้
แต่หลังจากครุ่นคิดสักพัก เขาก็พยักหน้า
ไป๋ชิวหรานนึกถึงจักรพรรดิตะวันออกไท่อี พลันมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี เวลาของเขาในยุคนี้กำลังจะหมดลง… อาจจะไม่มีทางได้เห็นวันที่ไป๋ลี่นำเผ่าพันธุ์มนุษย์ขึ้นมาผงาด
ก่อนที่เวลานั้นจะมาถึง เขาอยากให้ไป๋ลี่และเผ่าพันธุ์มนุษย์อยู่ในสภาพร่างกายที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้
ในรุ่นหลัง อสูรอาจจะกลายเป็นศัตรูเพื่อมายึดครองโลก แต่ในยุคนี้ เผ่าพันธุ์อสูรคือผู้ช่วยที่ดีที่สุดสำหรับเผ่าพันธุ์มนุษย์ในการจัดการกับเหล่าเทพ!
“อุ้มมันมาตรงนี้”
ไป๋ชิวหรานสั่งไป๋ลี่ จากนั้นยื่นนิ้วออกไป ชี้ไปที่คิ้วของเจ้าลิง
นั่นเป็นวิชาที่มีเพียงผู้ฝึกยุทธ์ระดับสูงบางคนในรุ่นหลังเท่านั้นที่จะ ‘รู้แจ้ง’ ไป๋ชิวหรานนำมาสู่ยุคนี้เช่นกัน เขาสามารถใช้มันได้หลังจากมีพลังวิญญาณที่แท้จริงในร่างกายเพียงพอแล้วเท่านั้น ถึงแม้ในยุคนี้ ลิงตัวนี้จะไม่ต้องการให้ไป๋ชิวหรานแสดงความฉลาดออกมา เนื่องด้วยมันมีความฉลาดเพียงพอแล้ว แต่การรู้แจ้งของไป๋ชิวหรานจะทำให้สามารถเริ่มต้นเส้นทางแห่งการฝึกฝนได้อย่างแท้จริง
หลังจากการรู้แจ้งเสร็จสิ้น ไป๋ชิวหรานสอนลิงเกี่ยวกับวิชาวิวัฒนาการสายเลือดของ ‘ประตูมังกรทะยาน’ ที่พบในหลุมศพบรรพบุรุษจักรพรรดิอสูรองค์แรก
สำหรับวิชาฝึกฝนหลักไม่ต่างจากไป๋ลี่ ไป๋ชิวหรานต้องคิดให้ถ้วนถี่เช่นกัน
หลังจากนั้น ชายหนุ่มกลับไปยังกระท่อม สาวใช้มนุษย์ที่พามาเริ่มเข้าไปในป่าบ้างแล้ว เรียนรู้การสร้างกระท่อมในบริเวณใกล้เคียงตามแบบอย่างของไป๋ลี่… สาวใช้เหล่านี้ได้รับคำสั่งของเขาโดยตรง ดังนั้นในด้านการฝึกฝนแล้วถือว่าไม่ได้แย่ไปกว่าไป๋ลี่ แม้แต่พวกนางยังรู้วิชามากกว่าเด็กหนุ่ม
ไป๋ชิวหรานทักทายพวกนาง จากนั้นก็เข้ากระท่อมไปคนเดียว
เจียงหลานยังคงนอนอยู่บนเตียงในสภาพหลับใหล ในฐานะเทพ หลังจากแกนพลังของนางที่เป็นต้นกำเนิดพลังศักดิ์สิทธิ์หายไปจนหมดสิ้น ย่อมไม่มีโอกาสรอดชีวิตได้ แต่ความโกรธของไป๋ชิวหรานสามารถดึงนางกลับจากประตูนรกได้… มันช่างน่าสะพรึงนัก!
แต่ถึงอย่างนั้น นางยังไม่สามารถขจัดสภาพอ่อนแอของตัวเองได้
ไป๋ชิวหรานคาดเดา หากเจียงหลานสามารถฝึกฝนวิชาของเผ่าพันธุ์มนุษย์ได้ เช่นนั้นนางอาจจะอาการดีขึ้น… นอกจากไป๋ลี่และเจ้าลิงสีเทาแล้ว เขายังต้องคิดเกี่ยวกับการฝึกฝนสำหรับเจียงหลานอีกครั้ง
ไป๋ชิวหรานเริ่มก้มศีรษะเพื่อครุ่นคิด หมกมุ่นอยู่ในโลกของตัวเอง ทำให้ไม่รู้ตัวว่าเจียงหลานผู้กำลังหลับสนิทอยู่บนเตียงตื่นขึ้นหลังจากผ่านไปสักพัก
เจียงหลานเข้าใจเช่นกันว่าสภาพร่างกายของตนย่ำแย่แค่ไหน นางอ่อนแอมากจนไม่สามารถลุกจากเตียงและขยับไปมาได้ ทำเพียงจ้องเค้าโครงหน้าของไป๋ชิวหรานด้วยความประหลาดใจ
นางเคยเห็นใบหน้าแบบนี้เมื่อหลายปีก่อน แต่ก่อนหน้านั้นเจียงหลานไม่ได้รู้สึกดีเกี่ยวกับไป๋ชิวหรานมากนัก แม้กระทั่งตอนที่ตัดสินใจสละอำนาจเพื่อหลอมกระบี่ให้ชายหนุ่ม… ครั้งนั้นความรู้สึกในใจของนางที่มีต่อเขาเป็นสหายร่วมรบมากกว่าสามีภรรยา
แต่ครั้งนี้ยามเสียพลังไปกลายเป็นไก่ที่ไร้พลังอย่างสมบูรณ์ ไม่สามารถอยู่ได้ด้วยกำลังตัวเองอีกต่อไป เมื่ออ่อนแอถึงขีดสุดไป๋ชิวหรานจะกลายเป็นผู้สนับสนุนนาง
ตอนนี้ เมื่อเจียงหลานมองไป๋ชิวหรานอีกครั้ง พบว่าคาดไม่ถึงว่าตนเริ่มรู้สึกถึงเสน่ห์เฉพาะตัว โดยเฉพาะใบหน้าจริงจังของเขายามขมวดคิ้วและครุ่นคิดอย่างหนัก เมื่อมองทำให้นางรู้สึกปลอดภัยเป็นพิเศษ
ทำไมก่อนหน้านี้ข้าถึงไม่เห็นเขาดูดีมาก่อนนะ?
เจียงหลานส่ายหน้า จากนั้นก็หัวเราะให้กับตัวเองอยู่ในใจ
ความคิดเช่นนั้นถึงกับผุดขึ้นมา แสดงว่านางคงจะอ่อนแอมากเป็นแน่
แต่หลังจากหัวเราะกับตัวเองแล้ว นางก็ไม่มีอะไรทำจึงจับจ้องไป๋ชิวหรานต่อ
ชายหนุ่มครุ่นคิดตั้งแต่ช่วงบ่ายจนกระทั่งตกเย็น หลังจากนั้นตื่นขึ้นจากโลกของตัวเองแล้วตบต้นขาก่อนจะกล่าวเสียงดัง
“ใช่แล้ว!”
เขาลุกขึ้นเงยหน้ามองก่อนเห็นว่าตนนั่งอยู่บนเตียง สายตาจึงมองเจียงหลาน
“อา… หลานเอ๋อร์ตื่นแล้วสินะ ขอโทษที ข้ารบกวนเจ้าหรือเปล่า?”
ไป๋ชิวหรานตกตะลึงสักพัก จากนั้นก็เอ่ยถามออกมา
“ไม่เลย”
เจียงหลานส่ายหน้า และตอบตามตรง
“ข้าหิวแล้ว”
ไป๋ชิวหรานเงยหน้ามอง ปรากฏอีกาสามขากำลังเคลื่อนลงมา
“เวลาล่วงเลยมานานแล้วมา ขออภัยรบกวนเจ้าอดทนอีกสักหน่อย”
ไป๋ชิวหรานเปิดประตูออกหยิบเนื้อที่ล่าได้กลับมา จากนั้นด้วยความช่วยเหลือของสาวใช้… อาหารที่พอให้ทุกคนในหุบเขากินก็เสร็จสิ้น
หลังจากให้เจียงหลานกินจนอิ่มแล้ว นภาก็มืดสนิท ไป๋ชิวหรานให้ทุกคนแยกไปพักผ่อน ก่อนเตรียมตัวสำหรับการสอนวิชาให้พวกไป๋ลี่พรุ่งนี้
แต่หลังจากเขาช่วยเจียงหลานนอนบนเตียงพร้อมกับห่มผ้าให้เสร็จสรรพ ระหว่างสวรรค์กับปฐพีพลันมีเสียงฟ้าร้องเกิดขึ้น มันดังก้องไปทั่วฟ้า!
“น้อมรับคำสั่งของจักรพรรดิ!”
เสียงหนึ่งตะโกน
“พรุ่งนี้เที่ยงวัน… สังหารคนบาปทั้งหมดในหุบเขาหวยเจียง เพื่อเป็นเกียรติอันสูงส่ง แก่สวรรค์และปฐพี”
“เทพสายฟ้า”
เจียงหลานกล่าวเสียงต่ำ
“ดูท่าจักรพรรดิตะวันออกไท่อีอยากนำตัวพวกเราออกไป”
“ไม่ต้องห่วง เจ้านอนก่อนเถอะ”
ไป๋ชิวหรานกดนางลงบนเตียง
“ไม่ต้องห่วงเรื่องนี้ ให้ข้าจัดการเอง”