ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี - บทที่ 189 ล้าหลังเกินไป
สี่ร้อยลี้ทางตะวันออกเฉียงเหนือของหุบเขาคุนหลุนสูงตระหง่าน มีหุบเขาฮวายเจียงตั้งอยู่ มีแม่น้ำไหลออกมาสู่แม่น้ำหม่าเจียงทางเหนือ มีหอยทากจำนวนมากอยู่ในแม่น้ำ ตามหุบเขา มีหยาดน้ำสีทองจำนวนมากกำลังเติบโต มีหลางกานนับไม่ถ้วนถูกฝังอยู่ในพื้น ด้านที่มีแดดของหุบเขา มีต้นทอง ต้นหยก กับต้นชาดละเอียดเติบโตอยู่ ในที่ร่ม มีต้นทองและเงินแท้นับไม่ถ้วนอยู่ข้างใน
หุบเขานี้เป็นสวนบนปฐพีของจักรพรรดิตะวันออกไท่อี มีวีรชนสวรรค์พิเศษที่มีบุคลิกและพละกำลังเทียบเท่ากับลู่อู๋ คอยรับผิดชอบในการจัดการและคุ้มกันที่นี่
ตอนนี้ นอกจากเพชฌฆาตจากปราสาทสวรรค์ที่รับผิดชอบในการตัดศีรษะมนุษย์แล้ว เกือบหนึ่งในแปดของกองทัพจากปราสาทสวรรค์ต่างรวมตัวอยู่ที่นี่
เผื่อใครไม่ทราบ แม้กระทั่งตอนที่จักรพรรดิตะวันออกไท่อีสังหารสวรรค์ริษยารุ่นแรก เขาก็ไม่เคยเรียกกองทัพมามากขนาดนี้ แน่นอนว่าจักรพรรดิตะวันออกไท่อีในตอนนั้น มีอำนาจควบคุมปราสาทสวรรค์ กำลังและศักดิ์ศรีที่มีเทียบไม่ได้กับตอนนี้
แต่อย่างที่เห็น สวรรค์ริษยารุ่นแรกทิ้งปมขนาดใหญ่ไว้ในใจของจักรพรรดิตะวันออกไท่อี มันมากจนเขาต้องระดมกองทัพเทพขนาดใหญ่เพียงเพื่อฆ่าคนหนึ่งคน…
เวลาค่อย ๆ ดำเนินมาถึงเที่ยงวัน ภายใต้การดูแลของจักรพรรดิตะวันออกไท่อี อีกาสามขาทำได้เพียงเติมเต็มหน้าที่ด้วยความขยันขันแข็งเท่านั้น เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า… ตามที่จักรพรรดิตะวันออกไท่อีสั่ง หนึ่งในสองผู้นำเทพของเก้าหน่วยสวรรค์ เทพทองคำได้รับคำสั่งให้เป็นเพชฌฆาตของเหล่าเทพ
“เริ่มตัดศีรษะทุกหนึ่งถ้วยชา ตัดหนึ่งศีรษะ หากคนทรยศไป๋ชิวหรานไม่ปรากฏตัว เช่นนั้นจงตัดอีกหนึ่ง… ตัดจนกว่าจะหมด!”
“ขอรับ!”
เพชฌฆาตของเหล่าเทพรับคำสั่ง จากนั้นก็อุ้มเด็กเผ่ามนุษย์คนหนึ่งขึ้นมา เมื่อเห็นกระบี่แล่เนื้อในมือของเพชฌฆาต ฝ่าเท้าของเขาก็อ่อนลงก่อนคุกเข่าบนแท่นตัดศีรษะ ทำให้เทพองค์นั้นไม่ต้องออกแรงแต่อย่างใด
“เจ้าตุ๊กตาตัวน้อยนี้ช่างน่าสงสารนัก”
เพชฌฆาตเงื้อกระบี่ในมือขึ้น
เขาคือเผ่าพันธุ์ที่แตกต่างจากมนุษย์เหล่านี้ แน่นอนว่าการสังหารมนุษย์เด็ก… ทำให้เทพเจ้าองค์นี้ย่อมไม่รู้สึกไม่สบายใจ
พลังศักดิ์สิทธิ์ในร่างกำลังเดือดพล่าน ทำให้เพชฌฆาตมีพลังเผด็จการน่าสะพรึงยิ่งขึ้น กระบี่เคลื่อนลงอย่างรวดเร็ว แสงสีขาวทอประกาย แต่วิสัยทัศน์ของเพชฌฆาตองค์นั้นในตอนนี้กลับพลิกผัน นภาและปฐพีที่ปรากฏตรงหน้าพลันกลับด้าน
“หา?”
ดวงตาของเพชฌฆาตเบิกกว้าง มองร่างไร้ศีรษะบนแท่น… พร้อมกับคำถามสุดท้ายยังคงตราตรึงในใจ
“ทำไมศีรษะที่ตกลงมา ถึงเป็นของข้า?”
ศีรษะของเพชฌฆาตสวรรค์ตกลงสู่พื้น กลิ้งไปมาสองสามครั้ง
ไป๋ชิวหรานไม่เหลียวแล คัมภีร์ภาพปรากฏขึ้นในมือก่อนจะดึงเด็กที่จะถูกตัดศีรษะบนแท่นขึ้นมา พร้อมด้วยเผ่าพันธุ์มนุษย์อีกคนที่ถูกจองจำ เข้ามาในภาพจนหมดสิ้น
“หืม? นี่คือพลังศักดิ์สิทธิ์ของเจ้า… ไม่สิ เจ้าไม่ใช่เทพเสียหน่อย”
เทพทองคำผู้นำกองทัพส่องแสงกล่าวว่า
“วิธีนี้ช่างน่าทึ่งนัก ไม่สงสัยเลยว่าฝ่าบาทถึงคิดว่าเจ้าคือภัยคุกคาม ช่างน่าเสียดาย ต่อให้จะสามารถควบคุมมิติได้ แต่ปราสาทสวรรค์มีมาตรการรองรับอยู่แล้ว ฝ่าบาทผู้ยิ่งใหญ่ไม่ใช่ผู้ที่มนุษย์จะมาต่อกรได้”
เพียงแค่ขยับมือเพียงเบา ๆ พลันเทพร่างสูงถือระฆังแถวหนึ่งปรากฏบนขึ้นท้องฟ้า เทพเหล่านี้ตีระฆังด้วยค้อนขนาดเล็กจนก่อตัวเป็นคลื่นเงียบสงัด ปิดผนึกพื้นที่รอบข้างเอาไว้อย่างเงียบงัน
แต่แม้ว่าทางหลบหลีกจะถูกปิดกั้น แต่ไป๋ชิวหรานยังคงไม่ขยับเขยื้อน เขาม้วนภาพในมืออย่างระวังและมัดรวมกันก่อนเก็บเข้าไป จากนั้นมองเทพอันชอบธรรมทั้งสองที่ยืนอยู่ตรงหน้า
หนึ่งในพวกเขามีขนสีขาวบนใบหน้า ถือขวานเล็กด้วยกรงเล็บเสือ ยืนอยู่บนมังกรแดงสองตัว ส่วนอีกองค์ ใบหน้าเป็นมนุษย์ ร่างเป็นวิหค หางเป็นงูเขียวและมีลิ้นแฉก
“ข้าเคยพบพวกเจ้าสองคนที่งานเลี้ยงจักรพรรดิตะวันออกไท่อีจัดขึ้น”
ไป๋ชิวหรานคำนับให้พวกเขาขณะกล่าว
“ไม่ได้เจอกันนาน เทพทองคำจากเก้าหน่วยสวรรค์… เทพวารี”
“ไม่ได้เจอกันนาน… แม่ทัพไป๋”
เทพอันชอบธรรมทั้งสองคำนับเขาเช่นกัน
“ครั้งที่แล้วที่พบกัน เจ้ายังเป็นที่น่าเคารพของฝ่าบาท แต่น่าเสียดาย ตอนนี้ตัวตนของเจ้าจะถูกพวกข้าสังหาร”
“เช่นนั้นไม่จำเป็นต้องพูดให้มากความ”
ชายหนุ่มยกมือขึ้นขณะกล่าว
“ทั้งสองคน รบกวนด้วย”
“รบกวนด้วย”
เทพทองคำยกขวานเล็กยาวขึ้น กลิ่นอายสีทองคมปลาบที่อยู่ระหว่างทั่วโลกถูกดูดเข้าไปใกล้ตัวเขา จากนั้นด้วยการเหวี่ยงขวานเล็กของเทพทองคำ ส่งให้พลังทองคำคมปลาบกลายเป็นคลื่นก่อนไหลหลั่งเข้ามา ในคลื่นที่ถาโถมนั้น พลังงานทองคำได้กลายเป็นอาวุธคมปลาบนับไม่ถ้วน พวกมันพุ่งทะยานเข้ากดดันไป๋ชิวหราน
ระหว่างที่พุ่งเข้ามา เทพวารีลงมือเช่นกัน เหนือปลายแหลมคม น้ำพิษสีดำนับไม่ถ้วนไหลออกจากอากาศบางเบา กระแสน้ำเหล่านี้กลายเป็นคลื่นขนาดมหึมาเข้าปกคลุมอาวุธเอาไว้ จากนั้นก่อตัวเป็นมหาสมุทรกว้างใหญ่บนท้องนภา ก่อนถาโถมลงมาหาไป๋ชิวหราน!
“น้ำของเจ้าตื้นเขินเกินไปเมื่อเทียบกับทะเลของหลานเอ๋อร์ พิษของเจ้าก็ด้อยกว่านางเช่นกัน”
ไป๋ชิวหรานยกมือขึ้น ตราอัคคีปรากฏขึ้น
“ส่วนกลิ่นอายสีทองคมปลาบนี้ แม้กระจัดกระจายแต่กลับไม่หลอมรวม อีกทั้งยังไร้ซึ่งกำลัง ถึงจะมีจำนวนมาก แต่เทียบไม่ได้กับศิษย์น้องของข้า”
ตราอัคคีกลายเป็นเปลวเพลิงไม่มอดดับขนาดมหึมา ทะเลเพลิงกดทับทะเลสีดำบนท้องฟ้า น้ำพิษระเหยทันที แม้กระทั่งปลายแหลมที่เกิดจากพลังงานทองคำคมปลาบยังหลอมละลายก่อนระเหยไปเพราะเปลวเพลิง
ทะเลเพลิงยังคงเคลื่อนไปข้างหน้า กวาดผ่านนภา เทพทองคำกับเทพวารีไม่มีเวลาตอบสนอง แม้กระทั่งกองทัพเทพที่อยู่ใกล้เคียงล้วนถูกเผาจนกลายเป็นเถ้าถ่าน
“จักรพรรดิตะวันออกไท่อี มีความคิดไม่เลวนี่ แต่น่าเสียดายที่ล้าหลังเกินไป”
ไป๋ชิวหรานมองซ้ายแลขวา ส่วนเทพรอบข้างเห็นว่าเทพอันชอบธรรมทั้งสองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของชายหนุ่ม พวกเขาจึงอยากถอยหนี
วารีสารทกระจ่างฟ้าไร้ซึ่งปลอก มันกลายเป็นคลื่นสีน้ำเงินเดินทางผ่านกองทัพเทพที่อยู่ใกล้นภาไปหลายลี้
เพียงพริบตา บุปผาโลหิตนับไม่ถ้วนบานสะพรั่งบนฟ้ากว้าง เทพจำนวนมากไม่ต่างจากพวกไร้ค่าก่อนร่วงหล่นลงมา
“ใช้แต่คนพวกนี้เพื่อมาจัดการข้า นับว่าล้าหลังยิ่งนัก”
ไป๋ชิวหรานเงยหน้ามองขึ้นไปบนฟ้า เขารู้ว่าเหตุการณ์ในพื้นที่คงจะไปเข้าหูของจักรพรรดิตะวันออกไท่อีเป็นแน่ หลังจากกล่าวจบประโยค ชายหนุ่มก้าวไปบนโลหิตของศพเหล่าทวยเทพ ก่อนหายไปจากที่นั่นอย่างเงียบงัน
…
เมื่อเหตุการณ์ในพื้นที่ถูกรายงานถึงหูจักรพรรดิตะวันออกไท่อี ทำให้ทั่วปราสาทสวรรค์ตกอยู่ในความเงียบสงัด
เกือบหนึ่งในแปดของกองทัพ ประกอบกับเทพอันชอบธรรมที่ทรงพลังกล้าแกร่งทั้งสองจากเก้าหน่วยสวรรค์แล้ว… ผู้เกิดมาจากกฎเกณฑ์กำเนิดโลกยังไม่อาจรับมือไป๋ชิวหรานถึงสองกระบวนท่า
ขณะนั้น จักรพรรดิตะวันออกไท่อีนั่งอยู่หลังม่าน หลังจากผ่านไปพักใหญ่จึงเผยรอยยิ้มแห้งออกมาและกล่าวกับตัวเองว่า
“นั่นคือเหตุผลที่ทำไมเจ้าช่วยข้าสังหารเทพผู้สร้างโลกสินะ?”
ไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังพูดถึงเรื่องอะไรและไม่มีใครกล้าถาม จักรพรรดิตะวันออกไท่อีไม่พูดถึงเรื่องนี้อีก ครั้งนี้เขาเดินออกมาด้วยท่าทางดูสงบมากยิ่งขึ้น ก่อนหันไปมองอิงเจาที่อยู่ด้านข้างแล้วถามว่า
“อิงเจา สวนของข้าไม่ได้รับความเสียหายใช่หรือไม่?”
“ไม่เลยขอรับ”
“ถ้างั้น ถ่ายทอดคำสั่งออกไปทำลายหุบเขาฮวานเจียงให้จมลงสู่พื้นดินไปเสีย!”
“เรื่องนี้…”
อิงเจาลังเลสักพัก ก่อนจะตอบว่า
“ข้าน้อมรับคำสั่ง”
“ทุกท่าน”
หลังจากสั่งอิงเจาแล้ว ร่างของจักรพรรดิตะวันออกไท่อียืนขึ้นจากหลังม่าน สายตามองมายังเหล่าเทพพร้อมกับกล่าวว่า
“ดูท่ากำลังของศัตรูจะเกินกว่าที่จินตนาการไว้ เขาไม่ละเว้นเทพแม้แต่องค์เดียว นี่อาจจะเป็นศึกความเป็นความตายของทั้งเผ่าพันธุ์เทพ พวกเจ้าเต็มใจที่จะเป็นอยู่และตายไปพร้อมกับข้าเพื่อปกป้องความรุ่งโรจน์ของชีวิตเทพไปตลอดกาลหรือไม่?”
ในห้องโถงหลัก ขุนนางระดับสูงทั้งหมดของปราสาทสวรรค์คุกเข่าและก้มศีรษะให้
“ข้าเต็มใจอยู่และตายไปพร้อมกับปราสาทสวรรค์”
“ดีมาก”
จักรพรรดิตะวันออกไท่อีได้ฟังเช่นนั้นจึงกล่าวว่า
“ตั้งใจฟังให้ดีจับตาดูต่อไป หากมีการเคลื่อนไหวของเผ่าพันธุ์มนุษย์ รายงานให้ข้าฟังทุกอย่าง”
“น้อมรับคำสั่ง”
เมื่อได้รับคำสั่งแล้วพวกเขาต่างพากันถอย ส่วนจักรพรรดิตะวันออกไท่อีกไม่ได้ถ่ายทอดคำสั่งใหม่ออกมา ทำให้ลู่อู๋ผู้อยู่ด้านข้างอดที่จะถามไม่ได้ว่า “ฝ่าบาท ไม่ต้องให้ข้าเตรียมกองทัพอีกงั้นหรือ?”
“ไม่ต้อง แค่เตรียมเทพฝีมือดีไว้ก็พอ”
จักรพรรดิตะวันออกไท่อีนิ่งสักพัก จากนั้นเสริมว่า “ทันทีที่พบตัวไป๋ชิวหรานคนทรยศ ข้าจะไปจัดการเขาด้วยตัวเอง!”