ข้าก็แค่กลั่นลมปราณ 3,000 ปี - บทที่ 191 แมลงมีพิษ
บทที่ 191 แมลงมีพิษ
เทียบกับไป๋ลี่และเจ้าลิงแล้ว สภาพของเจียงหลานพิเศษยิ่งกว่า ถึงแม้พ่อของนางจะเป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์ แต่สายเลือดของแม่กลับแข็งแกร่ง นางจึงเป็นเทพเลือดบริสุทธิ์อย่างแท้จริง
ก่อนหน้านี้ ไป๋ชิวหรานไม่เคยลองมาก่อนว่าเทพที่เสียพลังไปนั้น มีความเป็นไปได้ที่จะฝึกฝนแบบมนุษย์ได้หรือไม่
“ไม่ต้องห่วง น่าจะไม่มีปัญหาอะไร”
ชายหนุ่มปลอบเจียงหลานขณะกล่าวว่า
“วิชาพิษที่ข้าสอนไปก่อนหน้านี้ เจ้ายังไม่สำเร็จในการดำเนินการสู่ขั้นตอนสุดท้ายใช่หรือไม่? เพราะความขัดแย้งระหว่างพลังศักดิ์สิทธิ์กับวิธีการฝึกฝนนั้นทำให้ล้มเหลวในท้ายที่สุด ตอนนี้ไม่มีพลังน่าจะไม่มีปัญหาอะไร… ฟังนะ เจ้าเหมือนกับพวกข้าที่เป็นมนุษย์ เข้าใจหรือไม่?”
“เจ้าคิดมากเกินไปแล้ว ข้ายังมีร่างกายแตกต่างจากมนุษย์อยู่เล็กน้อย ”
เจียงหลานยิ้มขณะกล่าว
“ในโลกใบนี้ เทพองค์เดียวที่มีโครงสร้างร่างกายเหมือนกับมนุษย์คือจักรพรรดิตะวันออกไท่อี… มีเพียงท่านผู้นั้น”
ที่จริงอาจจะยังมีอีกคน
ไป๋ชิวหรานครุ่นคิดถึงสวรรค์ริษยารุ่นแรกที่ตายในหลุมยักษ์บนหุบเขาเผิงไหล ไม่ใช่เรื่องยากนักหากฟังจากคำพูดของนาง วิถีสวรรค์คงจะตัดสินใจในตอนแรก จากนั้นจึงถอยกลับชั่วคราวแล้วไปร่วมมือกับจักรพรรดิตะวันออกไท่อีเพื่อขุดหลุมดักเขา
มีความลับอยู่ที่นี่ แต่คาดว่าตัวตนของความลับนี้ นอกจากจักรพรรดิตะวันออกไท่อีแล้ว… มีเพียงเหล่าทวยเทพเท่านั้นที่รับรู้
“เช่นนั้นความแตกต่างระหว่างร่างกายของเจ้ากับเผ่าพันธุ์มนุษย์คืออะไร?”
ไป๋ชิวหรานถามโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะเสริมว่า
“ถ้ายากเกินไปก็ไม่ต้องตอบหรอก”
ถึงแม้จะแต่งงานกันมาหลายปี แต่ความสัมพันธ์ระหว่างไป๋ชิวหรานและเจียงหลาน ต่างเป็นสามีภรรยาที่ให้ความเคารพนบนอบมีความเทิดทูนต่อกัน
แน่นอนว่านี่คือคำชมในยุคของไป๋ชิวหราน มันแสดงถึงความรักและความเคารพระหว่างสามีภรรยา แต่ในยุคนี้ มันคือความสัมพันธ์ที่แสนเฉยชา
เพราะว่าเป็นเช่นนั้น ไป๋ชิวหรานจึงไม่เคยเห็นว่าร่างกายของเจียงหลานที่อยู่ใต้เสื้อผ้าเป็นเช่นไร แต่อย่างน้อยส่วนที่นางเปิดเผยออกมาก็ไม่แตกต่างจากมนุษย์
“ฮ่า ๆ”
เมื่อเห็นการตอบสนองของไป๋ชิวหราน เจียงหลานก็อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้
“มันไม่ใช่สิ่งที่ไม่สะดวกพูดหรอก ข้ามีขนนกอยู่ที่แผ่นหลัง คล้ายกับการเปลี่ยนร่างของแม่นกน่ะ”
“อย่างนี้นี่เอง”
ไป๋ชิวหรานครุ่นคิดกับตัวเอง ตอนที่ส่งพลังลมปราณเดือดพล่านไปยังบาดแผลของเจียงหลาน เขาได้ใช้สัมผัสเทวะเพื่อตรวจสอบร่างกายของเจียงหลานเช่นกัน จากผลการตรวจสอบความตระหนักรู้ของนาง ถึงแม้ตำแหน่งของคฤหาสน์ม่วงจะยังไม่ชัดเจนมากนัก แต่อย่างน้อยเส้นลมปราณก็ไม่ได้แตกต่างจากเผ่าพันธุ์มนุษย์
หากมีเส้นลมปราณ นั่นหมายความว่าไม่ว่าอย่างไร… เจียงหลานจะสามารถฝึกฝนไปถึงขั้นกลั่นลมปราณได้เช่นกัน
ด้วยการไหลของพลังลมปราณที่แท้จริง อย่างน้อยมันก็สามารถเสริมสร้างร่างกาย พัฒนาให้พ้นจากสภาพที่นางอ่อนแอที่ทำได้แค่นอนอยู่บนเตียงได้
วิชาที่ไป๋ชิวหรานสร้างให้เจียงหลานย่อมเป็นวิชาพิษวารีเช่นกัน ถือกำเนิดจากเศษเสี้ยวของวิชาพิษพฤกษาที่เคยฝึกฝน เดิมทีพิษนั้นมาจากตอนเขาเดินไปทั่วโลกเพื่อค้นหาการทะลวงขั้นสร้างรากฐานได้ก่อนกำหนด ชายหนุ่มไปค้นพบมันเข้าในซากปรักหักพังโดยบังเอิญ ภายหลังจากนั้นเคล็ดวิชาถูกเติมเต็มให้สมบูรณ์ด้วยตัวเขาเอง
ในฐานะอดีตเทพโรคระบาดและเทพแห่งท้องทะเล เจียงหลานจึงมีความสามารถกับพรสวรรค์พิเศษในการควบคุมพิษและน้ำได้ ยิ่งกว่านั้น วิชาพิษไม่เพียงแค่ใช้วางยากับผู้คนเท่านั้น ทว่ายังสามารถใช้เพื่อรักษาผู้คนได้อีกด้วย สิ่งนี้สอดคล้องกับพลังศักดิ์สิทธิ์ด้านการรักษาของเจียงหลาน
ภายใต้การชี้แนะของไป๋ชิวหราน ทำให้เจียงหลานเข้าสู่สภาพดังกล่าวอย่างรวดเร็ว ถึงแม้แหล่งกำเนิดพลังศักดิ์สิทธิ์จะหายไปแล้ว แต่ยังมีพิษอีกมากมายหลงเหลืออยู่ในร่างกาย ตอนที่แมลงมีพิษถูกควบคุม ภายใต้การกระตุ้นของพิษเหล่านี้ นางจึงบ่มเพาะลมปราณที่แท้จริงในร่างกายได้อย่างรวดเร็ว มันเคลื่อนผ่านเส้นลมปราณในร่างกายตามวิถีที่กำหนด
สภาพของเจียงหลานเข้าสู่ขั้นท้ายของผสานร่าง แต่เดิมนางเป็นเทพธิดา การที่เข้าสู่สภาพดังกล่าวได้อย่างรวดเร็วจึงนับว่ามีเหตุผล ขณะที่วิชาดำเนินไปผิวพรรณของนางเริ่มขับพิษออกอย่างช้า ๆ ไม่ช้าทั่วทั้งห้องก็ถูกปกคลุมด้วยกลิ่นหอมหวานที่เจือด้วยพิษ
ไป๋ชิวหรานรีบออกไปแล้วพาเหล่าสาวใช้ถอยห่าง จากนั้นก็เปิดหน้าต่างเพื่อระบายอากาศ กระจายมวลสารพิษออกไป
ตัวเขาเองไม่ได้กลัวพิษ ดังนั้นเขาจึงอยู่ในกระท่อมและให้ความสนใจกับสภาพของเจียงหลาน ไม่ช้า เมื่อมวลสารพิษถูกขับออกไปแล้ว แมลงมีพิษนับไม่ถ้วนถึงกับคืบคลานออกมาจากป่าตามกลิ่นนี้มา พวกมันเข้ามาในกระท่อมล้อมเจียงหลานเอาไว้
เดิมที ชายหนุ่มอยากฆ่าแมลงมีพิษเหล่านี้ไป เพราะยามนี้เจียงหลานอ่อนแอมาก หากพวกมันกัดเข้าไปเพียงเล็กน้อย เกรงว่ามันอาจจะฆ่านางได้
แต่ภายหลังเขาพบว่า แมลงมีพิษเหล่านี้เพียงล้อมเจียงหลานเอาไว้เท่านั้น… ไม่ได้กระทำอย่างอื่น ตัวแรกที่เคลื่อนเข้ามาคืออสรพิษดำที่เจียงหลานชอบพาไปไหนมาไหนด้วย
แมลงเหล่านี้คือกลุ่มที่เจียงหลานพาไปไหนมาไหนด้วยก่อนแต่งงาน ทว่าหลังจากแต่งงาน เมื่อคิดถึงผลกระทบกับภาพลักษณ์แล้ว นางจึงเก็บแมลงส่วนใหญ่ไว้ในกระท่อมหลังเก่า
แต่ยังมีความเชื่อมโยงระหว่างนางกับพวกมันอยู่ ปกติแล้วจะสามารถพึ่งพาการเชื่อมโยงนี้เพื่อควบคุมพวกมันได้ แต่หลังจากพลังศักดิ์สิทธิ์ของเจียงหลานถูกพรากไป สายสัมพันธ์ระหว่างแมลงกับนางก็อ่อนลง เขาเดาว่าพวกมันคงหนีไปเองแล้วเตร็ดเตร่อยู่ในหุบเขา เป็นไปได้มากว่าพลังพิษจากวิชาของเจียงหลานจะไปกระตุ้นการเชื่อมโยงนี้เข้า ทำให้แมลงมีพิษเหล่านี้ตามมายังที่ที่นางอยู่
พวกมันไม่ได้มาโจมตีเจียงหลาน แต่มามอบพิษให้เพื่อให้เจียงหลานดูดกลืนเข้าไปจนเป็นหลักประกันให้กับการฝึกฝนของนาง
เมื่อเห็นดังนี้ ไป๋ชิวหรานจึงหยุดนิ่งไป และปล่อยให้แมลงมีพิษเหล่านี้อยู่ที่นี่
พิษของแมลงมีพิษเหล่านี้เข้มข้นมาก แต่ปริมาณไม่มากนักเพราะวิชาของไป๋ชิวหรานทำให้เจียงหลานนำพิษเหล่านี้ออกมาใช้เองได้ ไม่ช้า แมลงมีพิษก็ถึงแก่ความตายเพราะพิษในร่างกายถูกดูดกลืนจนสิ้น
เมื่อเจียงหลานลืมตาขึ้น แมลงมีพิษรอบข้างนางก็ได้รับบาดเจ็บและตายเกือบหมดแล้ว มีเพียงอสรพิษดำกับตะขาบดำขนาดเล็กจิ๋วที่ยังคงอยู่
คาดว่าที่อสรพิษดำมีชีวิตรอดได้เพราะมีพิษเข้มข้นปริมาณมากที่สุด ส่วนตะขาบขนาดเล็กนั่นน่าจะเพราะอ่อนแอเกินไป
เมื่อเจียงหลานมองรอบข้าง ใช้เวลาไม่นานนักนางก็เข้าใจสถานการณ์
“พวกมันเต็มใจทำเพื่อข้าหรือ?”
“แมลง มันก็แบบนี้แหละ หายากที่จะมีปัญญาเพราะการเชื่อมโยงของเจ้า… ทำให้ใช้พวกมันในฐานะผู้บงการได้”
ไป๋ชิวหรานอธิบายให้สตรีร่างเล็กฟัง และกล่าวต่ออย่างสบายใจว่า
“อย่าคิดมาก พวกมันเป็นอิสระจากอารมณ์และความกลัวแล้ว”
“ข้ารู้ ตอนนี้ไม่มีพลังควบคุมพวกมันแล้ว แทนที่จะปล่อยให้ไปทำร้ายผู้อื่น… ซึ่งผลลัพธ์แบบนี้ก็ไม่เลวเหมือนกัน”
เจียงหลานถอนหายใจ ยื่นมือไปหาอสรพิษดำบนพื้น อสรพิษดำเลื้อยไปตามมือของนางเพื่อขึ้นมาก่อนขดตัวบนไหล่บาง
“ตะขาบตัวนี้มีพิษน้อยที่สุดในบรรดาแมลงมีพิษที่เก็บเอาไว้ ปกติแล้วมันทำได้เพียงให้เกิดอัมพาตที่ไม่ถึงแก่ชีวิตเท่านั้น”
นางหยิบตะขาบดำขึ้นมาอีกครั้งและวางไว้ในฝ่ามือ เพราะการส่งมอบมวลสารพิษระยะยาว ต่อให้ตะขาบขนาดเล็กนี้จะไม่ตาย แต่ลมหายใจก็รวยรินเต็มที
เจียงหลานครุ่นคิดสักพัก แล้ววางตะขาบตัวนี้ไว้ที่ขอบหน้าต่าง ส่งพลังงานพิษเล็กน้อยไปที่ตัวมัน จากนั้นก็ใช้คำพูดที่ไป๋ชิวหรานมักท่องให้ฟังหลายปี
“ข้าจะไม่สังหาร ส่วนเจ้าจะมีชีวิตรอดหรือไม่นั้น… ขึ้นอยู่กับชะตากรรม”
หนวดสองเส้นของตะขาบขยับเบา ๆ หลังจากกลับมามีกำลัง มันขยับขาทั้งร้อยข้างแล้วคืบคลานออกจากหน้าต่างและหายจากไป…