ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี - บทที่ 190 อาจารย์แข็งแกร่งเช่นนี้ ต้องเป็นยอดยุทธ์เป็นแน่
- Home
- ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี
- บทที่ 190 อาจารย์แข็งแกร่งเช่นนี้ ต้องเป็นยอดยุทธ์เป็นแน่
บทที่ 190 อาจารย์แข็งแกร่งเช่นนี้ ต้องเป็นยอดยุทธ์เป็นแน่
เมื่อไป๋ชิวหรานกลับมาจากหุบเขา เขาก็พบว่าเจียงหลานยืนอยู่นอกกระท่อมพร้อมสอดส่องไปมา “เจ้าออกมาได้อย่างไร?”
ชายหนุ่มรีบเดินไปหาทันที พร้อมกับดันไหล่ของนางให้เดินกลับเข้ากระท่อม
“ตอนนี้เจ้าไม่มีเงินให้ใช้จ่ายซื้อของ… ออกมายืนข้างนอกในสภาพสวมใส่เสื้อน้อยชิ้นเช่นนี้ ระวังจะเป็นหวัด”
“ข้าไม่ได้อ่อนแออย่างที่เจ้าคิดหรอกนะ”
เจียงหลานถอนหายใจ แต่นางยังตามไป๋ชิวหรานเข้ากระท่อมแต่โดยดี
ตอนนี้ไป๋ชิวหรานกลับมาอย่างปลอดภัยแล้ว นั่นหมายความว่า เผ่าพันธุ์มนุษย์เหล่านั้นที่ถูกเหล่าเทพจับไปได้รับการช่วยเหลืออย่างราบรื่น
“เจ้าบาดเจ็บหรือไม่?”
หลังจากถูกชายหนุ่มดันตัวเข้ากระท่อม จนกระทั่งนั่งลงบนเตียง เจียงหลานจึงเอ่ยถาม
“มีเทพกี่องค์ที่จักรพรรดิตะวันออกไท่อีส่งมาซุ่มโจมตีเจ้า?”
“เทพทองคำกับเทพวารี รวมถึงกองทัพที่อยู่ใต้อาณัติพวกเขา”
ไป๋ชิวหรานช่วยนางถอดรองเท้าออกอย่างเบามือ เขานำข้อเท้าหยกสีขาวขนาดเล็กเข้าไปในผ้าห่มที่ทำจากหนังสัตว์
“แต่ไม่ต้องห่วง ข้าไม่บาดเจ็บ ไม่มีใครคนไหนถึงแก่ชีวิต”
“ก่อนหน้านี้ข้าเคยคิดว่าพลังเจ้าแข็งแกร่งมากแล้ว”
เจียงหลานมองไป๋ชิวหรานที่กำลังนำผ้าห่มมาคลุมตัวเองจนดูเหมือนกับดักแด้ มีเพียงศีรษะที่โผล่ออกมา จากนั้นเอ่ยถามว่า
“เจ้าแข็งแกร่งมากแค่ไหนกัน?”
“ข้าไม่รู้ แต่หลังจากผ่านมาหนึ่งพันปีก็ไม่เคยพบคู่ต่อสู้อีกเลย”
ไป๋ชิวหรานจัดมุมผ้าห่มเป็นอย่างดี หลังจากยืนยันได้ว่าไม่มีอากาศแทรกซึมเข้าสู่ข้างใน เขาจึงนั่งลงข้างเจียงหลาน
“ข้าไม่คิดว่าควรอยู่ใต้อาณัติจักรพรรดิตะวันออกไท่อีอีกต่อไป”
“ครั้งต่อไปที่เจ้าปรากฏตัว เกรงว่าคงจะได้เผชิญหน้ากับกองทัพปราสาทสวรรค์ที่นำโดยจักรพรรดิตะวันออกไท่อีเป็นแน่”
เจียงหลานกล่าว
“เจ้าแข็งแกร่งมาก เขาคงไม่ยอมให้มีชีวิตอยู่ในโลกนี้เป็นแน่ ระวังตัวด้วย”
“ข้ารู้”
ชายหนุ่มยืนขึ้นและกล่าวเสียงเบา
“เจ้านอนพักก่อน ข้าจะไปทำอาหารมาให้”
เขาเดินออกจากไป และปิดประตูกระท่อมด้วยความโล่งใจ
ไป๋ชิวหรานไม่ใช่คนที่ไร้ซึ่งความรู้ โดยเฉพาะหลังจากต่อสู้กับซากปรักหักพังหวนคืนและวิถีสวรรค์กันซึ่งหน้า ทำให้เขารับรู้ถึงระดับกำลังของตัวเองในโลกใบนี้อย่างคร่าว ๆ
ต่อให้จักรพรรดิตะวันออกไท่อีจะเป็นจักรพรรดิสวรรค์คนแรกของเทพโบราณ ทว่ากำลังยังเหนือกว่าวิถีสวรรค์ แต่สุดท้ายนั่นก็คือวิถีสวรรค์ ไม่ว่าจะแข็งแกร่งแค่ไหนคงไม่มีทางแข็งแกร่งไปกว่าเทพได้
แม้แต่ก่อนหน้านี้ วิถีสวรรค์ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาเช่นกัน ยิ่งกว่านั้นหลังจากต่อสู้กับวิถีสวรรค์แล้ว ไป๋ชิวหรานจึงตรวจสอบร่างกายอย่างละเอียด พบว่าหนึ่งในสิบของลมปราณที่แท้จริงในร่างกายจะถูกวิถีสวรรค์กดทับไว้ ก่อนกลายเป็นพลังปราณแก่นแท้ แต่กำลังยังเหนือกว่า
แต่สิ่งที่เป็นไปได้มากที่สุด คือจักรพรรดิตะวันออกไท่อีน่าจะอ่อนแอกว่าวิถีสวรรค์เล็กน้อย แต่ยังสามารถต่อสู้ด้วยพลังแห่งสวรรค์ได้ หากนี่คือระดับของพลังต่อสู้ ต่อให้เขามาพร้อมกับเหล่าทวยเทพจากปราสาทสวรรค์ นั่นก็อาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของไป๋ชิวหราน
และเหตุผลที่ทำไมไป๋ชิวหรานไม่รีบร้อนไปปราสาทสวรรค์ในตอนนี้ เพื่อฆ่าจักรพรรดิตะวันออกไท่อีไท่อีในทันที… นั่นเป็นเพราะความกังวลอีกเรื่อง
เขาไม่เคยลืมว่าสมบัติระฆังจักรพรรดิตะวันออกไท่อีที่ส่งตัวเขากับจื้อเซียนมายุคนี้ ตอนนี้มันอยู่ในมือของจักรพรรดิตะวันออกไท่อีแล้ว!
พลังของสมบัติศักดิ์สิทธิ์นี้ย่อมแข็งแกร่งกว่า ทันทีที่พบมันต่อให้จะไม่กลัวเกรง แต่ไป๋ชิวหรานยังเสี่ยงถูกส่งกลับไปยุคก่อน หรือแม้กระทั่งมิติและเวลาอื่น
เขายังไม่สะสางเรื่องในยุคนี้ไม่เรียบร้อย สิ่งที่ควรจะสอนสั่งไป๋ลี่ยังไม่ได้รับการชี้แนะ แถมเจียงหลานยังสูญเสียแหล่งกำเนิดพลังศักดิ์สิทธิ์อีก หากไม่ได้รับการช่วยเหลือจากชายหนุ่ม… เกรงว่าพวกเขาคงอยู่ได้เพียงไม่กี่ปี
จนกว่าจะพบวิธีแก้ เขาจะไม่ใช่ฝ่ายหาเรื่องจักรพรรดิตะวันออกไท่อีก่อนอย่างแน่นอน
ด้วยความช่วยเหลือของสาวใช้หลายเผ่า อาหารของไป๋ชิวหรานสำหรับทุกคนก็เสร็จสิ้น หลังจากทานแล้ว เขาพาไป๋ลี่ไปยังสถานที่ที่ห่างจากกระท่อมของเจียงหลานเพื่อเตรียมเริ่มสอนสั่งวิชา
เพื่อป้องกันไม่ให้วิถีสวรรค์มารบกวนอีก ไป๋ชิวหรานเริ่มพยายามสอนไป๋ลี่เกี่ยวกับวิชาเล็กน้อยก่อน เพื่อดูว่าจะดึงดูดวิถีสวรรค์ได้หรือไม่… เช่นนั้นจะได้เตรียมหนีได้ทัน
แต่อาจจะเพราะครั้งที่แล้วที่เขาช่วยเจียงหลานเอาไว้จนทำให้วิถีสวรรค์หวาดกลัวที่จะถูกเขาเล่นงาน จนถึงตอนนี้วิถีสวรรค์ยังเสแสร้งทำเป็นตาย… ทำตัวเป็นคนตาบอดหนึ่งข้าง
เมื่อเป็นเช่นนั้น ไป๋ชิวหรานจึงเริ่มสอนวิชาที่แท้จริงให้ไป๋ลี่
“ก่อนหน้านี้ข้ายังไม่ได้สอนอะไรเจ้าอย่างเป็นทางการ ตอนนี้คนที่ขัดขวางหายไปแล้ว ในที่สุดก็สามารถทำในสิ่งที่อาจารย์สมควรทำได้แล้ว”
ไป๋ชิวหรานกล่าวกับไป๋ลี่
“เริ่มจากการแบ่งขั้นพลังก่อน พวกเราเผ่าพันธุ์มนุษย์เมื่อเริ่มฝึกฝนจะถูกเรียกว่าผู้ฝึกฝนตน และผู้ฝึกฝนตนจะเริ่มจากการหลอมสร้างกาย มีทั้งสิ้นเก้าขั้น เริ่มที่ขั้นหลอมสร้างกาย ขั้นกลั่นลมปราณ ขั้นสร้างรากฐาน ขั้นขอบเขตแกนทองคำ ขั้นปฐมวิญญาณ ขั้นแยกวิญญาณ ขั้นผสานร่าง ขั้นผ่านความทุกข์แห่งห้วงนิพพาน ขั้นมหายาน แต่ละขั้นมีลักษณะเฉพาะเป็นของตัวเอง ยกตัวอย่างเช่นคนตัวเล็กเช่นเจ้าที่ฝึกฝนร่างกายในตอนนี้ นั่นคือขั้นปฐมวิญญาณ… เจ้าในตอนนี้คือผู้ฝึกฝนขั้นปฐมวิญญาณ ส่วนเทพระดับต่ำที่สุดในปราสาทสวรรค์ ในแง่ของพลัง อาจจะคล้ายกับผู้ฝึกฝนตนขั้นท้ายของแยกวิญญาณ”
“เข้าใจแล้ว”
ไป๋ลี่พยักหน้า
“อาจารย์แข็งแกร่งเช่นนี้ คงจะเป็นยอดยุทธ์เป็นแน่”
สงบใจเข้าไว้ สูดหายใจเข้าไป อีกฝ่ายคือศิษย์ของเขา หรือคือบรรพบุรุษของเผ่าพันธุ์มนุษย์นั่นเอง…
ไป๋ชิวหรานนิ่งสักพัก หลังจากครุ่นคิดมาพักใหญ่ก็ยังไม่ขยับ ต่อมาเขาเหมือนกับคนหูหนวกที่ไม่ได้ยินคำพูดของไป๋ลี่ จนกลับมาได้สติอีกครั้งก่อนจะกล่าวว่า
“จากนั้นการฝึกฝน ผู้ฝึกฝนตนทุกคน ไม่ว่าจะแง่มุมไหน ทั้งร่างกาย คุณลักษณะ พลังต่อสู้ พลังปราณแก่นแท้และพลังปราณวิญญาณ ทั้งหมดล้วนข้องเกี่ยวกับวิชาที่ฝึกฝน ข้อกำหนดในการเริ่มฝึกวิชาบางประเภทมีลักษณะเฉพาะ หรือต้องมีพลังปราณวิญญาณที่แข็งแกร่งมากพอ ในเวลาเดียวกันยามที่ฝึกฝนวิชา มันสามารถส่งผลย้อนกลับมาหาตัวผู้ฝึกฝนตนเองได้ มอบคุณสมบัติใหม่ให้กับพวกเขา เพิ่มความสามารถให้ในทุกแง่มุม พรสวรรค์ของเจ้าดีมากถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น แต่กลับไม่ได้ฝึกฝนวิชาใด ๆ แต่ยังมีรากฐานในการฝึกฝนแทบจะทุกวิชา ดังนั้น ข้าต้องสร้างวิชาใหม่ให้กับเจ้า… ฉะนั้นจงตั้งใจฟังให้ดี”
ชายหนุ่มสอนไป๋ลี่เกี่ยวกับวิชาทั้งหมดตั้งแต่ขั้นหนึ่งถึงขั้นเก้า
ในฐานะร่างเซียนคนแรก อย่าว่าแต่พรสวรรค์ของไป๋ลี่เลย ความทรงจำของเขายังยอดเยี่ยมมากเช่นกัน ไป๋ชิวหรานเพิ่งบอกไปสองครั้ง แต่เด็กหนุ่มกลับจดจำประเด็นหลักทั้งหมดของวิชาเอาไว้ในใจได้
หลังจากนั้น ไป๋ชิวหรานก็สอนเจ้าลิงที่กำลังวิ่งอยู่รอบข้างอีกครั้ง เขาสอนวิชาที่เพิ่งสร้างขึ้นมาให้มันเช่นกัน
เมื่อพิจารณาถึงตัวตนพิเศษของไป๋ลี่และลิงปีศาจ ยามที่ไป๋ชิวหรานสร้างวิชาขึ้นมาตามลำดับ เขาได้คิดใคร่ครวญอย่างดีเช่นกัน
วิชาที่สร้างให้ไป๋ลี่ถือกำเนิดมาจากอดีตอาจารย์ของเขา วิชาชิงหมิงพื้นฐานที่สุดที่นักพรตเต๋าชิงหมิงเป็นผู้สอนสั่ง ถึงแม้วิชาที่เขาสร้างขึ้นจะธรรมดาในทุกด้าน แต่ยังดีกว่าไม่มีทางลัด และที่สำคัญที่สุด วิชานี้เทียบเท่ากับวิชาอื่นได้
ประกอบกับคุณลักษณะร่างเซียนของไป๋ลี่ ต่อให้ในอนาคตตัวเขาจะเข้าใจถึงวิชาอันแสนวิเศษแต่เงื่อนไขการเรียนรู้นั้นยากลำบาก ทว่าไป๋ชิวหรานกลับไม่กลัวว่าอีกฝ่ายจะไม่สามารถฝึกฝนได้
ส่วนวิชาที่สอนให้เจ้าลิง มันคือวิชาเสริมสร้างทักษะร่างกายเป็นพิเศษ สิ่งสำคัญในการศึกษาคือพระพุทธวจนะอรหันต์ เป็นวิธีการฝึกฝนเสริมสร้างกำลังร่างกายโดยเฉพาะ ในเวลาเดียวกัน เขาได้กล่าวถึงวิชาหลอมร่างกายของสำนักประตูวิเศษ ยกตัวอย่างเช่นมหาจำแลงอสูรสวรรค์ของสำนักอสูรสวรรค์ กล้ามหอมกระดูกอ่อนของสำนักเหอฮวน มีกระทั่งเคล็ดวิชาเก้าเคลื่อนมังกรทรราชที่ซูเซียงเสวี่ยได้รับการฝึกฝนโดยบรรพบุรุษของนาง
อาจจะเป็นเพราะเจ้าของ สมองของเจ้าลิงถึงฉลาดมาก กระบวนการเรียนรู้จึงเป็นไปอย่างราบรื่น
ในคืนแรก ไป๋ชิวหรานเสร็จสิ้นขั้นแรกของการสอนเบื้องต้นแล้ว หลังทานมื้อเย็น เขาก็กลับเข้ากระท่อมไปแล้วเริ่มสอนวิชาให้เจียงหลาน